เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 521: เซียนคุ้มกฎ 5,000 ปี
ตอนที่ 521: เซียนคุ้มกฎ 5,000 ปี
เจี้ยนเฉินเห็นแสดงสายตาที่มุ่งมั่นออกมา ” หวงหลวน ไม่ต้องกังวล ข้า เจี้ยนเฉิน จะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเจ้า เจ้าจะไม่ต้องหมั้นหมายกับคนที่เจ้าไม่ได้รัก”
คำพูดของเจี้ยนเฉินนั้นสั้นและได้ใจความรวมถึงน้ำเสียงของเขาก็หนักแน่น
เมื่อหวงหลวนได้ยินดังนั้น จิตใจของนางก็รู้สึกยินดีและอบอุ่น ในตอนสุดท้ายนางก็ได้เข้าไปกอดเจี้ยนเฉินแน่น ๆ อีกครั้ง ร่างกายของนางสั่นเป็นพัก ๆ ในตอนที่นางกอดเขาอยู่นั้นมีน้ำตาไหลลงมาเปื้อนใบหน้าของนาง
“เจี้ยนเฉิน ข้ารู้สึกยินดีเมื่อได้ยินคำพูดพวกนั้น อย่างที่ข้าคิด ข้านั้นได้เข้าไปอยู่ในใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่ ? ” หวงหลวนพูดขึ้นในขณะที่สะอื้นอยู่ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยอารมณ์ร่วม
เจี้ยนเฉินไม่พูดสิ่งใดออกมาและกอดหวงหลวนแน่น นี่เป็นปัญหาที่เขายากจะตอบและไม่มีเวลาให้เขาไตร่ตรองคำถามเลยด้วยซ้ำ
หวงหลวนยังคงพูดต่อ “เจี้ยนเฉิน ความสัมพันธ์ของตระกูลหวงและตระกูลหวงกู่นั้นจะไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าไม่ควรเสียเวลาในเรื่องนี้ นั่นมันไร้ประโยชน์ อาณาจักรฉินหวงนั้นจะไม่ชอบใจเอา ถ้าเจ้าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้” น้ำเสียงของหวงหลวนเต็มไปด้วยความเศร้า
เมื่อดูจากภายนอกแล้วทั้งสองคนนี้ก็เหมือนคู่รักที่มีความสุขดีคู่หนึ่งซึ่งถูกบังคับให้แยกจากกัน
เขาค่อย ๆ บรรจงเอามือของหวงหลวนออกจากตัวเขา เจี้ยนเฉินตอบกลับไปว่า “สถานการณ์นี้ยังไม่ถึงจุดที่มันยังเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อย่ากังวล ข้าจะทำให้สุดความสามารถเพื่อช่วยเจ้าพ้นจากความทุกข์นี่ ข้าจะเข้าไปคุยกับผู้อาวุโสของเจ้า”
เมื่อพูดเสร็จเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้รีรอ เขาหันกลับไปและเดินออกจากที่พักของหวงหลวน
นางไม่ได้หักห้ามเขาและได้แต่มองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า สายตาที่อ่อนโยนของนางมีน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาและมันก็ได้ไหลลงมาตามใบหน้าที่สละสลวยของนาง — ใบหน้าที่งดงามล่มเมือง
เจี้ยนเฉินไม่ได้อยู่ในที่พักของหวงหลวนนานเท่าไหร่ เขาอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ เขาเดินออกจากที่พักนั่นแต่ผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุนนั้นกลับหายตัวไปเสียแล้ว
ชายกลางคนสวมชุดสีขาวเดินมายังที่พักของหวงหลวน เมื่อเขาเห็นเจี้ยนเฉินเดินออกมาจากที่นั่น เขาก็ได้ตะโกนเรียกขึ้นมา “เจ้าต้องเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวง ! ” ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มและมีน้ำเสียงที่ฟังดูจริงใจ
เจี้ยนเฉินมองไปที่ชายคนนั้น เขาน่าจะมีความแข็งแกร่งในระดับเซียนปฐพีแต่เขาก็ได้แสดงออกถึงบรรยากาศอันทรงอิทธิพลออกมา
แม้ว่าชายคนนี้จะมีความแข็งแกร่งเพียงแค่เซียนปฐพีแต่เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้รู้สึกดูถูกอันใด เขาป้องมือของตนเพื่อเป็นการทักทายแทน ” ข้าผู้นี้คือเจี้ยนเฉิน ! “
เมื่อได้รับการตอบรับอันสุภาพจากผู้พิทักษ์จักรวรรดิอย่างเจี้ยนเฉิน สำหรับเซียนปฐพีอย่างเขาแล้วนั้นน่าภูมิใจอย่างมาก รอยยิ้มที่แสดงบนใบหน้าของเขานั้นดูอบอุ่นขึ้น เขาป้องมือพร้อมกับทักทายกลับไป “ข้าผู้นี้คือหัวหน้าตระกูลหวง —หวงฉิงหลาน หวงเอ๋อคือบุตรสาวของข้า และเรื่องที่นี้ ดูเหมือนว่าหวงเอ๋อและผู้พิทักษ์จักรพรรดิคงมีเรื่องราวในอดีตกันบ้าง”
เมื่อได้ยินชายกลางคนพูดว่าเขาเป็นพ่อของหวงหลาน เจี้ยนเฉินก็ได้แสดงความแปลกใจออกมาทางสายตาของเขา เขารีบยิ้มตอบกลับไป “งั้นท่านก็คือหัวหน้าตระกูลหวง ยินดีที่ได้พบท่าน ! “
“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ตัวแทนของตระกูลหวงคนก่อนนั้นคือปู่ของข้า เขาได้เข้าไปเก็บตัวในภูเขา เขาจึงไม่สามารถมาต้อนรับท่านได้ด้วยตัวเอง ถ้าทำให้ท่านไม่พอใจโปรดอภัยให้พวกเราด้วย ให้ข้าพาท่านไปยังศาลาเมฆหยก พวกเรานั้นเตรียมตัวการมาของผู้พิทักษ์จักรวรรดิไว้แล้ว ผู้มีเกียรติคนอื่น ๆ อีก 5 คน จากอาณาจักรฉินหวงก็อยู่ที่นั่นแล้ว พวกเรากำลังรอท่านอยู่” หวงฉิงหลานยิ้ม
เจี้ยนเฉินลังเลสักพักก่อนจะส่ายหน้า “ท่านหวง ข้าต้องขออภัยจริง ๆ แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ข้าอยากจะไปปรึกษากับท่านปู่ของท่านบนยอดเขา ดังนั้นแล้วข้าจึงตอบรับคำเชิญของท่านไม่ได้ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงปู่ของตนเอง หวงฉิงหลานก็รีบขอโทษออกมา ” ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าจะไม่ทำให้ท่านเสียเวลาอันใด”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขออำลา !” เจี้ยนเฉินพูดก่อนที่จะบินขึ้นไปในอากาศเพื่อที่จะเดินทางไปยังภูเขา
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินหายไปในอากาศ หวงฉิงหลานก็แสดงท่าทีชื่นชมออกมาและสายตาที่อิจฉา เขาบ่นพึมพำกับตนเอง “ใครจะไปรู้ว่าในเวลาไม่กี่ปีเจี้ยนเฉินจะสามารถเข้าถึงระดับเซียนสวรรค์ได้ มันน่าอิจฉาเสียจริง ๆ “
หลังจากพูดแบบนั้นเสร็จ หวงฉิงหลานก็ยังคงเดินไปยังศาลาเล็ก ๆ แต่เมื่อเขาผ่านจุดที่เจี้ยนเฉินเคยยืนอยู่นั้นเขาก็ได้หยุดลง ยังคงมีกลิ่นหอมตกค้างอยู่ในอากาศบริเวณนั้น หวงฉิงหลานได้ถอนหายใจออกมา ” นี่มันกลิ่นของแก่นกล้วยไม้ ข้าไม่คิดเลยว่าหวงเอ๋อจะใช้มันให้กับเจี้ยนเฉิน ..”
หวงฉิงหลานแสดงใบหน้าหมดหนทางออกมา แก่นของกล้วยไม้นั้นเป็นกลิ่นที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักนักในทวีปเทียนหยุน แต่ผู้หญิงส่วนมากรู้จักมัน ในสายตาของผู้หญิงแล้วแก่นกล้วยไม้นั้นเป็นสัญลักษณ์ของรักที่บริสุทธิ์, ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเครื่องหมายของการแสดงความรัก ผู้หญิงจะใช้แก่นนี่เพียงครั้งเดียวในชีวิตของพวกเขา พวกนางใช้สิ่งนี้กับชายที่ตนเองรักเพื่อแสดงให้เห็นว่าว่านางนั้นตกหลุมรักเขาหมดหัวใจไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อผู้หญิงคนใดใช้แก่นนี่กับผู้ชายแล้ว นั่นแสดงว่านางยอมให้ทุกอย่างที่นางมีกับชายผู้นั้นรวมถึงความบริสุทธิ์ของนางด้วย
หวงฉิงหลานไม่คิดว่านางจะใช้แก่นนี่กับเขาเพราะว่าพวกเขารู้จักกันเพียงไม่นาน นี่มันเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก
ไม่มีสิ่งใดที่หวงฉิงหลานสามารถทำได้ เขาถอนหายใจออกมา เจี้ยนเฉินนั้นเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ เขายิ่งใหญ่ซะจนหวงฉิงหลานไม่สามารถหาข้อผิดพลาดใด ๆ กับเขาได้ เจี้ยนเฉินนั้นเป็นบุคคลที่แทบจะสมบูรณ์แบบ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ตระกูลหวงจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง หวงหลวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลายเป็นเหยื่อที่ถูกสังเวย — นางต้องหมั้นกับตระกูลหวงกู่โดยที่นางไม่สามารถเลือกได้เลย
หวงฉิงหลานเดินเข้าไปยังศาลาเล็ก ๆ และเดินขึ้นไปยังชั้นที่สอง ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นของแก่นกล้วยไม้ เขาส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้จากนั้นจึงมองไปบนใบหน้าเปื้อนน้ำตาของลูกสาวตนเองและนั่นก็ทำให้หัวใจของเขารู้สึกหดหู่ลง
“หวงเอ๋อ…” หวงฉิงหลานเปิดปากของตน เขาต้องการพูดให้ลูกสาวตนสบายใจขึ้นแต่เมื่อเขาเปิดปากขึ้นมา เขาก็ตระหนักว่าไม่มีคำพูดไหนสามารถปลอบโยนนางได้เลย
นางใช้ผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองเช็ดน้ำตาของนาง หวงหลวนเงยหน้าขึ้นมามองหวงฉิงหลาน “ท่านพ่อ ลูกของท่านอยากจะเป็นตัวของตนเอง ! “
เมื่อได้ยินเสียงอันเย็นชาของลูกสาวตน หวงฉิงหลานจึงได้ถอนหายใจออกมา “หวงเอ๋อ พ่อของเจ้ารู้ว่าใจของเจ้านั้นมีแต่เจี้ยนเฉิน เจ้าพูดถูก เจี้ยนเฉินนั้นเป็นชายที่ดีกว่าชายทุกคนในตระกูลหวงกู่ยกเว้นแต่เรื่องภูมิหลังของเขาเท่านั้น ถ้าเป็นเวลาอื่นพ่อของเจ้าคงจะยินดีให้เจ้านั้นแต่งงานกับเขา แต่ด้วยวิกฤตของตระกูลหวงเช่นนี้ เจ้าก็รู้ดีนิ นี่เป็นทางเลือกเดียวที่เราสามารถเลือกได้”
ลูกสาวของเขาไม่ตอบสิ่งใดกลับมา และพ่อของเขาก็ไม่ต้องการอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นของแก่นกล้วยไม้ต่อไป “หวงเอ๋อ พ่อไม่อยากรบกวนเจ้าแล้ว ทำใจให้สงบและเตรียมตัวซะ”
……
เจี้ยนเฉินกลับมายังยอดภูเขาที่ซึ่งบรรพชนของตระกูลหวงเก็บตัวอยู่ เขาคุกเข่าลงพร้อมกับป้องมือตรงด้านหน้าบ้านไม้หลังหนึ่งและพูดขึ้น “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์มีบางอย่างอยากจะพูดคุยกับท่าน”
“เข้ามา ! ” บรรพชนพูดขึ้นโดยมันดังขึ้นมาจากภายในบ้านหลังนั้น
เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นและก็ได้เห็นชายชรานั่งอยู่บนเก้าอี้หินพร้อมกับมีรอยยิ้มบนใบหน้า
“เจี้ยนเฉิน มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการพูดคุยกับชายแก่คนนี้ ? บางทีเจ้าอาจจะเปลี่ยนใจให้ตระกูลหวงหยิบยืมความแข็งแกร่งของอาณาจักรฉินหวงเช่นนั้นหรือ ? ” ชายชราพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ดูเหมือนว่าท่านจะเป็นคนตลก เรื่องนี้สำคัญเกินไปกว่าจะตัดสินใจได้ ผู้เยาว์ผู้นี้ไม่สามารถเป็นตัวแทนอาณาจักรฉินหวงตัดสินเรื่องนี้ได้ แม้ว่าผู้เยาว์จะตกลงแต่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิคนอื่นก็ไม่ได้ตกลงด้วย” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้ามาที่นี่เพื่อเหตุใด ? ” ชายชราถาม
“ผู้อาวุโส ผู้เยาว์ไม่สามารถชักจูงอาณาจักรฉินหวงให้มาช่วยตระกูลหวงก็จริง แต่ข้าสามารถหาผู้ฝึกตนคนอื่นมาช่วยได้ ข้าหวังว่านั่นจะทำให้การหมั้นของหวงหลวนกับตระกูลหวงกู่จะยกเลิกไปเสีย” เจี้ยนเฉินมองอย่างจริงจังไปที่บรรพชนผู้นั้น เขารู้อยู่แล้วว่าชายตรงหน้าเขามีพละกำลังและความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ตราบใดที่ทำให้เขาพอใจ นั่นก็พอมีโอกาสที่ปัญหาของหวงหลวนจะได้รับการแก้ไข
คิ้วของบรรพชนยกตัวขึ้นด้วยความลังเล “เจี้ยนเฉิน การหมั้นระหว่างตระกูลหวงและตระกูลหวงกู่นั้นถูกกำหนดไว้แล้ว หวงหลวนเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่สุดที่มีมาในรอบร้อยปีของตระกูลหวง นางสามารถเข้าถึงระดับเซียนปฐพีได้ในตอนอายุ 20 ปี พรสวรรค์นี้เป็นสิ่งที่ตระกูลหวงกู่โปรดปรานอย่างมาก ในอดีตนั้นพวกเขาได้คิดทุกวิถีทางที่จะจัดการแต่งงานขึ้น และบัดนี้มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ตระกูลหวงกู่ในตอนนี้พึงพอใจอย่างมาก การพูดว่ายกเลิกการหมั้นนี่น่ะง่ายกว่าการทำให้มันมีมาซะอีก และถ้าเรายกเลิกแล้วล่ะก็นั่นจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลหวงกู่หมดไป”
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก้มลงมาเล็กน้อย เขาได้พูดขึ้น “ผู้อาวุโส ถ้าเช่นนั้นแล้วต้องทำอย่างไรถึงจะยกเลิกการหมั้นหมายนี่ได้ ? “
เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของเจี้ยนเฉิน บรรพชนก็ได้ยิ้มออกมา “เจี้ยนเฉิน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้านั้นชอบพอหวงหลวน ? เจ้าอยากจะแต่งงานกับนางเช่นนั้นเหรือ ? ถ้าผู้พิทักษ์จักรวรรดิของอาณาจักรฉินหวงอยากจะสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลหวงของเราจริงแล้วล่ะก็ ชายแก่คนนี้จะมีความสุขมาก ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น”
เจี้ยนเฉินยิ้มออกมา “ผู้อาวุโส ท่านยังคงหยอกล้อกับผู้เยาว์ นี่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้เลย อาณาจักรฉินหวงเองก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย”
ชายชราแสดงใบหน้าผิดหวังออกมา “อ่า เจี้ยนเฉิน ชายแก่คนนี้จะพูดกับเจ้าตามตรง ตระกูลหวงของเราและตระกูลหวงกู่มีความสัมพันธ์กันมาหลายร้อยปี ถ้าการแต่งงานนี่ถูกยกเลิกไปนั่นจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ที่มีมาของทั้งสองตระกูล แม้ว่าเจ้าจะหาคนที่สามารถช่วยตระกูลข้าได้ ข้าก็ยังจะไม่ยกเลิกงานแต่งนั้นอยู่ดี นอกเสียจากว่าเจ้าสามารถหาคนที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าอาณาจักรฉินหวง ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะลองเอาเรื่องนั้นไปคิดดู”
เจี้ยนเฉินลังเล “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์ไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งชองชายคนนั้น แต่คงไม่มากไปกว่าตระกูลหวงกู่”
“อยู่ในขั้นใดในระดับเซียนคุ้มกฎ ? ” – ตาของชายแก่ส่องประกายเมื่อได้ยินเรื่องที่น่าสนใจ
“ผู้เยาว์ไม่ทราบ ! ” – เจี้ยนเฉินตอบกลับ
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายชราก็แสดงท่าทีผิดหวังอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะได้พูดสิ่งใดออกมา คำพูดของเจี้ยนเฉินก็ทำให้ใบหน้าของเขาแข็งค้าง
“ผู้เยาว์รู้ว่าเขาได้มีชีวิตมา 5,000 ปีในระดับเซียนคุ้มกฎ”
“เช่นใดนะ ? ! เขาเป็นเซียนคุ้มกฎมาเป็นเวลา 5,000 ปี ? ! ” ชายชราไม่อาจใจเย็นได้อีกต่อไป เขาผุดขึ้นยืน เก้าอี้หักลงและแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
“ถูกต้อง 5,000 ปีก่อน เขาได้เข้าถึงระดับเซียนคุ้มกฎ ! ” เจี้ยนเฉินย้ำ ปฏิกิริยาอันไม่ปกตินี้ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกว่ามีความหวังขึ้นอีกครั้ง
ชายชราจดจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน น้ำเสียงของเขาสั่นเครือในตอนที่เขาพูด “ขะ..ขะ…ขะ…เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ? “
“เขามีชีวิตอยู่และสบายดีด้วย ! ” เจี้ยนเฉินตอบ