เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 495 ทำลายล้างอาณาจักรอินทรีสวรรค์ (1)
ตอนที่ 495 ทำลายล้างอาณาจักรอินทรีสวรรค์ (1)
แม้ว่าฮูป้าจะรู้ว่าเจ๋อเจี้ยนนั้นไม่น่าจะเคยปะทะกับแสงสีม่วงและฟ้านี้มาก่อน แต่เขาก็อยากจะลองดู เขาต้องการที่จะรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แปลกประหลาดของแสงสีฟ้าและม่วงนั้น
ฮูป้าระเบิดตะโกนออกมา เขาเปลี่ยนท่ามาเป็นถือดาบสองมือ เส้นเลือดในมือของเขานั้นปูดขึ้น ในขณะที่พลังเซียนของเขาก็กระเพื่อมจากแขนของเขาเข้าไปยังดาบอย่างไม่หยุด เมื่อดาบเต็มไปด้วยพลังเซียนแล้ว ดาบก็ส่องสว่างออกมาเรื่อย ๆ ในขณะที่สีขอาตุดินก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแสงสีทอง แสงสีทองแสบตานั้นส่องสว่างมาก เหมือนว่ามันเป็นการจ้องมองจากพระเจ้า ที่กลางอากาศ มันเหมือนพระอาทิตย์ส่องแสงที่ยากจะลืมตามองมันได้
ประกายแสงในตาของฮูป้านั้นแข็งกร้าวขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เขาจับจ้องไปที่ร่างของเจี้ยนเฉิน จากนั้นเขาก็พูดเสียงต่ำออกมาหลายครั้ง แล้วเขาก็ตะโกนออกมา “ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ สะเก็ดทองกลืนกินสุริยา ! “
หลังจากที่เขาพูดออกไป ความกดดันมหาศาลก็เริ่มขึ้นมาทันที เหมือนว่าจู่ ๆ ภูเขายักษ์ก็กดลงมาที่ร่างของเจี้ยนเฉิน ร่างของเจี้ยนเฉินโอนแอนกลางอากาศสักพัก ในขณะที่ความกดดันก็พุ่งเป้าไปที่เขา
ในที่สุดใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็แสดงความเคร่งเครียดออกมา เขาสามารถไม่สนใจทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีได้ แต่กับทักษะการต่อสู้รับสวรรค์นั้นเป็นอะไรที่เขาจะมองข้ามไม่ได้ ในอดีตนั้น ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ที่หัวหน้าตระกูลของนิกายหยางจิใช้นั้นเป็นอันตรายกับเขามาก สำหรับฮูป้าที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก พลังของทักษะนั้นก็ต้องแข็งแกร่งกว่ามากแน่
ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีนั้นห่างจากทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์เพียงระดับเดียว แต่ความแข็งแกร่งของมันนั้นแตกต่างกันราวสวรรค์กับปฐพี ไม่มีอะไรต้องพูด ไม่เช่นนั้นมันคงจะไม่ใช้คำว่าสวรรค์กับปฐพีในการแยกระหว่างทักษะการต่อสู้สองระดับนี้
แสงช่วงโชติสองแสงระเบิดออกมาจากตาของเจี้ยนเฉินทันที ต่อมา แสงสีฟ้าและม่วงก็ปรากฏขึ้นที่ตาทั้งสองข้างของเขา พวกมันไม่เหมือนกับตาเลย ด้วยความแปลกของมัน มันก็คงไม่ผิดที่จะบอกว่าเขานั้นดูเหมือนสัตว์ประหลาด มันอาจจะดูเหมาะสมว่าที่จะเรียกเขาว่าปีศาจ
ทันใดนั้นเอง ที่สนามรบด้านล่าง ลูกศรหน้าไม้ทั้งหมดที่ไม่ได้ลอยขึ้นมาบนอากาศก่อนหน้านี้ก็เริ่มลอยขึ้นมากลางอากาศ แม้แต่ลูกศรหน้าไม้ที่กำลังเตรียมตัวจะยิงออกไปยังถูกพลังงานที่มองไม่เห็นดึงมันขึ้นมา มันพุ่งขึ้นไปกลางอากาศทีละดอกก่อนที่จะไปหยุดรอบรอบเจี้ยนเฉินในที่สุด ลูกศรหน้าไม้แต่ละดอกมีปราณม่วงและฟ้าไหลออกมา แต่ความหนาแน่นของปราณนั้นแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้
ทันใดนั้นเอง ร่างของเจี้ยนเฉินก็ล้อมรอบไปด้วยลูกศรหน้าไม้ เจี้ยนเฉินอยู่เป็นศูนย์กลางของพวกมันทั้งหมด เขาดูเหมือนเป็นเทพที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ด้วยความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครขัดขืนได้
ลูกศรหน้าไม้หลายหมื่นดอกลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ภาพที่เห็นนั้นแปลกมาก ทหารทั้งหมดที่สู้กับอย่างดุเดือดก่อนหน้านี้ตกใจและอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปด้วยท่าทางมึนงง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นใช้เวลาเพียงแปปเดียวเท่านั้น ในตอนนี้ ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของฮูป้านั้นก็สะสมพลังเสร็จแล้ว เขาจับดาบด้วยมือทั้งสอง และเขาก็พุ่งไปที่เจี้ยนเฉินเหมือนแสงสีทองที่ดุร้าย ก่อนที่เขาจะทำอะไรที่เป็นเหมือนการฟันธรรมดาออกไป
ดาบนั้นดูค่อนข้างธรรมดา ธรรมดาเหมือนชาวนากำลังตัดฟืน แต่หนึ่งในความลึกลับของธรรมชาติก็รวมอยู่ในการโจมตีครั้งนี้ เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความต้องการที่จะหลบการโจมตีนี้ แต่เพราะด้วยความสามารถของดาบที่สามารถโจมตีไปที่ใดก็ได้ เจี้ยนเฉินจึงไม่มีที่ให้หนี ทางเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเขาคือการป้องกัน
มือของเจี้ยนเฉินขยับช้าช้าทำให้ลูกศรหน้าไม้หลายหมื่นดอกบินไปรอบ ๆ เขา ภายใต้การควบคุมที่ทรงพลังของเจี้ยนเฉิน พวกมันก็รวมตัวกันกลายเป็นกระบี่เหล็กกล้ายาว 30 เมตร 1 เล่มที่เปล่งรัศมีไปด้วยปราณกระบี่ม่วงสีและสีฟ้าก่อนที่มันจะพุ่งไปที่ศัตรูของเขา
แม้ว่าหลังจากที่ยิงกระบี่ยักษ์ไปแล้ว เจี้ยนเฉินก็ไม่หยุดแค่นั้น เขาคว้าไปที่อากาศ ใบมีดไฟ 2 อันก็ปรากฏขึ้นมา มันพุ่งออกไปด้านหลังกระบี่เหล็กและทิ้งรอยไฟเอาไว้ ไฟเริ่มกระจายไปรอบ ๆ และอุณหภูมิรอบ ๆ ก็สูงขึ้น
แม้ว่าวิธีการนี้จะไม่ได้เป็นการป้องกันทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ แต่อย่างน้อยมันก็ลดพลังของมันและลดภาระให้เจี้ยนเฉินไปได้มาก
การโจมตีของเจี้ยนเฉินปะทะกับดาบของฮูป้าในไม่ช้า ไม่มีใครคิดว่าในการระเบิดนั้น ลูกศรหน้าไม้เหล็กกล้าที่เป็นกระบี่ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของฮูป้าได้และทำให้มันแยกออกเป็น 2 ส่วนในที่สุด ดาบไฟตามมาหลังจากนั้น มันจะกระจายออกไปเช่นกันก่อนที่จะหายไปในธรรมชาติอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่ผ่านการโจมตีที่ถาโถมไปของเจี้ยนเฉิน ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของฮูฟ้าก็ถูกลดกำลังลง แม้ว่ามันจะไม่ได้มีศักยภาพสูงสุด แต่พลังของมันก็ยังน่ากลัว
มือขวาของเจี้ยนเฉินไหลเวียนไปด้วยพลังงานดั้งเดิม ก่อนที่จะรวมกันกลายเป็นลำแสงยาว 3 เมตร มันบินขึ้นไปและฟันไปที่ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์
บู้ม !
หลังจากการปะทะ เสียงระเบิดก็ดังขึ้นมา ในขณะที่อากาศก็ดูเหมือนจะสั่นไหวและอย่างหยุดไม่อยู่ ร่างของเจี้ยนเฉินและฮูป้าถูกปกคุลมไปด้วยพลังงานจากการระเบิด
เจี้ยนเฉินและฮูป้าไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบกับการต่อสู้ของคนอื่น ไม่นานหลังจากนั้น เสียงระเบิดอีกเสียงก็เกิดขึ้นมาจากที่ไม่ไกล การระเบิดของพลังปลดปล่อยคลื่นที่น่ากลัวออกมาที่ทำให้เมฆรอบ ๆ ถูกพัดกระเด็นออกไป ที่ปรึกษาจักรพรรดิหลายคนของอาณาจักรฉินหวงเริ่มใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์เพื่อทำให้คู่ต่อสู้ของพวกเขาบาดเจ็บและร่วงลงไปยังพื้นโลก เซียนสวรรค์ 2 คนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ถูกฆ่าจากทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์
ด้วยการที่มีเซียนสวรรค์ประมาณ 20 คนกำลังต่อสู้เหนือพื้น 1,000 เมตรกลางหมู่ทหาร คลื่นพลังงานจากการต่อสู้จึงเพียงพอที่จะทำให้ทหารด้านล่างได้รับความสูญเสียใหญ่หลวง
ในไม่ช้า คลื่นพลังงานก็จางหายไป ทำให้ร่างของฮูป้าและเจี้ยนเฉินนั้นกลับมาอยู่ในสายตาของทุกคน ชายทั้งสองลอยอยู่ห่างจากกัน 50 เมตร แต่ละคนหน้าซีดและเสื้อขาดรุ่งริ่ง ทั้งสองไม่ได้มีท่าทางสง่างามเหมือนก่อนหน้านี้ด้วยเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของพวกเขา มีรอยตัดที่มีเลือดอยู่ที่หน้าอกที่ยาวไปถึงท้องของเจี้ยนเฉินและเสื้อของเขาก็ย้อมไปด้วยเลือด เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม พลังงานดั้งเดิมของปราณกระบี่สีฟ้าและม่วงนั้นก็ยังเปล่งประกายออกมาอย่างแข็งแกร่งและบริสุทธิ์เหมือนก่อนหน้านี้
ฮูป้านั้นเป็นเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 5 ที่สามารถใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ได้ ดังนั้นการที่จะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากเขานั้นจึงไม่อยู่ในขอบเขตความสามารถของเจี้ยนเฉิน แต่เขาก็ได้รับบาดแผลเพียงเล็กน้อย
Up against Jian Chen, Hu Ba’s sabre in his right hand began to grow dim as it gradually lost its original luster. On the blade, two jagged chips could be seen quite clearly.
หลังจากที่ปะทะกับเจี้ยนเฉินไป ดาบของฮูป้าที่อยู่ในมือขวาของเขาก็หม่นแสงลง ในขณะที่แสงมันค่อย ๆ ลดลง รอยบิ่น 2 รอยปรากฎขึ้นอย่างชัดเจน
“อึก ! ” ทันใดนั้นเอง ฮูป้าก็กระอักเลือดออกมา ในขณะที่ใบหน้าของเขานั้นก็ขาวซีด ในตอนแรกที่เขาปะทะกับเจี้ยนเฉินนั้น เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ในตอนที่อาวุธเซียนของเขากับพลังงานดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่สีฟ้าและม่วงปะทะกัน อาวุธเซียนของเขาก็เหมือนเต้าหู้ อาวุธเซียนของเขาเสียหายได้โดยง่ายจากพลังงานดั้งเดิม ซึ่งส่งผลถึงความเสียหายของอวัยวะภายในของเขา
ใบหน้าของฮูป้าดูหมองหม่นไป ในขณะที่เขาจ้องไปที่รอยบิ่นที่เกิดขึ้นบนดาบของเขา เขามองอย่างขวัญหายและมองไปที่พลังงานดั้งเดิมที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉินอย่างช้า ๆ “ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่ามันเป็นพลังงานประเภทใดกันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ? ” หลังจากได้ประสบกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพลังงานดั้งเดิมด้วยตัวเอง ฮูป้าก็เกิดกลัวในตอนนี้ พลังงานนี้เป็นพลังงานที่อันตราย
“ไม่บอก ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
ฮูป้าแค่นเสียงออกมา แล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพลังงานนั้น เจ้าก็ไม่ใช่คู่มือของข้าหรอก”
เจี้ยนเฉินมองอย่างเยาะเย้ยไปที่ฮูป้า “ถ้าข้าอายุเท่าเจ้า แม้จะไม่มีพลังนี้ เจ้าก็ไม่ใช่คู่มือของข้าเช่นกัน” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน ฮูป้าก็นิ่งอึ้งไปสักพักก่อนที่จะสบถกับตัวเองในใจ เขาได้ไปสร้างความผิดพลาดง่ายง่ายในการไปต่อปากต่อคำกับคนที่หนุ่มกว่าเขาอย่างไม่คาดคิด
“ผู้ช่วยหัวหน้านิกาย ฮูป้า ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือกว่าข้า แต่เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก เจ้าไม่สามารถหยุดภารกิจในการทำลายอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของข้าได้” เจี้ยนเฉินพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย
ฮูป้าตอบกลับอย่างเย็นชา “เจียงหยาง เซียงเทียน มันก็จริงที่พวกเราไม่สามารถหยุดมันได้ แต่นิกายพยัคฆ์มังกรของพวกเราจะจำเรื่องนี้เอาไว้ แม้ว่าพวกเราจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับอาณาจักรฉินหวง แต่พวกเราก็ไม่ยอมโดนรังแกง่าย ๆ เช่นกัน อนาคตยังอีกยาวไกล แล้วพวกเราจะได้เห็นกัน” หลังจากพูดไปแล้ว ฮูป้าก็ให้คำสั่งทุกคนก่อนที่จะบินกลับไป
เมื่อเห็นผู้ช่วยหัวหน้านิกายของพวกเขาถอยกลับ คนอื่น ๆ จากนิกายก็ล้มเลิกการต่อสู้และถอยกลับเช่นกัน ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็หายไปสุดขอบฟ้าโดยไม่สนใจจอมยุทธของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ที่พวกเขาทิ้งไว้เลย
ในตอนที่พวกเขาจากไป คนของอาณาจักรฉินหวงทั้งสิบสามก็ไม่ได้หยุดพวกเขาเอาไว้ นิกายพยัคฆ์มังกรเป็นตระกูลชั้นสูงด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ พวกเขาไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับนิกายพยัคฆ์มังกรและสร้างศัตรูให้กับอาณาจักรฉินหวง
หลังจากที่นิกายพยัคฆ์มังกรถอยไป อาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็เหมือนบอลลูนที่ถูกปล่อยลมออก ในช่วงเวลานั้น พวกเขาสูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ไป อาณาจักรฉินหวงนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ดังนั้นพวกเขาสามารถสู้กับพวกเขาหนึ่งต่อสองได้อย่างสบายสบาย แม้จะมีจำนวนคนที่น้อยกว่า พวกเขาก็สามารถสู้อย่างสูสีได้อย่างไม่ยาก ด้วยความกดดันที่ถาโถมมาถึงพวกเขาในตอนนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะแพ้ถ้ายังขืนสู้ แต่พวกเขายังจะหนีไม่ได้อีกด้วย
“หยุด ไม่สู้แล้ว ! พวกเรายอมแพ้ ! ” เซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 4 ที่มีผมแดงเป็นคนแรกที่ยอมแพ้ เขาเป็นหัวหน้าตระกูลของนิกายในอาณาจักรอินทรีสวรรค์ แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักร แต่เขาก็ไม่อยากทิ้งชีวิตไปกับมัน เมื่อรู้ว่าไม่มีโอกาสที่จะชนะแล้ว เขาก็ยอมแพ้ก่อนเลย