เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 653: การมาถึงของเทียนเจี้ยน
ตอนที่ 653: การมาถึงของเทียนเจี้ยน
” อะไรนะ ? เจ้าหวังจะจัดการเราสองคนด้วยตัวเจ้าเองเนี้ยนะ ? ” จุนโมเห่าหัวเราะอย่างเย็นชา ” เซียนปฐพีแล้วไง ? ถ้าเจ้ากล้ารังแกหลานสาวที่รักของข้า ร่างของเจ้าคงต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลอย่างที่ข้าได้บอกไว้ แม้ว่ากำลังเสริมที่เจ้าหวังจะเรียกมาก็คงมีจุดจบไม่ต่างกัน”
ทั้งสองคนจากตระกูลเอ้าหยุนต่างมีสีหน้าบิดเบี้ยว การที่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 นั้นโดนดูหมิ่นและเหยียดหยาม แต่ด้วยความแข็งแกร่งของศัตรู พวกเขาจึงไม่มีทางงเลือกอื่นนอกจากต้องแบกรับมันไว้ ถ้าพวกเขาไปทำให้จุนโมเห่าโกรธจริง ๆ นั่นคงเป็นภัยร้ายแรงให้กับตระกูลเอ้าหยุน
อย่างไรเสียชายคนนั้นก็ไม่ได้มาตัวคนเดียว เขายังมีหวังหยานหงที่ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งแข็งแกร่งพอ ๆ กับเขาด้วย
เซียนผู้คุมกฎ 2 คนจากตระกูลเอ้าหยุนต่างก็จ้องมองเทียนมู่หลิงซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างผู้อาวุโสทั้งสองอย่างอาฆาต แม้ว่าพวกเขาจะตะลึงกับการที่ผู้ซึ่งอยู่แค่ระดับเซียนปฐพี แต่กลับได้รับการดูแลจากคนแข็งแกร่งถึงสองคน ถ้าไม่ใช่เพราะนาง พวกเขาคงไม่ลังเลที่จะสู้ แต่ถ้าลงมือขึ้นมาจริง ๆ ตระกูลเอ้าหยุนต้องเผชิญกับปัญหาแน่นอน
ผู้อาวุโสสองคนนั้นทำสีหน้าปกติและมองไปที่เจี้ยนเฉิน “เจี้ยนเฉิน จะเป็นการดีที่สุดถ้าเจ้าเอาอีกครึ่งให้ตระกูลเอ้าหยุน วางใจได้ ตระกูลของเราเป็นตระกูลโบราณ พวกเราไม่ทำร้ายเจ้าแน่” บางทีมันเป็นเพราะคำพูดบางคำที่เขาได้ยินจากจุนโมเห่า แต่สีหน้าของเขายังคงดูไม่ปกติอยู่ แววตาของเขายังแฝงความมุ่งร้ายเมื่อจ้องมาที่เจี้ยนเฉิน เพื่อบังคับให้เขายอมรับข้อตกลง
เจี้ยนเฉินเห็นแบบนั้นแล้วไม่พอใจและได้จ้องกลับไป เขาไม่พอใจกับสิ่งที่เขาได้ยินเมื่อตะกี้ ” ข้าขอโทษด้วย ข้าคงให้อีกครึ่งหนึ่งกับตระกูลเอ้าหยุนของท่านไม่ได้”
“เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดดูดี ๆ ว่าจะมีอะไรรอเจ้าอยู่ ลองพิจารณาดู ข้าจะให้เวลาเจ้าคิด” ผู้อาวุโสอีกคนคำรามออกมา
แต่เขาคงยังยืนยันในการตัดสินใจของเขา เจี้ยนเฉินส่ายหน้า ” ไม่จำเป็น ข้าตัดสินใจไปแล้ว ข้าจะไม่ให้ โลหะผสมทังสเตนแก่ตระกูลเอ้าหยุน “
“น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวตระกูลเอ้าหยุน ! ถ้าพวกนั้นคุกคามเจ้า ตระกูลเทียนมู่จะไม่นิ่งเฉยแน่ ! ” เทียนมู่หลิงหัวเราะออกมา
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน ในตอนที่เขาหันกลับไปมองนาง “ข้าซาบซึ้งในความช่วยเหลือของท่าน ท่านหญิงเทียนมู่หลิง แต่ข้าเองคงมีพลังพอที่จะปกป้องโลหะผสมทังสเตนด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้ท่านเสียแรงเพื่อข้าเลย” น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินเหมือนจะขาดช่วงไปเหมือนกับว่าเขาคิดบางอย่างอยู่ ” แต่ข้าคนนี้คิดเกี่ยวกับโลหะผสมทังสเตน ถ้าตระกูลเทียนมู่ต้องการมัน ข้าจะเสนอให้ตระกูลท่านบางส่วนเมื่อแร่พวกนี้ถูกขุดขึ้นมาหมดแล้ว”
คำพูดของเขาทำให้จุนโมเห่าและหวังหยานหงถึงกับชะงัก
“ฮ่าฮ่า และข้ากลับเชื่อไปแล้วว่าตระกูลเทียนมู่เองได้ครอบครองแร่นี้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว ช่างเป็นผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดจริง ๆ ! ” หนึ่งในผู้อาวุโสจากตระกูลเอ้าหยุนหัวเราะออกมาดัง ๆ
“เจี้ยนเฉิน นี่…สมองเจ้าเป็นอะไรรึเปล่า ? ! ข้าได้ทำสิ่งนี้เพื่อที่เจ้าจะได้เก็บอีกครึ่งหนึ่งของมันไว้ แต่เจ้ากลับปฏิเสธความใจดีของพวกเรา เจ้าไม่รู้เลยหรือว่า ถ้าไม่ใช่เพราะข้า เจ้าคงไม่ได้มันแม้แต่นิด ? ” เทียนมู่หลิงพูดขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิด ท่าทีใจเย็นของนางก่อนหน้านี้หายไป นางรู้ว่าถ้าเจี้ยนเฉินทำให้ผู้อาวุโส 2 คนที่อยู่ข้างนางโกรธ เขาต้องมีปัญหาแน่ ๆ
“ฮ่าฮ่า ถ้าเจี้ยนเฉินหวังจะครอบครองโลหะผสมทังสเตนไว้เพียงผู้เดียว แล้วทำไมไม่ฆ่าเขาซะล่ะ ? เมื่อเขาตาย โลหะผสมทังสเตนก็ไม่มีเจ้าของ ตระกูลเทียนมู่ของเจ้าและตระกูลเอ้าหยุนของข้าจะได้แบ่งกันคนละครึ่งโดยไม่ต้องทะเลาะกัน” ซิตูชิงขัดขึ้นมา ตอนนี้แม้ว่าตระกูลโบราณก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาที่จะป้องกันก็แทบจะสู้ไม่ได้ ตอนนี้เขาได้เลิกคิดถึงเรื่องครอบครองโลหะผสมทังสเตนตอนนี้เขาสนใจแค่เรื่องฆ่าเจี้ยนเฉิน การตายของเจี้ยนเฉินนั้นเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด
“ข้อเสนอได้เปลี่ยนไปแล้ว” ผู้อาวุโสจากตระกูลเอ้าหยุนพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของซิตูชิง
รอยยิ้มอันชั่วร้ายแสดงขึ้นบนใบหน้าของซิตูชิง “ไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลโบราณที่น่านับถือนั้นฆ่าเจี้ยนเฉิน แต่ให้ข้าผู้นี้ทำหน้าที่นั้นเอง เกอซิ่ว เจ้ารับมือกับสัตว์อสูร, จินเทียน จิ้งเฟิง เจ้ารับมือกับหวงเทียนป้า, ไป๋ไฮ เจ้าและข้าไปฆ่าเจี้ยนเฉิน ! “
“ดีมาก หวงเทียนป้า ความขับข้องใจระหว่างตระกูลของเราได้มีมากว่าพันปีแล้ว วันนี้เราจะจบมันเองด้วยการตายของเจ้า ตระกูลหวงของเจ้าจะตามเจ้าไป ! ” จินเทียนหัวเราะออกมาก่อนจะชักกระบี่ยาวขึ้นมาในมือ กระบี่นั้นเปล่งแสงสีขาวออกมา จากรูปลักษณ์ของมันแล้ว แสงทุกแสงในโลกดูเหมือนว่าจะหมองเมื่อเทียบกับมัน คลื่นของพลังงานแผ่ออกมาจากกระบี่อย่างกับมันเป็นสัตว์อสูรที่เพิ่งตื่นขึ้นมา แม้แต่บรรยากาศรอบ ๆ เองยังสั่นไหวอย่างกับว่ากำลังกลัวอยู่
“ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ! ” เจียเต๋อไท่ร้องออกมา
“ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ! ” หัวใจของเจี้ยนเฉินแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น พร้อมกับที่เขามองไปยังกระบี่ที่อยู่ในมือ จินเทียน ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎนี้ถือว่าใหญ่กว่ากระบี่วายุโปรยเล่มเก่าของเขา แต่มันยังคงมีตรงกับสิ่งที่เขาตามหาเหมือนกัน เนื่องจากมันเป็นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ มันจึงสามารถรองรับพลังบรรพกาลได้โดยไม่แตกหัก
จิตใจของเขายังคงไม่สงบ ในตอนที่เขามองดูกระบี่ เขาไม่สามารถปกปิดความโลภในแววตาเขาได้
“ข้าต้องเอายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎนั่นมาให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม” เจี้ยนเฉินพูดออกมากับตัวเอง มือของเขากำแน่นด้วยความตื่นเต้น การหายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎที่เหมาะสมกับเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
หอกยาว 5 ม. นั้นปรากฏขึ้นในมือของจิ้งเฟิง หอกนี้เองก็แผ่พลังงานที่บ่งบอกว่าเป็นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเช่นกัน เซียนผู้คุมกฎ 2 คนของตระกูลหวงฟู่ต่างก็ถือครองยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ
เกอซิ่วใช้โอกาสนั้นพุ่งเข้าหานูบิส เมื่อนูบิสโดนโจมตี ซิตูชิงและไป๋ไฮต่างก็ใช้โอกาสนั้นในการไล่ล่าเจี้ยนเฉินเพื่อฆ่าเขา
ผู้อาวุโสของตระกูลเอ้าหยุนยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ทำสิ่งใด พวกนั้นวางแผนปล่อยให้ซิตูชิงฆ่าเจี้ยนเฉิน เพื่อที่จะได้ไม่มีใครอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของโลหะผสมทังสเตน จากนั้นตระกูลเทียนมู่และตระกูลเอ้าหยุนจะได้แบ่งมันโดยไม่ต้องมีข้อพิพาท
“ท่านปู่จุน ท่านย่าหวัง ท่านต้องช่วยเจี้ยนเฉิน ! เขารับมือสองคนนั้นไม่ได้ ! ” เทียนมู่หลิงดึงชายเสื้อของทั้งสองคนขอให้สองคนนั้นออกไปช่วย
“หลานรัก เรื่องนี้โทษข้าและท่านย่าเจ้าไม่ได้ เราเองก็ต้องการช่วยเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะครอบครองโลหะผสมทังสเตนไว้เพียงคนเดียว ให้เขารับผลของการกระทำตัวเองเถอะ” จุนโมเห่าอธิบาย
เทียนมู่หลิงทำได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง ตั้งแต่นี้ไปนางรู้ว่าไม่มีทางที่ท่านปู่และย่าของนางจะช่วยเขา
“เจี้ยนเฉิน เตรียมตัวตาย ! “
ในอีกด้าน ซิตูชิงก็ได้พุ่งตรงเข้าหาเจี้ยนเฉิน ด้วยความช่วยเหลือของไป๋ไฮ ตอนนี้ซิตูชิงมีความสามารถในการฆ่าเจี้ยนเฉินยิ่งกว่าเดิม
ทันใดนั้นพื้นที่รอบ ๆ เจี้ยนเฉิน อยู่ ๆ ก็เยือกแข็งขึ้นมาโดยตรึงตัวทั้งเจี้ยนเฉิน ซิตูชิง และไป๋ไฮไว้อยู่กับที่
จากนั้นพื้นที่ข้าง ๆ ของเจี้ยนเฉินก็เริ่มบิดเบี้ยวออก สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือมีประตูมิติโผล่ขึ้นมาพร้อมกับมีชายวัยกลางคนสวมชุดขาวเดินออกมายืนอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน
ไม่มีพลังงานใด ๆ ที่แผ่ออกมาจากชายคนนี้ เขานั้นดูเหมือนเป็นแค่คนธรรมดาแต่แม้จะอย่างนั้นก็เถอะ ทุกคนก็บอกได้ว่าชายคนนี้ต้องมีพลังมากอย่างแน่
นั่นคือลุงของหมิงตง ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองทหารรับจ้าง เทียนเจี้ยน !
“เจี้ยนเฉินคารวะท่านผู้อาวุโส ! ” เมื่อเห็นชายผู้นั้น เจี้ยนเฉินรีบคำนับทันที การปรากฏตัวอย่างไม่คาดคิดของเทียนเจี้ยนนั้น เขาพอจะรู้ได้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดคงรู้เรื่องนี้จากการแจ้งเตือนของหินหยก
“หวงเทียนป้าคารวะท่านผู้อาวุโส ! ” หวงเทียนป้าเองก็คำนับด้วยเช่นกัน