เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 748: ออกจากการกักตน
ตอนที่ 748: ออกจากการกักตน
สองวันต่อมา ภายในห้องที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง เจี้ยนเฉินที่นั่งอยู่ที่เบาะก็ได้ลืมตาขึ้นช้า ๆ ในตอนนี้เอง ประกายไฟก็ปรากฏขึ้นที่ดวงตาของเขาและหายไปในพริบตา หลังจากนั้นไม่นาน ตาของเจี้ยนเฉินก็สดใสป่านตะเกียงที่ค่อย ๆ หรี่ลงและฟื้นตัวกลับเหมือนอย่างที่เขาเคยเป็นมาก่อน
“หลังจากสองวันของการฟื้นตัว ข้าได้ฟื้นตัวจากการร่ายเทพจุติ และจิตวิญญาณของข้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น แม้แต่การรับรู้ของข้าก็เพิ่มขึ้นจากเดิม 15 กิโลเมตรเป็น 20 กิโลเมตร” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเองบนเบาะนั่ง
หลังจากนั้นไม่นาน สิ่งที่เกิดขึ้นสองวันที่ผ่านมาบนเรือก็ได้แวบเข้ามาในหัวเขาอีกครั้ง มันทำให้ท่าทีปกติของเจี้ยนเฉินเย็นชา และเขากำหมัดสองข้างที่วางอยู่บนเข่าของเขาแน่น สายตาเขาดุร้ายและเขาคำรามออกมา “ตระกูลทั้งแปด ข้าจำสิ่งที่พวกเจ้าทำได้คืนนั้น ข้าจะตามหาพวกเจ้าและเอาคืนกลับให้หลายเท่าอีกไม่นานนี้เป็นแน่”
ไม่ว่าจะเป็นเจี้ยนเฉินหรือท่านประธานของสมาคม พวกเขารู้ดีว่านักฆ่าในชุดดำนั้นเป็นคนของตระกูลทั้งแปดเมื่อสามสิบกว่าคนนั้นโจมตีที่เรือ
เจี้ยนเฉินยังรู้ดีไปกว่านั้นว่าตระกูลทั้งแปดต้องการที่จะทดสอบเขาเพื่อดูพลังที่แท้จริงของเขา พวกนั้นไม่ได้มีความคิดที่จะฆ่าเขา แต่เมื่อความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินแสดงออกมานั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ คนของตระกูลทั้งแปดก็รู้สึกถูกคุกคาม สุดท้ายพวกเขาจึงต้องการที่จะสังหารเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยังคงโกรธเกรี้ยวในใจอยู่อีกซักพัก ก่อนที่เขาจะสงบลง เขาพึมพำ “หลังจากการต่อสู้เมื่อสองวันที่แล้ว ความเข้าใจในทักษะธาตุแสงของข้าได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกับกระบี่แห่งการพิพากษาและเทพจุติ แม้ว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้ข้าก็สามารถร่ายมันได้อย่างง่ายดายกว่าเดิม มันก็เหมือนกับทักษะอื่น ๆ และความแข็งแกร่งของมันก็เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก”
“ข้าได้เข้าใจวิธีในการร่ายโล่ธาตุแสงดีมากขึ้น เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว แม้ว่าการป้องกันของโล่ที่ข้าร่ายในคืนนั้นจะค่อนข้างมาก แต่พลังเซียนธาตุแสงในโล่ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้รวมตัวกันอย่างสมบูรณ์ ถ้าข้าทำให้มันสมบูรณ์ได้ ความแข็งแกร่งของโล่ควรจะต้องเพิ่มขึ้นมากกว่านี้แน่”
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 แต่ความสามารถของเขาในทักษะธาตุแสงก็ใกล้เคียงกับระดับ 7 ดังนั้นเขาจึงมีพรสวรรค์อันเยี่ยมยอดในการฝึกทักษะธาตุแสง ด้วยความเข้าใจในทักษะของตัวเขาเอง เขาก็สามารถหาวิธีผ่านปัญหาต่าง ๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว
“วันแข่งขันก็ใกล้จะเข้ามาถึงทุกที แม้ว่าข้าจะมั่นใจว่าข้าสามารถชนะพวกเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทั้งหมดได้ แต่มันจะยังมีปัญหาสำหรับข้าในการที่จะต้องต่อสู้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 หลายคนที่ร่วมมือกัน เว้นเสียแต่ว่าข้าจะเปิดเผยตัวเองในฐานะนักสู้ แต่มันยังไม่จำเป็นที่จะเปิดเผยออกมาเร็วเช่นนั้น ดังนั้นข้าจะเก็บตัวและเรียนรู้ต่อไป เมื่อข้าแก้ปัญหาที่พบได้ทั้งหมดแล้ว ความแข็งแกร่งของข้าในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก”
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เจี้ยนเฉินก็หลับตาลงทันทีและเริ่มทำความเข้าใจในทักษะธาตุแสง
ในพริบตาเดียว หลายสิบวันผ่านไป ในตอนนี้ เหลือเวลาอีกครึ่งเดือนเท่านั้นก่อนที่จะถึงการแข่งขัน จำนวนของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในเมืองแห่งเทพเจ้าก็เพิ่มมากขึ้น พวกเขาถูกพบเห็นได้เกือบทุกที่พร้อมตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง
ในตอนนี้ เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับสูงที่อยู่ทั่วจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์และจากเมืองหลวงอีกทั้งสองได้มารวมกันในที่ที่เดียว มันทำให้สมาคมเป็นที่สนใจมากซึ่งจะเกิดในทุกรอบ 50 ปี
วันนี้ ห้องที่เจี้ยนเฉินได้เก็บตัวอยู่ก็เปิดออกอย่างช้า ๆ เจี้ยนเฉินในชุดขาวเดินออกมาจากด้านในและเมื่อเทียบกับหลายสิบปีก่อน เจี้ยนเฉินก็ดูปกติเหมือนเช่นเคย แม้ว่าเขาดูเหมือนจะมีบรรยากาศที่พิเศษล้อมรอบเขาอยู่ เมื่อรวมกับชุดสีขาวหิมะที่เขาสวมใส่อยู่แล้ว เจี้ยนเฉินก็ดูเหมือนนักปราชญ์
เมื่อเจี้ยนเฉินออกจากห้องไปนั้น เสียงก้าวเท้าก็ดังมากจากที่ไกล ๆ มันคือผู้อาวุโสเก้าในชุดขาวที่เดินมาหาเจี้ยนเฉินด้วยรอยยิ้ม เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างไม่สามารถปิดบังความชื่นชมเอาไว้ได้
“หยางยู่เทียน ในที่สุดเข้าก็ออกมา ! มากับข้าเพื่อไปหาท่านประธานเร็วเข้า ท่านประธานรอที่จะพบเจ้ามาหลายวันแล้วตอนนี้” ผู้อาวุโสเก้ากล่าวอย่างอบอุ่น
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโสเก้า ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับและมองไปที่เสี่ยวไป๋ที่อยู่บนไหล่ของเขา ก่อนที่จะตามผู้อาวุโสเก้าไป
ในช่วงเวลาแห่งการเก็บตัวนั้น เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ลืมที่จะให้อาหารกับเสือขาว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ป้อนสมบัติสวรรค์หมื่นปีให้กับเสี่ยวไป๋เมื่อสองวันก่อน เสือนั้นก็ยังคงหลับอยู่
เจี้ยนเฉินเข้าใจอย่างเล็กน้อยว่าบางทีเสือขาวกำลังจะผ่านไปยังระดับ 6 เพราะว่าเสือนั้นได้ไปถึงจุดสูงสุดของระดับ 5 ซักพักแล้ว
“หยางยู่เทียน นอกจากที่เจ้าจะไปพบท่านประธานแล้ว เจ้ายังจะได้พบท่านผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมอีกด้วย แม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ของท่านประธาน เจ้าก็ต้องมีความเคารพต่อหน้าท่านผู้อาวุโสสูงสุด” ในระหว่างทางที่เดินไป ผู้อาวุโสเก้าพูดอย่างเคร่งขรึมกับเจี้ยนเฉิน
“หยางยู่เทียนรับทราบ ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับด้วยเสียงที่นุ่มนวล
ผู้อาวุโสเก้ากล่าวต่อ “ท่านผู้อาวุโสสูงสุดนั้นเป็นเสาหลักของสมาคม เขาแข็งแกร่งรองจากท่านประธาน แม้แต่ท่านรองประธานก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่าท่านผู้อาวุโสสูงสุด ! “
“ท่านผู้อาวุโสเก้า ท่านผู้อาวุโสสูงสุดนั้นแข็งแกร่งขนาดไหนกันหรือ ? และท่านอาจารย์แข็งแกร่งขนาดไหน ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างอยากรู้อยากเห็น คำถามนี้ได้ติดอยู่ในใจของเขามานานมากแล้ว เพราะว่าเขาพบว่าแม้ว่าผู้อาวุโสของสมาคมทุกคนจะเป็นระดับ 7 แต่มันก็มีช่องว่างระหว่างพวกเขามาก
ผู้อาวุโสเก้ามองไปที่เจี้ยนเฉินแล้วกล่าวว่า “หยางยู่เทียน เราใช้ทักษะธาตุแสงในการจำแนกความแข็งแกร่งของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เจ้าจำสถานที่ซึ่งเจ้ารับการทดสอบครั้งที่ 2 ได้หรือไม่ ? ที่นั่นเป็นที่ซึ่งใช้ทดสอบความแข็งแกร่งของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง เจ้าดึงพลังเซียนธาตุแสงออกมาได้มากกว่าสี่ในสิบส่วนจากม่านพลังนั้น ดังนั้นความสามารถของทักษะธาตุแสงของเจ้าจึงใกล้เคียงกับระดับ 7 เจ้าแข็งแกร่งมากกว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ธรรมดาคนอื่น ๆ เพราะว่าเจ้าดึงพลังเซียนธาตุแสงออกมาได้เกือบห้าในสิบส่วนจากสิ่งกักกันนั้น เฉพาะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เท่านั้นที่จะมีพลังที่จะทำเช่นนั้นได้”
(TL เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแบ่งขั้นย่อยตามความสามารถในการดึงพลังเซียนธาตุแสงจากม่านพลังในการทดสอบที่ 2 ได้เป็นขั้น 1-10 )
“สำหรับท่านผู้อาวุโสสิบสี่และข้านั้น เราสามารถดึงพลังออกมาได้ห้าในสิบส่วน ดังนั้นความแข็งแกร่งของพวกเรายังคงอยู่ในขั้น 5 ท่านผู้อาวุโสห้าที่เจ้าเคยพบมาแล้วนั้นแข็งแกร่งกว่าข้าและผู้อาวุโสสิบสี่ เขาสามารถดึงพลังออกมาได้มากกว่าหกในสิบส่วน และสำเร็จไปถึงขั้น 6 แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นท่านอาจารย์อยู่ในขั้นไหนกัน ? ” เจี้ยนเฉินจ้องมองผู้อาวุโสเก้าด้วยความสนใจ
ความชื่นชมปรากฏขึ้นที่สายตาของผู้อาวุโสเก้า “ท่านประธานเป็นคนที่ทรงพลังที่สุดในสมาคม เขาอยู่ในขั้น 10 และถ้าไม่มีช่องว่างที่ข้ามไปไม่ได้ในการเป็นระดับ 8 นั้น ท่านประธานคงสำเร็จระดับ 8 ไปนานแล้ว”
“สำหรับท่านผู้อาวุโสสูงสุดนั้น ท่านเป็นคนที่แข็งแกร่งอันดับที่สองในสมาคม เขาอยู่ในขั้น 9”
“รองจากท่านผู้อาวุโสสูงสุด ก็เป็นท่านรองประธาน จากนั้นก็ท่านผู้อาวุโสสอง สาม และสี่ พวกเขาอยู่ในขั้น 7 แม้ว่าข้าจะเคยได้ยินมาว่าท่านรองประธานเกือบจะไปถึงระดับ 7 แล้ว สำหรับท่านผู้อาวุโสคนอื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดอยู่ในระดับ 5 และ 6 “
หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสเก้าก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน “หยางยู่เทียน เจ้าเข้าใจถึงความแตกต่างในความแข็งแกร่งระหว่างเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแล้วใช่หรือไม่ตอนนี้ ? “
เจี้ยนเฉินพยักหน้ารับ “ถ้างั้นนี่ก็หมายความว่าข้ายังอยู่ในจุดสูงสุดของขั้น 4 ซึ่งใกล้จะถึงระดับ 5 ใช่หรือไม่ ? “
“ถูกต้อง ในการแข่งขันที่จะมาถึงในอีกครึ่งเดือนนี้ เจ้าต้องติดหนึ่งในสิบให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม หยางยู่เทียน และจากนั้นก็เข้าไปที่วัตถุเซียนเพื่อรับพลังงานดั้งเดิม ด้วยพลังงานดั้งเดิมนี้เท่านั้นที่จะทำให้เจ้าไปถึงระดับ 7 ได้อย่างเสร็จสิ้น สำหรับพลังนี้ มันจะหายไปโดยธรรมชาติ ดังนั้นพลังนี้จึงสามารถได้รับจากวัตถุเซียนเท่านั้น นี่เป็นทางเดียวที่จะสำเร็จระดับ 7 ได้ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะรับพลังงานดั้งเดิม เอาละ พวกเรามาถึงแล้ว หยางยู่เทียน เจ้าควรจะเข้าไปข้างใน ท่านประธานและท่านผู้อาวุโสสูงสุดกำลังรอเจ้าอยู่ด้านใน” ผู้อาวุโสเก้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูและไม่ได้เดินเข้าไป
เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปในห้องที่ตกแต่งอย่างฟุ่มเฟือย ที่กลางห้อง มีโต๊ะน้ำชาและมีชายชรา 2 คนในชุดขาวนั่งหันหน้าเข้าหากันและกำลังสนทนากันอยู่ หนึ่งในนั้นคือท่านประธานอย่างไม่ต้องสงสัย
เจี้ยนเฉินมาถึงอย่างปกติและได้ไปสะดุดตาของพวกเขาเข้า ท่านประธานพูดกับชายชราที่อยู่ถัดไปจากเขา “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด นี่คืออัจฉริยะที่เพิ่งมาปรากฎอีกทั้งยังเป็นลูกศิษย์ลำดับที่สามของข้าที่ข้ารับไว้ หยางยู่เทียน หยางยู่เทียน นี่คือท่านผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคม ทำไมเจ้าไม่รีบคารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุดล่ะ ? “
“หยางยู่เทียนขอคารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุด ! ” เจี้ยนเฉินคำนับชายชราผู้นั้น หลังจากที่เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของท่านผู้อาวุโสสูงสุดจากผู้อาวุโสเก้าแล้ว เจี้ยนเฉินก็ไม่กล้าที่จะเปรียบเทียบเขากับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ธรรมดา นี่มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ก็เหมือนกับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 กับ 9 นั่นแหละ ความแตกต่างนั้นช่างห่างไกลเหลือเกิน
สายตาของท่านผู้อาวุโสสูงสุดหยุดไปที่เจี้ยนเฉินและเขาก็สำรวจที่เจี้ยนเฉิน หลังจากนั้นไม่นั้นท่าทีของเขาก็หยุดนิ่งไปและตาของเขาเกิดประกาย เขาหัวเราะ “ไม่เลว ไม่เลวเลยทีเดียว เขาคือเพชรในตม ! “
ประธานหัวเราะคิกคัก “พรสวรรค์ของศิษย์ข้านั้นยอดเยี่ยมหาใดเปรียบ ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับทักษะธาตุแสงสุดยอดทั้งสาม แต่เขายังร่ายกระบี่แห่งการพิพากษาและเทพจุติได้อีกด้วย แม้ว่าพลังของทั้งสองทักษะนั้นจะลดลงไปเพราะยังไม่มีพลังงานดั้งเดิม แต่เขาก็พบวิธีที่จะร่ายมันซึ่งยากมาก”
ความประหลาดใจเกิดขึ้นอยู่ในดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุด เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเจี้ยนเฉินใกล้ ๆ สายตาของเขาสั่นไหว นี้เป็นเพราะว่าในตัวเจี้ยนเฉินนั้น เขารู้สึกได้ถึงพลังงานดั้งเดิมจาง ๆ ของพลังเซียนธาตุแสง นอกเหนือจากเขาแล้ว แม้แต่ท่านประธานก็ยังไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้ เพราะว่าพลังงานดั้งเดิมนี้มันเป็นของเจี้ยนเฉินนั่นเอง