เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 690: ราชากระบี่
ตอนที่r 690: ราชากระบี่
หลังจากที่ได้เห็นหวงเทียนป้าบินมาแต่ไกล นูบิสก็หัวเราะเสียงดัง “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วย ข้าจะจัดการมันด้วยตัวของข้าเอง” นูบิสเริ่มเปล่งแสงสีทองสว่างสุกใสออกมา ใยเส้นสีทองเป็นเกลียวนับไม่ถ้วนได้พุ่งออกจากร่างกายของเขา และมุ่งตรงไปที่จิ้งเฟิงทันที ใยเส้นสีทองส่วนหนึ่งนั้นไปโจมตีรอบ ๆ ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของจิ้งเฟิง ส่วนใยเส้นสีทองอีกกลุ่มหนึ่งไปล้อมรอบจิ้งเฟิงไว้ มันคลุมเขาไว้เหมือนกับรังไหม ทำให้เขาขยับเขยื้อนไม่ได้
“อ้ากก ! ” จิ้งเฟิงร้องคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว พลังเซียนในตัวของเขาเพิ่มขึ้นเหมือนน้ำจากเขื่อนที่แตก พยายามที่จะทำลายใยสีทองนั้น
อย่างไรก็ตาม ด้ายสีทองนั้นไม่ใช้วัตถุธรรมดา ๆ มันไม่ได้แค่มีความทนทานอย่างเดียว แต่มันยังยืดหยุ่นอีกด้วย ไม่ว่าจิ้งเฟิงจะพยายามมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทำลายมันได้
“เจ้าเฒ่า เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะมีพลังในชั้นสวรรค์ที่ 4 ถ้าไม่เช่นนั้น เจ้าเลิกคิดที่จะหนีจากใยที่ข้าสร้างขึ้น ต่อหน้าข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าไม่มีทางที่จะหนีไปได้หรอก” การที่ได้เห็นจิ้งเฟิงพยายามที่จะหนีด้วยความพยายามทั้งหมดที่เขามี ทำให้นูบิสอดไม่ได้ที่จะเย้ยเยาะใส่เขา กลังจากนั้น เขาใช้พลังมิติเพื่อที่จะไปถึงจิ้งเฟิงในพริบตา เขาใช้มือขวาของเขาที่เป็นดั่งกรงเล็บแทงผ่านใยสีทองนั้น และพุ่งทะลุไปที่หน้าอกของจิ้งเฟิง เขาควักเอาหัวใจออกมาจากร่างกายของจิ้งเฟิง
กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปในอากาศและตาของเขาก็แดงกล่ำ กลิ่นของเลือดในอากาศได้ไปกระตุ้นความกระหายเลือดที่มีอยู่ในสายเลือดของเขา
นูบิสจ้องอย่างไร้ความปราณีไปที่จิ้งเฟิง ผู้ที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในใยสีทองที่กำลังเจ็บปวดอยู่ เขาบีบมือแน่นและบดขยี้หัวใจของจิ้งเฟิงที่อยู่ในมือ เขายิ้มอย่างเลือดเย็น “มันเจ็บใช่ไหม ? ข้าลืมไปแล้วว่าข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ได้ฆ่าไปกี่ชีวิตแล้ว เจ้าเป็นมนุษย์ เซียนผู้คุมกฎคนแรกที่ตายด้วยน้ำมือของข้าใน 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เจ้าควรจะรู้สึกเป็นเกียรตินะ เอาล่ะตอนนี้ ให้ข้าจบชีวิตของเจ้าเถอะ” ลูกบอลสีทองโผล่ขึ้นมาที่มือขวาของนูบิส พลังส่วนใหญ่จากใยสีทองได้มารวมอยู่ที่มือของเขา แต่เมื่อเขากำลังจะบดขยี้หัวของจิ้งเฟิงและทำลายวิญญาณดั้งเดิมของจิ้งเฟิง ก็ได้มีปราณกระบี่พุ่งเข้ามาจากที่ไกล ๆ ความว่องไวและความโหดร้ายของปราณกระบี่นี้ช่างหาได้ยากบนโลกนี้ มันเหมือนกับกลุ่มหมอกที่น่ากลัวที่ปกคลุมไปทั่วด้วยรัศมีการเข่นฆ่า
ในไม่กี่อึดใจถัดมา เสียงดังชัดที่มาพร้อมกับปราณกระบี่ก็ดังมาแต่ไกล “นูบิส ให้ข้าจัดการมันเอง”
ตาที่แดงก่ำเห็นเส้นเลือดของนูบิสก็ค่อย ๆ ลดหายไป พร้อม ๆ กับสัญชาตญาณความกระหายเลือดที่เพิ่งถูกกระตุ้นก็ลดลงไปด้วย ในฐานะที่เป็นสัตว์อสูรระดับ 7 แม้ว่านูบิสจะไม่สามารถเปลี่ยนสัญชาตญาณที่มีมาแต่กำเนิดของสัตว์อสูรได้ แต่เขาก็สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดั่งที่ตั้งใจ
นูบิสกลับไปเป็นสภาพปกติอย่างรวดเร็ว เขาหันกลับและมองไปยังเจี้ยนเฉินที่กำลังใกล้เข้ามา เขารู้สึกอดไม่ได้ที่ตกใจและบ่นพึมพำ “นั่นไม่ใช่ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎหรอกหรือ ? ทำไมข้ารู้สึกว่าเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ ? บุคลิกของเขาทำให้ข้าถึงกับกลัว เมื่อเจ้าตั้งใจที่จะกำจัดเจ้าเฒ่านี้ ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ก็จะให้เจ้าทำ ข้าอยากจะเห็นว่าพลังของเจ้ามีมากแค่ไหนจากกลิ่นอายที่จะเปล่งออกมา”
ใยที่ล้อมจิ้งเฟิงไว้ได้กลับมาหานูบิสและจิ้งเฟิงก็ขยับได้อีกครั้ง หลังจากนั้น เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยและเริ่มหนีโดยไม่คิดชีวิตทันที
ความเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวงเทียนป้า “ต่อหน้าธนูสุริยันจันทราของข้า ไม่เคยมีเซียนผู้คุมกฎ คนไหนที่สามารถหนีจากมันได้” หวงเทียนป้าคว้าธนูที่พาดหลังเขาขึ้นมา และลูกธนูสีทองที่ถูกสร้างจากพลังเซียนก็โผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อหวงเทียนป้ากำลังจะยิงลูกธนูออกไปนั้น ปราณกระบี่จากที่ไกลไกลที่เขาเห็นห่างออกไปหลายกิโลเมตร เจี้ยนเฉินเหวี่ยงกระบี่ออกไปและปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งความยาว 1 เมตร ที่เปล่งแสงสีดำก็พุ่งเข้าไปหา จิ้งเฟิงด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ปราณกระบี่ซึ่งมาจากพลังบรรพกาลทั้งหมดและมีพลังที่น่าเกรงขามมาก ที่ไหนก็ตามที่ปราณกระบี่ได้ผ่านไป มันก็จะทำให้มิติที่นั้นแตกร้าว
ปราณกระบี่นั้นเร็วมากจนมองตามไม่ทัน และเหนือกว่าความเร็วในการหนีของจิ้งเฟิง หลังจากที่หนีไปได้ 2-3 กิโลเมตร จิ้งเฟิงก็ถูกไล่ตามทันโดยปราณกระบี่ หลังจากนั้น มันก็ผ่านเขาไปเหมือบมีดร้อน ๆ ที่ตัดผ่านเนย
“อ๊ากกก ! ” จิ้งเฟิงกรีดร้องโหยหวนออกมา พลังบรรพกาลนั้นทรงพลังมาก เมื่อปราณกระบี่ที่สร้างมาจากพลังบรรพกาลได้ผ่านร่างกายของเขาไปแล้ว และพลังบรรพกาลจำนวนเล็กน้อยก็ได้ฝังอยู่ในร่างกายของเขา ในตอนนี้ พลังบรรพกาลปริมาณเล็กน้อยนั้นได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่ร่างกายของเขา และทำลายอวัยวะภายในของเขา พลังเซียนที่ทรงพลังของเขาไม่สามารถทำอะไรกับพลังบรรพกาลจำนวนเล็กน้อยนั้นได้เลย ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถขจัดพลังบรรพกาลออกไปได้
“นี่…มันพลังอะไรกันเนี่ย ! ? ” จิตใจของจินเทียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พลังที่เหลือในร่างกายของเขาเพิ่งจะเคยพบพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินพลังเช่นนี้ เพราะว่าความแข็งแกร่งของมันเกินกว่าความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับพลังต่าง ๆ ที่หลากหลายของทวีปเทียนหยวน
“ช่างเป็นพลังที่รุนแรงอะไรเช่นนี้ ! การโจมตีนั้นเท่ากับการโจมตีของเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 เชียวนะ น้องเจี้ยนเฉิน ทะ ทะ ทำไมเจ้าถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ? แม้ว่าเขาจะได้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎมา แต่ความแข็งแกร่งเขาก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมาถึงเพียงนี้” หวงเทียนป้าถอนหายใจออกมาด้วยความประหลาดใจ พลังในการโจมตีของเจี้ยนเฉินได้ทำให้เขาตกใจ เพราะว่าเขารู้ดีว่าเจี้ยนเฉินเพิ่งตัดผ่านเป็นเซียนผู้คุมกฎนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หวงเทียนป้าก็ทบทวนอีกครั้ง เขาก็นึกได้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นยอดเยี่ยมในทุกอย่างและไม่สามารถที่จะตัดสินเขาด้วยมาตรฐานธรรมดาได้ ดังนั้นเขาจึงเลิกคิด เขาแค่จ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีงุนงงและบ่นกับตัวเอง “ดูเหมือนจะมีหนึ่งในผู้ยอดยุทธที่เป็นที่รู้จักกันทั่วบนทวีปเทียนหยวนเพิ่มขึ้นอีก 1 ในไม่ช้านี้แหละ น้องเจี้ยนเฉินช่างมีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าเขาจะมีอายุเพียง 20 เศษ ๆ นอกจากเจ้าเมืองทหารรับจ้างโมเทียนหยุนแล้ว บางทีอาจจะไม่มีใครบนทวีปเทียนหยวนที่ทาบรัศมีของเขาได้เลย”
นูบิสรู้สึกงงงวยสุดขีด เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความแปลกใจและตกใจอย่างมาก และไม่สามารถสงบจิตใจของเขาเอาไว้ได้ เขารู้สึกว่าการโจมตีของเจี้ยนเฉินนั้นรุนแรง แม้ว่าเขาจะมีร่างกายของสัตว์ในตำนาน เขาก็คงไม่สามารถทนต่อการจู่โจมนั้นได้
ในฐานะที่เป็นสัตว์อสูร เขาครอบครองความได้เปรียบและแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ในด้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม นูบิสรู้สึกชัดเจนได้เลยว่า ปราณกระบี่ที่โจมตีออกมาโดยเจี้ยนเฉินนั้นมีพลังที่น่ากลัวอย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่พลังที่มหาศาลเท่านั้น แต่มันเต็มไปด้วยการทำลายล้าง ด้วยด้วยสัญชาตญาณโดยกำเนิดในฐานะที่เขาเป็นสัตว์อสูรแล้ว นูบิสก็รู้สึกได้เลยว่าไม่มีอะไรในโลกนี้สามารถหยุดยั้งการทำลายล้างของพลังที่น่ากลัวนั้นได้เลย
“พลังที่น่ากลัวนั้นไม่ได้อยู่ในความทรงจำใดของเขา มันหมายความว่าพลังนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาในทวีปเทียนหยวนมาก่อนอย่างนั้นหรือ ? บางทีอาจจะไม่เคยมีอสรพิษทองริ้วเงินที่เคยเข้ามาที่นี่มาก่อน”
“ข้าเริ่มสงสัยแล้วละว่า เจี้ยนเฉินเป็นโมเทียนหยุนกลับชาติมาเกินตอนนี้ นอกเหนือจากโมเทียนหยุน ใครกันเล่าบนทวีปเทียนหยวนที่จะมีพรสวรรค์และความสามารถในการต่อสู้เช่นนี้? พลังที่โมเทียนหยุนมีก็น่ากลัวแบบนี้ด้วย” นูบิสจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีงงงวย ในตอนนี้ สถานะของเจี้ยนเฉินในใจของเขาได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้ว
ด้วยการรวมร่างของคนกับกระบี่ เจี้ยนเฉินก็ได้กลายเป็นกระบี่ ร่างกายของเขาทั้งหมดเปลี่ยนไปเป็นบางอย่างที่รูปร่างคล้ายกระบี่และพุ่งไปที่จิ้งเฟิง แม้ว่าความเร็วของเขาจะไม่เท่ากับที่เขาใช้พลังมิติ แต่มันก็ไม่ได้ช้ากว่าซักเท่าไร
ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็ไปถึงข้างหน้าจิ้งเฟิง เขาถ่ายเทพลังบรรพกาลจากร่างกายของเขาไปที่ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎและแสงสว่างระยิบระยับของยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎก็ถูกข่ม กลายเป็นแสงสีดำสว่างสวยขึ้นมาแทน
เจี้ยนเฉินเหวี่ยงมือของเขาอย่างไว กระบี่สังหารมังกรก็ได้กลายไปเป็นกระบี่หลายเล่มซึ่งล้อมรอบตัวจิ้งเฟิงอยู่ ทุก ๆ ครั้งที่เจี้ยนเฉินโจมตี มันก็จะแฝงไปด้วยพลังนั้น เพลงกระบี่นั้นยอดเยี่ยมราวกับว่ามันมาจากสวรรค์ มันสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ
“อ๊ากก ! ” เมื่อถูกล้อมรอบไปด้วยกระบี่ จิ้งเฟิงก็กรีดร้องเสียงแหลมออกมา เลือดสด ๆ กระเด็นไปทุกทิศทุกทางและใน 2-3 อึดใจ ตัวของ จิ้งเฟิงก็อาบไปด้วยเลือด แผลที่ดูน่ากลัวปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขาจนไม่เหลือที่ว่าง
แค่ในเวลาสั้น ๆ เจี้ยนเฉินสร้างบาดแผลกว่าพันที่ทั่วร่างกายของจิ้งเฟิง
นูบิสและหวงเทียนป้าที่กำลังดูอยู่ไกล ๆ อ้าปากค้าง พวกเขาจ้องมาที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจ ในตอนนี้ ความคิดที่เหมือนกันก็ปรากฏขึ้นในหัวของพวกเขา ช่างเป็นกระบี่ที่รวดเร็วอะไรเช่นนี้!
“ใครจะคิดเล่าว่าน้องเจี้ยนเฉินจะน่ากลัวเช่นนี้เมื่อใช้กระบี่ ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเขาต่ำไป บางทีนี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของน้องเจี้ยนเฉิน การโจมตีที่รวดเร็วนั้นช่างน่ากลัว ถ้าเป็นเรื่องความเร็วละก็ ใครกันเล่าที่จะมาเป็นคู่มือของเขาได้ ? ” หวงเทียนป้านึกในใจ
วูบบ ! ในตอนนั้นเอง กระบี่สังหารมังกรก็ส่องแสงแวววาวขึ้นมา กลายเป็นภาพพร่ามัวที่ตัดผ่านคอของจิ้งเฟิงไป หัวและตัวของจิ้งเฟิงแยกออกจากกันทันที หัวของเขากระเด็นลอยไปในอากาศ
ท่าทีของเจี้ยนเฉินนั้นเยือกเย็นและเขาส่องส่ายสายตาไปที่หัวของจิ้งเฟิง หลังจากนั้น เขาก็ไล่ตามมันไป กระบี่สังหารมังกรในมือของเขาส่งเสียงฮัมลึกลึก มันเป็นเสียงที่เกิดระหว่างการลากกระบี่ด้วยความเร็วสูงผ่านอากาศ หลังจากนั้นเขาก็แทงกระบี่ไปที่ระหว่างคิ้วของจิ้งเฟิง ทะลุไปอีกด้านของหัวกะโหลก เจี้ยนเฉินไม่ได้รอให้วิญญาณดั้งเดิมของจิ้งเฟิงหลบหนีไป และพลังบรรพกาลที่เขากักเก็บไว้ในกระบี่ก็ปะทุขึ้น และระเบิดไปที่หัวของจิ้งเฟิงซึ่งกำจัดวิญญาณดั้งเดิมที่อยู่ภายในนั้นไปพร้อม ๆ กัน