เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 652: ตระกูลเทียนมู่
ตอนที่ 652: ตระกูลเทียนมู่
เสียงคุ้น ๆ นี่ทำให้เจี้ยนเฉินรู้ตัว เขาหันกลับไปพร้อมกับทำท่าทีอึ้ง เจี้ยนเฉินเห็นคน 3 คนโผล่ขึ้นมา คนที่สะดุดตาที่สุดคือผู้หญิงที่อยู่ตรงกลาง จากรูปร่างหน้าตาของนางแล้ว นางอายุอย่างมากก็ประมาณ 20 ปีเศษ นางสวมชุดสีแดงและมีสายคาดผูกอยู่ที่เอว หน้าตาของนางนั้นอย่างกับหลุดออกมาจากภาพวาด แขนขาว ๆของนางนั้นเผยให้เห็นสะท้อนกับแสงของพระอาทิตย์ทำให้มันดูเปล่งปลั่งอย่างมาก เมื่อรวมกับขาเรียวยาวคู่สวยของนาง นางคือผู้หญิงในฝันที่ผู้ชายหลายคนต้องการจะมองดูใกล้ ๆ
ด้วยหน้าตาของนาง ไม่ต้องเดาเลยว่าหลาย ๆ อาณาจักรคงต้องยอมสยบให้กับนางแน่ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ โหยวเยว่หรือหวงหลวนแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังคงด้อยไปบ้าง แต่แม้ว่าจะด้อยกว่า นางก็มีความงดงามที่หาได้ยาก เสน่ห์ที่ผู้หญิงควรจะมีนั้นนางได้เผยออกมาให้เห็น ซึ่งมีระดับเหนือกว่าโหยวเยว่หรือหวงหลวนอย่างเห็นได้ชัด
ตรงข้าง ๆ ของผู้หญิงคนนั้นคือชายหญิงชราคู่หนึ่ง ทั้งคู่นั้นสวมเสื้อผ้าธรรมดาและเท่าที่ดูแล้ว ทั้งคู่ดูเหมือนจะเป็นคู่รักกัน
“เทียนมู่หลิง นั่นเจ้านี่เอง ! ” เจี้ยนเฉินจำได้ เขาตกตะลึง ผู้หญิงคนนี้คือหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นซึ่งเข้าร่วมในการชุมนุมทหารรับจ้าง
“ฮิ ๆ ๆ น้องเจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดว่าท่านจะจำข้าได้ ข้ารู้สึกค่อนข้างดีใจอย่างมาก” เทียนมู่หลิง มองไปที่ เจี้ยนเฉินด้วยความสนใจอย่างมาก มือขวาของนางปิดปากเพื่อซ่อนอาการหัวเราะที่มี “น้องเจี้ยนเฉิน นี่ก็หลายปีมาแล้ว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาได้ไกลขนาดนี้ มันยากที่จะเชื่อว่าเจ้านั้นสามารถสู้กับเซียนผู้คุมกฎได้ แต่คุณหนูผู้คงได้แต่คารวะเจ้า”
เขามองไปที่เสื้อเปื้อนเลือดของเขา เจี้ยนเฉินฝืนยิ้มออกมา “เทียนมู่หลิงหยุดล้อเลียนข้าเสียที ในตอนที่ข้าต่อสู้กับเซียนผู้คุมกฎ ข้าไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยนอกจากรับการโจมตีเท่านั้น”
นางหยุดหัวเราะก่อนจะพูดขึ้น “น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าสามารถพึ่งพาพี่สาวคนนี้ก็ได้ ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้และแม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะน้อยกว่าเจ้าในฐานะเซียนปฐพี แต่พี่สาวผู้นี้รับรองได้เลยว่าไม่มีเซียนผู้คุมกฎคนใดกล้ารังแกเจ้า”
หัวใจของเจี้ยนเฉินแทบจะหยุดเต้น จากที่นางเพิ่งพูดไป เขาเดาได้เลยว่าตระกูลของเทียนมู่หลิงนั้นทรงพลังอย่างมาก ซึ่งคนที่รวมตัวกันในวันนี้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้แน่
เจี้ยนเฉินมองอย่างสงสัยไปที่สองคนที่มากับนาง เขารู้ทันทีเลยว่าบุคคลสองคนนี้ต้องแข็งแกร่งอย่างมากแน่ ๆ
“ช่างมันเถอะ พวกเราโชคร้ายเอง ทำไมมนุษย์ที่แข็งแกร่งนี่มักจะโผล่มาทีละคน ๆ ? ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แม่นางคนนั้นเองก็อยู่ในขั้นสุดยอดของเซียนผู้คุมกฎ อีกแค่ก้าวเดียวเขาก็เข้าสู่เซียนราชาและสตรีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เองก็เป็นอยู่ในชั้นสวรรค์รที่ 8 ทั้งสองคนสามารถหยุดเซียนผู้คุมกฎทุกคนที่นี่ได้ถ้าพวกเขาต้องการ” นูบิสบ่นกับเจี้ยนเฉิน
หัวใจของเจี้ยนเฉินเกือบจะหยุดเต้นอีกครั้งพร้อมกับมองอย่างตกใจไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองที่อยู่ข้าง ๆ เทียนมู่หลิง เขาตกใจอย่างมากกับข้อมูลที่นูบิสเพิ่งบอก เขาไม่คิดว่าเทียนมู่หลิงจะสามารถจัดการคนแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ผู้อาวุธโสทั้งสองนั้นอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 8 และ 9 !
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินเงียบ เทียนมู่หลิงก็มองไปที่ผู้อาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ นางและนางก็จับเข้าที่มือของทั้งคู่ “ท่านปู่จุน ท่านย่าหวัง ท่านต้องช่วยน้องเจี้ยนเฉินนะ ? ข้าจะไม่สนใจท่านเลย ถ้าท่านไม่ช่วยเขา ! “
“ฮ่าฮ่า ดีมาก ดีมาก งั้นเราจะช่วยเขาเพื่อเจ้า ข้าเป็นท่านปู่ที่แสนดี ตราบใดที่น้องเจี้ยนเฉินของเจ้านั้นรับปากกับเรา พวกเราจะช่วยเขา” ท่านปู่จุนนั้นตอบกลับอย่างเอ็นดู แววตาของเขานั้นไม่ได้ซ่อนความรู้สึกที่เขามีเลย ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดเลยว่าเขาเห็นเทียนมู่หลิงนั้นสำคัญมากที่สุด
“ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่ดูดี ไม่หยิ่งทะนงแถมยังมีเหตุและผล ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ไม่รู้อะไรเลยแต่กลับหยิ่งยโส พรสวรรค์ของเขานั้นวิเศษและศักยภาพของเขาเองก็ใช่ย่อย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเติบโตมาได้ค่อนข้างหล่อเหลา เหมาะสมกับหลิงเอ๋อของเรา ท่านย่าคนนี้ให้ผ่าน” คนที่ชื่อท่านย่าหวังหัวเราะออกมา
“ท่านย่าหวัง อย่าพูดไร้ความผิดชอบอย่างนั้นสิ พวกเราสองคนมีแต่ความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ต่อกันเท่านั้น มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดไว้” เทียนมู่หลิงบ่นออกมาพร้อมกับเม้มปาก
สตรีคนนั้นยิ้มออกมาและพูดขึ้น ” ใช่ ๆ ๆ มันเป็นแค่ฝันกลางวันของหญิงชราผู้นี้เอง ย่าของเจ้าจะไม่พูดมันอีก ดังนั้นอย่าโกรธไปเลย หลานสาวของข้า”
“แน่นอนว่าข้าไม่ ! ” เทียนมู่หลิงยิ้มออกมาก่อนที่จะหันหน้าไปหา เจี้ยนเฉิน “น้องเจี้ยนเฉิน มานี่สิ ! ท่านปู่จุนและท่านย่าหวังจะปกป้องเจ้าเอง ! “
“เทียนมู่หลิง เจ้าเองก็คงมาที่นี่เพื่อโลหะผสมทังสเตนเช่นกันสินะ” เจี้ยนเฉินเอ่ยถามขึ้นมา
“เอาตรงประเด็นเลย หญิงแก่คนนี้มาที่นี่เพื่อโลหะผสมทังสเตน เจ้าหนุ่ม เจ้าจะเอาของนั้นไปแต่ผู้เดียวมิได้ เจ้าไม่มีพลังขนาดนั้น ทำไมเจ้าไม่แบ่งให้ตระกูลเทียนมู่ครึ่งหนึ่งล่ะ แล้วพวกเราจะปกป้องเจ้า พวกเราจะจัดการปัญหาอื่น ๆ เอง เจ้าต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน” สตรีคนนั้นเสนอขึ้นมา
เมื่อพูดถึงตระกูลเทียนมู่ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
“ตระกูลเทียนมู่ ? แม้แต่ตระกูลเทียนมู่ก็มาที่นี่ด้วย” ผู้อาวุโสสูงสุดจากนิกายเทวะขัดขึ้นมา
แม้แต่หวงเทียนป้าก็ดูกลัวเมื่อพูดถึงตระกูลเทียนมู่ “โลหะผสมทังสเตนนั้นคงน่าสนใจอย่างมากจนตระกูลเทียนมู่ให้ความสนใจ ตระกูลเทียนมู่นั้นเป็นหนึ่งในตระกูลโบราณที่ซึ่งมีพลังเหนือกว่าตระกูลอื่น ๆ พวกเขามีแม้แต่เซียนราชาอยู่ในตระกูล” เขากระซิบบอกเจี้ยนเฉิน
“เซียนราชา ! ” เจี้ยนเฉินแทบหยุดหายใจเมื่อได้ยินดังนั้น การมีพลังระดับนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับพระเจ้าของทวีป
“เมื่อหนึ่งในตระกูลโบราณมาที่นี่ ตระกูลอย่างพวกเขานั้นสามารถท้าทายได้แม้แต่ตระกูลกิลลิกัน” นูบิสถอนหายใจออกมาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“น้องเจี้ยนเฉิน โลหะผสมทังสเตนนั้นเป็นของล้ำค่าอย่างมาก ท่านไม่สามารถให้ใครได้แม้แต่นิด” หวงเทียนป้าบอกกับเจี้ยนเฉิน
“น้องเจี้ยนเฉิน อย่าไปฟังชายแก่คนนั้นเลย โลหะผสมทังสเตนน่ะเป็นของล้ำค่าก็จริง แต่ความจริงที่เจ้าพยายามเก็บไว้คนเดียวนั้นทำให้คนอื่น ๆ โกรธเมื่อได้ยินแบบนั้น เมื่อไม่มีพลังที่จะทำการปกป้องมัน มันก็รังแต่จะนำปัญหามาให้เจ้าเท่านั้น ทางที่ดีที่สุดคือเจ้าร่วมมือกับตระกูลเทียนมู่” เทียนมู่หลิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงใส ๆ
ไม่มีใครพูดสิ่งใดขึ้นมาเลย ในขณะที่พวกเขาเองก็เป็นกลุ่มที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขานั้นเป็นแค่ตระกูลที่เก็บตัวเท่านั้น เปรียบเทียบกับตระกูลโบราณแล้ว พวกเขาทุกคนนั้นไม่มีฐานะอะไรเลย แต่ไม่มีใครอยากจะยอมแพ้ แม้ว่าต้องเสียแขนรึขา พวกเขาก็ยังต้องการสมบัติล้ำค่านี้
“แม้แต่ตระกูลเทียนมู่เองก็มา จุนโมเห่า, หวังหยานหง ข้าไม่เชื่อว่าท่านทั้งสองจะมาที่นี่เอง ” ในตอนนั้นเสียงของผู้อาวุโสอีกคนก็ดังขึ้นมาจากท้องฟ้าพร้อมกับมีชายแก่สองคนเดินเข้ามาหาพวกเขาโดยหยุดห่างจากพวกเขาไป 500 เมตร
การมาของสองคนนั้นทำให้ท่านปู่จุนและท่านย่าหวังถึงกับยกคิ้วขึ้น แต่ท่านย่าหวังก็ได้พูดขึ้นมาก่อน “ตระกูลเอ้าหยุน พวกเจ้าเองก็มาที่เพื่อโลหะผสมทังสเตนด้วยสินะ”
“อะไร ? ! เขามาจากตระกูลเอ้าหยุนงั้นรึ ? ” หวงเทียนป้าเหมือนกับโดนฟ้าผ่า เขาจ้องไปยังชายแก่สองคน เขากระซิบขึ้นมา ” ตระกูลเอ้าหยุนเป็นตระกูลที่ข้าเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ แต่วันนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นคนที่มาจากตระกูลนั้น ตระกูลเอ้าหยุนนั้นเป็นตระกูลโบราณซึ่งโด่งดังพอ ๆ กับตระกูลเทียนมู่เช่นกัน ข้าไม่คิดเลยว่าตระกูลโบราณ 2 ตระกูลจะมาปรากฏตัวในรอบพันปีแบบนี้”
“ศัตรูที่แข็งแกร่งโผล่ออกมาอีกแล้ว ผู้อาวุโสสองคนนั้นอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 7 และ 9 ” นูบิสบอกด้วยเสียงขมขื่น ตัวตนที่แข็งแกร่งโผล่ออกมาทีละคน ๆ ทำให้สถานการณ์มันซับซ้อนยิ่งกว่าที่ควรจะเป็น นี่ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างตระกูลที่เก็บตัวอีกแล้ว นี่เป็นการทะเลาะกันของตระกูลโบราณ
“ถูกต้อง พวกเรามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อโลหะผสมทังสเตน พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งโลหะผสมทังสเตน” หนึ่งในผู้อาวุโสได้พูดขึ้น
“น่าเสียดายที่เจ้ามาช้าไป ครึ่งหนึ่งของโลหะผสมทังสเตนนั้นได้ถูกแบ่งมาให้กับเราแล้ว ส่วนที่เหลืออีกครึ่งนั้นไว้สำหรับเจี้ยนเฉินเก็บไว้ใช้งาน ไม่มีเหลือสำหรับเจ้าแล้ว” สตรีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เทียนมู่หลิงตอบกลับ
สีหน้าของผู้อาวุโสจากตระกูลเอ้าหยุนนั้นหม่นลงเมื่อได้ยินที่นางพูด เขาหันกลับไปมองเจี้ยนเฉินที่ตัวเปื้อนเลือด หนึ่งในผู้อาวุโสได้พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ “เจ้าคงเป็นเจี้ยนเฉิน เนื่องจากตระกูลเทียนมู่ได้ครอบครองไปครึ่งหนึ่งแล้ว งั้นเจ้าก็เอาอีกครึ่งให้เรา ตระกูลเอ้าหยุนจะไม่ทำร้ายเจ้า อะไรก็ตามที่ตระกูลเทียนมู่เสนอให้เจ้า เราจะให้เท่า ๆ กัน”
สีหน้าของเจี้ยนเฉินดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ตระกูลเอ้าหยุนนั้นต้องการมากเกินไปเพราะพวกนั้นอยากจะได้ในส่วนที่เขาเป็นเจ้าของ
“ช่างโชคร้ายที่ตระกูลเอ้าหยุนของท่านเองนั้นก็เป็นตระกูลโบราณ วิธีที่ท่านทำนั้นดูเกินไปหน่อย โลหะผสมทังสเตนนี้มีไว้เพื่อน้องเจี้ยนเฉิน ท่านจะเอาไปโดยไม่ตอบแทนเขาได้อย่างไร” เทียนมู่หลิงพูดขึ้น
ผู้อาวุโสทั้งสองจากตระกูลเอ้าหยุนจ้องไปที่เทียนมู่หลิง รังสีอาฆาตแผ่ออกมาจากดวงตาของทั้งคู่พร้อมกับที่มีคนหนึ่งได้ตะโกนออกมา “อยู่แค่ระดับเซียนปฐพี แต่กลับกล้าพูดกับตระกูลเอ้าหยุนเช่นนี้รึ ? เจ้าคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วเป็นแน่”
“ป๊ะ ! ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องหลานสาวที่รักของข้าแม้แต่เพียงผมเส้นเดียว อย่าหวังว่าจะได้กลับบ้าน ! ” จุนโมเห่าก้าวขึ้นมาข้างหน้า แรงกดดันคล้ายภูเขาแผ่ออกมาจากร่างของเขา ด้วยพลังขนาดนี้เซียนผู้คุมกฎที่อยู่ต่ำกว่าชั้นสวรรค์ที่ 5 นั้นต่างก็รู้สึกเหมือนมีภูเขาทั้งลูกกดทับพวกเขาอยู่
เซียนผู้คุมกฎที่อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 9 นั้นถือว่าเป็นระดับสูงสุดของระดับนี้แล้ว อีกแค่ก้าวเดียวก็ขึ้นไปยังเซียนราชา ดังนั้นแรงกดดันที่พวกเขาสามารถแผ่ออกมาได้นั้นจึงมากพอที่จะทำอันตรายแก่เซียนผู้คุมกฎที่อยู่ต่ำกว่าระดับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ที่ 5
“ตระกูลเทียนมู่ นี่มันหมายความว่าเช่นใด ? เจ้าหวังจะให้ตระกูลเอ้าหยุนของข้าเป็นศัตรูงั้นรึ ? พวกเรามิได้กลัวเจ้าหรอก ” ผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลเอ้าหยุนประกาศออกมาก่อนจะหยิบหินหยกในมือออกมา