เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 737: การทำความเข้าใจทักษะ (2)
ตอนที่ 737: การทำความเข้าใจทักษะ (2)
เจี้ยนเฉินอ่านข้อมูลจากหนังสืออย่างตั้งใจ หลังจากนั้น เขาหลับตาและครุ่นคิดสักครู่ เขาจำลองการรวบรวมโล่พลังเซียนธาตุแสงในใจของเขา ก่อนที่จะลืมตาขึ้น สายตาของเขานั้นเด็ดเดี่ยว
“โล่.. พลังเซียน.. ธาตุแสง ! ” เจี้ยนเฉินพูดทีละคำ เขาค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นช้า ๆ และพลังเซียนธาตุแสงหนา ๆ ก็มารวมอยู่ที่มือของเขาอย่างรวดเร็ว ในวินาทีเดียว มันก็รวมเป็นรูปโล่กว้าง 1 เมตร
โล่ทั้งใบนั้นบอบบางประหนึ่งว่ามันคือหมอกเมฆ มือที่เจี้ยนเฉินยื่นไปหามันยังทะลุมันไปได้โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ
เจี้ยนเฉินแสดงท่าทางผิดหวังออกมา โล่พลังเซียนธาตุแสงคือโล่ที่สุดยอดที่จะใช้ป้องกันการโจมตี แม้ว่าโล่ของเขาจะรวมเป็นรูปร่างแล้ว แต่มันยังใช้การไม่ได้ มันไร้ประโยชน์อย่างที่สุด มันไม่สามารถป้องกันได้แม้แต่สายลมที่บางเบา
“ดูเหมือนการเข้าใจในทักษะธาตุแสงจะไม่ง่ายเลย ในการเปลี่ยนพลังเซียนธาตุแสงที่อ่อนโยนไปเป็นปราณ หยางที่ทรงพลังนั้นจะยากเกินไป โล่พลังเซียนธาตุแสงที่ถูกบันทึกไว้ในสมุดนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องได้และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็ก แต่โล่ที่ข้าสร้างขึ้นมานั้นยังบอบบางและยังไม่สามารถจับต้องได้จริง ๆ ” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง
ความสามารถที่อ่อนโยนและความสามารถในการฟื้นฟูของพลังเซียนธาตุแสงที่มีมาโดยกำเนิดนั้นเป็นการห้ามไม่ให้พลังนั้นเติบโต ดังนั้นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจึงไม่เป็นอันตรายกับใคร ความอ่อนแอและความสามารถฝึกฝนพลังเซียนได้นั้นทำให้พวกเขาไม่ต่างอะไรจากชาวบ้านธรรมดา ๆ
เขาพลาดในครั้งแรก แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้หดหู่แม้แต่น้อย เขาอ่านรายละเอียดในการเปลี่ยนพลังเซียนธาตุแสงในหนังสืออย่างตั้งใจอีกครั้ง เขาเข้าใจว่าในการฝึกทักษะธาตุแสงนั้น การเปลี่ยนพลังเซียนธาตุแสงนั้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก
เจี้ยนเฉินลืมเวลาไปขณะที่อยู่ในหอคอยพลังเซียนธาตุแสง เขาอุทิศความสนใจทั้งหมดไปที่การฝึกฝน ในขณะที่เสือตัวเล็กก็ไม่ได้รบกวนเจี้ยนเฉินเช่นกัน มันอยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉินอย่างเงียบ ๆ และขยับหัวเล็ก ๆ ของมันไปมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ครึ่งวันต่อไป เจี้ยนเฉินก็วางหนังสือที่อยู่ในมือ เขายกมือขวาขึ้นอีกครั้ง และพลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ ก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว และสร้างโล่กว้าง 1 เมตรขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่โล่ในมืออย่างสนใจ แต่สายตาของเขานั้นเศร้าหมอง เขาถอนหายใจเบา ๆ “นี่ยังไม่พอ โล่ยังบอบบางเกินไป ดูเหมือนข้าจะยังไม่เข้าใจวิธีการเปลี่ยนพลังอย่างถ่องแท้”
เจี้ยนเฉินปล่อยให้โล่กระจายออกไป แต่เขาไม่ได้ดูที่หนังสือต่อ เขาก้มหัวแล้วครุ่นคิด ใครครึ่งวันนั้น เขาจดจำข้อมูลทุกอย่างในหนังสือได้แล้ว แม้แต่ให้ท่องกลับหลังก็ยังทำได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์ที่จะกลับไปอ่านอีก ตอนนี้ เขาต้องสำเร็จวิธีในการเปลี่ยนพลังเซียนธาตุแสงเสียก่อน เพราะนั้นเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เขาเรียนรู้ทักษะธาตุแสงต่อไปได้
“เจ้าหนุ่ม เจ้าคงมาใหม่ซินะ” ทันใดนั้นเอง เสียงชราก็ดังสะท้อนมาจากข้างหลัง ทำให้เจี้ยนเฉินตื่นจากความคิดในการฝึกของเขา
เจี้ยนเฉินหันไปที่ต้นเสียงนั้น เขาเป็นชายชราในเสื้อป่าน กำลังจับผ้าสะอาดแล้วเช็ดลงไปที่โต๊ะและเก้าอีกอยู่ไม่ไกล เขาไม่ได้ทำให้เกิดเสียงใด ๆ เลย
เจี้ยนเฉินจดจ้องและจ้องลึกเข้าไปที่ชายชราด้านหลังเขา สามตาแห่งความประหลาดใจก็เกิดขึ้นกับเจี้ยนเฉิน ก่อนหน้านี้ถึงเขากำลังคิดเกี่ยวกับการฝึกอยู่ แต่เขาก็ยังคงระมัดระวังกับสิ่งรอบ ๆ ตัวที่ยังไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของชายชราคนนี้เลย ถ้าชายชราไม่พูดกับเขา เขาคงจะไม่สังเกตเลยว่ามีคนอยู่ตรงนั้น
“เจ้าหนุ่ม เจ้าน่าประทับใจมาก ข้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ข้าเห็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 มาก็เยอะ แต่พวกเขาก็อายุเกินกว่าร้อยปีทั้งนั้นเลย เจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่สำเร็จระดับ 6 ด้วยอายุยี่สิบกว่า” ชายชราพูดช้ามาก เสียงของเขาเหมือนไม่มีพลัง ทำให้เขาเหมือนขาดพลังชีวิตไป
เจี้ยนเฉินยืนขึ้นจากพื้นแล้วประสานมือไปที่ชายชรา “หยางยู่เทียนขอคารวะผู้อาวุโส ! ” เจี้ยนเฉินมองชายชราคนนี้ไม่ออกโดยสิ้นเชิง ในสายตาของเจี้ยนเฉิน เขาดูเหมือนคนธรรมดามาก ๆ โดยไม่มีอะไรผิดปกติ อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ไม่เชื่อเช่นนั้นและรู้สึกว่าชายชรานี้มีอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น
“ชายชราคนนี้จะต้องเป็นเซียนผู้คุมกฎวัฏจักรที่ 7 เป็นอย่างน้อย หรืออาจจะมากกว่านั้น!” เจี้ยนเฉินประเมินกับตัวเอง นี้เป็นเพราะว่าเซียนผู้คุมกฎวัฏจักรที่ 7 สามารถปิดบังพลังของพวกเขาได้ ซึ่งก็เหมือนที่ชายชราคนนี้ทำ
“หยางยู่เทียน การฝึกทักษะธาตุแสงนั้นไม่ได้ยาก แต่สิ่งที่ยากก็คือการแปลงพลังเซียนธาตุแสง ก่อนหน้านั้น โดยปกติแล้วเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทุกคนจะใช้เวลาหลายปีหรือหลายทศวรรษในการคิดวิธีที่จะแปลงพลังเซียนธาตุแสง มันไม่ใช่อะไรที่จะสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เจ้าควรจะนำหนังสือและไปที่ห้องส่วนตัวด้านบน บางทีจะอาจจะพบอะไรบางอย่างที่นั้น” ชายชรากล่าวอย่างอ่อนแรงเหมือนคนที่ใกล้จะตาย ตั้งแต่คุยกับตอนแรก เขาก็สนใจแต่ในสิ่งที่เขาทำโดยไม่ได้มองไปที่เจี้ยนเฉินเลย
เจี้ยนเฉินป้องมือให้ชายชราและเอาหนังสือไปเก็บที่ชั้นหนังสือ หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นไปที่ชั้นบนเพื่อจะไปที่ห้องส่วนตัวที่ชายชราพูดถึงเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องนี้ต่อ
มันมีห้องหลายห้องด้านบน แต่ละห้องมีประตูไม้เล็ก ๆ ด้านหลังประตูมีม่านพลังหุ้มอยู่อย่างมิดชิด ไม่เพียงแต่ม่านพลังจะมีพลังป้องกันมากเท่านั้น มันยังกันเสียงได้อีกด้วย ซึ่งทำให้คนด้านในฝึกฝนได้โดยไม่ถูกรบกวน
เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าหลายห้องนั้นมีหยกสื่อสารห้อยอยู่ที่ประตู นั้นหมายความว่าห้องนั้นกำลังถูกใช้งานอยู่
เจี้ยนเฉินพบห้องที่ว่างและเขาก็แขวนจี้สื่อสารไว้ที่ประตูก่อนที่จะเข้าไปทำความเข้าในเรื่องการแปลงพลังเซียนธาตุแสงต่อ
ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็อยู่ในหอคอยมาครึ่งเดือนแล้ว ในเวลาเหล่านั้น เจี้ยนเฉินไม่ได้ออกจากห้องเลย เขาใช้พลังทั้งหมดไปกับการฝึกทักษะธาตุแสง และเจี้ยนเฉินยังคงป้อนสมบัติสวรรค์ให้แก่เสือขาว ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นค่อนข้างมาก
ภายในห้องเก็บตัวนั้น เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนพื้นที่เย็นอย่างสงบ มือของเขาวางอยู่อยู่บนเข่าหน้าเขา โล่ที่มีแสงนวลสีขาวลอยอยู่หลางอากาศ โล่นั้นแข็งและมันดูเหมือนหินก้อนใหญ่สีขาว
เจี้ยนเฉินทำท่าทางที่มือของตัวเองเล็กน้อยและโล่ก็ร่อนลงมาที่เจี้ยนเฉินอย่างช้า ๆ ทันที เจี้ยนเฉินเคาะเบา ๆ ไปที่โล่และโล่ก็ส่งเสียงทุ้มออกมา
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มที่มุมปาก หลังจากครึ่งเดือนที่เขาเรียนรู้อย่างหนัก เขาก็เข้าใจวิธีการแปลงพลังเซียนธาตุแสงในที่สุด ในตอนนี้ เขาสามารถรวมพลังเซียนธาตุแสงเป็นวัตถุที่แข็งแกร่งได้แล้ว
“โล่พลังเซียนธาตุแสงนั้นสามารถที่จะป้องกันการโจมตีจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้แล้ว แต่มันจะถูกทำลายต่อหน้าเซียนปฐพี ข้าสามารถทำให้พลังป้องกันของโล่นี้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้ มันควรจะป้องกันการโจมตีจากเซียนสวรรค์ได้แล้ว” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง
แม้ว่าเซียนสวรรค์ที่ใช้แม้กระทั่งทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ยังยากที่จะทำให้ร่างบรรพกาลของเขาบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งในฐานะนักสู้ได้เมื่ออยู่ในเมืองแห่งเทพเจ้า ถ้าตัวตนของเขาถูกเปิดเผย เขาอาจจะสูญเสียทุกสิ่งที่เขาทำมา และยังอาจจะเจอปัญหาจากสมาคมอีกเพราะว่าพวกเขาจะรู้ความลับที่ไม่สมควรรู้
“ข้าเข้าใจการสร้างโล่พลังเซียนธาตุแสงนี้แล้ว ข้าสงสัยเหลือเกินว่ายังมีทักษะการป้องกันที่ทรงพลังอื่นอีกหรือไม่” เจี้ยนเฉินออกจากห้องที่เขาอยู่มาครึ่งเดือน และมาถึงตรงหน้าชั้นหนังสือที่มีทักษะธาตุแสงที่เขามาก่อนหน้านี้ และค้นหนังสือไปทีละเล่ม
ชายชราที่เจี้ยนเฉินเคยพบ ตอนนี้ไม่อยู่ที่นี่แล้ว
แม้ว่าจะมีหนังสือหลายเล่มอยู่ที่ชั้นวาง แต่พวกนั้นส่วนมากก็ไม่ได้ทำให้เจี้ยนเฉินสนใจและแค่บางเล่มเท่านั้นที่บอกวิธีการฝึกทักษะธาตุแสง
“กระบี่พลังเซียนธาตุแสง ! ” เจี้ยนเฉินหยุดที่หนังสือเล่มหนา หลังจากที่เปิดผ่านมัน เขาก็เรียนรู้ว่านี้คือทักษะธาตุแสงที่เอาไว้ใช้โจมตี เขาสามารถที่จะรวมรวมพลังเซียนธาตุแสงให้กลายเป็นกระบี่ใหญ่ที่ทรงพลังที่สามารถควบคุมได้ด้วยความคิดเพื่อใช้มันในการโจมตี
เจี้ยนเฉินจำตำแหน่งของหนังสือได้ เขาคืนหนังสือกลับไปที่ชั้นแล้วเริ่มค้นหาหนังสือเล่มอื่นต่อ
“ระเบิดธาตุแสง แปลงพลังเซียนธาตุแสงให้มีรูปร่างเหมือนเม็ดฝนและใช้พลังความคิดในการควบคุม มีผลเป็นวงกว้าง”
“เกราะพลังเซียนธาตุแสง แปลงพลังเซียนธาตุแสงเป็นสารที่ยืดหยุ่นแต่เหนียวและห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ เพื่อปกป้องผู้ร่าย”
“พลังเซียนธาตุแสง: รวบรวมพลังเซียนธาตุแสงเพื่อสร้างร่างแยกเหมือนกับผู้ร่ายเหมือนว่าผู้ร่ายอยู่ในนั้น และไม่กลัวการโจมตีใดใด ! “
“ทักษะทะยาน รวบรวมพลังเซียนธาตุแสงไว้ที่ใต้ฝ่าเท้าเพื่อใช้เหาะไปในอากาศ ! “
..
เจี้ยนเฉินอ่านผ่านหนังสือที่บนชั้นทีละเล่ม ในขณะที่เขาอ่านรายละเอียดทักษะที่ถูกบันทึกไว้ เขารู้สึกประหลาดใจเพิ่มมากขึ้นมากขึ้น ในตอนนี้เจียนเชิญล้มเลิกความคิดที่ว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นไม่มีพิษไม่มีภัยและไม่มีวิธีที่จะใช้ในการโจมตี เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงสามารถมีความแข็งแกร่งได้เท่าเทียมกับนักสู้ แต่ความแข็งแกร่งนั้นจะมาในขั้นหลังหลัง ทักษะธาตุแสงทั้งหมดนั้นที่เขาเห็น อย่างน้อยขั้นต่ำคือระดับ 5 ที่จะฝึกได้ และมันยังฝึกยากกว่านักสู้หลายเท่า