เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 502 ชักชวนหมิงตง
ตอนที่ 502 ชักชวนหมิงตง
ลมหายใจของเจี้ยนเฉินติดขัด ทักษะต่อสู้ระดับเซียนนั้นถือว่าเป็นทักษะต่อสู้ที่มีค่ามากที่สุดในทวีปเทียนหยุน สิ่งนี้แม้แต่เซียนผู้คุมกฎยังถวิลหามัน แม้แต่ในหมู่เซียนผู้คุมกฎเองก็มีจำนวนน้อยที่มีทักษะระดับนี้
เจี้ยนเฉินไม่คาดว่าเขาจะพบทักษะต่อสู้ระดับเซียนในอาณาจักรอินทรีสวรรค์แห่งนี้ แต่สิ่งเดียวที่มีปัญหากับทักษะนี้คือตอนนี้มันกลับไม่สมบูรณ์ – คำอธิบายมันขาดหายไป
แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแต่เจี้ยนเฉินก็ยังรู้สึกยินดีอยู่ แม้ว่าทักษะต่อสู้ระดับเซียนนี้จะไม่สมบูรณ์แต่มันก็ต้องเป็นของล้ำค่าแน่เพราะมันถูกซ่อนไว้ในคลังสมบัติแห่งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เจี้ยนเฉินอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในเมืองค้าขาย เขาได้ดูดซับความลึกลับที่ลึกซึ้งของโลกมากมาย ตั้งแต่ตอนนั้นมาเขารู้สึกได้ถึงการสั่นพ้องของสิ่งต่าง ๆ ได้และตอนนี้เขาก็รู้สึกได้ถึงการสั่นพ้องของศิลานี่ที่เขาปะทะกับเขา
มือที่จับอยู่บนแผ่นศิลาเริ่มสั่นและร่างกายของเจี้ยนเฉินก็สั่นไหวด้วยความยินดี การค้นพบนี้เกินกว่าที่เขาคาดไว้มาก แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถฝึกฝนทักษะเซียนใด ๆได้แต่ศิลาก้อนนี้จะช่วยให้เขาเข้าใจถึงสิ่งต่าง ๆ ของโลกใบนี้ได้มากขึ้น สำหรับเจี้ยนเฉินแล้ว ศิลาแผ่นนี้เปรียบได้กับสะพานที่นำพาเขาให้ได้รู้จักกับโลกของเซียนผู้คุมกฎ
ความดีอกดีใจที่เขามีนั้นมีอยู่ได้เพียงชั่วครู่จากนั้นเขาก็ได้สงบสติอารมณ์ลง เขานำศิลาแผ่นนั้นเก็บลงในแหวนมิติของเขา เขาแกล้งทำเหมือนว่าเขาไม่ได้พบศิลาแผ่นนี้ในห้องเก็บสมบัติแห่งนี้
สักครู่ทุกคนก็ได้กลับมารวมกันตรงทางเข้าของห้องเก็บสมบัติ แต่ก็ไม่มีผู้ใดพบสิ่งของที่พิเศษโดดเด่นเลย นอกจากหินและทักษะต่อสู้ระดับเซียนที่เจี้ยนเฉินค้นพบแล้ว ที่แห่งนี้ก็ไม่มีสิ่งใดพิเศษเลย แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะรู้สึกยินดีเพียงใดแต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมาบนใบหน้าให้คนอื่นได้เห็น เขารู้อย่างชัดเจนแล้วว่าทักษาะต่อสู้ระดับเซียนนั้นไม่ใช่สิ่งของที่ไร้ค่า ถ้าที่ปรึกษาจักรพรรดิได้รู้ว่าเขามีมันแล้วล่ะก็ พวกเขาต้องหาทางแย่งชิงมันไปแน่ ๆ
“เข้ามารวบรวมทุกอย่างที่นี่และขนกลับไป” เจี้ยนเฉินสั่งกับทหารข้างนอก
“ขอรับ ! ” ทหารจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาโดยที่แต่ละคนจะสวมแหวนมิติเอาไว้ และพวกเขาได้นำสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในห้องนี้เก็บลงในแหวนทั้งหมด
ในขณะที่ทหารพวกนั้นกำลังเก็บรวบรวมสิ่งของอยู่นั้น เจี้ยนเฉินและคนที่เหลือก็ได้เข้ามารวมตัวกัน
“มีใครพบสิ่งของที่น่าสนใจหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม
“สิ่งของที่นี่แม้จะมีจำนวนมากแต่ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจสำหรับข้าเลย” ฉินหวู่หมิงส่ายหน้า
“ถูกต้อง สิ่งประดับที่อยู่ที่บ้านข้ายังมีค่ากว่าสิ่งของในที่นี้ด้วยซ้ำ” ฉินหวู่เจี้ยนพูด ในฐานะระดับเซียนสวรรค์และแม่ทัพของกองทัพดาบเทพตะวันออกแล้ว เงินทองและสิ่งของพวกนี้ไม่มีค่าสำหรับเขา
ด้วยการที่แหวนของหมิงตงนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายซึ่งนั่นทำให้เขาละอาย เขาพูดขึ้น “ข้านั้นไม่ได้ร่ำรวยเหมือนพวกท่าน ดังนั้นข้าเลยนำสิ่งของพวกนั้นเก็บลงในแหวนจัดเก็บนี่ ถ้าข้าขัดสนตอนไหน ข้าจะนำพวกมันไปขาย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจี้ยนเฉินก็ยิ้มออกมา “หมิงตง เจ้ายังกลัวที่จะขัดสน ทั้ง ๆ ที่เจ้าแข็งแกร่งเยี่ยงนี้น่ะหรือ ? ถ้าเจ้าขัดสนจริงแค่ออกไปฆ่าพวกสัตว์อสูรระดับ 5 และนำซากพวกมันไปขายก็ได้แล้ว”
หมิงตงชำเลืองไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมทำปากขมุบขมิบ “เจ้าคิดว่าสัตว์อสูรระดับ 5 นั้นง่ายต่อการฆ่าสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับเซียนปฐพีงั้นหรือ ? แค่เข้าไปในป่านั่น การจะหาพวกมันเจออาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิต”
“ถ้าหมิงตงสหายของเราเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าสามารถเข้าร่วมกองทัพดาบเทพตะวันออกได้ อย่างน้อย ๆ เจ้าจะได้กลายเป็นแม่ทัพของกองทัพย่อย 10,000 คนและค่าจ้างที่เจ้าได้รับนั้นต้องเพียงพอสำหรับเจ้าแน่ ๆ เจ้าสนใจหรือไม่ ? ” ฉินหวู่หมิงหัวเราะพร้อมกับพูดกับหมิงตง เขาเห็นถึงพรสวรรค์ของหมิงตง – อายุยังไม่ถึง 30 ปีกลับอยู่ในระดับเซียนปฐพีขั้น 6 ด้วยพรสวรรค์เช่นนั้นแล้วไม่ต้องอายุถึง 50 ปี เขาก็จะสามารถเข้าถึงระดับเซียนสวรรค์ได้ นี่มันก็เป็นเหตุผลที่พอเพียงแล้วที่จะชักชวนเขาเข้ากองทัพ
หมิงตงไม่ลังเล เขาส่ายหน้าทันที “ไม่เป็นไร ข้านั้นชอบการท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ การใช้เวลาทั้งวันในค่ายของท่านนั้นไม่ใช่วิสัยของข้า นอกจากนี้ข้าก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าข้านั้นจะเดินทางไปกับเจี้ยนเฉิน ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าก็จะไปกับเขา”
ฉินจี๋เดินเข้าไปหาหมิงตงและตบเข้าที่ไหล่ “ข้ารู้ว่าน้องหมิงตงจะปฏิเสธคำชักชวนของท่านลุง แต่หมิงตง แต่ยังไงพวกเราคือพี่น้องกัน และตอนนี้น้องเจี้ยนเฉินนั้นก็ได้เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแล้ว พวกเราไม่สามารถปล่อยเจ้าไว้เช่นนี้ได้ ดังนั้นข้าเองก็มีคำขอที่อยากให้น้องหมิงตงรับข้อเสนอนี้ซะ”
“คำขออะไรหรือ ? พูดมา แต่ข้ายังไม่รับรองว่าข้าจะรับข้อคำขอนั่น” หมิงตงพูดขึ้นอย่างหนักแน่น
ฉินจี๋ตบไหล่หมิงตงพร้อมกับหัวเราะออกมา “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ข้าแค่หวังว่าตอนที่น้องหมิงตงนั้นเข้าถึงระดับเซียนสวรรค์ได้แล้ว เจ้าจะได้ตำแหน่งที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง โดยปกติแล้วพวกเราจะไม่ไปจำกัดหน้าที่ของเจ้า แต่กลับกันพวกเราจะให้การช่วยเหลือเจ้าเมื่อใดก็ตามที่เจ้าต้องการ เหมือนกับที่พวกเราทำให้กับเจี้ยนเฉิน”
หมิงตงงุนงงกับคำขอนั้นสักพัก “ไม่เข้ามาก้าวก่ายและยังจะให้ความช่วยเหลือ นี่ดูเหมือนว่าข้าไม่ได้สิ่งนั้นมาเฉย ๆ เป็นแน่”
เมื่อเห็นหมิงตงลังเล ฉินจี๋ก็รีบพูดขึ้นทันที “แน่นอน เจ้าไม่มีอะไรต้องเสียอาณาจักรฉินหวงของเรานั้นเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่เข้มแข็งในมหาอำนาจทั้งแปด แม้แต่ในมหาอำนาจทั้งแปดเอง อาณาจักรของเรานั้นก็อยู่ในระดับสูงสุด พวกเราไม่เคยมีสงครามใด ๆ มาเป็นเวลาหลายร้อยปี ดั้งนั้นเมื่อตอนที่เจ้าได้ขึ้นเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงและมาใช้เวลากับพวกเราบ้าง เพียงแค่นั้นเองไม่มีสิ่งใดที่พวกเราอยากให้เจ้าทำ”
หมิงตงเงียบไปสักพักจากนั้นเขาก็ตกลงกับคำขอของฉินจี๋ “เช่นนั้นก็ได้ เมื่อเห็นว่าพวกท่านคือพี่น้องแล้ว ข้าเห็นด้วยกับคำขอนี้ เมื่อข้าได้เข้าถึงระดับเซียนสวรรค์แล้ว ข้าจะขึ้นเป็นที่ปรึกษาจักพรรดิของอาณาจักรฉินหวง”
“เช่นนั้นแหละ ! ” ฉินจี๋หัวเราะออกมาด้วยความสุข เมื่อหมิงตงได้ขึ้นเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิแล้ว เขาจะยิ่งมีความสุขยิ่งขึ้นกว่านี้ นั่นหมายความว่าเขาสามารถยืมมือและอำนาจของหมิงตงเมื่อเขาต้องขึ้นครองราชย์
“หมิงตงสหายรัก อาณาจักรเกอซุนของข้านั้นก็ต้องการที่ปรึกษาจักรพรรดิด้วยเช่นกัน เจ้านำมันไปพิจารณาด้วยได้หรือไม่ ? ” ราชาของอาณาจักรเกอซุนพูดขึ้นมา
หมิงตงรู้ว่าราชาของอาณาจักรเกอซุนนี้จะเป็นว่าที่พ่อตาของเจี้ยนเฉิน ดังนั้นเขาเองก็นับเป็นครอบครัวนั้นด้วยเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นหมิงตงก็รับข้อเสนอนั้นด้วยเช่นกัน “อาณาจักรเกอซุนนั้นเป็นบ้านเกิดของน้องชายข้า มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วที่จะปกป้องอาณาจักรเกอซุนให้สุดความสามารถ องค์ราชา โปรดรอให้ข้าเข้าถึงระดับเซียนสวรรค์ได้ก่อน และข้าจะเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรเกอซุนด้วย เนื่องจากความแข็งแกร่งของข้าในระดับเซียนปฐพีนั้นไม่เพียงพอที่จะได้รับการยอมรับให้แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาอันใดเลยสักนิด” ราชาหัวเราะออกมา เขาได้วางแผนมานานแล้วว่าจะดึงเอาหมิงตงเข้าร่วมกับราชวงศ์เขาด้วย นั่นเพราะความสัมพันธ์ของเขากับหมิงตงนั้นยังไม่ดีพอ เขาเลยกลัวว่าหมิงตงอาจจะปฏิเสธเขาได้ เขาต้องจนกว่าจนพระโอรสของเขาได้กลายมาเป็นเพื่อนกับหมิงตงได้ จากนั้นจึงค่อยส่งคำเชิญอย่างเป็นทางการไปให้เขา