เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 750: ตระกูลซาร์
ตอนที่ 750: ตระกูลซาร์
ชายชราซิตูรับเลือดมา 2 หยด หลังจากนั้น เขาก็รวมเลือด 2 หยดนั้นเข้าด้วยกันและวางมันไปที่กึ่งกลางคิ้วทั้งสองข้าง หลังจากที่เลือดทั้งสองหยดนั้นสัมผัสกับเขาแล้ว มันก็หายไปทันที
ชายชราซิตูหลับตา หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ลืมตาขึ้น สายตาของเขาเปล่งประกาย เขาตะโกนเสียงทุ้มออกมา “ด้วยวิญญาณของข้าเป็นเส้นทาง และเลือดเป็นสิ่งนำทาง ด้วยพลังของธรรมชาติ ทักษะคำทำนายสุดยอด ! ” แสงสีแดงพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขา ภายใต้การควบคุมของจิตใจของชายชราซิตู มันก็ได้ฉายภาพสีแดงที่ลึกลับออกมา พลังปราณอันลึกลับของโลกได้เกิดเป็นภาพขึ้นมา มันได้เปลี่ยนเป็นดวงดาวสีแดงเข้มและหายเข้าไปที่หน้าฝากของชายชราซิตู
ทักษะคำทำนายสุดยอดนั้นพิเศษมาก มันถูกค้นพบโดยพวกเขาทั้งห้าในถ้ำของเซียนราชาเมื่อหลายร้อยปีก่อน พวกเขาทั้งห้าพยายามที่จะทำความเข้าใจมัน แต่มีเพียงชายชราซิตูเท่านั้นที่พอจะจับพื้นฐานของทักษะนี้ได้
ทักษะคำทำนายสุดยอดนั้นไม่ใช่วิชาโจมตี มันใช้เพื่อทำนายอนาคต ทักาะที่เหมือนการพยากรณ์ อย่างไรก็ตาม ชายชราซิตูเข้าใจในทักษะคำทำนายสุดยอดในขั้นพื้นฐานเท่านั้น และสามารถใช้ประโยชน์จากมันในขั้นเบื้องต้น นี่รวมไปถึงการคนหาคนอย่างไร้ขอบเขตโดยใช้อุปกรณ์หรือวัตถุพิเศษ
ชายชราซิตูหลับตาแน่น ผิวสีชมพูของเขาซีดจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขาอยู่ในลักษณะนั้นนาน 1 เค่อ ก่อนที่จะเปิดตาขึ้น “เมืองแห่งเทพเจ้า จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ ! “
“พวกเราไปที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ทันที ไม่อย่างนั้นผู้พิทักษ์ทั้งสี่จากนิกายดาบโลหิตจะต้องมาพบเจอเราในไม่ช้า ทักษะซ่อนตัวที่เราได้มาจากถ้ำเซียนระดับราชาจะไร้ประโยชน์ต่อหน้าทั้งสี่คนนั้น” ชายชราหม่าเทิงพูดเสียงทุ้ม
“ชักช้าไม่ได้แล้ว เดินทางทันที”
..
ในส่วนลึกของเทือกเขาครอสมีปราสาทลึกลับซ่อนอยู่ที่รู้จักกันแค่สองสามคน ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนร่างใหญ่ท่าทางดุร้ายกำลังนั่งอยู่ที่พื้นเย็นเย็นในห้องที่ตกแต่ง ท่าทางของเขาขมุกขมัว
เขาคือหนึ่งในสองราชาของตระกูลกิลลิกัน ราชาพยัคฆ์
ระดับพลังของข้าลดลงจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 2 เป็นชั้นสวรรค์ที่ 1 และข้าไม่สามารถที่จะฟื้นคืนได้ในเวลาอันสั้น การออกไปจากภูเขาลึกในครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายที่แสนแพงสำหรับข้า” ราชาพยัคฆ์กำหมัดแน่นและขบฟันอย่างโกรธเกรี้ยว
“พลังของข้าอาจจะลดลง แต่ข้าสามารถสำเร็จภารกิจของผู้ปกครองได้ มันคุ้มค่า ผู้ปกครองจะไม่ทำไม่ดีต่อข้าแน่” แววตาแห่งความสนใจเกิดขึ้นในตาของเขาและเขาพูดต่อ “การเติบโตของพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นเหนือความคาดหมายไปเล็กน้อย ข้าจะยื้อต่อไปอีกไม่ได้นาน ไม่อย่างนั้นถ้าพยัคฆ์ปีกเทวะเกิดแข็งแกร่งขึ้นมา มันก็จะยากที่จะจัดการ ข้าชักสงสัยแล้วว่าพวกชายชราซิตูทำสำเร็จแล้วหรือยัง ข้าจะให้เวลาพวกนั้นอีกเดือนและถ้าพวกนั้นทำไม่สำเร็จทันเวลา ข้าก็จะไปรายงานความคืบหน้ากับผู้ปกครอง” ราชาพยัคฆ์คิดพิจารณา
ในตอนนี้ บัณฑิตวัยกลางคนในชุดขาวได้ปรากฏขึ้นมาในห้องอย่างทันทีทันใด เขาจ้องไปที่ราชาพยัคฆ์ด้วยท่าทีที่ซับซ้อน “มันคุ้มค่าจริงหรือ ? พยัคฆ์ปีกเทวะคือราชาของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรและอยู่ในจุดสูงสุด ภายใต้การนำของมัน เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรของพวกเราก็เจริญรุ่งเรือง ผู้ปกครองจะทำอาชญากรรมที่ชั่วร้ายด้วยการทำสิ่งแบบนี้หรือ”
ราชาพยัคฆ์จ้องอย่างเยือกเย็นไปที่บัณฑิตวัยกลางคนและพูดอย่างไร้อารมณ์ “เปิงคิง พวกเราเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร ต้องการการคงอยู่ของท่านผู้ปกครองเท่านั้นเพื่อความเจริญรุ่งเรือง ในตอนนี้มันไม่เหมือนกับครั้งโบราณกาลแล้วที่จะมีจอมยุทธอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อหน้าพวกเรา ทวีปสัตว์เทวะนั้น ทวีปเทียนหยวนก็อ่อนแอเกินไปที่จะสู้กับพวกเรา”
“ราชาพยัคฆ์ เจ้าต้องไม่ดูถูกจอมยุทธของทวีปเทียนหยวน ในทวีปนั้น ยังมีมนุษย์ที่สามารถประมือกับท่านผู้ปกครองได้อยู่” บัณฑิตกล่าว
ราชาพยัคฆ์เย้ยและแสดงสายตาเหยียดหยาม “เจ้ากำลังพูดถึงคนทรยศของอารามจิตพิสุทธิ์ คนที่ใช้เวลาของเขาในอารมณ์ทั้งเจ็ดและกิเลสทั้งหกงั้นหรือ ? เขาจะไปเป็นคู่ต่อสู้ของผู้ปกครองได้อย่างไรกัน ? “
“ราชาพยัคฆ์ มันมีข่าวที่ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นถูกรับไว้โดยหัวหน้าของตระกูลเปิงของข้าที่ทวีปสัตว์เทวะ มันยังพอมีเวลาหากเจ้าจะเปลี่ยนใจ” บัณฑิตกล่าว
“ดูเหมือนว่าตระกูลเปิงของเจ้าจะเลือกที่จะยืนอยู่ข้างพยัคฆ์ปีกเทวะสินะ ข้าต้องโน้มน้าวเจ้า มันยังมีเวลาที่เจ้าจะเปลี่ยนใจนะ ไม่อย่างนั้น เมื่อท่านผู้ปกครองได้พยัคฆ์ปีกเทวะไปแล้ว ตระกูลเปิงของเจ้าจะต้องประสบหายนะเป็นแน่ ! ” ราชาพยัคฆ์ตอบกลับอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บัณฑิตก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อและร่างของเขาก็หายไปช้า ๆ จากห้องนั้น
..
ในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ มีรถม้าที่หรูหราที่ติดตราสัญลักษณ์ของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงกำลังวิ่งอยู่ที่ถนนกว้างในเมืองแห่งเทพเจ้า ภายในรถม้านั้น เจี้ยนเฉินที่อยู่ในชุดขาวนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่กับเสือขาวตัวเล็กที่อยู่บนตักเขา ข้าง ๆ เขานั้นคือองครักษ์ของเขา หยางหลิง
อาการบาดเจ็บรุนแรงของหยางหลิงที่เกิดขึ้นบนเรือนั้นได้รับการรักษาเป็นการส่วนตัวจากท่านผู้อาวุโสของสมาคม ดังนั้นเขาจึงฟื้นตัวอย่างเต็มที่แล้ว ในตอนนี้เขานั่งอย่างเย็นชาอยู่ในรถม้าและปกป้องเจี้ยนเฉินอยู่เงียบ ๆ
ในรถม้าที่กระตุกไปมา เจี้ยนเฉินลืมตาอย่างช้า ๆ เขามองไปที่ยางหลิงแล้วพูด “หยางหลิง ข้าสงสัยว่าเจ้าตัดผ่านเซียนสวรรค์วัฎจักรที่ 6 มานานขนาดไหนแล้ว ? “
“อาจารย์หยางยู่เทียนที่เคารพ หยางหลิงนั้นได้หยุดอยู่ที่วัฎจักรที่ 6 มาเกือบศตวรรษแล้ว” หยางหลิงตอบอย่างไร้อารมณ์ แต่สายตาที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นมันก็เต็มไปด้วยความเคารพอย่างปิดบังไม่อยู่
“ศตวรรษหนึ่ง ! ” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ นั้นมันประมาณ 4 เท่าของอายุของเขาในตอนนี้เลย
“หยางหลิง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะหาทางและสำเร็จเป็นเซียนผู้คุมกฎได้ในอีกไม่นานนัก” เจี้ยนเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ในตอนนี้สถานะของหยางหลิงในใจของเจี้ยนเฉินนั้นแตกต่างจากที่เคยเป็นมาก่อน
ท่าทีของหยางหลิงเศร้าหมอง “มันจะง่ายอย่างนั้นได้อย่างไรที่จะเป็นเซียนผู้คุมกฎ มีคนหลายคนในทวีปเทียนหยวน รวมทั้งพวกที่เก่งกาจบางคนด้วย แต่มีกี่คนกันที่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ ? “
เจี้ยนเฉินหยุดไปสักครู่ “หยางหลิง ถ้าข้ามีโอกาสในอนาคต ข้าต้องการที่จะหาวิธีที่จะช่วยท่าน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ความสนใจของหยางหลิงก็ผุดขึ้นมา สายตาของเขาเป็นประกาย ร่องรอยแห่งความยินดีปรากฏขึ้นลึกซึ้งในดวงตาของเขา สำหรับเขาแล้วนั้น สิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดหมายความว่าเขาคงจะขอให้เซียนผู้คุมกฎมาพบกับเขาโดยตรงหลังจากที่เจี้ยนเฉินสำเร็จระดับ 7 แล้ว
ในรถม้าที่หรูหราวิ่งผ่านถนนที่กว้างใหญ่ภายในเมือง ก่อนที่จะหยุดที่คฤหาสน์ที่ใหญ่โต คฤหาสน์นี้กว้างใหญ่มาก แม้ว่ามันจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนสำนักงานใหญ่ของสมาคม แต่มันก็มีพลังที่โบราณและหนาแน่น เหมือนกับว่าคฤหาสน์นี้มันไม่ใช่คฤหาสน์ แต่เป็นชายชราที่อยู่มานานแสนนานและมีประสบการณ์ยาวนาน มันมีผลกระทบกับจิตใจของผู้คนลึกซึ้งจริง ๆ
ที่ทางเข้าของคฤหาสน์ ยามในชุดเกราะสีเงินยืนเหมือนรูปปั้นโดยไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ทุกคนในนั้นคือเซียนปฐพี เหนือทางเข้าหลักนั้นมีแผ่นหินสลักขนาดใหญ่แขวนอยู่ข้างบน คำสองคำถูกเขียนอย่างงดงามอยู่บนแผ่นหินนั้น
ที่นี่คือตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองแห่งเทพเจ้า และเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่ควบคุมจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่ นั่นก็คือตระกูลซาร์ ตระกูลนี้เป็นเจ้าของหนึ่งในเจ็ดเมืองหลวงของทวีป
“ท่านคืออาจารย์หยางยู่เทียนใช่หรือไม่ ? ” เมื่อหยางยู่เทียนออกมาจากรถม้า เสียงชราก็ดังกึกก้องออกมาจากคฤหาสน์ ชายชราในชุดสีฟ้าเดินออกมาจากข้างใน น้ำเสียงของเขานั้นอบอุ่นโดยไม่มีความเย่อหยิ่ง ในขณะที่ดวงตาของเขาฉายแววเฉลียวฉลาดและกำลังสำรวจเจี้ยนเฉินอยู่
เจี้ยนเฉินประสานมือทำความเคารพชายชรา “ข้าคือหยางยู่เทียน ข้ามาเยี่ยมภายใต้คำเชิญของท่านหัวหน้าที่เคารพ ! “
ชายชราหัวเราะคิดคัก “คนรับใช้แก่นี้ เป็นพ่อบ้านรองของตระกูลซาร์ ขอคารวะท่านอาจารย์หยางยู่เทียน อาจารย์หยางยู่เทียน ท่านหัวหน้ากำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงหลักแล้ว กรุณามากับข้า”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ขอรบกวนท่านพ่อบ้านนำทางไปเลย ! ” การกระทำและคำพูดของเจี้ยนเฉินได้รับการอบรมและสุภาพเรียบร้อย เขาไม่ได้เย่อหยิ่งหรือไม่ระมัดระวัง ไม่ได้ถ่อมตนหรือวางอำนาจ แม้ว่าเขาจะมาที่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแห่งเทพเจ้า เขาก็ยังใจเย็นและสงบนิ่งหมือนอย่างเคย
เมื่อได้เห็นดังนั้น พ่อบ้านรองก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับในใจ “หยางยู่เทียนนี้มีดีจริง ๆ ! “
เจี้ยนเฉินและหยางหลิงได้ตามพ่อบ้านเข้าไปในตระกูลซาร์ หลังจากนั้น เขาก็ได้ผ่านห้องหลายห้องไปโดยมีพ่อบ้านเดินนำ ก่อนจะไปถึงที่กึ่งกลางห้องโถงที่ใหญ่โต ที่ปลายสุดของห้องโถงมีชายวัยกลางคนในชุดม่วงทองนั่งอยู่ เขาคือหัวหน้าของตระกูลซาร์ และเบื้องล่างเขาลงไปนั้นมีคนที่มีอายุหลากหลายนั่งอยู่สองฝั่ง
เจี้ยนเฉินยืนอยู่ที่กลางห้องโถงและประสานมือคำนับไปที่ชายวัยกลางคนอย่างสบาย ๆ “หยางยู่เทียนคารวะท่านหัวหน้า”
สายตาของหัวหน้าเป็นประกาย เขาสำรวจดูเจี้ยนเฉินใกล้ ๆ ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขา “ข้าได้ยินมาว่าผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นอาจารย์หยางยู่เทียนนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นที่ใดมาก่อน และได้เป็นลูกศิษย์ลำดับที่ 3 จากท่านประธานของสมาคมมาซักพักแล้ว การที่ได้พบท่านในวันนี้ น้องหยางยู่เทียนนั้นเป็นมังกรในมวลหมู่มนุษย์จริง ๆ ” หัวหน้าตระกูลซาร์ไม่ได้วางท่าโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย และยอมรับเจี้ยนเฉินในฐานะที่เท่ากับตนเอง
นี่เป็นเพราะว่าหัวหน้าตระกูลซาร์รู้ดีว่าตระกูลซาร์และสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นอยู่ในระดับเดียวกัน สถานะของเขาในตระกูลซาร์ไม่ได้เหนือไปกว่าสถานะของเจี้ยนเฉินในสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเลย
หัวหน้าตระกูลซาร์ไม่ใช่คนที่กุมอำนาจเอาไว้ แต่เขาเป็นเหมือนกับกระบอกเสียง เขาเป็นเหมือนพ่อบ้านที่คอยทำตามที่เจ้านายสั่งพร้อมทั้งทำงานที่น่าเบื่อในตระกูล