เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 760: จิตวิญญาณที่อยู่ในวัตถุเซียน (2)
ตอนที่ 760: จิตวิญญาณที่อยู่ในวัตถุเซียน (2)
หลังจากที่ดูดกลืนบอลแสงขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ 3 ลูกมาแล้ว เจี้ยนเฉินก็เก็บจี้โบราณกลับลงไปที่หน้าอกเสื้อของเขาและพึมพำกับตัวเอง “ข้าฆ่าไป 3 คนและได้รับ 3 คะแนน มันมีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 อย่างน้อย 4,000 -5,000 คนที่เข้ามาร่วมแข่งขัน เพราะฉะนั้นถ้าข้าต้องการที่จะติดหนึ่งในสิบอย่างแน่ ๆ ข้าจำเป็นต้องฆ่า 500 คนและได้ 500 คะแนน ข้าจะเริ่มฆ่าต่อไป สิ่งที่แตกต่างจากการรวบรวมทหารรับจ้างคือนี่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ไม่ใช่นักสู้”
หลังจากที่คิดแบบนั้น พลังเซียนธาตุแสงจำนวนมากก็ได้มารวมเป็นเมฆที่ใต้ขาของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่เขากำลังจะขี่เมฆออกไป เขาก็ชะงัก
“มันคือพลังของการมีอยู่ที่คล้ายคลึงกัน ข้ารู้สึกได้ถึงพลังของบางอย่างที่คล้าย ๆ กับเรา….” ในหัวของเจี้ยนเฉิน เสียงจากจิตวิญญาณกระบี่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาในทันทีทันใด
“มันเป็นพลังของการมีอยู่ที่คล้ายคลึงกันจริง ๆ ไม่ผิดแน่ นายท่าน ที่นี่คือที่ไหนและทำไมมันถึงมีพลังของการมีอยู่ที่คล้ายคลึงกันกับพวกเรา ? ” เสียงของจือหยิงปรากฏขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉินอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เหลือเชื่อในเรื่องที่เกิด
“ไอ้หยา มันมีจิตวิญญาณวัตถุอื่นอยู่ที่นี่ ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ทำไมจิตวิญญาณวัตถุระดับสูงขนาดนี้ถึงมาปรากฏที่โลกแบบนี้กันล่ะ ? จิตวิญญาณนี้ดูเหมือนจะไปถึงระดับอมตะแล้ว” ฉิงโซวพูดในหัวของเจี้ยนเฉินด้วยความตกใจ เสียงที่ดูสนุกสนานของเขาเป็นเหมือนกับทำนองเพลงที่น่ารักที่สุดในโลก ซึ่งทำให้เจี้ยนเฉินประหลาดใจด้วย
“พวกเราอยู่ในมิติของวัตถุเซียน จือหยิง ฉิงโซว บางทีวัตถุเซียนนี้อาจให้กำเนิดจิตวิญญาณที่คล้ายคลึงกับพวกเจ้า ? ” เจี้ยนเฉินประหลาดใจเป็นที่สุด
“ใครจะไปคิดล่ะว่าในตอนที่เรานอนหลับอยู่เพื่อดูดพลังงานจากหินหลากสีเพื่อฟื้นฟูตัวเองนั้น นายท่านได้เข้ามาที่มิติของวัตถุเซียนแล้ว ใช่ มันมีจิตวิญญาณอยู่ในนี้จริง และจิตวิญญาณนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอเลย อย่างน้อยถ้าเราเทียบกับมาตรฐานของโลกนี้แล้ว จิตวิญญาณนี้คงจะแข็งแกร่งอย่างมาก สิ่งเดียวที่เป็นแบบนี้เพราะว่าวิธีที่จิตวิญญาณนี้ถูกออกแบบมา ทำให้มันไม่สามารถเป็นวัตถุเซียนที่โจมตีได้ ดูไปแล้ว มันดูเหมือนเป็นผู้ช่วยวัตถุเซียนมากกว่า” จือหยิงพูด
“ใครจะไปคิดหล่ะว่าวัตถุเซียนนั้นจะให้กำเนิดจิตวิญญาณได้จริง ๆ ช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง” เจี้ยนเฉินถอนหายใจอย่างมีอารมณ์
ในเวลาเดียวกันนี้ พลังปราณสีม่วงและสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน ข้างบนหัวเจี้ยนเฉินนั้น ปรากฏร่างของเด็กชายและเด็กหญิงออกมา เด็กชายนั้นหล่อเหลา ในขณะที่เด็กหญิงก็น่ารัก พวกเขายืนด้วยกันเหมือนคู่รักอย่างธรรมชาติ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจี้ยนเฉินเห็นรูปลักษณ์ของจือหยิงและฉิงโซว อย่างไรก็ตาม เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างที่บอบบางเหมือนอากาศของจือหยิงและฉิงโซวนั้นเริ่มจับต้องได้และมีตัวตนมากกว่าครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา
หลังจากที่จือหยิงและฉิงโซวได้มาปรากฏเหนือเจี้ยนเฉินแล้ว พวกเขาก็จ้องไปที่ไกล ๆ ในท้องฟ้าพร้อมกัน หลังจากนั้นไม่นาน จือหยิงก็ยกมือขวาขึ้นอย่างนุ่มนวลและแสงสีม่วงที่กระเพื่อมขึ้นขึ้นลงลงก็ได้ไหลออกจากร่างของเขา มันรวมกันเป็นกระบี่สวรรค์สีม่วงที่อยู่ในมือขวาของเขา
กระบี่สีม่วงนั้นยาว 1.3 เมตร และกว้าง 3 นิ้ว กระบี่ที่พร่ามัวนี้ดูเหมือนจะปกคลุมด้วยรูปแบบแปลก ๆ หลายชั้น ทำให้เกิดเป็นภาพแปลก ๆ ครอบคลุมทั่วทั้งดาบ มันเปล่งพลังที่ลึกลับออกมา
ทันทีที่กระบี่ม่วงควบรวม มันก็กลายเป็นแสงสีม่วงและพุ่งไปไกลด้วยความเร็วที่เหลื่อเชื่อ แล้วมันก็หายไปในชั่วพริบตา
ตาของเจี้ยนเฉินหรี่แคบลง ในขณะที่เขาตกตะลึงอยู่ภายในใจ ความเร็วของกระบี่ม่วงนั้นทำให้เขาตกตะลึงเป็นที่สุด มันเป็นความเร็วที่ไม่มีใครสามารถที่จะหลบได้ เขายังยากที่จะจินตนาการว่าจะมีใครในโลกนี้ที่สามารถหลบการโจมตีของกระบี่นั่นได้บ้าง
ที่กึ่งกลางของมิติภายในวัตถุเซียน มีเขตที่ถูกแยกไว้ด้วยพลังที่มหาศาล มันมีปราสาทใหญ่โตอยู่ภายใน และในตอนนี้มีชายวัยกลางคนหล่อเหลาในชุดขาวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น
ทันใดนั้นเอง ชายคนนั้นก็ลืมตาขึ้นมา ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นนั้น มิติรอบ ๆ ตัวเขาเริ่มเคลื่อนย้ายอย่างรุนแรง แม้แต่ปราสาททั้งหลังยังเริ่มที่จะสั่นไหวเล็กน้อย
“นี่…..นี่…..นี่เป็นพลังของบางอย่างที่คล้ายกับข้า บางอย่างที่เหมือนกับข้าได้เข้ามาที่นี่อย่างนั้นหรือ ? ” ใบหน้าของชายนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะหายไปในไม่ช้า
ในบริเวณที่เจี้ยนเฉินอยู่ จือหยิงจ้องไปที่ทิศทางที่กระบี่ม่วงได้หายไป เขาพูด “แม้ว่าวัตถุจิตวิญญาณนี้จะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เขาก็อยู่ไกลจากพวกเราและไม่สามารถที่จะรู้สึกถึงฉิงโซวและพลังของข้าได้เลย แต่ข้าได้ติดต่อกับเขาไปแล้ว เขาควรจะมาในไม่ช้า”
“เจ้าเป็นใคร ? เจ้ามาจากไหนกัน ? ” ทันทีที่จือหยิงพูดจบ เสียงหนักแน่นก็ดังออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ จากทิศของเสียงนั้น จู่ ๆ ก็มีชายในชุดขาวปรากฏตัวขึ้นและกำลังมองลงมาข้างล่างที่พวกเขาทั้งสามคนอยู่ มันเหมือนว่าเขากำลังมองไปที่มดปลวกที่ไม่มีความสำคัญอะไร
เขาคือจิตวิญญาณที่อยู่ในวัตถุเซียนดั้งเดิม ภายในวัตถุเซียน เขาคือรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่ควบคุมทุกอย่าง เขาสามารถควบคุมพลังงานภายในวัตถุเซียนได้ตามที่เขาปรารถนา และเขาเป็นคนที่หยิ่งยโสโดยธรรมชาติ
ความหยิ่งยโสของชายนั้นทำให้จือหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จือหยิงเย้ยหยันและพูดกลับอย่างดูถูก “แม้แต่วัตถุจิตวิญญาณอมตะระดับธรรมดา ๆ ยังกล้าที่จะมาทำหยิ่งยโสต่อหน้าข้างั้นหรือ ? เจ้ามันรนหาที่ตายซะแล้ว ! ” พลังปราณเปล่งออกมาจากจือหยิง พลังได้เปลี่ยนเป็นบางอย่างเหมือนกับพายุที่ไม่มีรูปร่างบนท้องฟ้า ซึ่งอาละวาดภายในมิติของวัตถุเซียนอย่างโจ่งแจ้ง
ท่าทีของชายคนนั้นเปลี่ยนไปอย่างมากและสายตาที่เย็นชาของเขาก็เปลี่ยนไปด้วยความกลัวอย่างมากทันที เขารีบถอยไปตั้งหลัก ในขณะที่สายตาที่มองไปที่จือหยิงนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ชายวัยกลางคนเป็นจิตวิญญาณของวัตถุเซียน ทุก ๆ การเคลื่อนไหวของเขามีผลทำให้มิติในวัตถุเซียนเปลี่ยนแปลง ในตอนนี้ มิติทั้งหมดเริ่มสั่นไหว เหมือนกับว่ามันมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ แนวภูเขาหลายที่เริ่มที่จะพังทลาย ทำให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ แตกตื่นอย่างมาก พวกเขาไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ในเมืองแห่งเทพเจ้า มีบอลแสงสีขาวกว้าง 10 เมตรขนาดใหญ่อยู่ที่ปลายยอดสุดของปราสาท บอลขาวนั้นมีพลังเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่รวบรวมกันอยู่หนาแน่นและมันบริสุทธิ์มาก ที่กึ่งกลางของบอลนั้นมีวัตถุเซียนที่ทรงพลังมากที่เกือบทุกคนในเมืองแห่งเทพเจ้ารู้จักมัน
วัตถุเซียนถูกเรียกว่าวัตถุเซียนดั้งเดิมจากคนของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง มันมีอยู่มาเมื่อครั้งแต่โบราณกาลและอยู่คู่กับสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอย่างเงียบ ๆ มานานแสนนาน มันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เริ่มต้น โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่ว่าอะไรก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอง บอลแสงสีขาวที่คลุมวัตถุเซียนเอาไว้เริ่มที่จะสั่นอย่างรุนแรง แสงสีทองที่มองเห็นได้ลาง ๆ จากข้างในเริ่มเล็ดลอดออกมา ทำให้พลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ เริ่มไม่มั่นคงอย่างรุนแรง แม้แต่สำนักงานใหญ่ของสมาคมยังได้รับผลกระทบ ปราสาทของสมาคมเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย มันทำให้ฝุ่นจำนวนมากร่วงหล่นลงมา
การสั่นไหวของปราสาททำให้ทุกคนด้านในแตกตื่น ทันทีทันใดนั้น เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจำนวนมากก็วิ่งออกมาจากปราสาทแล้วจ้องไปที่วัตถุเซียนที่ยอดสุดของปราสาท ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนนี้เอง แสงสีขาวสิบกว่าเส้นได้บินออกมาจากยอดสุดของปราสาท มันคือท่านประธานของสมาคมและท่านผู้อาวุโสสิบกว่าคน ทั้งหมดลอยอยู่บนเมฆและจ้องไปที่วัตถุเซียนที่กำลังสั่นไหวอย่างตกตะลึง
หลังจากนั้นไม่นาน คนสองสามคนก็ได้มาปรากฏตัวข้าง ๆ ท่านประธานโดยไม่ได้มีเสียงอะไร พวกเขาจ้องมองอย่างเคร่งครึมไปที่วัตถุเซียนซึ่งกำลังสั่นไหวและดูจากสายตาของพวกเขาแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไม่มีใครในพวกเขาเข้าใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นตรงหน้าของพวกเขา พวกเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าจริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ทำไมวัตถุเซียนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อนเริ่มสั่นไหวล่ะ ? ” คนที่ถามเป็นชายชรามาก เสียงของเขาแหบแห้งและเขาดูเหมือนจะไร้พลัง ถ้าเจี้ยนเฉินอยู่ที่นี่ เขาต้องจำชายชราคนนี้ได้ว่าชายชราคนนี้เป็นคนที่ใช้ผ้าเช็ดโต๊ะและเก้าอี้ภายในหอคอยเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง
“บางทีอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในวัตถุเซียน ? ” ท่านประธานเอ่ยถามเสียงทุ้ม สายตาของเขาสั่นไหว ในขณะที่ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปมา
ไม่มีใครตอบท่านประธาน เพราะว่าไม่มีใครในพวกเขาที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วัตถุเซียนมีมาอย่างยาวนานนับปีไม่ถ้วน และไม่มีอะไรแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วัตถุเซียนไม่ได้สั่นไหวนานและเริ่มสงบลงอย่างช้า ๆ หลังจากผ่านไปสองสามวินาทีและกลับไปเป็นสภาพเดิมอย่างที่มันเคยอยู่ อย่างไรก็ตาม มันส่งผลให้คนทั้งหมดของสมาคมนิ่งงันไม่เคลื่อนไหว
ภายในวัตถุเซียน ชายวัยกลางคนได้ถอยกลับไปตั้งหลักห่างออกไป 500 เมตร เขาจ้องไปที่จือหยิงด้วยความหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของจือหยิง แต่เป็นเพราะเขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่เกิดมาจากจิตวิญญาณของจือหยิง ความกดดันนี้ทำให้เขาเริ่มกลัวและขี้ขลาดและมันทำให้เขาคิดว่าเขาไม่มีทางที่จะต่อต้านได้เลย
ชายวัยกลางคนแม้แต่รู้สึกถึงความเข้าใจผิดว่า ดูเหมือนแค่จือหยิงคิดแค่ปราดเดียวก็จะทำให้วิญญาณของเขาแตกสลายและสติสัมปชัญญะของเขาหายไปซึ่งทำให้วัตถุเซียนกลับกลายไปสู่สภาพที่ไม่มีวิญญาณ ชายหนุ่มในชุดม่วงนั้นดูเหมือนราชา ในขณะที่เขาเป็นเพียงวัตถุหนึ่งเท่านั้น ถ้าราชาต้องการที่จะให้วัตถุหนึ่งตายไป วัตถุนั้นก็ต้องตาย
“เจ้า…เจ้า….เจ้าเป็นใครกัน!? ทำไมเจ้าถึงทรงพลังแบบนี้ ! ? ” ชายผู้นั้นตกใจมากและหวาดกลัวด้วย เขาไม่ได้ทำท่าทางหยิ่งยโสเหมือนเคย
จือหยิงมองไปที่ชายนั้นและตะโกนออกมาเสียงดังว่า “แม้แต่วัตถุจิตวิญญาณระดับอมตะธรรมดา ๆ ยังกล้าที่จะไม่มีความเคารพต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ ? ” หลังจากพูดจบ ความกดดันที่มากยิ่งขึ้นก็เปล่งออกมาจากร่างของจือหยิง มันพุ่งตรงไปที่วิญญาณนั่น มันเป็นแรงกดดันที่จิตวิญญาณนั่นเท่านั้นที่จะรู้สึกได้
ชายที่หน้าซีดอยู่แล้วก็หน้าซีดขึ้นไปอีก เขาก้าวโซเซสองสามก้าวถอยหลังไป ในขณะที่ร่างกายของเขาทั้งหมดสั่นเทา แรงกดดันได้แทรกซึมลึกเข้าไปในวิญญาณของเขาทำให้เขาหวาดกลัวลึกไปถึงข้างในของวิญญาณของเขา เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างจิตวิญญาณของเขากำลังจะพังทลาย
ในขณะเดียวกัน ในหัวของชายคนนั้น ภาพบางภาพที่ไม่คุ้นเคยก็ได้ปรากฏขึ้นมา เขาเห็นกระบี่สวรรค์ 2 เล่ม เล่มหนึ่งสีม่วง เล่มหนึ่งสีฟ้า ยืนตรงอยู่ระหว่างโลกและสวรรค์ และเปล่งแสงสว่างจ้าออกมา พวกเขาแยกสวรรค์และผ่าโลกออก ทำลายดวงดาวมากมายและฆ่าพวกอมตะไปนับไม่ถ้วน ศพที่อยู่เบื้องหลังเปล่งแสงด้วยแรงกดดันที่ทรงพลัง ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว สำหรับมนุษย์แล้ว ศพแต่ละศพนั้นเป็นความแข็งแกร่งที่มีอยู่ที่เหนือจินตนาการ แค่พวกเขาโบกมือปกติก็มีพลังเพียงพอที่จะทำลายโลกได้แล้ว แม้แต่เลือดสีทองเพียงหยดเดียวที่ลอยอยู่ ก็ดูเหมือนจะมีพลังมากมาย สามารถที่จะกำจัดเขาไปได้อย่างง่ายดาย