เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 768: ตระกูลคารา
ตอนที่ 768: ตระกูลคารา
สิ่งที่เจี้ยนเฉินทำลงไปได้ทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของตระกูลคาราโกรธ นอกจากคารา ลี่เว่ยแล้ว เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนอื่นก็เริ่มที่จะควบรวมกระบี่พลังเซียนธาตุแสง กระบี่ทั้งหกเล่มพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินพร้อม ๆ กัน
สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นชา เขายกมือซ้ายของเขาขึ้นเล็กน้อยและพลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ ก็เข้ามารวมกันอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเดียว มันกลายเป็นโล่ใหญ่ข้างหน้าเขาและกระบี่พลังเซียนธาตุแสง 3 เล่มก็ได้มาควบรวมกันรอบ ๆ มือขวาของเจี้ยนเฉินในเวลาเดียวกัน
ตู้ม !
เมื่อกระบี่ทั้งหกของคนตระกูลคาราปะทะกับโล่ของเจี้ยนเฉิน มันก็ส่งเสียงดังรุนแรงออกมา กระบี่พลังเซียนธาตุแสงเล่มนั้นไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับที่เจี้ยนเฉินพบมาก่อนหน้านี้ โล่ของเจี้ยนเฉินแตกออกเสียงดังหลังจากที่ป้องกับกระบี่ไปแค่ 3 เล่ม และกระบี่อีก 3 เล่มก็ยังคงมุ่งหน้าไปที่เขาโดยที่พลังไม่ได้ลดลงเลย
เจี้ยนเฉินยังคงสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้าน เขาโบกมือเบา ๆ และกระบี่ทั้งสามเล่มตรงหน้าเขาก็ถูกยิงออกไปด้วยความเร็วแสง และกระทบกับกระบี่พลังเซียนธาตุแสงอีก 3 เล่มที่พุ่งเข้ามา ทำให้เกิดเสียงดัง
กระบี่พลังเซียนธาตุแสงของเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งกว่าของศัตรูอย่างเห็นได้ชัด กระบี่ของคู่ต่อสู้ของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ หลังจากที่ปะทะกันกลางอากาศ ในขณะที่กระบี่ของเจี้ยนเฉินยังคงพุ่งต่อไปที่คนทั้งสาม อย่างไรก็ตาม กระบี่ทั้งสามก็พลังถดถอยลงไปจากการปะทะทำให้พลังน้อยกว่าตอนแรก
ควับ ! ควับ ! ควับ !
กระบี่ทั้งสามกลายเป็นลำแสงสีขาวและพุ่งไปชนที่หน้าอกของคนทั้งสามด้วยความเร็วแสง ในตอนนั้นเอง กระบี่ได้ทำให้ทำให้เกราะพลังเซียนธาตุแสงของพวกนั้นร้าว ในขณะที่ร่างกายที่บอบบางของพวกเขาได้รับผลกระทบจากการกระแทกนั้นซึ่งส่งตรงเข้าไปถึงในร่างกายของพวกเขา เลือดพุ่งออกมาจากปากของพวกเขาและใบหน้าของพวกเขาก็ถอดสีทันที
คนทั้งหมดของตระกูลคาราทั้งหมดแสดงท่าทีตกใจขึ้นมาและจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเหลือเชื่อ ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินทำให้พวกเขานั้นนิ่งอึ้ง แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาทึ่งมากที่สุดคือพวกเขาไม่เคยได้เห็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาเหลือเชื่อ ตระกูลคาราได้รวบรวมข้อมูลของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เกือบหมดทุกคน แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้ถึงข้อมูลของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทุกคน แต่พวกเขาก็ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดไปที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่แข็งแกร่งบางคนในท้ายที่สุด
ท่าทีของคารา ลี่เว่ยนั้นเคร่งครึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มทำให้นางประหลาดใจอย่างมาก เพราะว่านางที่เป็นอันดับหนึ่งในระหว่างเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงด้วยกันทั้งหมดยังไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถเอาชนะชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้านางนี้ได้
การเคลื่อนไหวของเจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดลงแม้แต่น้อยเพราะความตกตะลึงของพวกเขา แค่คิด กระบี่พลังเซียนธาตุแสงหลายเล่มก็ได้มาควบรวมตรงหน้าเขา เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเสือขาว เขาจำเป็นที่จะต้องจัดการผู้คนตรงหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเข้าไปในถ้ำเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของเสือขาว
“หยางยู่เทียน หยุด พวกเราคือคนของตระกูลคาราและไม่ปรารถนาที่จะเป็นศัตรูกับเจ้า” ในตอนนี้ คารา ลี่เว่ยได้ตะโกนออกมาทันทีด้วยเสียงที่แหลมสูง นางไม่เคยเห็นเจี้ยนเฉินมาก่อน แต่นางก็เดาเอาจากบุคลิกท่าทางของเจี้ยนเฉิน
“อะไรนะ ! ? หยางยู่เทียน ! ? เขาคือหยางยู่เทียนงั้นหรือ ! ? ” การที่คารา ลี่เว่ยร้องออกไปแบบนั้นทำให้คนอื่นอื่นทั้งหมดตกตะลึง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ตระหนักดีในไม่ช้าว่ามันไม่ได้แปลกอะไร มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเพียงคนเดียวงที่มีความแข็งแกร่งที่เหลือเชื่อซึ่งพวกเขาทั้งหมดหลายคนร่วมมือกันยังทำอะไรไม่ได้ และพวกเขา 3 คนยังได้รับบาดเจ็บ มันคงจะเป็นได้แค่ลูกศิษย์คนที่ 3 ของท่านประธานสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเท่านั้น คนที่รู้เกี่ยวกับทักษะต้องห้ามและฆ่าเซียนสวรรค์ไปมากกว่า 30 คนด้วยตัวของเขาเอง หยางยู่เทียน
หลังจากรู้ตัวตนของชายหนุ่มแล้ว สายตาที่พวกเขามองเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปอย่างมากทันที ความโกรธหายไป เพราะว่าพวกเขาเข้าใจว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นมีโอกาสสูงมากที่จะได้เป็นประธานคนต่อไปของสมาคม เขาเป็นคนที่ไม่ควรทำให้โกรธไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
เจี้ยนเฉินหยุดเล็กน้อยและจ้องไปที่คารา ลี่เว่ยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้รับผลกระทบจากบุคลิกที่ดึงดูดใจของคารา ลี่เว่ย และยังคงสงบนิ่งเหมือนที่เคยเป็น เขาถาม “พวกเจ้าคือคนของตระกูลคาราอย่างนั้นหรือ ? “
คารา ลี่เว่ยใช้ดวงตาที่สดใสของนางมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีที่ซับซ้อน นางไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับหยางยู่เทียนในลักษณะแบบนี้ อีกทั้ง จากเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คารา ลี่เว่ยเห็นกับตัวเองถึงความกล้าหาญที่ไร้ความปราณีและความเย็นชาของเจี้ยนเฉินพร้อมกับความแข็งแกร่งที่ทรงพลังของเขาอีกด้วย นี่ทำให้คารา ลี่เว่ยเข้าใจในที่สุดว่าหยางยู่เทียนเป็นคนประเภทไหน แม้ว่าเขาจะมีอายุเพียง 24 ปี แต่คารา ลี่เว่ยก็เข้าใจว่าหยางยู่เทียนนั้นแตกต่างจากเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนอื่น ๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาจะเป็นคนที่ดูถูกไม่ได้เลยและไม่สามารถถูกตัดสินได้จากอายุของเขา
“ถูกต้อง พวกเราคือคนของตระกูลคาราจริง ๆ หยางยู่เทียน ตระกูลคาราของพวกเราไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นศัตรูกับท่าน สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด” คารา ลี่เว่ยมองไปที่เจี้ยนเฉินและกล่าวอย่างนุ่มนวล ในตอนนี้ที่นางเห็นหยางยู่เทียน นางก็ละทิ้งการเตรียมการที่จะร่วมมือกับหยุนเทียนทันที นี่เป็นเพราะคารา ลี่เว่ยเข้าใจดีว่าไม่ควรทำให้หยางยู่เทียนโกรธไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม และถ้าเขาถูกทำให้โกรธขึ้นมา ผลลัพธ์คงจะแย่กว่าการทำให้หยุนเทียนโกรธ
อีกทั้งหยางยู่เทียนยังเหนือกว่าหยุนเทียนในเรื่องความแข็งแกร่งและความสามารถมาก นางยังแม้แต่รู้สึกได้ถึงพลังแห่งการฆ่าฟันจากหยางยู่เทียน ซึ่งหยุนเทียนนั้นไม่มี
เจี้ยนเฉินนิ่งเงียบอยู่สักครู่ ก่อนที่จะสลายกระบี่พลังเซียนธาตุแสงของเขาออก เขาพูดอย่างไร้ความรู้สึก “ไปซะ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ! “
ตระกูลคารานั้นเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ และควบคุมชะตากรรมหนึ่งในสามของจักรวรรดิอยู่ ในเวลาเดียวกัน พวกเขายังมีความแข็งแกร่งเท่ากับตระกูลโบราณ ซึ่งทำให้เจี้ยนเฉินค่อนข้างกลัว เขาไม่ต้องการที่จะตั้งใจไปยั่วยุตระกูลด้วยเรื่องเล็กน้อย
ที่สำคัญที่สุด อาณาจักรฉินหวงนั้นเป็นสาขาของตระกูลคารา ถ้าเขามีเรื่องกับตระกูล แม้แต่อาณาจักรฉินหวงก็คงได้รับผลกระทบด้วยเมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผย
เมื่อได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่ปรารถนาที่จะเอาความอะไร คนของตระกูลคาราก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย นี่เป็นเพราะว่าถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเจี้ยนเฉินกับพวกเขาเป็นไปได้ไม่ดีละก็ มันอาจจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตระกูล นี่เป็นอะไรที่พวกเขาไม่ต้องการที่จะเห็น หนึ่งในคนของพวกเขาถูกส่งออกไปจากการแข่งขันจากการปะทะก่อนหน้านี้ แต่มันก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
ในตอนนี้ พลังของเสือขาวนั้นไม่ถูกป้องกันไว้จากม่านพลังที่เจี้ยนเฉินร่ายอีกต่อไปแล้ว ภายในถ้ำนั้น มันทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ครอบคลุมรัศมีหลายกิโลเมตร และมันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คนของตระกูลคาราไม่ได้จากไปทันที คารา ลี่เว่ยมองไปที่ถ้ำที่อยู่ไม่ห่างออกไปและถามเจี้ยนเฉิน “หยางยู่เทียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในถ้ำ ? “
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี้ยนเฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปที่คนเหล่านั้นอย่างหมดความอดทน เขาพูดอย่างเย็นชา “ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ก่อนที่คนเหล่านั้นจะจากไป เจี้ยนเฉินจะเข้าไปข้างในถ้ำไม่ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เพราะว่าสิ่งที่อยู่ข้างในม่านพลังนั้นยากเกินกว่าจะอธิบาย อีกทั้งเขายังไม่สามารถยอมให้ตัวตนที่แท้จริงของเสือถูกเปิดเผยได้
ความหยาบคายของเจี้ยนเฉินทำให้ท่าทีของคนเหล่านั้นเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคารา ลี่เว่ย ในฐานะที่นางเป็นคุณหนูคนพิเศษของตระกูล นางไม่เคยถูกใครพูดจาด้วยในลักษณะเช่นนี้มาก่อน
“หยางยู่เทียน พวกเราเป็นคนพบถ้ำนี้ก่อน พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่และดูสิ่งที่อยู่ด้านในเลยหรือ ? ” คารา ลี่เว่ยพูดอย่างไม่ปลาบปลื้ม และพยายามเก็บโทสะไว้ในใบหน้าที่ดึงดูดของนาง
ถ้ามีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนอื่นที่พูดกับนางในลักษณะนี้ นางคงไม่ยอมไปแล้ว แต่เมื่อคิดถึงความน่ากลัวของความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน และด้วยเรื่องที่เขาอาจจะมีโอกาสในการได้เป็นประธานของสมาคมในอนาคต คารา ลี่เว่ยก็พยายามควบคุมตัวเองเอาไว้
พลังที่อยู่ในถ้ำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เจี้ยนเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานด้านในเริ่มที่จะไม่คงที่ขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้เจี้ยนเฉินค่อนข้างกังวล
“คนของตระกูลคารา เมื่อพวกเจ้าไม่ปรารถนาที่จะออกไป ข้าจะกำจัดพวกเจ้าทั้งหมด ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาอย่างเลือดเย็น ทันทีที่เขาพูดจบ พลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ ก็พุ่งเข้ามาที่เจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว เขาชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าและคำราม “กระบี่แห่งการพิพากษา ! ” ในการที่จะไม่ทำให้เสียเวลา เจี้ยนเฉินไม่สนใจอีกแล้ว แม้แต่มันจะหมายถึงการจะทำให้ตระกูลคาราโกรธ
“กระบี่แห่งการพิพากษา หนึ่งในสามสุดยอดทักษะ หยางยู่เทียน เจ้า เจ้า เจ้า” ท่าทีของคารา ลี่เว่ยเปลี่ยนไปอย่างมาก นางไม่คิดมาก่อนว่า หยางยู่เทียนจะต่อต้านพวกนางจนถึงกับใช้หนึ่งในสามสุดยอดทักษะธาตุแสง เหมือนกับว่าเขามีเรื่องที่ไม่พอใจอย่างมากกับตระกูลคาราหรืออะไรบางอย่าง
คารา ลี่เว่ยโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด ในความคิดของนาง หยางยู่เทียนนั้นหยาบคายและไม่มีเหตุผล ในฐานะที่นางเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลคารา นางมีสถานะที่สำคัญ แต่นางก็พูดกับเขาอย่างนอบน้อม อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เห็นค่าเลยและต้องการที่จะต่อสู้กลับเพียงเพราะนางพูดสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจ
คารา ลี่เว่ยขบฟันของนางและจ้องอย่างดุร้ายไปที่เจี้ยนเฉินด้วยตาที่สวยงามของนาง นางรู้สึกโกรธจนอกแทบระเบิด แต่เมื่อเห็นกระบี่ที่ควบรวมอย่างรวดเร็วบนหัวของเจี้ยนเฉิน ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปเป็นน่ากลัว สถานการณ์ทั้งหมดมาถึงจุดสำคัญแล้ว ซึ่งนางรู้ดีว่าพวกของนางต้องปะทะกับหยางยู่เทียนจริง ๆ ถ้ากลุ่มของนางยังอยู่ที่นี่ต่อไป
“หยางยู่เทียน หยุดเดี๋ยวนี้! พวกเราจะไปทันที” ใบหน้าที่สวยงามของคารา ลี่เว่ยเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัวด้วยโทสะ หลังจากที่ส่งสัญญาณบอกคนของนางแล้ว นางก็จากไปทันทีและหายไปไกล
เมื่อนางจากไป กระบี่เหนือหัวของเจี้ยนเฉินก็สลายไป เขาไม่ต้องการที่จะไปทำให้ตระกูลคาราโกรธ เว้นเสียแต่ว่าเขาจำเป็นจะต้องทำ เขากลัวตระกูลนี้และกังวลเกี่ยวกับอาณาจักรฉินหวง
หลังจากที่ดูกลุ่มของตระกูลคาราจากไปแล้ว เจียนฉฺนก็เข้าไปที่ถ้ำอย่างรวดเร็ว และผ่านม่านพลังเข้าไปอย่างไม่ติดขัดใด ๆ
กลุ่มของคารา ลี่เว่ยหยุดอยู่ห่างออกไป 25 กิโลเมตร ตอนนี้ท่าทีของทุกคนโกรธจัด ทุกคนหน้าซีดขาวไปด้วยความไม่พอใจ
“หยางยู่เทียนทำเกินไป ทำไมเขาทำกับพวกเราแบบนี้ เขาต้องการจะเป็นศัตรูกับตระกูลคาราของพวกเราอย่างนั้นหรือ ? ” ชายวัยกลางคนพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“หยางยู่เทียนนั้นช่างหยิ่งยโสและหยาบกระด้าง นี้เป็นเพราะเขามีความสามารถที่น่าประทับใจและเขามีโอกาสสูงที่จะได้เป็นประธานคนต่อไป เขากล้าดูถูกตระกูลคาราของเราอย่างนั้นหรือ ? หืม” ชายชราผิวสีเลือดฝาดค่อนข้างโมโหและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“เห็นได้ชัดว่ามันยากมากที่จะร่วมมือกับหยางยู่เทียน เมื่อเขาหยิ่งยโสและหยาบกระด้างเช่นนี้ คุณหนู ท่านคิดว่าเราควรจะทำอย่างไร ? ” ชายวัยกลางคนอีกคนถาม