เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 615: การกลับไปเทวสถานลอยฟ้า
ตอนที่ 615: การกลับไปเทวสถานลอยฟ้า
ลำแสงที่สว่างขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้โลกทั้งโลกสว่างไสวขึ้นเช่นกัน มันลงมาที่ศีรษะของบรรพชนตระกูลชิด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อว่ามีใครสามารถตอบสนองได้
ร่างกายส่วนที่เหลือของบรรพชนแข็งตัวขึ้น หลังจากการกำเนิดของแสง ฝ่ามือของเขาหยุดลงและพลังงานที่หมุนเวียนรอบฝ่ามือของเขาก็หายไปโดยไม่มีร่องรอย เนื่องจากบรรพชนไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป แม้อากาศรอบ ๆ ตัวของเจี้ยนเฉินก็เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว เจี้ยนเฉินก็มีอิสระที่จะสามารถเคลื่อนที่ได้อีกครั้ง
ทันทีที่เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าร่างกายของเขากลับสู่สภาวะปกติ เขารีบกระโดดถอยห่างออกไปทันทีหลายก้าว เขาถอยห่างออกไปห่างจากบรรพชนมากที่สุด การปะทะกันของฝ่ามือทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวต่อพลังที่มีอยู่
ความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎนั้นมากเกินไป คำพูดที่ว่าทุกคนเป็นเหมือนมดต่อหน้าเซียนผู้คุมกฏ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นความจริง แม้จะมีความแข็งแกร่งของเขา เจี้ยนเฉินก็ยังไม่อาจหลบรอดจากเงื้อมมือของเซียนผู้คุมกฏ เขาถูกบังคับให้ทนรับความตาย
แม้ว่าเซียนสวรรค์ จะมีความแตกต่างเพียงระดับเดียวจากเซียนผู้คุมกฎ แต่ในแง่ของพลัง ความแตกต่างก็คล้ายกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับโลก ไม่มีอะไรที่จะทำให้มีความทัดเทียม หรือแม้แต่ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ก็ไม่เพียงพอที่จะลดช่องว่างได้
ราวกับโดนสาป ร่างกายของบรรพชนตระกูลชิถูกตรึงอยู่กลางอากาศ จิตวิญญาณในแววตาของเขาละจากร่างไปนานแล้ว ปล่อยให้ดวงตาของเขาว่างเปล่า จากนั้นร่างกายของเขาเริ่มเอียงไปทางด้านข้าง ก่อนที่จะล้มลงกับพื้น ร่างกายของเขากระแทกกับมัน โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เพิ่มเติม
ในกลางอากาศ เจี้ยนเฉินจ้องที่เซียนผู้คุมกฎอย่างมึนชา เขาประหลาดใจที่ได้เห็นภาพที่ด้านหน้าของเขา เซียนผู้คุมกฏตายจริงหรือ ?
เขาไม่ได้เป็นคนเดียว ผู้ชมที่เคยคิดว่าการลงโทษของเมืองทหารรับจ้างได้หายไปแล้ว ได้เปลี่ยนไปโดยทันที พวกเขาทั้งหมดจ้องมองร่างของเซียนผู้คุมกฎอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและนิ่งงันเป็นเวลานาน
การพัฒนาอย่างกะทันหันนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้เซียนสวรรค์ของตระกูลเจียเต๋อตกอยู่ในความประหลาดใจอย่างสิ้นเชิง เขารีบดึงฝ่ามือกลับ เมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรพชนตระกูลชิ ขณะที่ร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทา จากสิ่งนี้เห็นได้ชัดว่า แม้กระทั่งเขาก็เต็มไปด้วยความสยดสยอง
“ไม่ ! นั่นไม่สามารถ ! มันชัดเจนว่าคนที่โจมตีคนแรกเป็นเจี้ยนเฉิน ! ทำไมเขารอดจากการลงโทษ กลับกลายเป็นบรรพชนตระกูลชิที่โดนลงโทษแทน ? นี่เป็นไปไม่ได้ ! เซียนผู้คุมกฏร้องออกมาด้วยความไม่เชื่อ ความจริงที่ว่าม่านพลังของเมืองทหารรับจ้างไม่ได้ลงโทษเจี้ยนเฉินทำให้เขาหวาดกลัว ณ ตอนนี้ เซียนผู้คุมกฎที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเขาเสียชีวิตไปแล้ว
ตอนนี้ บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนนั้นเงียบสนิท ไม่มีใครพูดออกไรออกมาสักคำ มีเพียงเสียงสูดหายใจอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่ได้ยิน เมื่อทุกคนจ้องมองศพของเซียนผู้คุมกฏอย่างเงียบงัน
แม้แต่ตัวเจี้ยนเฉินเองก็ยังคงนิ่งงันเป็นก้อนหิน เขาตกตะลึงจนตัวชา ตอนนี้ เขากำลังมองไปที่ศพของเซียนผู้คุมกฏซึ่งถูกฆ่าตาย จี้ยนเฉินรู้สึกตกใจอย่างยิ่งกับสถานการณ์
ไฮ้ พี่ใหญ่ ทำไมท่านมัวแต่ตกตะลึงอยู่อีก ? ยังคงมีเจ้าทึ่มอยู่ตรงนั้น รีบจัดการเขา ! อย่าปล่อยให้เขาหนีไป ! ถ้าคนใจร้ายไม่ตอบโต้ วิญญาณน้อยจะไม่สามารถโจมตีเขาได้ ! เสียงของวิญญาณน้อยดังขึ้นในหูของเจี้ยนเฉิน ก่อนที่ร่างกายของนางจะปรากฏตัวต่อหน้าเขา ทั้งสองกำปั้นของนางชูขึ้นกับว่า นางพร้อมที่จะสู้กับเซียนผู้คุมกฎ
เสียงของวิญญาณน้อยปลุกเจี้ยนเฉินให้ได้สติขึ้นมา และเขารีบพุ่งไปหาเซียนผู้คุมกฎ
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินกำลังพุ่งมาหาเขา เซียนผู้คุมกฎหน้าซีด เขาไม่อยากตายอยู่ภายในเมืองทหารรับจ้าง ร่างกายของเขากระพริบไปด้วยความเร็วของแสง ก่อนที่จะหายตัวไปจากสายตาของเจี้ยนเฉิน
อย่าปล่อยให้ผู้ร้ายออกไป ! พี่ใหญ่ไล่ล่าเขา เร็วเข้า ! วิญญาณน้อยกังวลใจ เอ่ยจากด้านข้างอีกครั้งและอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่านางไม่สามารถโจมตีเซียนผู้คุมกฎได้ นางอาจจะช่วยให้เจี้ยนเฉินโจมตีเขาก่อนได้
รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน วิญญาณน้อย เจ้าได้ประเมินค่าความสามารถของข้าสูงเกินไป เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎ ข้าจะจับตัวเขาได้ยังไง ?
ไฮ้ ! เจ้าคนชั่วนั่นวิ่งหนีไป เขาวิ่งเร็วเกินไป วิญญาณน้อยแสดงความคิดเห็นด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเกลียดชัง นางขุ่นเคืองกับชายสองคนที่ข่มขู่คนที่นางมองว่าเป็นพี่ใหญ่ของนาง
ลงมาจากฟากฟ้าช้า ๆ เจี้ยนเฉินมองไปที่ศพของบรรพชนตระกูลชิด้วยความเงียบสักครู่หนึ่ง จากนั้นทรุดตัวลงข้าง ๆ มัน เจี้ยนเฉินเอาแหวนมิติของเขาซึ่งภายในบรรจุสิ่งของของเซียนผู้คุมกฎ มาเป็นของตัวเอง ไม่ต้องสงสัยว่าพวกมันจะมีค่ามากกว่าสิ่งของที่สามารถพบได้ภายในแหวนของเซียนสวรรค์
ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็เงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่ามีใครหลายคนบินไป ในชั่วพริบตาพวกเขามาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและเมื่อเจี้ยนเฉินเห็นชายวัยกลางคนเดินหน้าหน้าเขา เขากล่าวด้วยความเคารพทันที
ผู้เยาว์ขอคารวะผู้อาวุโส ! เจี้ยนเฉินคำนับอย่างสุภาพ คนที่อยู่ตรงหน้า เขาคือลุงของหมิงตง เทียนเจี้ยน
เทียนเจี้ยนจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉิน ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนมากก่อนที่จะมองไปที่ร่างของบรรพชนตระกูลชิที่เสียชีวิตเมื่อเร็ว ๆ นี้ เจี้ยนเฉิน มากับข้า ! ในพยางค์สุดท้าย เทียนเจี้ยนหันกลับไปโดยไม่มีการกระเพื่อมของอากาศแม้แต่น้อย ในขณะที่เขาบินไป
ในเวลาเดียวกัน พลังงานแปลก ๆ ห่อหุ้มรอบตัวของเจี้ยนเฉิน มันพาเขาขึ้นไปในอากาศและดึงเขาไปยังศูนย์กลางของเมืองทหารรับจ้าง
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินได้ติดตามเทียนเจี้ยนและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ผ่านประตูมิติ ก่อนจะกลับไปที่เทวสถานลอยฟ้า ซึ่งยืนอยู่คนเดียวในพื้นที่มิติ ผู้อาวุโสยี่สิบสองและยี่สิบสามไม่ได้ติดตามพวกเขา เฉพาะเทียนเจี้ยน ผู้อาวุโสสองและสี่ ติดตามเจี้ยนเฉินเข้าไปในเทวสถาน
เจี้ยนเฉินหันกลับไปมองไปที่เทวสถานอย่างแปลกใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นสถานที่แห่งนี้ แต่บางทีอาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเขา แข็งแกร่งกว่าก่อนมาก แต่เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเทวสถานแห่งนี้มีความแตกต่างอย่างมาก
ยืนอยู่ตรงกลางของเทวสถาน เจี้ยนเฉินรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่มีนัยสำคัญในพื้นที่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด มีความรู้สึกลึกลับและลึกซึ้งในเทวสถานที่ไหลผ่าน และทำให้เจี้ยนเฉินโผล่ขึ้นภายในความรู้สึกนั้น แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะพยายามระบุความรู้สึกนี้เขาก็ไม่สามารถทำได้
เจี้ยนเฉินรู้ว่าเทวสถานนี้ต้องเต็มไปด้วยความลึกลับที่ลึกซึ้งของโลก และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการก้าวสู่การเป็นเซียนผู้คุมกฎ มันเป็นโอกาสที่ดีดังกล่าวที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขาไม่สามารถเพลิดเพลินกับรางวัลอันยิ่งใหญ่นี้ได้ เขาได้แต่มองดูพลังงานลึกลับของโลกที่บินรอบร่างกายของเขา
ตรงหน้าเจี้ยนเฉินเป็นเทียนเจี้ยนและผู้อาวุโสทั้งสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ ขณะที่พวกเขามองเจี้ยนเฉินอย่างพินิจพิเคราะห์ ผู้อาวุโสสองและสี่ต่างก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ ความชื่นชม และความอยากรู้อยากเห็น
เจี้ยนเฉินยืนอยู่ตรงกลางเทวสถาน เขารู้ว่าชาย 3 คนนี้มีสถานะที่สำคัญอย่างไม่น่าเชื่อภายในเมืองทหารรับจ้าง และกลัวว่าเขาจะถูกตำหนิหรือถูกลงโทษ ด้วยการละเมิดกฎข้อใดข้อหนึ่งของเมืองทหารรับจ้าง หลังจากที่เขาได้ก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายอย่างมากภายในเมือง ไม่เพียงแต่เขาทำลายอาคารหลายหลัง เขาได้ก่อให้เกิดข้อกังขากับเมืองทหารรับจ้าง จากความจริงที่ว่าเขาได้รอดพ้นจากการลงโทษ
เจี้ยนเฉิน เจ้าสามารถบอกได้หรือไม่ว่าเจ้าสามารถต่อสู้ภายในเมืองทหารรับจ้างได้อย่างไรโดยปราศจากการลงโทษเกิดขึ้นกับเจ้า ? เสียงสะท้อนดังกล่าวฟังผ่านเทวสถาน ในที่สุดเทียนเจี้ยนก็เอ่ยออกมาทำลายความเงียบ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าม่านพลังมีความสัมพันธ์กับเจี้ยนเฉิน แต่เขาก็อยากจะเข้าใจว่าทั้งสองใกล้ชิดกันแค่ไหนและความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นอย่างไร
เจี้ยนเฉินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะตอบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะความช่วยเหลือของวิญญาณน้อย
วิญญาณน้อยช่วยเจ้าได้อย่างไร ? ทำไมเจ้าถึงรู้จักวิญญาณน้อย ? ผู้อาวุโสสองโพล่งออกมา ตอนนี้เป็นผู้อาวุโสสองซึ่งรู้สึกกังวลมากและอยากรู้ว่าจะรู้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้
“ข้า… เจี้ยนเฉินลังเล เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ได้อย่างไร เพราะแม้กระทั่งเขาเองก็จะสับสนว่าเขาติดต่อกับวิญญาณน้อยได้อย่างไร เขาไม่สามารถบอกได้เลยว่าเขามีกลิ่นอายของโมเทียนหยุน และเช่นนั้น วิญญาณน้อยได้ตัดสินใจว่าเขาเกือบจะเป็นสมาชิกในครอบครัว
เจ้าอย่าได้คิดรังแกพี่ใหญ่ ! ในขณะนั้นเสียงของวิญญาณน้อยก็ดังขึ้นทั่วเทวสถาน ร่างกายที่บริสุทธิ์ของนางได้ปรากฏตัวขึ้นภายในเทวสถาน และแม้ว่าทางเข้าภายในเทวสถานนั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่นางก็ทำได้โดยไม่ยาก คราวนี้ นางไม่ใส่ใจในการซ่อนร่างกายของนาง ดังนั้นเทียนเจี้ยนและทั้งสองผู้อาวุโสจึงสามารถเห็นนางได้อย่างชัดเจน
จิตวิญญาณของม่านพลัง !
ชายชราทั้งสามคนอุทานขึ้นมาพร้อมด้วยความประหลาดใจ มองไปที่วิญญาณตัวน้อย ๆ ทั้งสามคนยังคงตะลึงเป็นเวลานานมาก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นวิญญาณน้อย
แม้ว่าวิญญาณของม่านพลังนั้นได้ดำรงอยู่มานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขามาก่อนและนับเป็นตำนานแห่งเมืองทหารรับจ้าง เป็นเวลานาน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกผู้อาวุโสทั้งหลายได้เห็นหรือได้ยินเสียงวิญญาณของม่านพลัง ผู้อาวุโสทั้งสามคนรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขที่ได้เห็นนางด้วยตัวเอง
ลอยอยู่ห่างออกไปเพียง 3 นิ้วจากด้านข้างของเจี้ยนเฉิน วิญญาณน้อยพูดอย่างจริงจังว่า พี่ใหญ่ ท่านไม่จำเป็นต้องกลัว ตราบเท่าที่วิญญาณน้อยอยู่ที่นี่ พวกเขาจะไม่ข่มขู่ท่าน จากนั้นหันไปหาสามคนนี้ นางกล่าวต่อว่า “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้รังแกพี่ใหญ่ได้”
สามพี่น้องไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเมื่อได้ยินสิ่งที่วิญญาณน้อยกล่าว จากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้พวกเขาเข้าใจว่ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นระหว่างทั้งสอง และข้อมูลดังกล่าวเป็นที่น่าตกใจมากสำหรับพวกเขา ไม่มีใครรู้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นรู้จักวิญญาณน้อยได้อย่างไร และความลึกลับก็ทวีขึ้น
วิญญาณของม่านพลังไม่ต้องกังวล เราจะไม่รังแกพี่ใหญ่ของเจ้า ! เทียนเจี้ยนยิ้ม ขณะที่เขาตอบด้วยความเคารพ
นี่คือผู้พิทักษ์ลับที่ปกป้องเมืองทหารรับจ้างมานับไม่ถ้วน ตำแหน่งของนางในเมืองก็ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ และยิ่งกว่านั้น ในฐานะที่โมเทียนหยุนทิ้งนางไว้ ซึ่งหมายความว่า นางเป็นคนที่มีตัวตนอยู่ในช่วงเวลาของโมเทียนหยุน
เพียงได้ยินคำพูดของเขา วิญญาณน้อย เริ่มผ่อนคลายแล้วหันมาดูเจี้ยนเฉิน นางกล่าวว่า พี่ใหญ่ น้องสาวตัวน้อยจะออกไปก่อน เราสามารถเล่นกันหลังจากที่ท่านออกมาได้ !
เจี้ยนเฉินยิ้มและพยักหน้าตอบอย่างตรงไปตรงมา เผยให้เห็นรอยยิ้มหวาน ร่างกายของวิญญาณน้อยเริ่มจางหายไปจากสายตา ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่วิญญาณน้อยจากไป ชายชราทั้งสามคนมองย้อนกลับไปดูเจี้ยนเฉิน อีกครั้งด้วยท่าทีที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม
เจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดเลยว่า เจ้ามีความสัมพันธ์กับจิตวิญญาณของม่านพลัง เทียนเจี้ยนถอนหายใจ แต่สายตาของเขาก็สังเกตเห็นลูกเสือที่เริ่มมองไปรอบ ๆ ตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น กลับเข้ามาสู่ความมึนงงอีกครั้ง ดวงตาของเขาเริ่มจดจ่ออย่างจริงจัง ในขณะที่เขาถามว่า เจี้ยนเฉิน เจ้าได้ สัตว์อสูรที่อยู่บนไหล่ของเจ้ามาจากที่ไหน ?
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของการแสดงออกของเทียนเจี้ยน หัวใจของเจี้ยนเฉินก็เต้นแรง ลูกเสือหลบซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาฝืนยิ้มพลางเอ่ยว่า ผู้อาวุโส นี่คือเสี่ยวไป๋ ข้าพบมันในเทือกเขาสัตว์อสูร
ให้ข้าดูสิ ! เทียนเจี้ยนก็โผล่ขึ้นมา จากนั้นโดยไม่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่มองเห็นใด ๆ เทียนเจี้ยนก็ล้อมรอบลูกเสือด้วยพลังลึกลับ ขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของเจี้ยนเฉิน แยกเจ้าตัวน้อยจากเจี้ยนเฉิน เทียนเจี้ยนทำให้ลูกเสือน้อยลอย 3 เมตรไปทางเขา
ทันใดนั้น สองแสงสีทองสว่างจากดวงตาของเทียนเจี้ยนและทำให้ร่างกายของลูกเสือสั่นไหว