เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 706: เกราะไหมบรรพกาล (3)
ตอนที่ 706: เกราะไหมบรรพกาล (3)
“เกราะไหมบรรพกาล ? ” เจี้ยนเฉินพูดออกมาพร้อมพ่นลมหายใจ เขารู้สึกสงสัยและไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว เกราะไหมบรรพกาลคืออะไร อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาแทบไม่ได้คิดอะไร เขาก็รู้ว่ามันมีค่ามาก สิ่งที่ทำให้เจี้ยนเฉินตกใจคือ ทำไมหัวหน้าของกลุ่มโจรมังกรวารีถึงมีสมบัติแบบนี้ได้
“นายท่าน เร็ว เร็ว เอาเกราะไหมบรรพกาลมา ท่านต้องไม่ให้มันไปตกอยู่ในมือของคนอื่น มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของโลกใบนี้” ฉิงโซวกำลังส่งเสียงอย่างสนุกสนานภายในหัวของเจี้ยนเฉิน เสียงนั้นเร่งรีบแต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้น
เจี้ยนเฉินกลับมาได้สติอีกครั้ง โดยไม่ลังเล เขาพุ่งออกจากสัตว์อสูรที่เขาขี่ แล้วพุ่งไปที่หัวหน้ากลุ่มโจรด้วยความเร็วแสง เขารวบรวมพลังของโลกอันทรงพลังไว้ที่ฝ่ามือของเขาและเหวี่ยงมันไปที่หัวหน้ากลุ่มโจร
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง ในทันทีที่พลังของโลกซึ่งเจี้ยนเฉิน รวบรวมไว้เข้าไปใกล้หัวหน้านั้น มันก็ถูกสกัดโดยชั้นของแสงสีทองหนารอบตัวเขา แม้ว่าความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินที่เป็นถึงเซียนผู้คุมกฎก็ไม่สามารถทำให้หัวหน้ากลุ่มโจรบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย
“มัน มันเป็นไปได้อย่างไร ! ” เจี้ยนเฉินตกตะลึง เขามองไปที่ชั้นของแสงสีทองที่ป้องกันการโจมตีของเขาไว้ได้ด้วยความตกตะลึง การโจมตีก่อนหน้านี้ที่ถูกป้องกับจากชั้นของแสงสีทอง คือการโจมตีธรรมดาของเขาที่สามารถฆ่าเซียนสวรรค์ได้แต่ก็ไม่ได้ทรงพลังอะไรมากนัก แต่ในตอนนี้ เขาใช้พลังจริง ๆ ออกมาที่ฝ่ามือของเขา แต่มันก็ยังถูกป้องกันได้โดยเกราะไหมบรรพกาลอีก มันยากมากที่จะทำให้เขาเชื่อได้
เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็หยุดนิ่ง การป้องกันของเกราะทองอ่อนนั้นเป็นอะไรที่เหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก
หัวหน้ากลุ่มโจรมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความกลัวและตกตะลึง ความจริงที่ว่าเจี้ยนเฉินเป็นเซียนผู้คุมกฎนั้นเหมือนกับการโยนระเบิดใส่เขา ซึ่งมันทำให้เขามีความคิดว่าไม่มีทางต่อต้านเจี้ยนเฉินได้ภายในจิตใจ อย่างไรก็ดี เมื่อเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่สามารถโจมตีผ่านเกราะทองอ่อนที่เป็นสมบัติของเขาได้ เขาก็รู้สึกดีใจเหลือเกินในเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ ความกลัวในความต่างระดับจากเซียนผู้คุมกฎค่อย ๆ มลายหายไปหลังจากนั้นไม่นาน ความฮึกเหิมในการต่อสู้กลับมาปรากฏในใจของเขาอีกครั้ง
“ความสามารถในการป้องกันของเกราะทองอ่อนนั้นทรงพลังมากจนสามารถป้องกันได้แม้กระทั่งการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎได้อย่างหมดจด” หัวหน้ากลุ่มโจรดีใจ หลังจากนั้น เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างช่วยไม่ได้ “ฮาฮาฮ่า ในเมื่อข้า หลี่เฮ่าหลง มีของวิเศษที่ปกป้องข้าได้ ซึ่งเจ้าซึ่งเป็นแม้แต่เซียนผู้คุมกฎที่ทรงพลังก็ยังไม่สามารถทำอะไรข้าได้ ข้าจะสู้กับเซียนผู้คุมกฎด้วยพลังเซียนสวรรค์ของข้า แล้วมาดูผลสุดท้ายกันว่าจะเป็นอย่างไร” หลี่เฮ่าหลงรู้สึกมั่นใจขึ้นทันทีและเริ่มดูถูกเซียนผู้คุมกฎ เขาช่างยโสโอหังยิ่งนัก
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเริ่มเคร่งเครียด ในตอนที่เขายังเป็นแค่เซียนสวรรค์ เขาสามารถต่อกรกับเซียนผู้คุมกฎวัฏจักรที่ 4 ได้ แต่ในตอนนี้เขาเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎแล้ว แต่เขากลับไม่สามารถจัดการกับเซียนสวรรค์ได้ มันทำให้เขารู้สึกอับอายและรู้สึกว่าความภาคภูมิใจในฐานะเซียนผู้คุมกฎกำลังถูกท้าทาย
“เซียนผู้คุมกฎ รับมือทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของข้า” หัวหน้าของกลุ่มโจรคำรามและพลังเซียนก็ไหลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วออกมาจากร่างกายของเขา และพลังทั้งหมดก็เข้าไปอยู่ในอาวุธเซียนที่มือข้างขวาของเขา เข้าเริ่มที่จะใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์
ในทันทีที่เขาใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ สภาพอากาศก็เริ่มเปลี่ยน ความกดดันของทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ก็เปิดเผยออกมา มันปกคลุมภูเขาทั้งหมด ความกดดันนั้นได้ทำให้พืชบนภูเขาบิดงอ และแม้แต่สัตว์อสูรก็ทรุดลงกับพื้นแล้วตัวสั่น
เมื่อไรก็ตามที่ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ถูกใช้ โลกมักจะเปลี่ยนไปเสมอ รู้เอาไว้ด้วย !
“เร็ว ! ถอยเร็วเข้า ! ” ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนเริ่มตึงเครียด พวกเขาสั่งให้กลุ่มคนของตระกูลเทียนฉิน ถอยเพื่อหลีกเลี่ยงทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์นั้น
หัวหน้าของกลุ่มโจรใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์เพราะเจี้ยนเฉิน ดังนั้นทักษะการต่อสู้จึงล็อคเป้าไปที่ เจี้ยนเฉิน ความกดดันรวมอยู่รอบ ๆ ตัวของเขา ทำให้บรรยากาศรอบรอบข้างช้าลง เพราะว่ามันพยายามที่จะหยุดการเคลื่อนที่ของเจี้ยนเฉิน
หลงัจากนั้นแสงรังสีที่ทรงพลังก็ถูกยิงขึ้นบนท้องฟ้า หัวหน้ากลุ่มโจรได้ส่งพลังให้ทักษะของเขาเรียบร้อยแล้วและเหวี่ยงอาวุธเซียนในมือของเขาไปที่เจี้ยนเฉิน ราวกับสายฟ้าฟาด อาวุธนั้นมีพลังของสายฟ้าที่สามารถทำให้โลกสั่นสะเทือน
“หืม เจ้าต้องการจะใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ต่อหน้าเซียนผู้คุมกฎอย่างนั้นหรือ ? ช่างน่าขำ ! ” เจี้ยนเฉินจ้องมองหัวหน้ากลุ่มโจรอย่างเยาะเย้ย ตัวของเขาสะเทือนเล็กน้อยและอากาศรอบ ๆ ที่เคยถูกหยุดไว้จากแรงกดดันจากทักษะการต่อสู้ก็กลับกลายสภาพเหมือนที่มันเคยเป็น ม่านพลังโปร่งใสก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีสัญญาณใด ล้อมรอบเหมือนกรงขังร่างของหัวหน้ากลุ่มโจรไว้
การโจมตีที่ทรงพลังของทักษะการต่อสู้ของหัวหน้ากลุ่มโจรไม่สามารถเข้าถึงตัวเจี้ยนเฉินได้ในท้ายที่สุด และหัวหน้าถูกจับอยู่ในม่านพลัง ม่านพลังสั่นสะเทือนเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน พลังที่สุดยอดที่อยู่ในอาวุธเซียนของหัวหน้ากลุ่มโจรถูกดูดไปโดยม่านพลังราวกับปลาวาฬกินน้ำทะเล ในพริบตาเดียว ม่านพลังก็ล้างพลังของทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ทั้งหมดไป
ไม่เพียงแต่ทักษะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของหัวหน้ากลุ่มโจรจะพลาดในการทำให้เจี้ยนเฉินบาดเจ็บเท่านั้น มันยังทำให้ทักษะการต่อสู้หายไปโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
ทุก ๆ คนที่ระดับต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎก็เหมือนมดปลวก แม้ว่าหัวหน้ากลุ่มโจรจะมีเกราะไหมบรรพกาลที่คอยปกป้องเขาอยู่ ซึ่งมันทำให้เป็นการยากมากที่เซียนผู้คุมกฎจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกันที่เขาจะทำให้เซียนผู้คุมกฎได้รับบาดเจ็บด้วยพลังเซียนสวรรค์ของเขา แม้แต่การใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายม่านพลังที่ถูกสร้างโดยเซียนผู้คุมกฎ
นี่เป็นเพราะว่าพลังของพวกเขาห่างกันอยู่ 2 ระดับ ถ้าไม่มีอะไรที่จะมาชดเชยความแตกต่างนั้นได้ ยกเว้นเขาจะมีพลังที่เหนือกว่าพลังของโลกเหมือนพลังบรรพกาลของเจี้ยนเฉิน
การที่ได้เห็นว่าการใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ในระดับเต็มพลังของเขาไม่สามารถทำลายม่านพลังของ เจี้ยนเฉินได้ ท่าทีของหัวหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ความมั่นใจที่เขามีต่อเกราะไหมบรรพกาลก็แตกสลายไปในทันทีและอารมณ์ของเขาก็เหมือนคนตกลงไปสู่หุบเหวลึกอีกครั้ง
“นายท่าน พลังของเกราะไหมบรรพกาลแข็งแกร่งมาก ท่านต้องใช้พลังบรรพกาลเท่านั้นในการทำลาย เกราะไหมบรรพกาล” ในขณะนี้ เจี้ยนเฉินได้ยินเสียงของจือหยิงในหัว
หลังจากได้ยินดังนั้น ตาของเจี้ยนเฉินก็เป็นประกาย เขาไม่ลังเลและเริ่มเคลื่อนไหวทันที ด้วยการนึกคิดแค่เพียงเล็กน้อย พลังบรรพกาลในตันเถียนของเขาก็พุ่งออกมาเป็นเกลียว พลังบรรพกาลมารวมอยู่ที่มือข้างขวาของเขา ในขณะที่พลังบรรพกาลกำลังรวมกันอยู่นั้น แสงสีดำก็เริ่มปรากฎที่มือของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้น รัศมีแห่งการทำลายล้างเริ่มที่จะแผ่ซ่าน มันทำให้มิติรอบ ๆ สั่นสะเทือน
พลังบรรพกาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไปสู่มือของเจี้ยนเฉิน และควบรวมเป็นกระบี่ซึ่งเขาใช้แทงไปด้วยความเร็วแสงไปที่หัวหน้ากลุ่มโจรที่ยังติดอยู่ในม่านพลัง
กระบี่พลังบรรพกาลแทงทะลุม่านพลังที่ถูกสร้างโดยเจี้ยนเฉิน พุ่งตรงไปยังระหว่างคิ้วของหัวหน้ากลุ่มโจร เมื่อมันสัมผัสไปถูกแสงสีทองที่ถูกสร้างมาโดยเกราะไหมบรรพกาลแล้วนั้น มันก็ทำลายทะลุไปได้โดยไม่ยาก กระบี่แทงเข้าไปที่ระหว่างคิ้วของหัวหน้ากลุ่มโจรซึ่งปลิดชีพเขาทันที
การตายของหัวหน้ากลุ่มโจรทำให้เกราะไหมบรรพกาลที่เขาสวมใส่ดูเหมือนจะสูญเสียพลังไป แสงสีทองที่ถูกสร้างจากมันได้หายไปอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาไม่มาก
พลังบรรพกาลที่รวมอยู่ที่ฝ่ามือของเจี้ยนเฉินก็กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนกลับเป็นเกลียวของพลังบรรพกาลและกลับไปสู่ภายใน หลังจากนั้นไม่นาน ม่านพลังที่อยู่รอบตัวของหัวหน้ากลุ่มโจรก็หายไปโดยไร้ซึ่งเสียงใด ๆ
เจี้ยนเฉินไม่แม้แต่จะมองไปที่หัวหน้ากลุ่มโจรเลย ด้วยการโบกมือของเขา พลังที่มองไม่เห็นก็เข้าไปกระแทกที่ศพของหัวหน้ากลุ่มโจร ทำให้เสื้อผ้าของเขากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เผยให้เห็นถึงเสื้อสีทองบางบางที่ดูเหมือนจะทำมาจากผ้าไหม
“บางทีนี้อาจจะเป็นเกราะไหมบรรพกาล ? ” เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่เสื้อสีทองบางนั้นด้วยความสนใจและพูดด้วยเสียงเบา ๆ เขาพบว่ามันน่าประหลาดใจที่มันดูเหมือนชิ้นผ้าสีทองธรรมดาธรรมดาแต่กลับมีพลังป้องกันที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดป้องกันการโจมตีของเซียนผู้คุมกฎได้
“นี่แหละใช่แล้ว นายท่าน นี่คือเกราะไหมบรรพกาล เอามันมาเร็ว เอามันมาเร็ว” จือหยิงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นและยินดีในหัวของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินนั่งหมอบลงไปเพื่อดึงเสื้อผ้าสีทองจากศพของหัวหน้าของกลุ่มโจรออกมา มันไม่ได้ตัวใหญ่มาก มันเหมือนเสื้อแขนกุดที่สวยงาม วัสดุที่ใช้ทำมันนุ่มและหยาบ เสื้อผ้านั้นน้ำหนักเบามากเมื่ออยู่ในมือของเขา เขาไม่รู้สึกว่ามันมีน้ำหนักเลย
“ขอแสดงความยินดีกับน้องเจี้ยนเฉิน ที่ได้รับสมบัติแห่งการป้องกันนี้มา เกราะทองอ่อน เกราะทองอ่อนนี้สามารถป้องกันการโจมตีของเซียนผู้คุมกฎที่ทรงพลังได้ ถ้าน้องเจี้ยนเฉินใส่มัน มันก็เหมือนกับการติดปีกให้พยัคฆ์ ทำให้น้องเจี้ยนเฉินยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก” หลังจากที่เจี้ยนเฉินได้เกราะไหมบรรพกาล เขาก็ได้ยินเสียงชื่นชมจากผู้อาวุโสสูงสุดด้านหลังเขา
ผู้อาวุโสทั้งสามคนรวมถึงหัวหน้าตระกูลและคนอื่น ๆ มองไปที่เกราะไหมบรรพกาลด้วยสายตาที่อยากได้ ไม่มีใครสามารถทนแรงกระตุ้นที่อยากได้สมบัติแห่งการป้องกันที่ทรงพลังเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ในใจของพวกเขาแล้ว ความคิดที่จะเอามันมาก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะว่าความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินแสดงออกมาให้เห็น ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะมีความคิดเช่นนั้น
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจในคำชื่นชมจากผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเทียนฉินเลย เพราะว่าตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยเสียงร้องอย่างตื่นเต้นของจือหยิง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ใครจะไปคิดล่ะว่าเราจะมาเจอ เกราะไหมบรรพกาลที่นี่ มันทำให้เราดีใจมาก นายท่าน ท่านช่างโชคดีจริง ๆ ที่เจอของที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”
“เกราะไหมบรรพกาลนั้นหายากมาก ฉิงโซวและจือหยิงนั้นอยู่มาหลายปีมากมากแล้ว แต่เราก็ยังเห็นมันไม่มาก และทุก ๆ ชิ้นนั้นถูกครอบครองโดยจักรพรรดิสวรรค์ มันคือสมบัติโบราณ”
“จือหยิง ฉิงโซว บางทีเกราะไหมบรรพกาลนี้ใช้เพื่อการหลอมดาบได้ ใช่หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความสงสัย นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับเกราะไหมบรรพกาล ดังนั้นเขาจึงคิดไม่ออกว่ามันใช้ทำอะไรได้อีก
“นายท่าน เกราะไหมบรรพกาลนั้นไม่ใช่วัตถุดิบเพื่อใช้หลอมดาบ แต่วัตถุดิบหายากนี้ใช้เพื่อสร้างสมบัติแห่งวิญญาณของโลก ครั้งหนึ่ง เกราะไหมบรรพกาลถูกหลอมเพื่อให้ไปเป็นสมบัติจิตวิญญาณของโลก การใช้งานมันมีมากมายจนอธิบายไม่หมดด้วยประโยค 2-3 ประโยค” ฉิงโซวกล่าว
“เกราะไหมบรรพกาลเป็นวัตถุจิตวิญญาณของโลกซึ่งสร้างมาจากกฎของโลก มันเกิดมาเพราะเหตุการณ์ที่เลวร้ายและมันถูกสร้างมาด้วยโชคชะตา เมื่อเทพหนอนไหมเกิดขึ้นแล้ว, มันจะใช้ 3 พลังชีวิตทั้งหมดเพื่อถักทอเกราะไหมบรรพกาลออกมา และทิ้งเกราะไหมบรรพกาลไว้ก่อนที่มันจะกลายไปเป็นเถ้าถ่าน”
“เกราะไหมบรรพกาลไม่ใช่แค่ปรากฏมาเฉย ๆ เมื่อมันปรากฏขึ้นมาและทิ้งเกราะไหมของมันเอาไว้ ข้าเชื่อว่าโลกนี้กำลังจะประสบกับเรื่องเลวร้ายที่พยากรณ์ไว้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับเรื่องเลวร้ายด้วยพลังของโลกเพียงอย่างเดียว มันจะต้องใช้พลังของเกราะไหมเพื่อลบล้างมันด้วย”
ท่าทีของเจี้ยนเฉินเริ่มค่อนข้างตึงเครียด สิ่งที่จือหยิงพูดมาทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุข แม้ว้าเขาจะได้สมบัติมา
“นายท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลไป เรายังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องเลวร้ายในอนาคต แต่ในเมื่อกฎของโลก ได้ให้กำเนิดเทพหนอนไหมซึ่งได้ทอเกราะไหมบรรพกาลไว้ให้แล้วนั้น เราก็จะอยู่ต่อไปได้อย่างสงบสุข เมื่อเกราะไหมบรรพกาลได้เสร็จสิ้นภารกิจของมันแล้ว มันจะถูกหลอมเป็นสมบัติจิตวิญญาณของโลก ซึ่งสมบัติจิตวิญญาณของโลกที่หลอมมาจากเกราะไหมบรรพกาลนั้น จะทำให้นายท่านสามารถท่องเที่ยวไปในมิติของกระแสบรรพกาลได้ตามใจปรารถนา” จือหยิงกล่าว