เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 724: การมาเยือนอันน่าประหลาดใจของท่านลุงเซี่ย
- Home
- เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)
- ตอนที่ 724: การมาเยือนอันน่าประหลาดใจของท่านลุงเซี่ย
ตอนที่ 724: การมาเยือนอันน่าประหลาดใจของท่านลุงเซี่ย
แสงอาทิตย์ร้อนแรงสาดลงมาจากกลางฟากฟ้าและส่องแสงสว่างจ้า ความร้อนที่น่ากลัวนั้นได้กระจายลงมาทั่วเบื้องล่างและเผาไหม้พื้นดินจนร้อนเหมือนน้ำเดือด
ที่ใจกลางของทะเลทรายที่กว้างใหญ่นั้น ร่างที่พร่ามัวก็พุ่งผ่านท้องฟ้าไปเหมือนสายฟ้าและไปถึงที่สุดขอบฟ้าในพริบตาเดียว
ในขณะที่เจี้ยนเฉินบินนั้น เขามองลงมาที่ทะเลทรายสีทองข้างล่าง เขาพึมพำ “อ้างอิงจากระยะทางในแผนที่แล้ว น่าจะใช้เวลาอีก 1 ชั่วยามถึงจะผ่านจากทะเลทรายนี้ไปได้ หลังจากนั้น ข้าจำเป็นต้องเดินทางต่ออีก 2 วันก่อนที่จะถึงจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์” ไม่ว่าจะจากอาณาจักรฉินหวงหรืออาณาจักรเกอซุน ระยะทางที่จะไปงที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไกลมาก แม้แต่ด้วยความเร็วของเจี้ยนเฉิน เขาจำเป็นต้องใช้เวลาสิบกว่าวันหรือมากกว่านั้นเพื่อที่จะถึงจักรวรรดิจากอาณาจักรเกอซุน
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะสามารถใช้ประตูมิติที่อาณาจักรฉินหวงเพื่อที่จะเดินทางโดยตรงไปที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ห่างหลายล้านกิโลเมตรไปได้ทันที แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะว่าเขาได้รู้บางอย่างเกี่ยวกับจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์มาจากไป๋ไฮและผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ของอาณาจักรฉินหวง รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการที่จะก้าวไปให้ถึงระดับ 7 จากเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6
ถ้าต้องการที่จะไปให้ถึงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 มันจำเป็นจะต้องยืมวัตถุเซียนจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งวัตถุเซียนนั้นคงยังไม่ถูกใช้ในตอนนี้ มันถูกตั้งเวลาไว้ทุกทุกครั้งที่มันถูกใช้งานและจากการที่ใช้งานครั้งต่อไปนั้น มีเวลานับถอยหลังอีกหนึ่งปีครึ่ง
ดังนั้น เจี้ยนเฉินไม่จำเป็นที่จะต้องรีบเพื่อที่จะประหยัดเวลา นี่เป็นเหตุผลที่เขาบินไปแทนที่จะใช้ประตูมิติเพื่อที่จะไปยังจักรวรรดิ ในขณะที่เขาเดินทาง เขาก็จะได้ชื่นชมทัศนียภาพและได้ทำตัวตามสบายโดยไม่ต้องกังวลอะไร
เจี้ยนเฉินบินผ่านภูเขาและแม่น้ำนับไม่ถ้วน รวมถึงเมืองใหญ่ที่วุ่นวายหลายเมือง ในที่สุด เขาก็เข้ามาในเขตจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
ในทั้งสามจักรวรรดิบนทวีปนั้น จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังที่สุดและพื้นที่ของมันก็กว้างใหญ่มาก ใหญ่กว่าอาณาจักรเกอซุนนับร้อยเท่า ประชากรของมันก็สูงจนเหลือเชื่อถึงกว่าร้อยล้านคน ในขณะที่ประชากรของอาณาจักรเกอซุนมีเพียงสิบกว่าล้านคนเท่านั้น เปรียบเทียบได้ราวช้างกับมด
จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นมี 3 เมืองหลวง เมืองหลวงแต่ละเมืองนั้นถูกปกครองโดยตระกูลใหญ่ 3 ตระกูล ตระกูลละเมือง สำหรับเมืองจักรพรรดินั้นเป็นเมืองหลวงที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางที่สุด นั่นก็คือเมืองแห่งเทพเจ้า
ที่พรมแดน มีเมืองชั้นหนึ่งที่วุ่นวาย ในขณะนั้นในที่ไกลออกไป มีชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีฟ้าผู้ที่เดินทางมาอย่างไม่เร่งรีบกำลังขี่สัตว์อสูรระดับ 4 ตรงมาทางทิศทางที่เมืองอยู่
แน่นอนชายหนุ่มคนนั้นคือเจี้ยนเฉิน เมื่อเข้ามาถึงที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่ได้เร่งรีบในการเดินทางเช่นเดิม เขาตัดสินในที่จะเข้าไปที่เมืองก่อนและเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นและข่าวสารต่าง ๆ เพราะว่าเจี้ยนเฉินไม่คุ้นเคยกับจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เลย เขาต้องการที่จะรวบรวมข้อมูลให้ถูกต้องไปทีละเล็กทีละน้อย
ในขณะที่เจี้ยนเฉินเข้ามาที่เมืองชั้นหนึ่งด้วยสัตว์อสูรระดับ 4 อย่างช้า ๆ เขาก็แวะตามถนนกว้าง เขาก็มาถึงที่โรงเตี้ยมที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับร้านอื่น เขาผูกสัตว์อสูรของเขาไว้ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเข้าไปในโรงเตี้ยม
“คุณชาย ขอต้อนรับสู่โรงเตี้ยมหอมหวลของเรา อาหารของเราปรุงจากกุ๊กฝีมือดีที่สุดของเมืองและเรายังมีเสี่ยวเอ้อที่น่ารักอีกด้วย เราขอรับรองเลยว่าท่านจะต้องพอใจแน่นอน กรุณาเข้ามาและนั่งก่อน” เสี่ยวเอ้อ ออกมาต้อนรับเจี้ยนเฉินและเชื้อเชิญเขาด้วยรอยยิ้ม
เจี้ยนเฉินเข้ามาในร้านอาหารและมองไปรอบ ๆ เขาตัดสินใจที่จะหาบริเวณที่เงียบ ๆ ที่จะนั่งลง แต่ไม่นานหลังจากนั้น สายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ชายที่นั่งอยู่ที่มุมร้าน ตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจราวกับไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
ชายชราสวมชุดยาวสีเทาและผมสีเทาของเขาถูกมัดอยู่ด้านหลังของเขา เขานั่งอยู่หน้าโต๊ะที่เต็มไปด้วยจานอาหารและกำลังเพลิดเพลินกับสุราและอาหารอย่างช้า ๆ ชายชราดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดา ๆ และไม่ได้เป็นที่เตะตาอะไร อย่างไรก็ตาม มันทำให้เจี้ยนเฉินถึงกับอึ้งต่อคนที่นั่งอยู่นี้
เจี้ยนเฉินจ้องมองชายชราอย่างประหลาดใจ ในตอนนั้นเอง เขาสงสัยว่าเขาตาฝาดไปหรือ เขาจึงเอามือขยี้ที่ตาก่อนจะมองดูอีกครั้ง ความประหลาดใจก็ได้ถาโถมสู่จิตใจของเขา
ในตอนนั้นเอง ชายชราก็หัวหน้ามาพอดีและมองมาที่เจี้ยนเฉิน ด้วยท่าทางที่สงบนิ่งและยากจะหยั่งถึง เขาพูดอย่างเรียบ ๆ ว่า “เจี้ยนเฉิน มา มานั่ง ! “
เสียงเรียกที่สุภาพว่า “เจี้ยนเฉิน” นั้นทำให้เขาถึงกับตัวแข็งไปตอนที่เขาได้ยิน เขาร้องออกมาเบาเบา “ท่านลุงเซี่ย ท่านจริง ๆ ด้วย ! ” สมองของเจี้ยนเฉินสับสนไปหมด ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้พบกับท่านลุงเซี่ยจากหุบเขายั่งยืนในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นี้
ท่านลุงเซี่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ เขานั่งอยู่และเริ่มกินและดื่มต่อโคยไม่ได้สนใจเจี้ยนเฉินที่นั่งอยู่ตรงนั้น
เจี้ยนเฉินหยุดหายใจ เขายังตกอยู่ในความตกใจและไม่สงบใจขณะที่นั่งอยู่ตรงกน้าของท่านลุงเซี่ย หลังจากนั้น เขาก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยทันที “ท่านลุงเซี่ย ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่ ? “
ลุงเซี่ยมองไปที่เจี้ยนเฉิน “ครั้งนี้ ข้าตั้งใจเพื่อมาพบเจ้าเป็นพิเศษ ! “
“เพื่อพบข้า ! ” แววตาของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความตาสงสัย
“เจี้ยนเฉิน ข้ารู้ว่าที่เจ้ามาที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อที่จะบรรลุเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7” ท่านลุงเซี่ยพูดอย่างสงบ
อย่างไรก็ตามในน้ำเสียงที่สงบนั้นทำให้เจี้ยนเฉินมีปฏิกิริยาอย่างมาก เขาจ้องไปที่ลุงเซี่ยด้วยตัวที่แข็งทื่อขณะที่เขามึนงง ตัวตนของเจี้ยนเฉินในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นเป็นความลับของเขามาตลอด ในโลกนี้มีไม่กี่คนที่รู้ถึงตัวตนของเขาที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง มันยากที่เจี้ยนเฉินจะเชื่อว่าท่านลุงเซี่ยรู้ถึงตัวตนของเขาที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงตั้งแต่เมื่อไร ?
ในชั่วขณะก่อนหน้านี้ ม่านพลังที่มองไม่เห็นได้ถูกสร้างขึ้นมารอบ ๆ โต๊ะที่เจี้ยนเฉินและท่านลุงเซี่ยนั่งอยู่ น้ำเสียงที่สงบของท่านลุงเซี่ยก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “เจี้ยนเฉิน ข้าฝึกฝนพลังเซียนธาตุความมืด ดังนั้นข้าจึงไวต่อพลังเซียนธาตุ อีกทั้งแค่คอยดูเจ้าอย่างลับ ๆมาช่วงหนึ่งแล้ว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงได้รู้ตัวตนของเจ้า และข้าคิดว่าไม่ได้มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ถึงตัวตนของเจ้าว่าเจ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างบางทีก็อาจจะรู้ด้วย”
เจี้ยนเฉินคิดอย่างรวดเร็วและถาม “ท่านลุงเซี่ย ท่านใช่ฮุสตัน หัวหน้านิกายดาบโลหิตหรือเปล่า? ตอนที่เซียนผู้คุมกฎ 4 คนจากนิกายดาบโลหิตได้มาช่วยตระกูลเจียงหยางให้รอดพ้นจากหายนะ ท่านส่งพวกนั้นมาอย่างลับ ๆ ใช่หรือไม่ ? “
ท่านลุงเซี่ยพยักหน้า ซึ่งก็คือการยอมรับกลาย ๆ หลังจากนั้นไม่นาน เขาไม่ได้สนทนาต่อในเรื่องที่เจี้ยนเฉินถามและเปลี่ยนประเด็น “เจี้ยนเฉิน เจ้าวางแผนไว้อย่างไรที่จะไปถึงระดับ 7 ?”
เจี้ยนเฉินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานพอสมควรแล้ว เขาตอบโดยไม่ได้คิดอะไรเพิ่ม “ข้าได้ยินมาว่ามันยากมากที่จะมีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 7 จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์จะไม่ให้โอกาสนี้แก่คนนอก ดังนั้นข้าจึงวางแผนที่จะใช้ตัวตนของข้าที่เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงในการได้รับโอกาสนั้น”
ท่านลุงเซี่ยส่ายหัว “เจ้าผิดแล้ว เจี้ยนเฉิน มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดว่ามันจะเป็น ถ้าเจ้าทำแบบนั้นจริง ๆ ถึงแม้ว่าเจ้าจะได้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เจ้าก็จะต้องผูกติดอยู่กับสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงตลอดไปและเจ้าจะสูญเสียอิสรภาพ”