เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 497 ทำลายล้างอาณาจักรอินทรีสวรรค์ (3)
ตอนที่ 497 ทำลายล้างอาณาจักรอินทรีสวรรค์ (3)
“ฝ่าบาท ตราบใดที่ขุนเขายังเขียวขจี อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาชีวิตของฝ่าบาทเอาไว้ ถ้าอาณาจักรเกอซุนจับฝ่าบาทได้ พวกนั้นจะไม่ปล่อยให้ฝ่าบาทยังมีพระชนม์ชีพอยู่แน่” ขันทีอ้อนวอนด้วยท่าทีตกตะลึง ในขณะที่เขาฟังเสียงกีบเท้าของสัตว์อสูรกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“ถ้าเจ้าอยากจะไป ไปเถอะ พระราชาคนนี้จะตายไปพร้อมกับอาณาจักรอินทรีสวรรค์” พระราชาพูดออกมาอย่างเฉียบขาดอย่างไม่กลัว เขาไม่สนว่าชีวิตของเขาจะอยู่หรือตาย แม้ว่าถ้าเขาจะตาย อย่างน้อย เขาก็จะไม่เป็นพระราชาที่ทำลายอาณาจักร
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฝ่าบาท นี่มันค่อนข้างเกินคาดจริงจริง ท่านสมกับเป็นราชาที่ทุกคนชื่นชม” ทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะก็ดังมาจากคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาโดยที่มีชายหนุ่มอายุ 20 ปีนำพวกเขาอยู่
เมื่อเห็นกลุ่มใหญ่เข้ามาในพระราชวัง ขันทีที่อยู่ถัดไปจากพระราชาหน้าซีดทันทีก่อนที่จะพึมพำอย่างเศร้าสลดออกไป “จบแล้ว มันจบแล้ว มันไม่มีทางที่จะหนีได้แล้วในตอนนี้” ใบหน้าของขันทีเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และแม้ว่าเขาจะซื่อสัตว์กับพระราชา แต่เขาก็กลัวตาย
พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์กลับไปนั่งลงบนบัลลังก์มังกรของเขาช้า ๆ แขนทั้งสองของเขาวางบนที่พักแขนทองของบัลลังก์ของเขา ท่าทางของเขาชั่วร้าย สายตาของเขานั้นดุร้าย และท่าทางของเขาดูค่อนข้างสง่างาม แม้ว่าในไม่ช้าเขาจะเป็นพระราชาที่จะตายไปพร้อมกับอาณาจักรของเขาเลย ในตอนนี้ เขาก็รวบรวมศักดิ์ศรีของเขาและไม่กลัวกับความตาย
พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์จ้องไปที่กลุ่มที่เจี้ยนเฉินนำเข้ามาอย่างช้า ๆ “ข้าไม่คิดว่าการยั่วยุอาณาจักรเกอซุนจะนำให้อาณาจักรฉินหวงนำความหายนะมาให้กับพวกเรา ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องก่อนหน้านั้น บางทีอาณาจักรอินทรีสวรรค์คงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้”
เจี้ยนเฉินแสยะยิ้ม “เจ้าพูดถูกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ อาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็คงไม่อยู่ในสภาพแบบนี้ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม มันไม่มียาแก้เสียใจได้ในโลกนี้ เวลามีแต่หมุนไปข้างหน้า นี่เป็นบทสรุปสุดท้ายแล้ว ความเสียใจไม่ช่วยให้อะไรเปลี่ยนได้”
“แน่นอน มันไม่มียาแก้เสียใจได้ และแม้แต่ความเสียใจในตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์” พระราชาถอนหายใจก่อนที่จะพิงหลังไปที่บัลลังก์ “มีคำถามที่พระราชาคนนี้ยังไม่เข้าใจ พวกเจ้ารังเกียจหรือไม่ที่จะไขข้อข้องใจให้พระราชาคนนี้ ? “
“ถ้าพูดแบบนั้นแล้ว การที่ได้เห็นเจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้ ข้าก็สามารถตอบคำถามบางข้อให้กับเจ้าได้” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
“ในตอนนั้นที่พระราชาคนนี้ส่งจอมยุทธหลายคนไปที่อาณาจักรเกอซุนและทำให้เกิดความวุ่นวาย อาณาจักรเกอซุนก็ไม่ได้สูญเสียอะไรมาก ในทางกลับกันนั้น จอมยุทธของพวกเรานั้นได้สูญเสียไปมาก สุดท้ายแล้วคนที่สูญเสียมากที่สุดก็คืออาณาจักรอินทรีสวรรค์ของพวกเรา กับเรื่องที่เล็กน้อยเช่นนี้ อาณาจักรเกอซุนของเจ้าอยากที่จะเสียกำลังมากมายของอาณาจักรฉินหวงเพื่อที่จะทำลายอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของพวกเราอย่างนั้นหรือ ? ” พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์สงสัยในเรื่องนี้มาก
“เรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ ? เซียนสวรรค์ 10 คนของพวกเจ้าทำให้ตระกูลเจียงหยางของข้าได้รับความเสียหายอย่างมากในตอนที่พวกเขาต่อสู้ บ้านเรือนของพวกเรากลายเป็นเศษซาก และคนของตระกูลข้าหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ใช่เพราะที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าจากอาณาจักรฉินหวงที่พักอยู่ที่นั่นในตอนนั้น ตระกูลเจียงหยางของข้าคงจะไม่รอดพ้นจากหายนะที่เกิดจากพวกนั้นแน่ แม้แต่พระราชาของอาณาจักรเกอซุนก็ยังถูกเจ้าลักพาตัว แต่เจ้าก็ยังคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด
พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์มองไปที่เจี้ยนเฉิน “ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เจ้าต้องเป็นนายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยาง เจียงหยาง เซียงเทียนเป็นแน่”
“ถูกต้อง ข้าคือเขาผู้นั้น ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ
พระราชากวาดตาไปที่คนที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนเฉิน “ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันระหว่างอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรฉินหวงต้องเกิดขึ้นเพราะเจ้าแน่ ถ้าข้าเดา อาณาจักรฉินหวงคงไม่ยอมเสียกำลังคนมากมายและเดินทางมาไกลมากเพื่อมาช่วยอาณาจักรเกอซุนง่าย ๆแน่”
“สิ่งที่เจ้าอยากรู้นั้นค่อนข้างมากไปแล้ว” เจี้ยนเฉินหัวเราะ “ถ้าเจ้าอยากจะรู้จริง ๆ ข้าจะสนองความพอใจของเจ้าให้” จู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็หยุดพูดสักพักก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าเดาว่าเจ้ารู้แล้วว่าอาณาจักรฉินหวงนั้นส่งจอมยุทธของพวกเขาหลายคนเพื่อไปช่วยอาณาจักรเกอซุนในการกดดันให้พันธมิตรของสี่อาณาจักรถอยไป และนั่นเป็นเพราะความต้องการของผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงใช่หรือไม่ ? “
พระราชาพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ถูกต้อง มีคนรายงานข้าเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่อัครเสนาบดีเช่อให้มานั้นผิดพลาด”
“ถ้างั้นให้ข้าบอกเจ้าให้ชัดเจนนะ นั่นเป็นเรื่องจริง ผู้พิทักษ์จักรพรรดิคือข้าเอง เจียงหยาง เซียงเทียน” เจี้ยนเฉินเปิดเผยออกมาอย่างสงบ แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเป็นแบบนั้น แต่ร่างของพระราชาก็เริ่มที่สั่น เขาอดไม่ได้ที่จะทำหน้าเหลือเชื่อ และเขาก็พูดไม่ออกไปอีกนาน
พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั่งอยู่บนบัลลังก์ของเขาพร้อมกับมือที่สั่นเทาที่วางอยู่บนที่วางแขน เขานิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน แต่จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “คาดไม่ถึงจริง ๆ ข้าไม่คิดว่าคนที่ข้าไปหาเรื่องนั้นจะเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงจริง ๆ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมอาณาจักรฉินหวงถึงได้เต็มใจที่จะรวบรวมกำลังทหารมากมายขนาดนี้” ในตอนนี้เมื่อรู้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงแล้ว พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็ยิ่งรู้สึกสับสนในใจ เมื่อมองภาพรวมแล้ว เขาเข้าใจถึงตัวตนของเจี้ยนเฉินอย่างเต็มที่ มีเพียงสถานะที่รุ่งโรจน์ของเจี้ยนเฉินที่เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิเท่านั้นที่จะทำให้อาณาจักรฉินหวงส่งกำลังไปมากมายและไกลถึงขนาดนั้นเพื่อช่วยอาณาจักรเกอซุนได้
“ถ้าเจ้าอยากจะโทษใครสักคน โทษตัวเองที่มาวุ่นวายกับตระกูลเจียงหยางเถอะ เพื่อเหตุผลนั้น แม้แต่นิกายพยัคฆ์มังกรก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แม้ว่าพวกเขาจะเข้ามายุ่งในวันนี้ พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ในวันนี้ เจ้าก็ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วในตอนนี้” เจี้ยนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม
“เฮ้อ ! ” พระราชาถอนหายใจ เขาดูเหมือนแก่ขึ้นไปหลายปีและจิตวิญญาณของเขาก็ตกต่ำลงไป
พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์พยักหน้าอย่างไร้พลัง “พระราชาคนนี้เข้าใจดี ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้วในตอนนี้ การเป็นศัตรูกับอาณาจักรเกอซุนนั้นเป็นความผิดพลาดอย่างแท้จริง ในตอนนี้ที่พระราชาคนนี้อยู่ที่นี่แล้ว พวกเจ้าอยากจะฆ่าหรือทรมานข้าก็ตามใจ”
เจี้ยนเฉินไม่เสียเวลาพูดอีกแล้วโบกมือ “จับเขาแล้วพาเขาออกไป” ทันใดนั้นเอง ทหารชั้นยอด 2 คนของกองทัพเทพดาบตะวันออกก็ออกมาข้างหน้าแล้วคว้าแขนของพระราชาออกไป
หลังจากที่พระราชาออกไปแล้ว กระบี่เพลิงก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเจี้ยนเฉิน ด้วยประกายไปที่เจิดจ้า กระบี่ก็ฟาดลงไปที่บัลลังก์มังกรในพระราชวัง
การที่พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ถูกจับแล้ว อาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็เหมือนถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“ฉินหวู่หมิง ให้กองทัพเทพดาบตะวันออกเริ่มปูพรมค้นหาให้ทั่วทั้งพระราชวัง จับคนทุกคนของพระราชวังและอย่าให้พวกนั้นหนีไปได้ อย่าสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นกับนางกำนัลและคนรับใช้” เจี้ยนเฉินสั่ง
“ขอรับ ! ” ฉินหวู่หมิงเชื่อฟังและเดินไปเพื่อทำตามคำสั่ง
เจี้ยนเฉินมองไปด้านล่างพื้นพร้อมยิ้มอย่างเหยียดหยาม เท้าขวาของเขาเหยียบไปบนพื้นอย่างนุ่มนวล มันทำให้ทั่วทั้งพระราชวังสั่นไหว เหมือนว่ามันกำลังเกิดแผ่นดินไหว แต่การสั่นไหวก็หายไปสักพัก
หลายกิโลเมตรห่างออกไป ที่ทางเดินสูง 10 เมตร คนกลุ่มใหญ่ที่ภักดีของอาณาจักรอินทรีสวรรค์และยามรักษาการของพวกเขานั้นก็กำลังหลบหนีอย่างร้อนรนไปตามทาง มีคนทั้งหมดประมาณ 1,000 คนกำลังรีบผ่านไปทางเดินที่แคบและเงียบ เสียงดังออกมาจากพวกเขาบางคนเป็นครั้งคราว คนพวกนี้บางคนนั้นเป็นพระสนมของพระราชาและเป็นเชื้อพระวงศ์
“เร็วเข้า คนด้านหน้า ไปให้เร็วกว่านี้ ! ไม่อย่างนั้น ผู้บุกรุกจะไล่ตามพวกเราทัน”
“ทุกคนเคลื่อนไปให้ไวขึ้น ถ้าผู้บุกรุกตามพวกเราทัน พวกเราจบเห่แน่”
“รอให้ทุกคนปลอดภัยก่อนก่อน พวกเราจึงช้าลงได้ วิ่งให้ไวกว่านี้ ! “
“ไอ้หยา เจ้าเหยียบข้า เจ้าเหยียบข้า ! “
คนกลุ่มใหญ่หายใจหอบ ในขณะที่พวกเขาพุ่งไปที่ทางเดินมืดเพื่อที่พยายามจะหนี ทางเดินไม่ได้ราบรื่นนัก ดังนั้นบางครั้ง บางคนก็เหยียบไปที่พื้นที่ไม่เท่ากันและโซเซไปเหยียบคนที่อยู่ด้านหลังเขา เสียงร้องอย่างเจ็บปวดหลุดออกมาจากปากของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากหญิงงาม การที่ทุกคนห่วงชีวิตของตัวเอง จึงไม่มีใครมีเวลามาห่วงคนอื่น
ในตอนนี้เอง เสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นมาจากด้านบนทางเดิน ในขณะที่ทั่วทั้งทางเดินก็เริ่มสั่นไหว หลังจากนั้น เสียงตะโกนอย่างหวาดกลัวก็ดังขึ้นมาจากข้างหน้า
“ไม่! ทางเดินพังลงมาแล้ว ทางข้างหน้าถูกปิดไว้แล้ว ! “
“มันจบแล้ว ทางหนีพังลงมาแล้ว พวกเราไม่มีทางหนีได้แล้ว ! “
“อะไรนะ ? ทางเดินพังลงมาหรือ ? ทางเดินนี้ถูกเสริมเหล็กนะ มันจะพังลงมาง่าย ๆ ได้อย่างไร ? “
….
ภายในโถงใหญ่ของโถง เจี้ยนเฉินก็เดินไปที่ขันทีและพูดออกมา “เจ้าเป็นใคร ? “
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินมุ่งความสนใจมาที่เขา ขันทีก็ส่งเสียงร้องกลัวออกมาก่อนที่จะคุกเข่าลงบนพื้นและสั่นไปด้วยความกลัว “บะ… บะ… บ่าวผู้นี้เป็นขันทีเครื่องเสวยของพระราชา ข้ามีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวยทุกวันของพระราชา”
“บอกข้ามาว่าองค์ชายรองหนีไปทางไหน” เจี้ยนเฉินพูดออกมาอย่างสงบและอบอุ่น แต่มันก็มีความกดดันอย่างมหาศาลไปถึงที่ขันทีเช่นกัน
“บะ…บ่าวผู้นี้ไม่รู้เลย” ขันทีเป็นชายที่กลัวความตาย ดังนั้นร่างของเขาจึงสั่นไม่หยุด
ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายอย่างอันตราย “ช่างเป็นคนที่ซื่อสัตว์อะไรแบบนี้ แม้ว่าเจ้าจะไม่บอกข้า มันก็ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้นในการตามหาเขา ข้าจะให้โอกาสเจ้ามีชีวิตต่ออีกครั้ง ถ้าเจ้าไม่บอกมาดี ๆ อย่าหาว่าข้าไม่ปราณีล่ะ”
“เจียงหยาง เซียงเทียน พวกเขาน่าจะหนีไปที่ทางลับแล้ว พวกเราจำเป็นที่จะต้องหาร่องรอยของทางลับ” องค์หญิงโหยวเยว่พูดขึ้นมาทันที
เจี้ยนเฉินส่ายหน้า “ข้ารู้ว่าพวกเขาหนีเข้าไปในทางไหน แต่องค์ชายรองไม่อยู่ในนั้น มันไม่มีร่องรอยขององค์ชายรองในพระราชวังเช่นกัน”
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาไม่อยู่ในทางลับ ? ” องค์หญิงถามอย่างสงสัย นางอยู่ข้างเจี้ยนเฉินตั้งแต่ที่เข้ามาในพระราชวัง นางไม่เห็นใครมารายงานเจี้ยนเฉินเลย ดังนั้น เรื่องที่เจี้ยนเฉินรู้ว่าองค์ชายรองไม่ได้หนีไปที่ทางลับนั้นเป็นเรื่องที่ลึกลับสำหรับนางมาก
เจี้ยนเฉินยิ้ม “ข้ามีวิธีการของข้า” เจี้ยนเฉินหันไปมองขันทีตรงหน้าอีกครั้ง “ในตอนนี้เจ้าจะบอกข้าหรือไม่ ? “
เมื่อเห็นว่าขันทียังเงียบอยู่ เจี้ยนเฉินก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นออกมา “มันไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะพูดไหม ข้าจะหาองค์ชายรองเจอด้วยตัวของข้าเอง ทหาร พาเขาไปประหาร”
“ข้าบอกแล้ว ! ” ทันทีที่เจี้ยนเฉินพูดจบ ในที่สุดขันทีที่ขี้ขลาดก็ทนไม่ไหวในที่สุด