เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 709: การเปลี่ยนแปลงของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ (1)
- Home
- เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)
- ตอนที่ 709: การเปลี่ยนแปลงของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ (1)
ตอนที่ 709: การเปลี่ยนแปลงของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ (1)
เจี้ยนเฉินใช้ประตูมิติที่อาณาจักรต้าโจวโดยไม่รอช้า เพื่อที่จะมุ่งตรงไปยังอาณาจักรฉินหวง
ในเวลานี้ จุดมุ่งหมายสำหรับประตูมิตินั้นค่อนข้างชัดเจนกว่าครั้งก่อน มุ่งตรงไปที่เขตชนบทที่รกร้างในอาณาจักรฉินหวง
เจี้ยนเฉินเข้าประตูมิติและไปถึงยังอาณาจักรฉินหวง เขาไปโผล่ในที่รกร้างกว้างใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย เขามองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปบนอากาศ เพื่อมองภูมิประเทศรอบ ๆ ระยะ 2-3 กิโลเมตร หลังจากนั้นเขาก็นำเอาแผนที่ออกมาจากแหวนมิติและดูมัน
หลังจากนั้นสักพัก เจี้ยนเฉินก็พบเส้นทางที่เขาต้องใช้ เขาเก็บแผนที่และหลอมรวมตัวเองเข้ากับมิติ และหายไปกลายเป็นเงาลาง ๆ เขารีบมุ่งหน้าไปที่พระราชวังของอาณาจักรด้วยความเร็วสูงสุด
2 ชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินได้เดินทางมาแล้วหลายพันกิโลเมตรเพื่อไปยังพระราชวัง เขามุ่งหน้าไปที่ศูนย์กลางของพระราชวังโดยที่ไม่ได้ลดความเร็วเลย เพื่อไปยังที่ซึ่งพระราชวังตั้งอยู่
ทันทีที่เจี้ยนเฉินไปถึงที่พระราชวังฉินสวรรค์ เขารู้สึกได้ถึง 4 ผู้พิทักษ์จักรพรรดิด้านใน เสียงในหูของเจี้ยนเฉิน ดังก้องขึ้น “ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ เจี้ยนเฉิน กรุณามาที่ฝั่งตะวันออกของพระราชวังฉินหวง เราจะคุยกันที่นั่น”
ณ เวลาเดียวกันในพระราชวัง ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ซึ่งฝึกฝนอยู่ที่พระราชวังฉินสวรรค์ได้ลืมตาขึ้น 3 คนในนั้นขยับเล็กน้อยและหายไป ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน
เจี้ยนเฉินรีบเปลี่ยนทิศทางทันที เขามุ่งหน้าอย่างรวมเร็วไปทางทิศตะวันออกยังที่ซึ่งพระราชวังฉินสวรรค์ตั้งอยู่ ในขณะที่เขามุ่งหน้าไปที่พระราชวัง มีเพียงผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้ง 4 ที่เป็นเซียนผู้คุมกฎเท่านั้นที่สัมผัสถึงเขาได้ เขาไม่ได้ทำให้เซียนสวรรค์คนใดในพระราชวังรับรู้ถึงการมาของเขาได้เลย
ณ ฝั่งตะวันออก ยามชั้นดีทั้งหมด 500 คนแต่งตัวในชุดเกราะสีทองยืนนิ่งอยู่ด้านนอกพระราชวังฉินสวรรค์ พวกเขามีหน้าที่อารักขาส่วนที่สำคัญที่สุดของพระราชวัง
ในขณะนี้ บนพื้นที่จัตุรัสนอกวัง เขาลดความเร็วจากภาพพร่ามัวมาถึงยังด้านหน้าของทางเข้าหลักของพระราชวังฉินสวรรค์โดยไม่มีเสียงใด ๆ เลย
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ บุคคลที่เพิ่งมาถึงเพิ่งถูกเห็นโดยยามตอนที่เขามาถึงต่อหน้านี้เอง แต่ยามก็ไม่ได้แสดงทีท่าตกใจอะไร เพราะว่าพวกเขาเพิ่งได้รีบข้อความจากพระราชวังฉินสวรรค์ว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิเจี้ยนเฉินกำลังจะมาถึง
หัวหน้ายามวิ่งมาที่เจี้ยนเฉินอยู่ เขาคุกเข่าลง 1 ข้างและพูดด้วยความเคารพว่า “ข้าน้อยขอคารวะท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ”
“ข้าน้อยขอคารวะท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ” ด้านหลังของหัวหน้ายาม ยามทั้งหมด 500 คนก็ต่างคุกเข่าลง 1 ข้างอย่างพร้อมเพียงและตะโกนออกมาด้วยเสียงก้องกังวาน มันดังมากจนกระจายไปทั่วพระราชวังจนทุกคนด้านในได้ยิน
ภายในห้องค้นคว้าของพระราชวัง ราชาของอาณาจักรฉินหวงค่อย ๆ ลดหนังสือในมือของเขาลงอย่างช้า ๆ เขามองไปที่ทิศทางที่พระราชวังฉินสวรรค์ตั้งอยู่แล้วพึมพำ “บางที เจี้ยนเฉินคงจะมาถึงแล้ว ? “. หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็วางหนังสือไว้บนโต๊ะแล้วยืนขึ้น แล้วออกจากห้องค้นคว้า องครักษ์เก็บหนังสือกลับเข้าที่ในที่ซึ่งมันอยู่และเดินตามหลังเขาไป
องค์ชายสามฉินจี๋ก็ได้ออกจากตำหนักดอกเมฆและจ้องไปที่ฝั่งตะวันออกที่พระราชวังฉินสวรรค์ตั้งอยู่ เขาพูด “หาได้ยากมากที่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิที่น่าเคารพทั้ง 4 จะออกจากพระราชวังฉินสวรรค์ และถึงแม้ว่าเขาจะออกนอกพระราชวังฉินสวรรค์ พวกเขาก็จะไม่สร้างความยุ่งยากอะไรเลย บางที่น้องเจี้ยนเฉินอาจจะมา ? ” หลังจากคิดเช่นนั้น ตาขององค์ชายสามก็เปล่งประกาย สายตาของเขาเต็มไปด้วยความร่าเริง “ข้าได้ยินมาว่าน้องเจี้ยนเฉินได้ตัดผ่านเซียนสวรรค์เป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว ข้าสงสัยจริง ๆ ว่ามันจริงหรือเปล่า”
ที่พระราชวังฉินสวรรค์ เจี้ยนเฉินสั่งให้ยามยืนขึ้น ก่อนที่จะเคลื่อนตัวเข้าไปยังพระราชวัง เมื่อเขามาถึงทางเข้าหลัก ประตูที่ถูกปิดสนิทอยู่ก็เปิดออก
เมื่อได้เห็นดังนั้น เจี้ยนเฉินก็ยิ้ม ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ เขารู้สึกได้ว่ามีเซียนผู้คุมกฎอยู่ภายในพระราชวัง
มันเงียบมากในพระราชวังฉินสวรรค์ ข้ามพื้นที่ธรณีประตูไป เจี้ยนเฉินก็มาถึงห้องรับแขกที่ตกแต่งแบบธรรมดา ที่กลางห้อง คน 4 คนนั่งอยู่รอบรอบโต๊ะกลมอย่างเงียบเงียบ พวกเขาเหมือนจะรอกันนานแล้ว
เจี้ยนเฉินรู้ว่าทั้ง 4 คนนี้เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิที่ได้รับความเคารพเชื่อถือของอาณาจักรฉินหวง ตำแหน่งของเขาก็ได้รับมาจากคน 4 คนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะทำเมินเฉยจากคนเหล่านี้แม้แต่น้อย เขารีบป้องมือต่อหน้าทั้ง 4 คน “ผู้เยาว์ เจี้ยนเฉิน ขอคารวะผู้อาวุโสทั้งสี่ ! ” แม้ว่าความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินจะอยู่ในระดับเดียวกับคนทั้ง 4 ตอนนี้แล้ว เขาก็ยังรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของคนเหล่านี้เสมอ
นี่เป็นเพราะว่าตอนที่เขายังเป็นแค่เซียนสวรรค์ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาทั้ง 4 คนแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแล้วล่ะก็ บางทีปัญหาที่อาณาจักรเกอซุนเผชิญอยู่อาจจะไม่จบลงได้ง่ายขนาดนี้ นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่ว่าเขาคงไม่ได้ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ 1 ใน 8 อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของทวีปในตอนนี้ด้วย
สายตาของผู้พิทักษ์จักรพรรดิซึ่งเต็มไปด้วยความยินดีและพึงพอใจรวมไปอยู่ที่เจี้ยนเฉินเป็นจุดเดียวในเวลานี้ พวกเขาจะอยากบอกว่าพรสวรรค์ของเจี้ยนเฉินนั้นสุดยอด การที่เขาได้กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎภายในระยะเวลาอันสั้นนี้เป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการของพวกเขามาก ในตอนนี้ ผู้พิทักษ์จักรพรรดิที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงทั้งสี่คนรู้สึกปิติยินดีและดีใจที่เขาได้ให้เจี้ยนเฉินเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงในตอนนั้น นอกเหนือไปกว่านั้น มันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เซียนผู้คุมกฎคนอื่นจะมาถึงที่อาณาจักรฉินหวงในเวลาอันสั้นเช่นนี้
“เจี้ยนเฉิน เรามันคนกันเอง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก มานั่งเถอะ” ผู้พิทักษ์จักพรรรดิพูดกับเจี้ยนเฉินด้วยรอยยิ้ม เขาสุภาพมากเพราะว่าเขารู้ดีว่าเจี้ยนเฉินยังมีเวลาอีกมากที่จะเติบโตขึ้นอีกในอนาคต และความสำเร็จของเขาในอนาคตต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่
“เจี้ยนเฉิน นั่ง นั่ง นี่ก็นานซักพักแล้วนะที่เจ้าได้กลายมาเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิคนที่ 5 ของอาณาจักรฉินหวง พวกเรายังไม่เคยได้คุยกันแบบจริง ๆ จัง ๆกับเจ้าเลย ดังนั้นเราควรจะคุยกันแล้วล่ะตอนนี้” ผู้พิทักษ์จักรพรรดิอีกคนเชิญให้เจี้ยนเฉินนั่งด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างสบาย ๆ เขาเดินไปที่โต๊ะกลมอย่างไม่ลังเลและนั่งลงอย่างมั่นใจในที่นั่งที่เหลืออยู่เพียงที่เดียวนั้น เขาเริ่มบทสนทนากับผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่
หลังจากผ่านไปหลายบทสนทนา เจี้ยนเฉินก็ได้รู้จักชื่อของผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้ง 4 คน. พวกเขาคือฉินหยุนหลง, ฉินซุยเหิง, แฮรี่ และ แซกซอน
ฉินหยุนหลงและฉินซุยเหิง เป็นสมาชิกของราชวงศ์ แม้ว่าแฮรี่จะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของราชวงศ์ แต่เขาก็เป็นคนพื้นเมืองของซึ่งเติบโตในอาณาจักรฉินหวง สำหรับแซกซอน เขาเป็นสหายรักของฉินหยุนหลงและฉินซุยเหิง เขาได้มากลายเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์จักรพรรดิจาการเชิญชวนของสหายทั้งสองของเขา แม้ว่าทั้งสี่คนจะมาจากคนละที่กัน แต่พวกเขาก็ยินดีในตำแหน่งที่เขาเป็นอยู่ตำแหน่งเดียวกันในอาณาจักรฉินหวง และปฏิบัติต่อกันเหมือนเป็นพี่น้องและดูแลซึ่งกันและกัน
แม้ว่าเจี้ยนเฉินและผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้ง 4 มีความต่างในเรื่องของอายุ แต่พวกเขาก็พูดคุยกันอย่างสบาย ๆ ในระหว่างการสนทนานั้น ผู้พิทักษ์จักรพรรดิบอกข้อมูลที่เกี่ยวกับเซียนผู้คุมกฎให้เจี้ยนเฉินฟัง และก็ยังมอบความรู้และความเข้าใจในการฝึกให้เจี้ยนเฉินฟัง พวกเขาหวังว่าการที่ช่วยเหลือเจี้ยนเฉินนั้นจะเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับเขาไปพร้อมกัน
เจี้ยนเฉินเต็มใจอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้ในขณะที่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้ง 4 คนอธิบายรายละเอียดที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการฝึกฝนและความเข้าใจ แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์มาก แต่ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็เป็นเซียนผู้คุมกฎมาหลายปี ดังนั้นประสบการณ์และความเข้าใจของพวกเขาก็คงจะช่วยเป็นประโยชน์ให้กับเจี้ยนเฉินได้เป็นอย่างดี
บทสนทนาระหว่างเจี้ยนเฉินและผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ยาวต่อเนื่องไปอีก 2 ชั่วยามก่อนที่จะจบ หลังจากที่ทุกคนนิ่งเงียบได้ซักพัก ฉินหยุนหลงก็กระแอมแล้วพูด “เจี้ยนเฉิน เหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราทั้ง 4 คนรีบให้เจ้ามาที่อาณาจักรฉินหวง เพราะว่าจริง ๆ แล้วมีเรื่องสำคัญที่จะต้องปรึกษาหารือกับเจ้า”
หลังจากที่ได้ยินดังนั้น ความสนใจของเจี้ยนเฉินก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา เขาเข้าใจว่าหัวข้อต่อไปที่กำลังจะพูดคุยนั้นต้องเป็นประเด็นหลักของการพูดคุยครั้งนี้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงประสานมือและกล่าว “เชิญกล่าวมาได้เลย ผู้อาวุโส ! “
ฉินหยุนหลงรวมรวมความคิดแล้วพูด “เจี้ยนเฉิน ก่อนที่พวกเราจะบอกเจ้าเรื่องนี้ มันคงจะดีกว่าถ้าพวกเราอธิบายถึงฐานอำนาจของอาณาจักรเทียนหยวนก่อน” เขาหยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “บนทวีปเทียนหยวนนี้ มี 3 จักรวรรดิและ 8 อาณาจักร 3 จักรวรรดินั้นคือจักรวรรดิที่มีอำนาจมากบนทวีปเทียนหยวน พวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเก่าแก่ อาจจะอยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ และรองจาก 3 จักรวรรดิ ก็คือ 8 อาณาจักร ซึ่งรวมถึงอาณาจักรฉินหวงของข้าด้วย สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือพวกเรา 8 อาณาจักรคือเมืองสาขาของ 3 จักรวรรดิ ซึ่งอาณาจักรฉินหวงของข้าคือสาขาของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์