เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 603: ผู้ติดตาม
ตอนที่ 603: ผู้ติดตาม
เสียงของผู้ประมูลยังคงดังก้องอยู่ ของที่ข้าถือไว้ในมือ มันมีชื่อที่ไม่เหมือนใคร ผงจิตวิญญาณ ไม่เพียงแต่จะมองดูสวยงาม แต่ผลที่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่ได้ยินพวกมัน ละอองดาวนั้นเต็มไปด้วยพลังงานของโลกในแต่ละละออง และเมื่อมันเข้าไปในร่างกาย ความเร็วในบ่มเพาะพลังจะเพิ่มขึ้น ! มันไม่ได้ด้อยกว่าการใช้แกนอสูรในการบ่มเพาะพลัง
หลังจากที่พวกเขาได้ยินคำประกาศเช่นนั้นก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก จากนี้ ทุกคนรู้ดีว่า ละอองดาวมีค่าเพียงใด
คำไม่กี่คำถัดไปที่มาจากปากของผู้ประมูล ทำให้ทุกคนได้แต่นิ่งไป
ผลลัพธ์ของผงจิตวิญญาณนั้นไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่นั้น ทันทีที่ละอองเหล่านี้สัมผัสกับโลกภายนอก มันจะทำให้พลังงานของโลกรอบตัวอยู่ในกระแสที่ไม่สิ้นสุด ถ้าวางไว้รอบ ๆ บ้าน บ้านจะกลายเป็นที่อุดมไปด้วยพลังงานดังกล่าวและแปลงพื้นที่ให้กลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการบ่มเพาะพลัง ทุกคนโปรดสละเวลาสักครู่เพื่อนึกถึงประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของสิ่งของชิ้นนี้ ?
คำพูดเหล่านี้ได้จุดประกายไฟให้ปรากฏในแววตาของทุกคน ผงจิตวิญญาณพวกนี้มีผลมากกว่าสมบัติสวรรค์ที่อายุกว่าหมื่นปี เช่น ผลธรณีที่จะสามารถทำได้ พวกเขาสามารถทำให้บ้านของพวกเขากลายเป็นสถานที่บ่มเพาะพลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มันปรากฏในมหาสมุทรดวงดาวเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่การได้รับผงจิตวิญญาณนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย มันจึงไม่มีใครที่จะสามารถนำมันออกมาโดยง่าย
ในช่วงเวลานี้ เพียงอย่างเดียว ทุกคนได้ตัดสินใจทันทีว่าพวกเขาจำเป็นต้องซื้อผงจิตวิญญาณนี้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายเงินมากเพียงใดก็ตาม เพื่อประโยชน์ในการเจริญเติบโตของครอบครัว มันเป็นเรื่องสำคัญ
ให้เราเริ่มเสนอราคาผงจิตวิญญาณ เริ่มต้นที่ 3,000,000 เหรียญม่วง การเสนอราแต่ละครั้งจะเพิ่มขึ้นอีก 10,000 ถ้าใครสนใจผงจิตวิญญาณ นี่เป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาด ผงจิตวิญญาณนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างแน่นอน ผู้ประมูลกล่าวออกพร้อมกับรอยยิ้ม
หลังจากนั้นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากทุกคนเริ่มตะโกนราคาแข่งกัน การเพิ่มขึ้นของราคาด้วยอัตราที่สูงนัก ทำให้ราคาของผงจิตวิญญาณนั้นมีจำนวนมากกว่าสิบล้านเหรียญเหรียญม่วงภายในเวลาไม่กี่วินาที
เจี้ยนเฉินยังคงนั่งอยู่ในมุมของเขาในความเงียบโดยไม่เสนอราคา เนื่องจากเขารู้ว่าเขาต้องการใช้เงินจำนวนมากในการจ่ายให้กับละอองดาว
มันคงจะทำให้ข้าต้องไปที่มหาสมุทรดวงดาว เพื่อที่จะให้ได้รับมันมากพอ เพื่อทำกระบี่สี่ม่วง-ฟ้า เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง
เพื่อละอองดาวนั้น ผู้คนกำลังต่อสู้กับผู้ชมทั้งหมดเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม ก่อนที่มันจะถูกซื้อโดยผู้ซื้อลึกลับบนชั้นสองด้วยราคาสูงถึง 80,000,000 เหรียญม่วง จำนวนเงินที่มากพอที่จะซื้ออาณาจักรทั้งอาณาจักร
เมื่อการประมูลเสร็จสิ้น การประมูลสินค้าทั้งหมดแล้ว เหตุการณ์ก็สิ้นสุดลงและเจี้ยนเฉินก็ออกจากห้องโถง คราวนี้ท้องฟ้าภายนอกมืดขึ้น
อู๋เสี่ยวเทียนเดินเคียงข้างเจี้ยนเฉินและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากับเขา ตลอดทั้งวันได้ผ่านไปโดยที่ข้าไม่รู้ น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าพักอยู่ที่โรงเตี้ยมใด ?
ข้าพักอยู่ที่โรงเตี้ยมแห่งโชคชะตา ในถนนทางทิศตะวันตก อู๋เสี่ยวเทียน มันดึกมาแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน ข้าขออำลา เจี้ยนเฉินป้องมือของเขา เพื่ออำลาเขาก่อนที่จะหันออกไป
สักครู่หนึ่ง เมื่อสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไป ข้าก็ไม่มีโรงเตี้ยมของตัวเองในอยู่ในยามนี้ จะเป็นไปได้ไหม ที่น้องชายเจี้ยนเฉินจะพาข้าไปที่นั่น ? อู๋เสี่ยวเทียนหัวเราะขณะเดินเคียงข้างเขา
อา, น้องเจี้ยนเฉิน, เจ้าไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในเมืองทหารรับจ้าง ข้าจำได้ นั่นคือสถานที่ที่แม้แต่เซียนผู้คุมกฎนั้นใฝ่ฝันที่จะไป บางทีมันอาจเป็นไปได้ที่จะบอกถึงความมหัศจรรย์หรือสิ่งมหัศจรรย์สามารถพบได้ที่นั่น มันเป็นอย่างไร ? อู๋เสี่ยวเทียนถามขึ้น
“มีสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากที่จะพบ มันน่าสนใจอย่างแท้จริง ทำให้ทุกคนต่างโลภ และรวมไปถึงทักษะการต่อสู้ระดับเซียน ” เจี้ยนเฉินตอบตรงไปตรงมาเมื่ออู๋เสี่ยวเทียนถาม เมืองทหารรับจ้างเป็นสถานที่ที่แข็งแกร่งและไม่จำเป็นต้องให้เขาซ่อนหรือกังวลที่จะเปิดเผยความลับทั้งหมด เป็นสิ่งที่เขาเชื่อว่าเซียนผู้คุมกฎรู้อยู่แล้วและด้วยเหตุนี้ มันไม่ได้เป็นความลับเลย
ในขณะที่ข้าคิดว่า ข้าจะมีทักษะการต่อสู้ระดับเซียนที่พวกเขากล่าวถึงในตำนาน แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าทักษะการต่อสู้เหล่านี้จะมีพลังมากที่จะทำลายแม้แต่สวรรค์เอง เฉพาะเซียนผู้คุมกฏเท่านั้นที่สามารถเริ่มต้นเรียนรู้ได้เนื่องจากปัญหาในการเข้าใจ ทุกคนที่เข้าใจวิธีการใช้งานของทักษะการต่อสู้ระดับเซียนทั้งหมดเป็นเซียนราชาโดยไม่มีข้อยกเว้น ตามที่ข้าได้ยินมา อู๋เสี่ยวเทียนกล่าว
เจี้ยนเฉินดูแปลกประหลาดกับคำพูดของอู๋เสี่ยวเทียน ก่อนจะยิ้มว่า ดูเหมือนว่าพี่อู๋เสี่ยวเทียนมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มาก ราวกับว่าท่านรู้จักมันมากพอสมควร
อู๋เสี่ยวเทียนหัวเราะเบา ๆ ในการตอบสนอง มันเป็นความรู้ทั่วไป ไม่มีอะไรมาก ตราบเท่าที่เจ้าเดินทางไปทวีปนานพอแล้ว สิ่งต่าง ๆ เช่นนี้จะมาหาเจ้าอย่างช้า ๆ
ทั้งสองเดินทางมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาที่โรงเตี้ยม
เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปในห้องของเขาและปิดประตูข้างหลังเขา เขาเดินผ่านไปที่หน้าต่าง เปิดมัน มองออกไปข้างนอก ดวงตาของเจี้ยนเฉินค่อย ๆ มองไล่ไปยังอาคารยักษ์ ในระยะไกล ปรากฏชายชราหนึ่งคนที่สวมชุดขาวนั่งอยู่บนหลังคา ขณะจ้องมองที่เจี้ยนเฉินพร้อมกับแววตาเฉียบคม
มันเป็นผู้อาวุโสสามของตระกูลชิ
เมื่อเขาเห็นชายชรา เจี้ยนเฉินไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่รู้สึกถึงรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา จากช่วงเวลาที่เขาออกจากโรงประมูล ผู้อาวุโสสามแอบติดตามเขา คราวนี้ผู้อาวุโสระมัดระวังและตามติดอยู่กับเจี้ยนเฉินเพื่อหลีกเลี่ยงการพลาดท่าให้กับเขาอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสาม ท่านรู้สึกเหนื่อยหรือไม่ ? เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างสนุกสนานขณะมองที่ชายชรา
ด้วยสายตาที่มองไปที่จุดนั้น ชายชราจ้องมองที่เจี้ยนเฉินว่า เจี้ยนเฉิน ข้าแนะนำให้เจ้าส่งคืนยุทธภัณฑ์ เจ้าไม่สามารถหลบหนีในครั้งนี้ หรือเจ้าวางแผนที่จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตภายในขอบเขตของเมืองทหารรับจ้าง?
เจี้ยนเฉินไม่ได้กล่าวอะไรอีก และนั่งอยู่บนเตียงของเขา เจี้ยนเฉินเริ่มคิดถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป เขาควรจะฆ่าชายชราตรงหน้าหรือไม่ก็ไปที่หุบเขายั่งยืน หรือควรรอให้เซียนผู้คุมกฎตระกูลชิเดินทางมา เพื่อที่เขาจะได้ให้ผู้เฒ่าเซี่ยวในหุบเขายั่งยืนช่วยเขา
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว คือความจริงที่ว่าเขาไม่รู้ว่าเซียนผู้คุมกฎของตระกูลชิเป็นอย่างไร เขาไม่ทราบว่าผู้เฒ่าเซี่ยวจะสามารถต่อสู้กับเซียนผู้คุมกฎได้หรือไม่
หลังจากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในระยะยาวแล้ว เจี้ยนเฉินก็มาถึงการตัดสินว่าจะทำอย่างไรต่อไป จากนั้นเขาก็นั่งลงทำสมาธิเพื่อฟื้นความแข็งแกร่งของเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น เจี้ยนเฉินอำลากับอู๋เสี่ยวเทียน ก่อนออกเดินทาง เขามุ่งหน้าไปยังนอกเมืองพร้อมกับลูกเสือน้อย
ไม่นาน หลังจากที่เขาออกจากเมืองทหารรับจ้างแล้ว เจี้ยนเฉินก็เดินทางต่อไปอีก 10 กิโลเมตรก่อนที่จะหยุด หันไปมองผู้อาวุโสสามที่กำลังไล่ตามเขาไว้ เจี้ยนเฉินยิ้ม ผู้อาวุโสสาม กำแพงเมืองทหารรับจ้างหยุดอยู่ที่นี่ ท่านไม่ต้องการที่จะขโมยอาวุธจากข้าหรือ ตอนนี้ท่านวางแผนจะทำยังไง ?
ชายชราพูด เจี้ยนเฉิน ข้าเข้าใจว่าเจ้าต้องขอความช่วยเหลือจากคนบางคน ถ้าเจ้าสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ก็รีบเรียกพวกเขาออกมา เจ้าไม่สามารถซ่อนอะไรอีกต่อไป
ถ้าเป็นเจ้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเรียกคนอื่นมาช่วยข้า เจ้ากังวลมากเกินไป ผู้อาวุโสสาม ข้าอยู่ด้วยตัวเองในวันนี้ ถ้าเจ้าต้องการที่จะเอายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎไปจากข้าแล้ว จงมาเอามันไปด้วยตัวเอง เจี้ยนเฉินยิ้ม สัมผัสรับรู้ของเขาได้แผ่ขยายไปแล้วกว่าสิบห้ากิโลเมตร ถ้าเซียนผู้คุมกฎปรากฏตัว เจี้ยนเฉินจะวิ่งตรงไปยังเมืองทหารรับจ้าง
โอหังนัก ! ผู้อาวุโสสามถ่มน้ำลายออกมา ทุกคนออกมาและชิงยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทั้ง 2 ชิ้นจากเขา ชายชราจำได้ว่าเจี้ยนเฉินได้ขโมยกระบี่ตันหยวนจากตระกูลเจียเต๋อด้วยเช่นกัน
ด้วยประโยคสุดท้ายของเขา ผู้อาวุโสทั้งหมดก็ลงมาจากฟากฟ้าในแต่ละทิศทาง ล้อมรอบ ๆ เจี้ยนเฉินเพื่อดักจับเขาไว้
เจี้ยนเฉินไม่ได้ถูกรบกวนจากการปรากฏตัวของพวกเขาเลย ขอบคุณสัมผัสรรับรู้ของเจี้ยนเฉินที่แผ่กระจายออกไป เขาจึงตระหนักถึงความเป็นอยู่ของพวกเขา ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเมืองมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีทางที่จะทำให้ใครบางคนหลบซ่อนตัวได้ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้อะไร เขาก็มองเห็นพวกเขาราวกับว่าพวกเขาอยู่ในสายตาของเขา
ดาบสีฟ้าจาง ๆ ปรากฏตัวขึ้นในมือของผู้อาวุโสสาม เมื่อเขาจ้องที่เจี้ยนเฉิน ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า เจ้าจะส่งคืนยุทธภัณฑ์ของพวกเรากลับคืนมาหรือไม่? ในเวลาเดียวกัน ชายอีกสี่คนก็นำอาวุธเซียนของตัวเองออกมา
ด้วยเซียนสวรรค์ 5 คนที่ต่อต้านเขา เจี้ยนเฉินไม่กล้าที่จะมองข้ามอีกต่อไป เขาตัดสินใจที่จะใช้พลังงานดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่ ลำแสงสีฟ้าและสีม่วงถูกยิงออกมาจากฝ่ามือขวาของเขาและกลายเป็นใบมีดหนึ่งเดียว
ผู้อาวุโสสามคิดย้อนกลับไป เมื่อครั้งสุดท้ายที่เขาได้ต่อสู้กับเจี้ยนเฉิน ในท้ายที่สุด เมื่อเห็นพลังงานดั้งเดิม ใบหน้าของเขาแข็งกระด้างขึ้น ในขณะที่เขาเติบโตขึ้นอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสสี่ จงระวังให้ดี เจี้ยนเฉินนั้นจัดการได้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ผู้อาวุโสสาม ไม่ต้องกังวล พวกเราสี่คนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่น้องตระกูลไค เราจะไม่ติดตามพวกเขาไปสู่ชีวิตหลังความตายในวันนี้ ผู้อาวุโสคนหนึ่งหัวเราะอย่างมั่นใจ หลังจากนั้น ดวงไฟสีเหลืองไหลออกมาจากร่างกายของเขา เพื่อสร้างชั้นป้องกันที่เหนือเขา เป็นเกราะ
ด้วยเกราะนี้สำหรับการป้องกัน ความเชื่อมั่นของชายชราได้รับการหนุนขึ้นเช่นกัน เขาบินตรงไปยังเจี้ยนเฉินเพื่อหยุดเขา