เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 693: ภาวะวิกฤต
ตอนที่ 693: ภาวะวิกฤต
“อะไรนะ พวกเจ้าไม่สามารถติดต่อท่านผู้อาวุโสสูงสุดได้งั้นหรือ ? ” หลังจากที่ได้ยินหมิงตงพูด ท่าทางของนูบิสก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
หมิงตงกังวลมาก “เหตุผลที่ว่าทำไมท่านลุงเทียนถึงมาปรากฏตัวครั้งก่อนหน้านี้ได้ เป็นเพราะเขาได้ให้หยกชิ้นหนึ่งที่จะสามารถติดต่อเขาได้แก่หวงเทียนป้า ตอนนี้หยกชิ้นนั้นได้ถูกใช้ไปแล้ว และของที่ท่านลุงเทียน ให้ข้ามาเพื่อติดต่อเขาก็ถูกใช้ไปแล้วด้วยเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงติดต่อกับเขาไม่ได้แล้ว มันจะเป็นปัญหาก็ตอนนี้ คู่ต่อสู้คือเซียนราชาที่ทรงพลัง เจี้ยนเฉินจะรับมือเขาได้อย่างไร ? “
ไป๋ไฮอนุมานรายละเอียดจากบทสนทนาระหว่าง 2 คนนั้นและเริ่มรู้สึกกังวล เขาพูด “ทำไมเหลนของข้าถึงไปยั่วยุคนแบบนั้น ? เขาเป็นถึงราชาของตระกูลกิลลิกัน ! ไม่นะ เขาคือความหวังเดียวของตระกูลไป๋ ข้าปล่อยให้เขาตายทั้งที่ยังอายุน้อยแบบนี้ไม่ได้ ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงใด ข้าต้องไปช่วยเขาให้ได้แม้ข้าจะต้องตายก็เถอะ” หลังากที่พูดแล้ว ไป๋ไฮก็เตรียมที่จะบินไปทางรูที่ถูกชกโดยเจี้ยนเฉินบนเพดาน อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขากำลังจะออกไปนั้น เขาก็ถูกนูบิสห้าม
“ตาแก่บ้า เจ้าไม่แม้แต่จะเข้าใจความแข็งแกร่งของเซียนราชา ด้วยพลังเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ของเจ้า เจ้าไม่ได้ไปสร้างความแตกต่างใดใดเลย ถ้าเซียนราชาต้องการที่จะฆ่าเจ้า เขาก็แค่กระดิกนิ้วเท่านั้น แม้เจ้าไป เจ้าก็ไปตายอย่างหมาข้างถนน” นูบิสตำหนิ
“ข้าไม่รู้ว่าท่านปู่ของข้าจะช่วยเจี้ยนเฉินได้ไหม แต่ข้าจะเรียกท่านปู่” เจ้าอ้วนน้อยเข้าใจว่าเจี้ยนเฉินกำลังตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่เขาพูดแล้ว เขาก็กัดที่นิ้วบนมือซ้ายของเขา ให้เลือดหยดลงบนแหวนมิติที่มือข้างขวาของเขา
นูบิสเริ่มปั่นป่วน การที่ได้ยินเจ้าอ้วนน้อยพูดนั้น เขาตะคอกขึ้นมาทันที “เจ้าคิดว่าท่านปู่ของเจ้าเป็นใครกัน ? ถึงแม้ว่าเขามา มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เขาจะต้องเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างหรือจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลโบราณ คู่ต่อสู้เป็นถึงราชาของตระกูลกิลลิกัน เข้าใจหรือไม่ ? เสือที่กระหายเลือดระดับ 8 คนที่จะสู้กับเขาได้นั้นมีไม่ถึงหยิบมือด้วยซ้ำ”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์จะพูดกับท่านปู่ของข้าแบบนั้น ท่านปู่ของข้าแข็งแกร่งมาก” จากการที่นูบิสดูถูกปู่ของเขา ทำให้เจ้าอ้วนน้อยไม่พอใจอย่างมาก เขาตะโกนใส่นูบิส
“เจ้าเด็กน้อย ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะมาถกเถียงกับเจ้า ตอนนี้ ทุก ๆ คนควรคิดหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะติดต่อกับท่านผู้อาวุโสสูงสุด ไม่อย่างนั้น ถ้าเจี้ยนเฉินไม่ส่งมอบพยัคฆ์ปีกเทวะ บางทีเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็เป็นได้”
..
เจี้ยนเฉินหนีบเสือไว้อย่างแน่ที่ใต้รักแร้ของเขา เขาถือกระบี่สังหารมังกรอย่างรัดกุมที่มือขวาของเขาแล้วทะยานขึ้นไปบนอากาศ เขาเปล่งรัศมีออกไปทั่วบริเวณ เขาเหมือนรวมเข้าด้วยกันกับบรรยากาศรอบข้าง เป็นส่วนหนึ่งกับมัน เขาบินออกไปไกล ๆ อย่างเงียบ ๆ ความเร็วของเขาเร็วมาก เร็วจนเห็นภาพที่ตามมาเบลอ ๆ เท่านั้น
ข้าง ๆ เขานั้น สมาชิกของตระกูลกิลลิกันยังคงยิ้มเยาะ เขาตามเจี้ยนเฉินอย่างไม่เร่งรีบ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาที่เป็นเซียนราชา เขาไม่กังวลเกี่ยวกับการหนีของเจี้ยนเฉิน เพราะเขาเป็นแค่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5
หลังจากนั้น 2-3 ลมหายใจ เจี้ยนเฉินก็มาปรากฏตัว 20 – 30 กิโลเมตรห่างออกไปจากฐานของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี เมืองที่มีชีวิตชีวาและมั่งคั่งก็หายไปด้วย และถูกแทนที่ด้วยทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า
“เจี้ยนเฉิน ที่นี่สงบมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องการฆ่าแกงผู้บริสุทธิ์และได้รับความเดือดร้อนจากการล่มสลายของท้องฟ้า เรามาจัดการเรื่องของเรากับเถอะ” เมื่อเขาพูดจบ เจี้ยนเฉินก็เห็นสมาชิกของตระกูลกิลลิกัน ผู้ซึ่งควรที่จะอยู่ด้านหลังเขากลับขึ้นมาปรากฏตรงหน้าของเขาทันที บดบังเส้นทางของเขาไว้
ปฏิกิริยาของเจี้ยนเฉินรวดเร็วมาก เขาหยุดโดยทันที เขาส่งสายตารวดเร็วแต่ทรงพลังไปที่ชายวัยกลางคนและท่าทางของเขาก็เคร่งครึมขึ้น พลังบรรพกาลในตันเถียนของเขาเริ่มที่จะปล่อยพลังบรรพกาลออกมาเป็นจำนวนมาก พลังบรรพกาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่ร่างกายของเจี้ยนเฉิน มันถูกส่งผ่านไปทั่วร่างกายของเขาและเพิ่มพลังป้องกันของร่างบรรพกาลไปถึงขีดสุด คลื่นพลังอีกเกลียวหนึ่งของพลังบรรพกาลได้ไหลไปที่แขนด้านขวาและถูกส่งต่อไปยังกระบี่สังหารมังกรของเขา
แสงระยิบระยับเบลอ ๆ ของกระบี่สังหารมังกรถูกกดไว้และแทนที่โดยแสงสีดำสวยงาม ในเวลาเดียวกัน รัศมีแห่งการทำลายล้างก็เริ่มแผ่กระจายออกจากกระบี่สังหารมังกร ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ บิดเบี้ยว
ในขณะนั้น เจี้ยนเฉินเตรียมร่างกายของเขาให้อยู่ในสภาพพร้อมที่สุด เตรียมพร้อมที่จะใช้พลังทั้งหมดที่เขามี เขาไม่กล้าที่จะผ่อนพลังลงเลย เพราะเขารู้ว่านี้อาจจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากและสิ้นหวังที่สุดในชีวิตของเขาก็เป็นได้
สมาชิกของตระกูลกิลลิกันเยาะเย้ยขณะที่มองไปยังเจี้ยนเฉิน “น่าสนใจจริง ๆ ใครจะคิดละว่าเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 1 อย่างเจ้าจะใช้พลังที่เทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ได้ เจ้านี้เป็นสุดยอดมนุษย์จริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่รัมกุยเนสมอบลูกของนางให้เจ้าดูแล”
“ยังไงก็เถอะ เจ้าคิดว่าจะต่อต้านข้าได้ด้วยพลังเล็กน้อยแค่นั้นหรือ ? ช่างโอหังยิ่งนัก” น้ำเสียงของสัตว์อสูรเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
เจี้ยนเฉินไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาจ้องไปที่คนของตระกูลกิลลิกันอย่างจดจ่อ ก่อนที่จะส่งเสียงคำราม พลังบรรพกาลยิ่งเพิ่มเติมออกมาจากร่างกายของเขาเข้าไปสู่กระบี่สังหารมังกร แสงสีดำพวยพุ่งออกมาจากกระบี่สังหารมังกรยิ่งเพิ่มรัศมีทำลายล้างของกระบี่หลายเท่า ในที่สุด เขาก็เหวี่ยงกระบี่
ปราณกระบี่ที่เต็มไปด้วยพลังบรรพกาลพุ่งออกไปจากกระบี่สังหารมังกรตัดผ่านอากาศไป มันพุ่งไปทางสัตว์อสูรนั้นเหมือนฟ้าผ่า เจี้ยนเฉินใส่ทุกอย่างลงไปในการโจมตีครั้งนี้ มันเป็นการโจมตีที่แรงที่สุดของเขาจากกำลังทั้งหมดที่เขามี
คนของตระกูลกิลลิกันแสดงให้เห็นถึงการดูแคลน เขากำมืออย่างหลวม ๆ และบรรยากาศด้านหน้าเขาทั้งหมดก็ถูกทำให้หยุดทันที ปราณกระบี่ที่น่ากลัวของเจี้ยนเฉินถูกบังคับให้หยุดกลางอากาศ ไม่สามารถเคลื่อนไปไหนได้ หลังจากนั้นไม่นาน บรรยากาศที่ถูกทำให้หยุดก็ได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และก็ทำให้ปราณกระบี่แตกสลายไปด้วย
เจี้ยนเฉินใส่พลังทั้งหมดลงไปในการโจมตี แต่มันก็ยังไม่แม้แต่ที่จะไปถึงตัวของเจ้าสัตว์อสูรจากตระกูลกิลลิกันนั้นเลย เขาแค่ขยับนิดเดียวโดยไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำนั้นก็ลบล้างการโจมตีของเจี้ยนเฉิน
การที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เจี้ยนเฉินถูกครอบงำไปด้วยความสิ้นหวัง หลังจากนั้นไม่นาน เขาไม่ลังเลเลยที่จะหันหลังเพื่อที่จะหนี เขาได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับบรรยากาศรอบ ๆ และใช้พลังมิติเพื่อที่หนีไปให้ไกล เหมือนกับสายฟ้า
“เจ้าจะหนียังงั้นหรือ ? ฮืม เจ้าไม่มีสิทธิ์” คนของตระกูลกิลลิกันมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเย้ยหยันก่อนที่จะโบกมือของเขา เพื่อแหวกมิติข้างหน้าของเขาออกเพื่อสร้างประตูมิติ ในพริบตาเดียวเท่านั้น เขาออกมาปรากฎตัวเบื้องหน้าเจี้ยนเฉิน ขวางทางเขาไว้อีกครั้ง
“เจี้ยนเฉิน ข้าได้ให้โอกาสเจ้าแล้ว เจ้าไม่ยอมรับน้ำใจของข้าเอง ในเมื่อเป็นแบบนั้น อย่าหาว่าข้าใจร้ายล่ะ” คนของตระกูลกิลลิกันพูดอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร
หมัดที่ดูธรรมดา ๆ ได้แฝงไปด้วยความลึกลับมากมายของโลก ตอนที่เขาปล่อยหมัดออกไป เวลาเหมือนกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
พลังที่เฉียบขาดพุ่งทะลุผ่านอากาศ กระแทกไปที่เจี้ยนเฉินประดุจสายฟ้าฟาด มันกระแทกไปที่หน้าอกของเขา
เจี้ยนเฉินไม่สามารถป้องกันได้แม้แต่น้อยและกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก มันได้กลายเป็นหมอกไปในอากาศ ร่างบรรพกาลที่เขาหวังพึ่งอยู่แตกสลายออกและมีรูที่กลางอกของเขา ทะลุผ่านรูไปนั้น ฉากด้านหลังของเจี้ยนเฉินก็ถูกเห็นได้เลยผ่านรูนั้น
ด้วยพลังงานที่มหาศาลนั้นทำให้เจี้ยนเฉินหล่นกระแทกกับพื้น สร้างหลุมขนาดใหญ่เบื้องล่าง เขาจมลึกลงไปในพื้น
คนของตระกูลกิลลิกันลอยลงมาอย่างช้า ๆ เขาสังเกตเจี้ยนเฉินที่ถูกฝังอยู่ในดินใต้หลุมที่พื้นนั้นด้วยสายตาเย็นชาและพึมพำ “เจ้าเด็กนี้ไม่ธรรมดา ไม่แม้แต่พลังที่มันควบคุมอยู่จะทรงพลังและแปลกเท่านั้น แม้แต่ร่างกายของมันก็แปลกด้วย หลังจากเรื่องราวระหว่างเราในวันนี้แล้ว ข้าไม่สามารถปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้ ไม่อย่างนั้นเมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้น เจ้าจะต้องกลับมาแก้แค้นเป็นแน่ อย่างไรก็ตาม เมื่อข้ามายืนอยู่ที่ทวีป เทียนหยุนแล้วนั้น ข้าอาจจะต้องกำจัดเจ้าเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดในภายภาคหน้า การปล่อยให้เจ้าเติบโตจะต้องเป็นอะไรที่แย่แน่ ๆ” คนของตระกูลกิลลิกันโบกมืออย่างนุ่มนวล และเสือที่ยังคงหลับอยู่ก็ลอยจากหลุมขึ้นมา มันพุ่งตรงมาที่สัตว์อสูรนั้นทันที ในเวลาเดียวกัน เขารวบรวมพลังจำนวนมากที่มือด้านขวาของเขา เตรียมพร้อมที่จะจบเรื่องที่เขาเริ่มขึ้นและกำจัดเจี้ยนเฉิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเสือนั้นพุ่งเจ้ามาใกล้คนของตระกูลกิลลิกัน เงามืดก็ปรากฏขึ้นมาที่ท้องฟ้าสว่างจ้านั้น