เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 564: ผู้ชนะการประมูลแกนอสูรระดับ 5 อันที่ 2
ตอนที่ 564: ผู้ชนะการประมูลแกนอสูรระดับ 5 อันที่ 2
เพื่อเห็นแก่หน้าของคนตระกูลฮาริโต้ พวกเขาจึงไม่ได้แย่งแกนอสูรระดับ 5 ในคราแรก ทุกคนในโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ต่างเข้าใจถึงพลังอำนาจของตระกูลฮาริโต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในฝ่ายที่แข็งแกร่งในอาณาจักรวายุคราม เว้นแต่พวกเขาไม่มีทางเลือก ไม่มีใครที่เขาอยากจะยั่วยุให้ตระกูลฮาริโต้โกรธ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ประมูลแกนอสูรอันแรกแข่งกับตระกูลฮาริโต้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแกนอสูรอันสุดท้ายในการประมูล ในโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ทุกคนต่างต้องการมัน ดังนั้นพวกเขาจึงแข่งกันประมูล
“245,000”
“250,000”
การแข่งขันดำเนินไปอย่างเข้มข้น แต่มีน้อยมากที่จะตระหนักถึงราคา 250,000 เหรียญม่วงนั้น นับว่าเป็นราคาที่น่าตกตะลึง แต่ด้วยแกนอสูรระดับ 5 นั้น พวกเขาจึงไม่เสียเวลานานนักก่อนที่จะเสนอราคาขึ้นไป
“260,000 เหรียญม่วง” ในช่วงเวลาอันสั้น ได้มีเพิ่มราคาประมูลขึ้นอย่างรวดเร็ว ยามนี้เสียงของตระกูลฮาริโต้ได้ดังขึ้น พวกเขาล้มเหลวที่จะแกนอสูรระดับ 5 เมื่อพวกเขาพยายามซื้ออันที่ 2 มันจึงเป็นการละเมิดสัญญาของพวกเขา
นิกายเทพเจ้าสงคราม เสนอ 270,000
ตระกูลเบลส เสนอ 280,000
ตระกูลเฟิง เสนอ 290,000
ตระกูลกูหยุน เสนอ 300,000 เหรียญม่วง
แทบจะในทันที ตระกูลฮาริโต้แทบจะถูกโยนทิ้งไว้ด้านหลัง ในยามนี้ แกนอสูรระดับ 5 มาถึงราคา 300,000 เหรียญม่วง ด้วยราคาที่อาจทำให้เกิดความล่มจมได้ แม้การรวมพลังของทั้งสี่ฝ่ายของเมืองเฟิงหยางก็ยังไม่มีพลังมากพอที่จะต่อกรได้ นี่คือราคาที่สูงไปเกินงบของพวกเขา
ภายในห้องของพวกเขา เจ้าเมืองเฟิงหยางส่ายหัวของเขา ปรากฏว่าแกนอสูรระดับ 5 ไม่อาจเป็นของเรา ความมั่งคั่งและร่ำรวยของพวกเมืองชั้นหนึ่งนี้เหนือกว่าที่พวกเราจะสู้ราคาไหว
“มันเป็นโชคร้ายที่แกนอสูรระดับ 5 นั้นปรากฏในเมืองของเราเอง แต่เราไม่สามารถที่จะได้รับมัน ด้วยการกระจายข่าวของโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ ไม่แปลกใจเลยที่มันได้ดึงดูดขุมพลังอำนาจใหญ่ ๆ มิฉะนั้น พวกเราคงจะได้รับมัน” หนึ่งในคนเหล่านั้นกล่าวขึ้นด้วยความเสียใจ
ตระกูลเฟิง 310,000″
“กลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณ 320,000”
ตระกูลเฟิง 325,000″
“กลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณ 330,000”
ขณะนี้เอง ราคาได้พุ่งขึ้นมากกว่า 330,000 มีน้อยคนนักที่จะเข้าร่วม มาถึงจุดนี้ มีเพียงตระกูลเฟิงและกลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณเท่านั้นที่ประมูลแข่งกัน
หลังจากนั้นตระกูลเฟิงและกลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณสู้ราคากันต่อไป พวกเขามาถึงราคาที่ 350,000 เหรียญม่วง
ทันทีที่ราคามาถึงเช่นนี้ ขณะที่ตระกูลเฟิงเลือกที่จะไม่ประมูล ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดการประมูล โรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ก็เงียบลงทันที
ทั้งโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์เงียบ และยูลเลี่ยนไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม ในที่สุด นางก็กล่าวว่า “กลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณประมูล 350,000 เหรียญม่วง มีใครแสนอราคาสูงกว่านี้หรือไม่ ? 350,000 เหรียญม่วง ครั้งที่ 1 “
350,000 เหรียญม่วง ครั้งที่ 2
350,000 เหรียญม่วง ครั้งที่ 3 ค้อนของยูลเลี่ยนทุบลงกับโต๊ะ และตอนนี้ ข้าขอประกาศว่า แกนอสูรระดับ 5 อันที่ 2 เป็นของกลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณ ด้วยราคา 350,000 เหรียญม่วง
ภายในห้องที่ 8 หมิงตงจ้องมองที่เจี้ยนเฉิน “น้องชาย เจ้าต้องกายขายแกนอสูรระดับ 5 จริง ๆ หรือ ? “
เจี้ยนเฉินพยักหน้า “ข้าวางแผนจะเก็บแกนอสูรระดับ 5 ไว้ทั้งสอง แต่ข้าได้เปลี่ยนใจ หากมีกลุ่มทหารรับจ้างต้องการแกนอสูร ข้าก็จะให้พวกเขาได้มัน ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เราอาจต้องร่วมงานกับกลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณ ดังนั้นมันจะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่เป็นอริกับพวกเขา”
ที่เป็นจริง ถ้าเราต้องการกลุ่มทหารรับจ้างที่สาบานจงรักภักดีกับเราแล้ว มันจะดีที่สุด เพื่อที่จะไม่สร้างความไม่พอใจ มิฉะนั้น มันจะทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเรา เมื่อเราพยายามที่จะทำให้พวกเขาสาบาน โหยวเยว่พูด
ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของเขา เจี้ยนเฉินกล่าวว่า หลังจากที่การประมูลจบลง เราควรจะออกจากสถานที่แห่งนี้ ฉากดี ๆ กำลังจะเริ่มต้น
โรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ได้ประมูลแกนอสูรระดับ 5 ทั้งสองจนหมด ดังนั้น เมื่อทั้งสองได้ถูกขายออกในการประมูลอย่างเป็นทางการ ทุกคนในห้องต่างออกจากโรงประมูล
หลังจากที่เจี้ยนเฉินและห้องประมูลที่ 3 ออกจากห้อง พวกเขาตรงไปยังเวทีการประมูล ระหว่างทางพวกเขาเดินผ่านสิ่งของที่มีค่ามากมาย
ยามนี้ ผู้จัดการของโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ ยูลเลี่ยนเป็นผู้มาจัดการเรื่องการประมูลด้วยตัวเอง
เดินขึ้นไปยังเวทีการประลอง มอบหมายเลขห้องและบัตรสีม่วงให้ยูลเลี่ยน ยามเมื่อนางเอาหมายเลขห้องและให้ดู ยูลเลี่ยนตระหนักว่าเจี้ยนเฉินและพรรคพวกของเขาเป็นคนเดียวกับที่เสนอราคาแข่งกับตระกูลฮาริโต้ สำหรับแกนอสูรอันแรก ยูลเลี่ยนสังเกตด้วยประกายดวงตาของนาง นางตกใจที่เห็นเจี้ยนเฉินและกลุ่มของเขายังเด็กอยู่ นางไม่คิดว่า บุคคลลึกลับที่ยืนกรานต่อกรกับตระกูลฮาริโต้ จะเป็นเพียงแค่ผู้เยาว์ 4 คน และยูลเลี่ยนรู้สึกว่าผิดหวัง
“คุณชายใช้ด้วยเหรียญม่วง 300,000 เหรียญประมูลแกนอสูรระดับ 5 ข้าผู้นี้ขอทราบนามของท่านได้หรือไม่ ? ” ยูลเลี่ยนเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าหลงใหล พยายามที่จะล่อลวง เพื่อค้นหากลุ่มอำนาจใดที่หนุนหลังคนกลุ่มนี้
ด้วยรอยยิ้ม เจี้ยนเฉินตอบ “ผู้จัดการยูลเลี่ยน จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านจะมอบสินค้าให้ข้า ? “
เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมที่จะเปิดเผยตัวตน ยูลเลี่ยนก็ไม่คิดที่จะสร้างปัญหา นางซ่อนความไม่พอใจไว้และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี อนุญาตให้ข้าผู้นี้ จัดการเรื่องนี้”
ขณะที่ชายในชุดเกราะเดินออกมาที่ด้านหน้า เมื่อคนผู้นั้นสังเกตเห็นกลุ่มของเจี้ยนเฉิน เขาก็ส่งยิ้มให้ “เจ้าต้องเป็นคุณชายและคุณหนูแห่งห้อง 8 – คนที่ประมูลต่อสู้กับตระกูลฮาริโต้ ข้าผู้นี้เป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณ “
เจี้ยนเฉินหันศีรษะของเขา มองเห็นชายที่อายุราวสัก 50 ปี หัวหน้าผู้นี้มีผิวคล้ำและร่างกายกำยำ แต่มันเพิ่มความน่าเกรงขามที่ใบหน้าของเขา
“คุณชายและคุณหนูเป็นบุตรของตระกูลใดกันในอาณาจักรวายุคราม ? ข้าได้ยินว่าพวกเจ้ามีกลุ่มทหารรับจ้างไม่ทราบว่ากลุ่มใด ? ” อึ้งฉางกง
เจี้ยนเฉินเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย “ข้าขอเก็บไว้เป็นความลับในตอนนี้ อึ้งฉางกง เราจะได้พบกันอีกในอนาคตอันใกล้” ยูลเลี่ยนเสร็จทำการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น นางมอบแกนอสูรระดับ 5 และบัตรสีม่วงให้กับเจี้ยนเฉิน
หลังจากแลกเปลี่ยน เขาและอีกสามคนออกจากโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเหยี่ยววิญญาณหยุดยืน ในความคิดของเขาพยายามที่จะไขปริศนาความหมายเบื้องหลังคำพูดของเจี้ยนเฉิน
ที่ด้านนอกโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ กระแสคนอันไม่มีสิ้นสุดอาจเห็นอยู่ตรงนั้น ที่ด้านนอกห้องพิเศษ ไคเช่อและอังค์จากตระกูลฮาริโต้จ้องมองอย่างเย็นชาที่ทางเข้า พวกเขารอคนจากห้อง 8 ออกมา ผู้ชมจากที่ต่าง ๆ ก็รอดูการกระทำทั้งหมด พวกเขาอยากรู้อยากเห็น รอดูว่าเป็นกลุ่มคนประเภทใดที่กล้าต่อต้านตระกูลฮาริโต้
ขณะที่ตู่กูเฟิงในชุดสีแดงได้กลับเข้าไปในเมือง และก้าวผ่านโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ในขณะที่มีการประมูล เขาทำภารกิจของเจี้ยนเฉินสำเร็จและไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวตนหรือปิดบังตนเองอีกต่อไป
“ดูสิ นั่นเขา เป็นผู้นำแกนอสูรระดับ 5 มาประมูลที่โรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์”
ยามเมื่อตู่กู้เฟิงปรากฏขึ้นที่โรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ ทุกคนก็ได้สังเกตเห็นการมาถึงของเขา พวกเขาต่างก็กระจายข่าวออกทันที
วู่หยุน เขาจะต้องเป็นวู่หยุนเป็นแน่ คนที่รู้วิธีการแปลงโฉมมีเพียงเขา ไม่คิดว่า เจ้าจะสามารถหลอกลวงเรา โดยการซ่อนใบหน้าของเจ้า วู่หยุน หนึ่งชายวัยกลางคนจากตระกูลโหยวหลานยิ้ม ก่อนจะจ้องมองไปที่ตู่กูเฟิงอย่างดุดัน
ผู้นำวิหารดาบเมฆาเลื่อนลอยจ้องมองไปที่ตู่กูเฟิง โจวทง นั่นคือวู่หยุนหรือ ? “
โจวทงเพ่งมองไปที่ตู่กูเฟิงสักครู่ “เขาแตกต่างไปจากเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าวู่หยุนจะสามารถแปลงโฉมตนเองได้อย่างแนบเนียน ข้าบอกได้แค่เพียงว่าคนผู้นี้อาจเป็นวู่หยุนหรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้”
“หากเป็นวู่หยุนจริง เขาจะสงบเช่นนี้ได้อย่างไรในเมื่อตกอยู่ในวงล้อม ? ข้าจะบอกว่าเขาต้องเตรียมการหลบหนีไว้เป็นแน่ เราควรจับตามองให้ดี”หัวหน้ากระซิบ
การสนทนานั้นมาถึงหูของไคเช่อที่มีดวงตาสว่างขึ้นทันที มองไปที่ตู่กูเฟิง “วู่หยุน ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงใบหน้าไปอย่างไร เจ้าก็ไม่สามารถซ่อนแววตาของเจ้าได้ ครั้งสุดท้าย เจ้าโชคดีรอดไปได้ แต่ในเวลานี้ เจ้าจะไม่สามารถรอดมือของข้าไปได้ ชีวิตของเจ้า ข้า ไคเช่อ จะขอรับมันไป” ทันใดนั้นเขาเลิกรอคนจากห้อง 8 แต่มองไปที่ตู่กูเฟิง ในมือของเขาถืออาวุธเซียนอยู่