เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 692: ภัยพิบัติ
ตอนที่ 692: ภัยพิบัติ
ทุก ๆ คนในห้องประชุมต่างพากันประหลาดใจจากภาพที่เห็นนี้ ทุกคนจ้องมองไปยังชายวัยกลางคนและเต็มไปด้วยความสับสน ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่นี่เป็นศูนย์กลางของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาด้วยยาม 3 ชั้น ทั้งด้านในและด้านนอก แม้แต่แมลงวันยังเข้ามาไม่ได้ แต่ตอนนี้มีชายคนหนึ่งพังประตูห้องประชุมและเข้ามา นี่มันทำให้ทุกคนมืดแปดด้าน
ด้วยชื่อเสียงและความแข็งแกร่งของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ไม่มีใครในรัศมีหลายแสนกิโลเมตรนี้ที่จะกล้ามายั่วยุพวกเขาได้ !
สายตาของ เจี้ยนเฉิน, นูบิส และเจียเต๋อไท่ ทั้งหมดจ้องไปยังชายที่พังประตูเข้ามา อย่างไรก็ตาม เมื่อนูบิสมองไปที่ชายผู้นั้นดีดีแล้ว ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “มันคือเจ้าจริง ๆ ทะ ทะ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ ? “
เจี้ยนเฉินเหลือบไปมองนูบิสที่นั่งข้าง ๆ เขาและรู้สึกเต็มไปด้วยความสงสัย พฤติกรรมที่แสดงออกของนูบิส บ่งบอกได้ชัดเลยว่าเขารู้จักชายผู้นี้ เจี้ยนเฉินไม่เข้าใจเลยว่าอะไรที่ทำให้นูบิสสูญเสียความเยือกเย็นไปแบบนี้
ชายนั้นจ้องไปยังเจี้ยนเฉินเขม็งและดูถูก “ใครจะคิดว่าเจ้างูน้อยตัวนี้จะมารับใช้มนุษย์ ปรารถนาที่จะมาติดตามมนุษย์ ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง ไม่ใช่อสรพิษทองริ้วเงินในตำนานมองว่าศักดิ์ศรีมันสำคัญกว่าชีวิตงั้นรึ ? เจ้างูน้อยนี้ช่างแปลกจริง”
การที่ได้ยินคำพูดด้วยน้ำเสียงท้าทายของชายคนนั้น ทำให้นูบิสไม่พอใจ อสรพิษทองริ้วเงินนั้นยกให้ศักดิ์ศรีอยู่เหนือสิ่งอื่นได้อย่างแน่แท้ และสิ่งที่ชายคนนั้นกล่าวก็ได้ล่วงเกินนูบิสมากเกินไป โดยไม่สนใจว่าชายผู้นั้นเป็นใคร เขายิ้มเยาะ “ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ จะทำอะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ใช่เฉพาะเจ้า แม้แต่ราชาผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่เกี่ยว”
ชายผู้นั้นเยาะเย้ยต่อ “เจ้ากล้าที่จะพูดแบบนั้นต่อหน้าข้า ถ้าราชาผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่ เจ้ายังจะกล้าพูดมันอีกไหม?”
นูบิสเริ่มรู้สึกสับสน เขาขบฟันขณะที่จ้องไปยังชายผู้นั้น แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ เพราะว่าชายผู้นั้นพูดถูก แม้ว่านูบิสจะภูมิใจในตนเองมากแค่ไหน แต่ต่อหน้าราชาผู้ยิ่งใหญ่นั้น เขาก็ต้องเก็บความภาคภูมิใจนั้นไป
ชายผู้นั้นไม่ได้โต้เถียงต่อกับนูบิส เขาเพ่งไปยังเสือสีขาวตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่ที่มือเจี้ยนเฉิน ด้วยความรู้สึกยินดีแบบซับซ้อน
“เจ้าต้องใช่เจี้ยนเฉินแน่ ๆ ใจเย็นไว้ ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้า แค่ส่งเสือน้อยตัวนั้นมาและมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ชายผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและจ้องไปยังเจี้ยนเฉินอย่างไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
เมื่อได้ยินว่าชายผู้นั้นต้องการเสือสีขาวตัวเล็กที่อยู่ในมือของเขานั้น เจี้ยนเฉินก็สะดุดใจ เขามองไปที่ชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจและสงสัยและถามไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าคือใคร?”
ชายผู้นั้นยิ้มอย่างเย็นยะเยือก เขาจ้องมองไปที่นูบิสซึ่งอยู่ในชุดทอง “มันรู้ว่าข้าคือใคร”
เจี้ยนเฉินมองไปที่นูบิสทันที จริง ๆ แล้ว เขาพอจะรู้อยู่แล้วว่าชายผู้นี้คือใคร เขาแค่ต้องการความแน่ใจ
“เจี้ยนเฉิน เขาคือ 1 ใน 2 ราชาผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลกิลลิกัน ราชาพยัคฆ์ แอนเดอร์เคน” นูบิสตอบเสียงต่ำด้วยท่าทีรังเกียจ
“อะไรนะ เขาคือราชาของตระกูลกิลลิกันงั้นหรือ? ใช่ ตระกูลกิลลิกันที่มาจากส่วนลึกของเทือกเขาครอสหรือเปล่า ? ” เจียเต๋อไท่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างช่วยไม่ได้ ในฐานะที่เขาเชี่ยวชาญในผู้คนระดับสูงที่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎมานานหลายปี เขาคุ้นเคยกับตระกูลกิลลิกันดี มันเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งมาก ไม่ใช่แค่มีราชา 2 คนซึ่งเป็นเซียนระดับราชาที่แข็งแกร่งเท่านั้น พวกเขายังมีเซียนผู้คุมกฎจากหลาย ๆ สายพันธุ์อีกนับสิบ แม้แต่ตระกูลโบราณยังไม่กล้าที่จะไปยั่วยุตระกูลกิลลิกัน ส่วนลึกของเทือกเขาครอสยังเป็นเขตต้องห้ามของจากมนุษย์ทุกคนอีกด้วย ดังนั้นแม้แต่มนุษย์ที่เป็นเซียนผู้คุมกฎยังไม่กล้าที่จะบุกรุกเข้าไปในดินแดนนั้น
ท่าทางของเจี้ยนเฉินกลับกลายน่ากลัวทันที แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าราชาของตระกูลกิลลิกันจะต้องมาหาเขาไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ มันนานมาแล้วหลังจากที่เขาพบเสือสีขาวตัวนั้นและทวีปเทียนหยวนก็ใหญ่เกินไปที่จะหาเขาพบ มันเหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร
เมื่อสังเกตเห็นท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป ชายผู้นั้นยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่จำเป็นจะต้องกลัวไปหรอก ทันทีที่เจ้ามอบเสือนั้นให้ข้า ข้าก็จะไปทันที ข้าจะไม่สร้างปัญหาใด ๆ “
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ชายผู้นั้นและกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “เจ้าออกมาจากส่วนลึกของเทือกเขาครอสเพื่อเข้ามายังโลกมนุษย์จริง ๆ หรือ เจ้าลืมข้อตกลงระหว่างภาคีมนุษย์และเทือกเขาครอสของเจ้าแต่ครั้งก่อนไม่ได้หรือ? ผลลัพธ์จากการแหกกฎนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะ”
ตอนนี้ มันเป็นสีหน้าของชายผู้นั้นแล้วที่เปลี่ยนไป เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่ แค่ข้ากระดิกนิ้วก็ฆ่าพวกเจ้าทุกคนได้แล้ว เจี้ยนเฉิน เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าควรจะตัดสินใจให้ดี ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ นะ ส่งเสือนั้นมาให้ข้าซะดีดี อย่าให้ข้าต้องลงมือ”
“ราชาพยัคฆ์ เจ้าเข้ามาในทวีปเทียนหยวนแล้ว ถ้าเจ้ากล้าที่จะสังหารทุกคนในทีนี้บนทวีปเทียนหยวน ผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ถึงแม้ว่าเจ้าจะกลับไปที่ตระกูลกิลลิกัน เจ้าก็ไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมมือของผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ได้” นูบิสกล่าวอย่างนุ่มนวล “มีบางอย่างที่ข้าลืมบอกเจ้าไปด้วย ท่านผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างก็หนุนหลังเจี้ยนเฉินด้วย”
“อะไรนะ มันรู้จักท่านผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างด้วยงั้นรึ ? ” ชายผู้นั้นตกใจทันที มีความกลัวอยู่ในแววตาลึก ๆ ของเขา
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างคือลุงของข้า ข้าไม่สนใจว่าท่านคือใคร แต่ถ้าเจ้ากล้าที่จะทำร้ายพี่น้องของข้า ข้าจะเรียกลุงของข้ามา ลุงของข้าอยู่ที่เมืองทหารรับจ้าง แต่ถ้าเขาต้องการจะมา มันก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น” หมิงตงเปิดปาก แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด แต่เขาก็รู้จากการแนะนำของนูบิสว่า ชายที่อยู่เบื้องหน้านี้คือราชาของตระกูลที่ทรงพลังที่ทำให้นูบิสและเจียเต๋อไท่หวาดกลัวได้
ชายผู้นั้นยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสน หลังจากนั้น ความกังวลทั้งหมดในดวงตาของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความเยาะเย้ย มองไปทางพวกเขาและยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าควรจะเก็บมันไว้ เจ้าคิดว่าข้าหลอกได้ง่ายเหมือนเด็ก 3 ขวบอย่างงั้นหรือ? เจี้ยนเฉิน ข้าจะพูดกับเจ้าครั้งสุดท้าย ส่งเสือนั่นมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
“ข้าไม่สนว่าเจ้าคือใคร แต่ถ้าเจ้าต้องการที่จะให้ข้ามอบพยัคฆ์ปีกเทวะให้เจ้า มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น” เจี้ยนเฉินตอบโดยไม่ต้องคิดอะไรเพิ่มเลย หลังจากนั้นเขาหนีบพยัคฆ์ปีกเทวะไว้ระหว่างรักแร้ข้างซ้ายของเขาและชักเอากระบี่สังหารมังกรออกมาจากแหวนมิติของเขามาไว้ในมือขวา
เมื่อมีกระบี่อยู่ในมือ ท่าทางของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเฉิง เขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ กลิ่นอายจากร่างกายของเขาเหมือนกับพวยพุ่งขึ้นไปบนสวรรค์ เช่นเดียวกันกับกระบี่นั้น
“ดูเหมือนว่าข้าคงต้องลงมือแล้ว” ชายผู้นั้นปรากฏออกมาด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นและก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าวทีละก้าว
วืด ! ทันใดนั้น เจี้ยนเฉินพุ่งออกจากพื้น ชกเพดานของหอประชุมออกไป เขาสามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องห่วงอะไรบางอย่าง เช่น การบาดเจ็บของผู้คนจากลูกหลงในการต่อสู้เมื่ออยู่ด้านนอก
“เจี้ยนเฉิน รีบเรียกท่านผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างมาเร็ว มีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับคนผู้นี้ได้” เขาได้ยินเสียงของนูบิสทันทีที่พุ่งออกมาจากเพดาน
หลังจากได้ยินเช่นนั้น เจี้ยนเฉินรู้สึกลำบากใจ ในการต่อสู้ครั้งก่อนที่เหมืองทังสเตนในตอนที่เทียนเจี้ยนปรากฏตัวขึ้นมา นั่นเป็นเพราะเขาได้ให้ชิ้นหยกแก่หวงเทียนป้าเพื่อที่จะได้ติดต่อกับเขาได้ อย่างไรก็ตาม หยกนั้นแตกไปแล้วและก็ไม่มีชิ้นอื่นอีก แม้ว่าเขาอย่างจะให้เทียนเจี้ยนมาช่วยเขา แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้
“หืม เจ้ากล้าที่จะสู้กับข้า ช่างเย่อหยิ่งและทะนงตัวนัก บางทีเจ้าอาจคิดว่าความแข็งแกร่งเล็กน้อยนั้นจะพอที่จะต่อกรข้างั้นหรือ ? ” ราชาแห่งตระกูลกิลลิกันดูถูกในขณะที่เขามองเจี้ยนเฉินพุ่งมาบนอากาศ หลังจากนั้นเขาก็ตามเจี้ยนเฉินไปอย่างไม่เร่งรีบ ด้วยพลังของเขา เขาไม่กังวลเลยว่าเจี้ยนเฉินจะหนีไปได้
ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินและราชาของตระกูลกิลลิกันหายไปจากห้องประชุม ทิ้งผู้คนด้านหลังให้เบิกตาโพลงสงสัยว่าพวกเขาควรจะทำอย่างไร
“โอ้ พระโพธิสัตว์ ผู้อาวุโสทั้งสอง ท่านกำลังยืนจ้องอะไรอยู่ ? รีบไปช่วยพี่ชายข้า สู้กับมันด้วยกัน” เมื่อไป๋เหลียนรู้สึกตัวดังนั้นแล้ว เธอก็มองไปที่นูบิสและเจียเต๋อไท่ด้วยสายตาวิงวอน ในห้องประชุมนั้น พวกเขาคือ 2 คนที่แข็งแกร่งที่สุด
“โธ่ ! ” เจียเต๋อไท่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเต็มไปด้วยความรู้สึกช่วยไม่ได้
นูบิสยักไหล่และพูดอย่างซื่อ ๆ ว่า “น้องสาว ไม่ใช่ว่าเราไม่ช่วยเจี้ยนเฉิน แต่นี้มันเกินกำลังที่เราจะทำอะไรได้ เจ้าอาจจะไม่รู้ถึงพลังของราชาของตระกูลกิลลิกัน มันไม่ใช่อะไรที่เราจะไปต่อกรได้เลย แม้พวกเราไป ก็แค่ไปตายเท่านั้นเอง”
“อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น ? ” เสียงแก่ ๆ ดังออกมาแต่ไกล ทันทีที่เสียงหายไป ชายแก่ในเสื้อคลุมยาวสีขาวก็ปรากฏตัวในห้องประชุม เขาคือบรรพบุรุษของตระกูลไป๋, ไป๋ไฮ ผู้ที่มาเพราะสัมผัสถึงพลังที่เปลี่ยนไปของ เจี้ยนเฉิน
การที่เห็นบรรพบุรุษนั้น ไป๋เหลียนก็จับไปที่มือของเขาทันทีประหนึ่งจับกิ่งไม้ที่จะช่วยชีวิตของเธอไว้ เธอพูดอย่างรวดเร็ว “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ท่านตา ในที่สุดท่านก็มา พี่ชายกำลังสู้กับศัตรูที่ทรงพลังอยู่ ท่านตาจำเป็นที่จะต้องไปช่วยเขาโดยเร็ว”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ไป๋ไฮก็เริ่มเคร่งขรึม เขาหันไปทางนูบิสและเจียเต๋อไท่ “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? “
นูบิสถอนหายใจเบา ๆ “คนนั้นคือราชาที่มาจากตระกูลกิลลิกัน เขาคือเสือและเขาอยู่ในระดับ 8 แม้ว่าเราจะช่วยกัน เราก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นถ้าพวกเราไป มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เราได้แค่เรียกท่านผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างเท่านั้น”
“อะไรนะ ? ! ผู้นั้นคือสัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่งระดับเซียนราชา ไม่นะ แย่แน่คราวนี้ ของทุกอย่างที่ท่านลุงเทียนทิ้งไว้ให้เพื่อติดต่อเขาก็ได้ถูกใช้ไปหมดแล้ว ข้าไม่สามารถติดต่อท่านลุงเทียนได้” ท่าทางของหมิงตงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารู้สึกกังวลเป็นที่สุด