เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 520 - การตัดสินใจ
ตอนที่ 520 – การตัดสินใจ
หวงหลวนโอบกอดเจี้ยนเฉินไว้แน่นโดยไม่ได้กล่าวคำพูดใด ๆ ออกมา แต่ความรู้สึกและความคิดภายในของนางในที่สุดก็ได้ระเบิด เหมือนเป็นภูเขาไฟที่ปะทุขึ้น หลังจากระยะเวลาของการสะสม มันเป็นผลลัพธ์ที่ทั้งรุนแรงและยากที่จะควบคุม
เจี้ยนเฉินหยัดยืนอย่างคนโง่งม ร่างกายของเขาสูญเสียความรู้สึก เขาตัวแข็งทื่อเป็นระยะเวลานาน แม้จะมีความทรงจำจากสองโลก เขาไม่เคยจำได้ว่าเขาถูกโอบกอดโดยผู้หญิงก่อน ดังนั้นนี้เป็นครั้งแรกที่เขาถูกโอบกอดเช่นนี้
นางไม่ใช่เพียงหญิงที่งามล่มเมือง แต่ทว่านางกลับงดงามมากพอที่จะทำให้กษัตริย์ของพวกเขาต้องคุกเข่าลงเพื่อนาง
เวลาผ่านไปโดยเงียบงัน ช่วงเวลาที่งดงามกลับลับหายไป ในครานี้มันก็หาได้มีข้อยกเว้นไม่
หวงหลวนและเจี้ยนเฉินยังคงอยู่ด้วยกันเป็นเวลาที่ไม่อาจทราบได้ ก่อนที่หวงหลวนจะจับร่างของเจี้ยนเฉิน ค่อย ๆ ลุกขึ้นหยัดยืน มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเขินอาย นางเอียงศีรษะของนางลง ค่อย ๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่เขินอาย แก้มของนางทั้งสองข้างแดงเปล่งปลั่งดั่งเช่นหญิงสาว
ลักษณะเช่นนี้ของนางเกิดจากเจี้ยนเฉิน จากช่วงแรกเมื่อเขามา หวงหลวนที่มักจะเงียบงันและเย็นชาเป็นน้ำแข็ง ทว่าในยามนี้ นางกลับเผยช่วงเวลาเกี่ยวกับความเขินอาย
นี่คือหวงหลวนที่ข้าเคยได้พบเมื่อคราแรกงั้นหรือ ? เจี้ยนเฉินไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่ถามตัวเองในใจของเขา เขารู้ดีว่าหวงหลวนที่เขารู้จักในคราแรกและครานี้นั้นแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
เจี้ยนเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่กลิ่นหอมหวานตีเข้าจมูก ด้วยกลิ่นหอมที่มาจากร่างกายของหวงหลวน มันเป็นอีกครั้งที่จิตใจของเขาทั้งหมดได้รับความมัวเมาจากมัน กลิ่นนี้ผสานไปกับแขนที่โอบรอบกายเขา เป็นสิ่งที่ทำให้บุรุษต่างหลงใหล หากมันไม่เป็นเพราะเจี้ยนเฉินเป็นเซียนสวรรค์และด้วยพลังใจมหาศาล มันจะมีโอกาสมากว่า เขาจะสูญเสียการควบคุมตนเองทั้งหมด
ค่อย ๆ ดึงตัวเองกลับมาอย่างสงบ เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่หวงหลวน ด้วยการจ้องมองที่ซับซ้อน เขาเปิดปากถาม แม่นางหวงหลวน นี่เป็นเจ้าใช่หรือไม่ ?
หวงหลวนสั่นศีรษะของนางเล็กน้อย ก่อนที่จะยกศีรษะของนางเพื่อมองดูเจี้ยนเฉิน หลังจากระยะเวลาอันสั้น ใบหน้าของนางกลับมาเป็นดั่งปกติ แม้ว่ามันจะยังหลงเหลือร่องรอยสีชมพูบนใบหน้าของนาง แต่สิ่งนั้นกลับเพิ่มเสน่ห์ให้กับนาง
เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเจี้ยนเฉิน ดวงตาของหวงหลวนกลับเริ่มที่จะพร่ามัว หน้าตาของเขาที่ไม่ได้แตกต่างไปจากครึ่งปีก่อน
เจี้ยนเฉินรู้สึกขนลุกกับการจ้องมองของหวงหลวนโดยไม่รู้ตัว เขาระส่ำระสายและเต็มไปด้วยความหวั่นกลัว เจี้ยนเฉินไม่ได้ไร้เดียงสา เขารับรู้ความหมายในการจ้องมองของนาง มันเป็นปัญหามากมายต่อจิตใจของเขาที่ซึ่งบนบ่าของเขาเต็มไปด้วยปัญหามากมาย แม้ว่าดูเหมือนว่า เจี้ยนเฉินเป็นคนที่มีอนาคตไกล ทว่าเขาเป็นแค่เซียนสวรรค์ ด้วยพลังอำนาจที่เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวง เจี้ยนเฉินจึงถูกคาดเดาว่า ในอนาคตเขาจะต้องรุ่งโรจน์ สำหรับเขา วันนี้ เขาต้องการใช้เวลาทั้งหมดของเขา ในการพยายามในการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาเอง ที่ซึ่งไม่มีเวลาให้คิดเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้
“เจี้ยนเฉิน จากช่วงเวลาในงานชุมนุมทหารรับจ้าง ตอนครึ่งปีให้หลังมานี้ เจ้าคิดเช่นไรกับข้า ? ” หวงหลวนกระซิบถามเจี้ยนเฉินด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หวงหลวนนั้นซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองมากกว่าแต่ก่อน นางไม่ได้มีความลึกลับหรือความบ้าบิ่น เมื่อเทียบกับโหยวเยว่ พวกนางต่างก็เป็นสีขาวและสีดำ ในเรื่องของบุคลิกภาพ
เอ๊ะ… เจี้ยนเฉินนั้นไม่ได้คิดว่าหวงหลวนจะถามคำถามเช่นนี้จริง ในระยะเวลาของเขา สิ่งรบกวน อารมณ์ต่อหวงหลวนก็ปะทุมากขึ้น ในวิธีที่ต่างค่อนข้างมากกับการแสดงออกที่เย็นชาของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินได้สติอย่างรวดเร็วและกล่าวออกมาด้วยเสียงเบา เขาตอบ มี
ได้ยินเช่นนี้ หวงหลวนเผยให้เห็นรอยยิ้มมีความสุขโดยไม่รู้ตัว เจี้ยนเฉินนั้นได้มีอิทธิพลต่อความคิดของนางเป็นอย่างมาก นางมองเขาแตกต่างไปอย่างสมบูรณ์ เขาคิดถึงนางเป็นครั้งคราวในยามที่ผ่านมา แต่ไม่อาจที่จะปรารถนามากไปกว่านั้น
รอยยิ้มของนางปรากฏขึ้นไม่นาน ก่อนที่ใบหน้าของนางจะมืดลง ความเศร้าและความกังวลจำนวนมาก ผสมปนเปกันไป
เจี้ยนเฉินเห็นท่าทีบนใบหน้าของนาง และละเลยความผิดปกติของการกระทำก่อนหน้าของหวงหลวน หัวใจของเขาดิ่งลง เขาสามารถที่จะบอกได้ว่า หวงหลวนนั้นต้องมีปัญหาที่น่าหนักใจไม่น้อย
แม่นางหวงหลวน ท่านสบายดีหรือไม่ ? เจี้ยนเฉินถามขึ้นอีกครั้ง ยามนึกถึงหวงหลวนที่กอดเขา เขามีความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจของเขา ตอนนี้ความห่วงใยต่อหวงหลวนได้ชักนำเขาให้มีความวิตกกังวลที่เกินพรรณนา ทันใดนั้น เจี้ยนเฉินเองก็ไม่แน่ใจว่าความวิตกกังวลนี้เป็นเพราะหวงหลวนหรือไม่
ดวงตาที่ไม่เต็มใจของหวงหลวนอ้อยอิ่งอยู่ที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจี้ยนเฉินและหัวใจของนางก็เต้นรัว พร้อมการถอนหายใจที่นุ่มนวล นางค่อย ๆ หันกลับไปหน้าต่าง เพื่อให้นางสามารถเพียงจ้องมองออกไปด้วยความสิ้นหวัง
ในระหว่างการแยกออกจากกันอีกครั้ง เจี้ยนเฉินได้รับรู้ถึงน้ำตาที่เริ่มร่วงหล่นจากดวงตาของหวงหลวน
จิตใจเจี้ยนเฉินรู้สึกเจ็บปวดทันที ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่ทราบว่าทำไม แต่สายตาของหวงหลวนนั้นกลับทำให้จิตใจของเขาเจ็บปวด เขาอาจรู้สึกว่า บางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้นกับหวงหลวน
หลังจากเป็นเวลานาน หวงหลวนก็เปิดปากของนาง เจี้ยนเฉิน เจ้าทราบหรือไม่ว่าบิดาของข้านั้นได้หมั้นหมายข้าไว้กับบุรุษก่อนหน้านี้แล้ว เขาเป็นบุตรคนที่สองของตระกูลหวงกู่ เสียงของหวงหลวนสั่นพร่าและไม่แข็งแกร่ง ความเจ็บปวดนั้นง่ายนักที่จะสามารถตรวจสอบได้ในน้ำเสียงของนาง และเพียงได้ยินเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะได้ยินมัน
เจี้ยนเฉินตกตะลึงที่ได้ยินสิ่งนี้ แม้ว่าจะไม่เคยมีผู้หญิงคนใดที่มีอิทธิพลต่อเขามาก่อน หัวใจของเจี้ยนเฉินก็หนักอึ้ง เมื่อเขาได้ยินหวงหลวนพูด บางทีมันเป็นเพราะหวงหลวนในปัจจุบัน ขณะที่จิตใจของเจี้ยนเฉินฟูฟ่องด้วยความรู้สึกประหลาด เขาแน่นอนไม่ต้องการผู้หญิงที่งดงามนั้นหมั้นกับชายที่นางไม่ได้รัก
ดึงอารมณ์ในจิตใจของเขา เจี้ยนเฉินถาม ตระกูลหวงกู่ ? นี่เป็นตระกูลอันแข็งแกร่งที่สามารถเปรียบเทียบกับตระกูลหวงได้งั้นหรือ ?
ตระกูลหวงกู่นั้นแข็งแกร่งเท่าเมื่อเทียบกับตระกูลหวง ตระกูลหวงกู่เป็นตระกูลที่แยกออกมาจากตระกูลหวงของข้า ตระกูลชิ ตระกูลเจียเต๋อ และครอบครัวตู่กู ก็มีตระกูลที่แยกออกมาเหมือนของเรา ตระกูลที่ดำรงอยู่มาหลายพันปีซึ่งมีเซียนผู้คุมกฏปรากฏขึ้นในตระกูล พวกเขายังมีความแข็งแกร่งไม่น่าเชื่อ หวงหลวนอธิบาย
แยกตระกูลหมายถึง เซียนผู้คุมกฎมาจากตระกูลหรือครอบครัวที่ลึกลับงั้นหรือ ? เจี้ยนเฉินถามซอกแซก
ไม่ ในการแยกครอบครัวและครอบครัวที่ไม่ได้จะแตกต่างกัน เรียกว่ามีตระกูลแยกเป็นในสถานะโดดเดี่ยว และไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอก ซึ่งตระกูลนั้นสามารถทำได้โดยตระกูลดังกล่าวจะแยกออกมาจากตระกูลหวงของเรา ตัวอย่างเช่นมี ภายในภูเขา ไม่มีลูกศิษย์ของเราสำรวจโลกภายนอกมากมาย ที่ทำให้คนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่รู้ว่าเราเป็นใคร การแบ่งแยกตระกูลอื่นก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน
ข้าได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับโครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎจากท่านลุงเฟิงและท่านลุงหยุน หากความจริงที่ว่า อาณาจักรฉินกานกระทำผิดและปล่อยข่าวของโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ ตระกูลหวงเราจะไม่เคยได้ก้าวเท้าออกสู่โลกภายนอก ยกเว้นว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญ”
ที่ด้านนอกยังคงมีอำนาจแข็งแกร่งอื่น ๆ มากมาย ที่ครอบงำเหล่าตระกูลหนึ่ง ๆ เช่น ตัวอย่างเช่นมหาอำนาจทั้งแปดและจักรวรรดิยิ่งใหญ่ทั้งสาม ตระกูลโบราณที่มีความแข็งแรง เหล่าผู้แยกตัวและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่พวกเขามีอยู่ เพียงมีคนไม่กี่คนที่สามารถเปรียบเทียบความแข็งแกร่งกับมหาอำนาจทั้งแปด หรือตระกูลโบราณแม้แต่ ที่อยู่ในหมู่ครอบครัวแยก ส่วนสามจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่อยู่นิ่งในยุคหลัง มีเพียงตระกูลโบราณที่ลึกลับซึ่งจะสามารถต่อสู้กับพวกเขา
เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเขาก้าวหน้าไปอีกขั้น เพื่อความเข้าใจของตระกูลที่แยกตัวออก หวงหลวนได้อธิบายให้เขา อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าตระกูลที่แยกออกมานั้นจะเป็นตระกูลโบราณที่ยิ่งใหญ่อยู่เหนือพวกเขา
ความแข็งแกร่งเป็นตระกูลโบราณเหล่านี้เป็นอย่างไร ? เจี้ยนเฉินถามด้วยความสงสัย
เจ้าไม่สามารถจินตนาการ หวงหลวนพูดขึ้น ข้าได้เพียงอ่านเกี่ยวกับตระกูลโบราณ ในบันทึกโบราณของตระกูลหวง ข้าไม่เคยได้ยินคนพูดคุยเกี่ยวกับพวกเขามาก่อน ดังนั้นข้าเพียงรู้ว่าตระกูลโบราณเหล่านี้คงอยู่มานานนับหมื่นปี แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในทวีปเทียนหยวน แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”
ในบันทึก มันเขียนว่า เว้นแต่เกิดสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในทวีปเทียนหยวนเท่านั้น ตระกูลโบราณเหล่านี้จะไม่ปรากฏเลย นี่เป็นเพราะพวกเขาเป็นตระกูลที่อาศัยอยู่ในโลกที่แยกออกอย่างสิ้นเชิง
ข้าไม่รู้เลยว่า ทวีปเทียนหยวนนั้นจะล้ำลึกถึงเพียงนี้ เจี้ยนเฉินนั้นพลันเปลี่ยนมุมมองของเขาต่อทวีปเทียนหยวนเล็กน้อย
พร้อมกับความก้าวหน้าของความแข็งแกร่งของเขา ความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ก็ทวีจำนวนด้วยเช่นกัน ในการเริ่มต้น เขาเพียงอาศัยอยู่ในเมืองเวคเพื่อค้นหาแกนอสูรและอยู่ในเมืองระดับ 3 ที่ต้อยต่ำ ที่ซึ่งเซียนชั้นยอดก็นับว่าดียิ่งแล้ว และมีไม่กี่คนที่จะเป็นเซียนปฐพีซึ่งเชี่ยวชาญจนกระทั่งเรียกลมเรียกฝน สำหรับเซียนสวรรค์นั้น สำหรับอาณาจักรวายุครามหรืออาณาจักรเกอซุนนั้น พวกเขาก็ได้รับการเชิดชูดังเช่นเทพเจ้า ด้วยเซียนสวรรค์เป็นตัวแทนของอาณาจักรที่แข็งแกร่ง เป็นพลังหลักในสงคราม บุคคลที่เป็นเช่นเซียนสวรรค์ก็เปรียบดั่งทหารหลายล้านคน
ขณะที่เขาเข้ามาสัมผัสกับตระกูลสำคัญเช่นตระกูลหวง เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่หลักสำคัญใหม่ กับเซียนสวรรค์ที่อยู่ในระดับสูงและเซียนผู้คุมกฎที่เข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความลึกลับของโลก เซียนสวรรค์ไม่มีอะไรที่มากกว่าความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ย
เจี้ยนเฉินเอียงหัวของเขาลงไปคิด แม่นางหวงหลวน ข้าเคยได้ยินเรื่องสถานการณ์ตระกูลหวงจากบรรพชนของเจ้า ตระกูลหวงนั้นแน่นอนว่าจะต้องปรารถนาเกี่ยวดองกับตระกูลหวงกู่อย่างแน่นอน
การคาดเดาของเจ้าถูกต้อง แม้ว่าดูเหมือนค่อนข้างสงบ และความสงบที่อยู่เพียงผิวเผิน สาวกหลักจะตระหนักเป็นสภาพดีสำหรับตระกูลของเรา ถ้าเราไม่พบตัวช่วยภายนอกใด ๆ ข้ากลัวถึงตระกูลหวงของข้า ความเกลียดชังระหว่างตระกูลหวงและตระกูลหงฝู สำหรับคนรุ่นนี้ ไม่มีวิธีอื่นใดจะแก้ไขความเกลียดชังขณะนี้ จากครอบครัวของเราสอง ต้องมีเพียงหนึ่งที่ตกตาย ด้วยพลังของกองทัพฝ่ายหงฝู พวกเขาสามารถควบคุมตระกูลหวงของเราตอนนี้ มันมีเพียงการรวมตัวกับตระกูลหวงกู่เท่านั้นที่จะทำให้เราพอจะมีโอกาสต่อต้านพวกเขา พวกเขาจะคิดว่าจะร่วมมือกันโจมตี โดยเราทำได้เพียงหมั้นหมายกับตระกูลหวงกู่เท่านั้น” หวงหลวนกล่าวขึ้น
เจี้ยนเฉินอ้ำอึ้งอยู่นาน หลังจากการลังเลอยู่เนิ่นนาน ประกายในดวงตาเกิดขึ้น ด้วยแสงที่เหมือนเรียงลำดับบางอย่างของความขัดแย้งภายใน
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็กัดริมฝีปากของเขา และในที่สุด ความคิดหนึ่งก็มีขึ้นมา ถ้าข้าสามารถค้นหาความช่วยเหลือสำหรับตระกูลหวงของเจ้า มันก็เพียงพอสำหรับที่จะทำให้การหมั้นหมายของเจ้ากับตระกูลหวงกู่นั้นเป็นโมฆะหรือไม่ ?
ร่างกายของหวงหลวนสั่นไหว อย่างรุนแรง ก่อนที่จะเปิดปากช้า ๆ เอ่ยกับเจี้ยนเฉิน มองที่ใบหน้าอย่างจริงจังของเจี้ยนเฉิน หวงหลวนเองก็ไม่ได้มีใบหน้าที่เป็นรอยยิ้ม มันกลับถูกแทนที่ด้วยท่าทีที่เศร้าหมองและหม่นลง
เจี้ยนเฉิน ข้ารู้ว่า เจ้าเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง คาดเดาว่าเจ้าพึ่งได้ตำแหน่งมาไม่นาน นั่นหมายความว่าตำแหน่งของเจ้าภายในอาณาจักรก็ยังคงไม่มั่นคง การหมั้นหมายนี้เป็นข้อเสนอของท่านพ่อและมีการสนับสนุนจากบรรพชน เราเพียงสองคนคงไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเจ้าอย่าได้เข้ามาเกี่ยวข้อง มิฉะนั้นจะมีปัญหาเพิ่มเติมสำหรับอาณาจักรฉินหวงและคนอื่น ๆ ภายในอาณาจักรอาจไม่ยินยอมให้เจ้าทำตามต้องการ
ใบหน้าของหวงหลวนไร้ทางช่วย ดวงตาทั้งสองมองเจี้ยนเฉินอย่างเต็มตื้น “ที่จริงแล้ว การสามารถกอดเจ้าในยามนี้ ทิ้งกลิ่นหอมของข้าไว้บนตัวเจ้า มันก็เพียงพอแล้วสำหรับข้า