เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 586: ความตกใจของราชา
ตอนที่ 586: ความตกใจของราชา
เค้นรอยยิ้มออก เจี้ยนเฉิน กล่าว ไป๋เหลียน เจ้าคิดน้อยเกินไป ข้าก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างที่เจ้าหรือไม่ ตัวข้านั้นไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน ความจริงแล้วมันมีภาระมากมายบนบ่าของข้า .
ด้วยการกระพริบตา ไป๋เหลียนจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างสงสัย พี่ชาย แล้วภาระบนบ่าของท่านคืออะไร ?
พ่นลมหายใจออกมาจากริมฝีปากของเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้ต้องการจะหารือเกี่ยวกับปัญหานี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเรื่อง ไป๋เหลียน แต่ความสามารถของเจ้าสำหรับการบ่มเพาะพลังนั้นไม่อาจตัดสิน มีสมบัติสวรรค์มากมายที่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ รอจนกว่าเราจะเจอใคร ข้าจะซื้อให้เจ้าและดูว่าเจ้าจะพบโอกาสในการบ่มเพาะพลัง”
สมบัติสวรรค์ที่สามารถทำอย่างนี้ได้จะต้องเป็นสมบัติโบราณมากในยุคนั้น และมันอยู่ห่างไกลและมีไม่กี่อย่างบนทวีป และแต่ละชิ้นจะมีมูลค่าสูงนัก เทียบเท่าได้กับเมือง ๆ หนึ่ง มันมีราคาสูงยิ่งและไม่อาจหาได้โดยง่ายภายในอาณาจักร เช่น อาณาจักรเกอซุนหรืออาณาจักรวายุครามก็ไม่มีโอกาสได้พบเจอ มันเป็นสิ่งที่หาได้ยากจริง แต่ละชิ้นหาได้ยากยิ่งนัก เป็นตู่กูเฟิงซึ่งปกติมักจะเงียบเป็นผู้ที่กล่าวออกมา
รอจนกว่าเราจะมีโอกาสที่จะสำรวจ ข้าจะทำให้ดีที่สุด และค้นหาสมบัติสวรรค์ เจี้ยนเฉินหัวเราะ ณ ตอนนี้ เจี้ยนเฉินมีเงินตรามากมาย การสูญเสียเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติสวรรค์นั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่กวนใจเขาเลย
และแม้แต่ไป๋เหลียนก็รู้สึกอบอุ่น ความอบอุ่นในใจผุดขึ้นในใจของนางและรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของนาง เมื่อนางเห็นความห่วงใย การดูแลจากเจี้ยนเฉินที่มีต่อนาง
หลังจากที่กล่าวจบ เจี้ยนเฉินหันความสนใจของเขาไปที่เถี่ยต้า ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนด้านบนของสัตว์อสูรของเขา
ได้รู้จักเถี่ยต้า นิสัยและท่าทางของเขา เจี้ยนเฉินบอกได้เลยว่า มันก็ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เถี่ยต้าจะสามารถอยู่รอดในทวีปได้
เถี่ยต้า ทั้งหมดที่เจ้าเห็นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทวีปเทียนหยวน ทวีปนี้เป็นทวีปที่แข็งแกร่ง และมีเพียงคนที่แข็งแกร่งที่มีสิทธิพูด เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ เจ้าต้องเข้มแข็งและเปี่ยมด้วยพลัง ไม่จำเป็นในการพูดคุยใด ๆ เจี้ยนเฉินพูด
ใบหน้าสิ้นหวังได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เมื่อเขามองดูเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉิน โลกมันก็โหดร้ายเกินไป ข้ารู้สึกว่า ที่นี่เป็นแผ่นดินของพวกโจรเร่ร่อน
นั่นคือความคล้ายคลึง โลกจะเป็นอย่างนี้เสมอ หากไม่มีพลัง เจ้าจะถูกกลั่นแกล้งจากคนอื่น ด้วยพลังอำนาจที่แข็งแกร่งแล้วทุกคนจะกลัวและจะไม่กล้าล่วงเกินเจ้า เจ้าเองก็เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตระกูลกริฟ มันเป็นหลักฐานที่เพียงพอ เจี้ยนเฉินหัวเราะ
ฮ่า ๆ เจ้าตัวยักษ์ เจ้าตัวปากมาก ร่างยักษ์แต่หัวใจบริสุทธิ์ . . . หมิงตงหัวเราะ
เถี่ยต้าได้เพียงมองหน้าเมื่อคำพูดของหมิงตงเรียกความสนใจของเขา แต่แทนที่จะพูดจากตอบโต้กลับไป เถี่ยต้ายังคงเลือกที่จะเงียบ
ดวงตาของเจี้ยนเฉินมองไปที่โหยวเยว่ ที่ด้านข้างของเขา นางสวมเสื้อคลุมสีขาว ด้วยท่าทีสูงส่ง นางถูกสงสัยอย่างง่ายดายว่าเป็นองค์หญิง นางงดงามและเป็นสตรีที่อยู่ระดับบนของอาณาจักร
ความรู้สึกผิดในสายตาของเขา แต่นางเป็นคู่หมั้นของเขา แต่เขามีความคิดว่าเขาจะปฏิบัติกับนางตอนนี้ ในความคิดของเขา เขามีความคิด แต่นั่นไม่ใช่วิธีปฏิบัติที่ดีต่อนาง นางชอบเขาและพ่อแม่ของเขาได้หมั้นหมายกับเขากับโหยวเยว่ แต่สำหรับเขา นางไม่ได้มีความสำคัญใด ๆ เลย
ตอนนี้ เขามีประสบการณ์ชีวิตบนเทียนหยวนทวีปด้วยตัวเอง เจี้ยนเฉินก็มีศัตรูมากมาย ศัตรูบางส่วนเป็นเซียนผู้คุมกฎที่แยกตัวอย่างสันโดษ คนเหล่านี้สร้างความตึงเครียดนัก – ภาระที่หนักปรากฏบนบ่าของเขา มันอาจเป็นภูเขา เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเอง เจี้ยนเฉินต้องทิ้งความไม่จำเป็นใด ๆ ไป
การเป็นมดในสายตาของเซียนผู้คุมกฎ นี่คือบางสิ่งที่เจี้ยนเฉินรับรู้ และเขาก็รู้ว่าถ้าเขามีความแข็งแกร่งระดับเซียนผู้คุมกฎ ภายในทวีปนั้นย่อมไม่มีใครเทียบเทียมได้
ทว่าการเป็นเซียนผู้คุมกฎนั้นมันไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น แม้ว่าเขาจะอยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูดซับพลัง ทว่าเจี้ยนเฉินยังคงมีหนทางยาวไปก่อนที่เขาจะมาตัดผ่าน
โหยวเยว่มีใบหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อนาง สังเกตเห็นเจี้ยนเฉินใส่ใจจ้องมองนางด้วยท่าทีระมัดระวัง นางกระซิบกับเขาว่า เจี้ยนเฉิน เจ้ามีอะไรจะพูดหรือ ?
ราวกับถูกปลุกให้ตื่น เจี้ยนเฉินส่งยิ้มพราวให้นาง “โหยวเยว่ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเดินทางในทวีปเช่นกัน เจ้าคุ้นเคยกับวิถีชีวิตของนักเดินทางตอนนี้หรือยัง ?
รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าของโหยวเยว่ นางกล่าวว่า ข้าค่อนข้างรักชีวิตแบบนี้ ข้าได้สัมผัสและเห็นสิ่งที่แปลกใหม่ในโลกนี้ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่มีให้เห็นในพระราชวัง ทุก ๆ วันนั้นเต็มไปด้วยความน่าเบื่อและเต็มไปด้วยฉากเดียวกัน กระทั่งออกจากพระราชวังก็ลำบาก
ที่ผ่านมา ข้าได้เห็นสิ่งที่โลกอาจจะมองผ่านหนังสือซึ่งทำให้ข้าต้องการที่จะเดินทางข้ามทวีป และตอนนี้ข้าสามารถดูสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับตัวเอง โหยวเยว่ยิ้มอย่างมีความสุข
โลกนั้นมันงดงาม แต่มันก็มีอันตรายแอบแฝงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทุกที่ในโลกมีความเสี่ยงและอันตรายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดขึ้น มันมีการต่อสู้จนถึงตาย ทุก ๆ วันเป็นวันที่มีผู้คนล้มตาย . . . ชีวิตที่สงบสุขนั้นหาได้ยากนัก”
ด้วยความขมขื่นเล็กน้อยบนใบหน้าของนาง โหยว่เยว่ตอบเขา เจี้ยนเฉิน ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นมากเกินพอที่จะก้าวข้ามทวีปถ้าเจ้าต้องการ แล้วภาระบนบ่าของเจ้า มันที่ไม่สามารถปล่อยวางเพื่อเพลิดเพลินกับชีวิตสักเล็กน้อยหรือ ?
เฮ้อ เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจ ภาระบนบ่าของข้า เป็นสิ่งที่ข้าไม่สามารถวางลงไปได้ ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ
เรื่องแบบไหน บอกพวกเราหน่อยได้หรือไม่ ? โหยวเยว่ถามอย่างสงสัย
เจี้ยนเฉินส่ายหัว มันไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการที่จะบอกเจ้า มันแค่ไม่มีผลแต่อย่างไร ให้เราหยุดคุยกันแล้วและหารือเกี่ยวกับแผนที่เจ้าอาจจะมีสำหรับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นดีหรือไม่ ?
ดังนั้นกลุ่มจึงเริ่มที่จะหารือเกี่ยวกับเรื่องของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้น ตามที่พวกเขาเดินทางบนถนน กลับไปที่โรงเตี้ยมของพวกเขา ถึงแม้ว่าตอนนี้ พวกเขาได้ผูกขาดอำนาจภายในเมืองเมฆา พวกเขายังพักอยู่ภายในโรงเตี้ยม
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาได้เข้าไปในโรงเตี้ยม ผู้นำทุกคนที่ได้เข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นมีป้ายตระกูลเป็นอย่างดี สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือให้คนรื้อป้ายของพวกเขาและแทนที่ด้วยชื่อของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี
การกระทำของเจี้ยนเฉินได้แพร่กระจายไปด้วยความเร็วเหลือเชื่อรอบเมืองเมฆา ในไม่ช้า เกือบทุกคนที่ได้ยินและเรียนรู้ว่าสมดุลของอำนาจได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์และทั่วถึง และในอดีตเคยมีหลายฝ่าย แต่ตอนนี้มีแค่เพียงฝ่ายเดียว ภายในทั้งสามวัน กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้จัดการเอาชนะความคาดหวังของทุกคน และเพื่อให้เมืองทั้งเมืองนั้นต่างสนทนาด้วยหัวข้อนี้
เมื่อเจ้าเมืองเมฆาได้ยินสิ่งนี้ เขาก็แข็งค้างไป เขาก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยินมา . . . ตอนนี้ กลุ่มคนเหล่านั้น ด้วยพลังของพวกเขาตอนนี้แข็งแกร่งกว่า ไม่เพียงแต่เมืองเมฆา แต่รวมถึงกลุ่มอาณาจักรวายุครามทั้งหมด
มันนับเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมากที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าของเจ้าเมือง อำนาจของเขาเป็นเจ้าเมือง มันก็เหมือนกับหุ่นเชิดในยามนี้ และถ้ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นพยายามและทำบางอย่างในเมือง คงไม่มีทางที่เขาจะทำอะไรได้ นอกเสียจากยืนอยู่ที่ด้านข้าง
หัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นเป็นผู้ใดกัน ? ถ้าเขาสามารถที่จะรวมฝ่ายต่าง ๆ มากมายเช่นนั้นเข้าด้วยกัน ภายใต้ธงของเขา เขาทำได้อย่างไรกัน ? ท่านเจ้าเมืองกล่าวกับทุกสายตา ความแข็งแกร่งของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกไม่สบายใจ
กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้พัฒนาถึงจุดที่ข้าไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คือการรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทเอง เจ้าเมืองพึมพำก่อนที่จะรีบเขียนจดหมายไปส่งที่พระราชวังด้วยความรีบเร่งที่สุด
เกือบครึ่งวันต่อมาที่พระราชวังของอาณาจักรวายุคราม ชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา เมื่อเขาได้รับจดหมายและเปิดอออกอ่านแล้ว ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปและกลายเป็นจริงจังมากขึ้น และยิ่งเขาอ่าน คิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน
สักพักต่อมา ราชาผู้นั้นพับกระดาษจดหมายด้วยการบ่น กลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ? พวกเขามาจากโลกไหนกัน ? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนั้นและยังได้ปราบปรามหลายฝ่ายภายในเมืองนั้น พวกเขามีเซียนปฐพีจำนวนมาก
ความจริงที่ว่ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้รวมคนหลายฝ่ายเข้าด้วยกันจำนวนมากสำเร็จนี้เอง เป็นปัญหาสำคัญ ที่ทำให้เป็นห่วงมาก
เมื่อคิดบางอย่างได้ ดวงตาของเขาเริ่มเป็นประกาย บางทีอาจมีเซียนสวรรค์ภายในกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี เช่นนั้น จึงสามารถบรรลุความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้
ด้วยการสรุปของราชา ใบหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม ทหาร ! เรียกท่านกู่หยุนเข้ามาให้ห้องทำงานของข้าเดี๋ยวนี้”
ในไม่ช้า ชายชรากับเสื้อคลุมสีเทาเข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบ ผู้อาวุโสผู้นี้มีอายุราว 60 ปีเศษและมีดวงตาที่เป็นประกายสดใสเรืองรอง
ฝ่าบาท สิ่งใดทำให้ท่านเรียกข้ามาในวันนี้ ? ชายชรายิ้ม แต่เขาก็ไม่ก้มหัวให้ราชา
ถือจดหมายถึงชายคนนั้น ราชาตรัสว่า ท่านกู่หยุน กรุณาดูด้วยตัวเจ้าเอง”
โบกมือของเขา จดหมายจากมือของกษัตริย์ก็ลอยเข้าไปในมือของเขาเอง ก่อนที่เขาจะเริ่มอ่านมัน
ในไม่ช้า ดวงตาของผู้อาวุโสเริ่มแสดงอาการแปลกใจ กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นเป็นกลุ่มอันใดกัน ภายในระยะเวลาสามวัน พวกเขารวมฝ่ายต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้กว่าโหล ? แต่ด้วยพลังแบบนี้ ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีมาก่อน
ข้าค่อนข้างหงุดหงิดกับสถานการณ์นี้ ทหารรับจ้างอัคนีเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนต่างเมือง ได้อำนาจนั้นทันทีหลังจากปราบเมืองชั้นหนึ่งได้ รูปแบบของพวกเขาสามารถมองเห็นได้ชัดมาก ถ้าเราปล่อยให้พวกเขาอยู่ตามลำพังในอาณาจักรของเราและเติบโตขึ้น พวกเขาก็จะกลายเป็นหายนะสำหรับการดำรงอยู่ของเราไม่ช้าก็เร็ว ราชาพูดอย่างจริงจัง