เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 715: สูญเสียพ่อแม่ (2)
ตอนที่ 715: สูญเสียพ่อแม่ (2)
ในคฤหาสน์เจียงหยางที่เมืองลอร์นั้น ไป๋หยุนเทียนกำลังพูดคุยอยู่กับป้าทั้งสามคนและหัวเราะคิกคักเป็นครั้งคราว พวกนางทั้งหมดมีความสุขในการสนทนามาก เรื่องที่พวกนางคุยกันดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเจี้ยนเฉิน ป้าทั้งสามคนมีน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบังซึ่งปะปนไปด้วยความอิจฉา พวกนางรู้สึกอิจฉาลึก ๆ กับความจริงที่ว่าพวกนางไม่ได้มีบุตรชายที่เยี่ยมยอดอย่างเจี้ยนเฉิน
การที่ได้ยินป้าทั้งสามพูดเกี่ยวกับบุตรชายของนาง ไป๋หยุนเทียนก็ยิ้มกว้างถึงขนาดกับหุบปากไม่ลง นางภาคภูมิใจอย่างมากในตัวบุตรชายของนาง และด้วยเหตุนี้เองสถานะของนางในตระกูลเจียงหยางก็ดีขึ้นอย่างมาก แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลเจียงหยางก็ยังปฏิบัติต่อไป๋หยุนเทียนด้วยความเคารพ
ในขณะเดียวกันที่ห้องโถงประชุมของเขตเจียงหยาง เจียงหยางป้ากำลังสนทนาอยู่กับหัวหน้าตระกูลใหญ่ของอาณาจักรเกอซุนอยู่
“พี่เจียงหยางป้า ท่านคิดว่าอย่างไรเกี่ยวกับข้อเสนอแนะนี้ แม้ว่านายน้อยที่ได้รับความเคารพอย่างเจียงหยางเซียงเทียนจะได้หมั้นหมายกับองค์หญิงเกอหลานแล้ว แต่มันก็ไม่แปลกที่ผู้ชายจะมีฮูหยินถึงสามหรือสี่คนในทวีปเทียนหยวน ข้ามีความยินดีที่จะให้ธิดาคนรองของข้า กาดิซิ่วหลี ให้แต่งงานกับนายน้อยเจียงหยางเซียงเทียน และเป็นอนุของเขา” หัวหน้าตระกูลพูด น้ำเสียงของเขาสุภาพและถ่อมตนและแฝงไปด้วยคำร้องขอที่ตั้งใจไว้
เจียงหยางป้าหัวเราะเบา ๆ แล้วพูด “ท่านหัวหน้าตระกูลกาดิ ข้าเสียใจอย่างสุดซึ้งจริงจริง เซียงเอ๋อนั้นได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และในฐานะพ่อแม่ ข้าจะไปตัดสินใจแทนเขาคงไม่ได้ เพราะมันคงจะส่งผลกับชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา มันจะดีที่สุดถ้าท่านไปหารือกับเขาหลังจากที่เซียงเอ๋อกลับมา”
“ถ้างั้นข้าจะขอรบกวนให้พี่เจียงหยางป้าช่วยพูดยกยอลูกสาวข้าให้นายน้อยฟังหน่อย แม้ว่าธิดาคนรองของข้าจะไม่ได้สง่างามเหมือนดั่งองค์หญิงเกอหลาน แต่นางก็ยอดเยี่ยมถึงขนาดบดบังรัศมีของดวงจันทร์ได้ นางเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสาวงามอันดับที่ 2 ของอาณาจักรเกอซุน” หัวหน้าตระกูลกาดิพูดอย่างภาคภูมิใจ
เจียงหยางป้าพยักหน้าแล้วยิ้ม “แน่นอน ได้แน่นอน ! “
ในตอนนี้ แรงกดดันอย่างมากได้เกิดขึ้นที่ด้านนอก มันปกคลุมทั่วคฤหาสน์เจียงหยาง เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน ทุก ๆ คนในเมืองก็เหมือนมีหินมาทับที่หน้าอกและทำให้ยากที่จะหายใจ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนในคฤหาสน์ตกใจอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงก็ดังกึกก้องออกมาจากด้านนอก เป็นน้ำเสียงที่ดูชราแต่เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง
“เจี้ยนเฉินอยู่ที่ไหน ? ! รีบออกมาไว ๆ ! “
เหนือเขตเจียงหยาง ชายชรา 5 คนที่ดูเหมือนจะอายุเจ็ดสิบกว่ากว่าได้ปรากฏขึ้นมาจากที่ใดก็ไม่รู้ พวกเขาลอยอยู่เหนือพื้นประมาณ 100 เมตรและมองลงมายังข้างล่าง
ทุกคนในตระกูลเจียงหยางอดทนต่อแรงกดดันที่มหาศาลนั้น ขณะที่เขาเดินออกมาจากตึกอย่างยากลำบาก พวกเขาทั้งหมดยกมือขึ้นป้องที่หัวและมองไปที่ชายชราทั้งห้าคนกลางอากาศด้วยความกังวลและความสงสัย นี่เป็นว่าพวกเขารู้ว่าชายชราทั้งห้าคนนี้มาด้วยเจตนาที่ไม่ดีเป็นแน่ แต่พวกเขาก็ยังคิดไม่ออกว่าใครกันที่จะกล้าทำให้ตระกูลเจียงหยางโกรธ
เจียงหยางป้า ไป๋หยุนเทียนและผู้อาวุโสต่างมารวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัสหน้าตึก พวกเขาจ้องไปที่ชายชราทั้งห้าด้วยความตึงเครียด หลังจากนั้นซักพัก เจียงหยางป้าก็พูดขึ้นมา “พวกท่านผู้อาวุโสทั้งห้าเป็นใครกัน ? ทำไมถึงมาตามหาเซียงเอ๋อ ? “
หลังจากที่เจียงหยางป้าพูดออกมา สายตาของชายชราทั้งห้าก็จดจ้องลงมาที่เขา หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราซิตูโบกมืออย่างเบา ๆ และเจียงหยางป้าก็ถูกดึงพุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็วเหมือนว่าตัวเขาถูกหุ้มด้วยพลังที่มองไม่เห็น
“ท่านหัวหน้าตระกูล ! ” ยามทั้งหมดและบรรดาผู้อาวุโสร้องออกมา พวกเขากังวลในความปลอดภัยของเจียงหยางป้าและกลัวว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“ปล่อยตัวท่านหัวหน้าตระกูลเดี๋ยวนี้!” ในตอนนี้ ทุกคนพร้อมใจกันตะโกนออกมา คนหนึ่งในนั้นพุ่งขึ้นไปบนอากาศเพื่อพยายามที่จะช่วยเจียงหยางป้า
หลังจากที่ได้เห็นคนหนึ่งที่กำลังพุ่งขึ้นมาจากด้านล่างนั้น หนึ่งในเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน “ฮืม ช่างไม่เจียมตัว ! ” หลังจากนั้น เขาก็โบกมือของเขาเบา ๆ พลังที่มองไม่เห็นได้ถูกยิงอย่างรุนแรงไปที่คนผู้นั้นและกระทบที่หน้าอกอย่างจัง
“ปัก ! ” ร่างนั้นกระอักเลือดออกมาเป็นละอองและร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า หลังจากนั้น เขาก็ร่วงลงมาอย่างไร้พลังและกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
“ลุงเจียง!”
“หัวหน้าพ่อบ้าน ! “
ทุกคนจากตระกูลเจียงหยางร้องออกมา พวกเขาทั้งหมดนิ่งจากความหวาดกลัว ลุงเจียงเป็นเซียนสวรรค์ที่แข็งแกร่งแต่เขาก็ถูกจัดการได้อย่างง่ายดายจากชายชราทั้งห้าคนที่อยู่บนฟ้า มันเหลือเชื่อสำหรับทุกคน
การที่ได้เห็นพ่อบ้านเจียงได้รับบาดเจ็บด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้น เจียงหยางป้าหน้าซีดไปด้วยความตกใจ เขามองไปที่ชายชราทั้งห้า สายตาเขาเต็มไปด้วยความมึนงง ความแข็งแกร่งที่ชายชราทั้งห้าแสดงออกมานั้นทำให้เขาตกอยู่ในความหวาดกลัว นั้นเพราะว่าเจียงหยางป้ารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของพ่อบ้านที่แม้แต่เซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 ก็ยังยากที่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่สำหรับชายชราข้างบนนั้น แค่โบกมือครั้งเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงหยางป้าก็นึกบางอย่างออก 4 คำที่เขากำลังจะพูดนั้นออกมาอย่างยากลำบาก “เซียนผู้คุมกฎ ! “
ชายชราซิตูจ้องไปที่เจียงหยางป้าอย่างเหยียดหยาม “ไม่เลว ไม่เลวเลย ดูเหมือนเจ้าจะรู้บางอย่างเลยสามารถเดาความแข็งแกร่งของพวกเราได้ เจ้าต้องเป็นหัวหน้าตระกูลของตระกูลเจียงหยางแน่ ๆ และก็ยังเป็นพ่อของเจี้ยนเฉินอีกด้วย บอกข้ามาว่าเจี้ยนเฉินอยู่ที่ไหน”
“หัวหน้าตระกูลเจียงหยาง ตราบใดที่เจ้ายังเชื่อฟังและตอบคำถามของพวกเรา พวกเราจะไม่ทำร้ายเจ้า ฆ่าเจ้าไปพวกเราก็ไม่ได้อะไร มีแต่จะเพิ่มความบาปให้พวกเรา ทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์พวกเราไวขึ้นก็เท่านั้น” ชายชราซิตูหัวเราะเบา ๆ อย่างเยือกเย็น ด้วยการที่พวกเขามีพ่อของเจี้ยนเฉินอยู่ในการควบคุมแล้ว การที่จะหาตัวเจี้ยนเฉินนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เจียงหยางป้าเข้าใจแล้วว่าชายชราทั้งห้าคนนี้คือศัตรูของเจี้ยนเฉิน เขาพูดโดยไม่ต้องคิดเลย “ผู้อาวุโส บางทีข้าอาจจะทำให้พวกเจ้าผิดหวัง เซียงเอ๋อชอบออกเดินทางและออกไปจากคฤหาสน์นี้หลายวันแล้ว แม้แต่ข้าที่เป็นพ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ต้องการที่จะบอกพวกเรา” ท่าทีของชายชราซิตูดูมืดมน เขายื่นมือออกมาและจับไปที่คอของเจียงหยางป้าพร้อมกับเยาะเย้ย “ข้า ซิตูเจี้ยน ไม่ได้ต้องการที่จะฆ่าเจ้า ดังนั้นอย่าบังคับให้ข้าต้องทำมัน ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง บอกข้ามาว่าเจี้ยนเฉินอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นข้าจะหักคอเจ้าซะ”
เจียงหยางป้าเป็นชายที่กล้าหาญ เขาไม่กลัวความตาย ไม่แม้แต่คำข่มขู่ของชายชราซิตูจะไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไรเท่านั้น แต่มันกลับไปเพิ่มความกล้าของเจียงหยางป้ามากขึ้นไปอีก เขาพูด “ถ้าเจ้าต้องการที่จะฆ่าข้า ก็ฆ่าข้าซะเลย แม้ข้าจะรู้ว่าเซียงเอ๋ออยู่ที่ไหน ข้าก็จะไม่บอกเจ้าอย่างแน่นอน”
ชายชราซิตูถลึงตา หลังจากนั้นไม่นาน เขามองลงไปข้างล่างแล้วพูด “ถ้าพวกเจ้ายังต้องการให้หัวหน้าตระกูลของพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็บอกพวกเรามาซะว่าเจี้ยนเฉินอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไร้ความเมตตาล่ะ”