เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 771: ความแข็งแกร่งของหยางยู่เทียน (2)
ตอนที่ 771: ความแข็งแกร่งของหยางยู่เทียน (2)
ในตอนที่พวกเขาทั้งสามกำลังเข้าใกล้ปากถ้ำ ลำแสงสีขาวก็ถูกยิงออกมาและมาถึงที่พวกเขาอย่างรวดเร็ว มันเร็วมาก
คนทั้งสามที่เข้าไปสำรวจที่ถ้ำด้วยความระมัดระวังมากขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหลบลำแสงสีขาวทั้งสามนั้นได้ พวกเขาถูกกระแทกเข้าที่หน้าอก
ปัง ! ปัง ! ปัง !
คนทั้งสามกระเด็นถอยกลับไปด้วยพลังที่รุนแรงทันทีด้วยเสียงสามเสียงอื้ออึง เกราะพลังเซียนธาตุแสงที่ปกคลุมร่างของพวกเขาเอาไว้ร้าวบริเวณหน้าอก แม้ว่าเกราะจะป้องกันการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ แต่การกระแทกที่ทรงพลังก็ไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะสามารถทนได้ พวกเขากระอักเลือดออกมาในขณะที่พวกเขาบินออกมา และใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด
“กระบี่พลังเซียนธาตุแสง แสงพวกนั้นคือกระบี่พลังเซียนธาตุแสง มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอยู่ในถ้ำนั้น”
ทุกคนในฝูงชนร้องออกมาอย่างตกตะลึงทันที ลำแสงสีขาวนั่นรวดเร็วมาก แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่หนาแน่นนั้น
ท่าทางของซาร์ ทิลอสมืดมนลงทันที เขาพูดด้วยเสียงทุ้ม “ใครจะคิดล่ะว่าจะมีคนเข้าไปในนั้นก่อนแล้ว กระบี่ทั้งสามนั้นควบรวมได้อย่างเยี่ยมมากและมันค่อนข้างที่จะทรงพลัง มีบางคนเท่านั้นในเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่มีความสามารถถึงขนาดนั้น เขาต้องเป็นคนที่พวกเรารู้จักดีเป็นแน่”
“เมื่อตัดสินเอาจากการโจมตีแล้ว เขาต้องติดอันดับอย่างน้อยสิบอันดับแรกของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6” หยุนเทียนออกความเห็นข้าง ๆ ซาร์ ทิลอสในขณะที่แววตาของเขาสั่นไหว
“เขาทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 บาดเจ็บหนักและทำลายเกราะพลังเซียนธาตุแสงของพวกเขาได้แค่เพียงใช้กระบี่พลังเซียนธาตุแสง 3 เล่ม แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถโจมตีอย่างรุนแรงแบบนั้นได้ในครั้งเดียว คนที่อยู่ข้างในนั้นต้องแข็งแกร่งกว่าข้าแน่นอน” ซาร์ ทิลอสพูดด้วยเสียงทุ้ม ท่าทีของเขาค่อนข้างไม่พอใจ
เมื่อได้ยินดังนั้น ใจของหยุนเทียนก็กระตุกขึ้นมา เขาจำบางอย่างได้ “มีแค่ตระกูลคาราที่ไม่อยู่ที่นี่ในบรรดาตระกูลใหญ่ทั้งสาม ในขณะที่คารา ลี่เว่ยก็เป็นอันดับหนึ่งในสิบอันดับแรกด้วย บางทีอาจจะเป็นพวกเขาก็เป็นได้ ? “
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ หยุนเทียนก็พูดเข้าไปในถ้ำโดยตรง “ข้าอยากรู้ว่าใครอยู่ในถ้ำนั้น มันคงจะดีมากถ้าข้าได้พบกับเจ้า”
ไม่มีเสียงตอบรับนานสักพักหลังจากที่หยุนเทียนพูดออกไป ซึ่งทำให้เขาค่อนข้างโกรธ ท่าทีของเขาอึมครึมและเขาพูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อพี่ชายไม่ต้องการที่จะออกมา ข้าจะเข้าไปเองก็แล้วกัน” หยุนเทียนไม่ได้เข้าไปใกล้ถ้ำ แต่เขาควบรวมกระบี่พลังเซียนธาตุแสงแล้วยิงมันไปที่ถ้ำ
ปัง ! เสียงดังสนั่น ปากถ้ำถูกเปิดออกค่อนข้างกว้างจากการโจมตีนั้น
ในส่วนลึกของถ้ำนั้น โล่พลังเซียนธาตุแสงกว้าง 2 เมตรก็ค่อย ๆ หายไป เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ดึงมือที่ยังคงมีเลือดออกอยู่ของเขากลับเข้ามาอย่างช้า ๆ ในขณะที่กระบี่สังหารมังกรในมือขวาของเขาได้หายไปแล้ว เขาได้เก็บมันไว้ในแหวนมิติ หลังจากนั้น เขาก็เดินออกมาข้างนอกอย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางเคร่งครึม
ม่านพลังที่ป้องกันถ้ำอยู่ถูกเอาออกโดยเจี้ยนเฉิน มันมีคนมาออกันอยู่มากเกินไปที่ด้านนอก และเขาไม่ต้องการให้คนมากเกินไปรู้ถึงความลับของเขาที่สามารถร่ายม่านพลังได้ นอกเหนือจากนั้น แม้ว่าตัวตนที่เป็นเซียนผู้คุมกฎของเขายังไม่ถูกเปิดเผย มันก็จะยังคงทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นและความคิดต่างต่างนานาขึ้นมาอีก
เวลาที่เสือขาวจะใช้ในการตัดผ่านลดลงอย่างมากหลังจากที่มันได้ดูดซึมเลือดของเจี้ยนเฉินเข้าไป เขาสามารถรู้สึกได้ว่ามันถึงขั้นตอนสุดท้ายในการที่จะตัดผ่านแล้ว อีกแค่ไม่กี่ชั่วยามมันคงจะสำเร็จเป็นระดับ 6 แต่ก่อนที่การตัดผ่านจะเกิดขึ้น เขาจำเป็นที่จะต้องทุ่มเทกำลังของเขาทั้งหมดในการหยุดผู้คนด้านนอกและป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเสือ
ภายนอกถ้ำ ซาร์ ทิลอสสามารถรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ที่เพิ่มมากขึ้น และท่าทีของเขาเคร่งขรึมมากขึ้นไปเรื่อยเรื่อย เขาพูดเสียงแหบห้าว “สัตว์อสูรโบราณนั้นกำลังจะสิ้นสุดการตัดผ่านแล้ว หลังจากที่มันตัดผ่านสำเร็จ มันจะยิ่งเป็นการยากที่จะทำให้มันเชื่อง พวกเรารอนานมากกว่านี้อีกไม่ได้แล้ว ทุก ๆ คนมากับข้า พวกเราพุ่งเข้าไปกันเลย” ทันทีที่ซาร์ ทิลอสพูดจบ เขาก็นำกลุ่มของตระกูลซาร์ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะใช้กำลังพุ่งเข้าไป
“ใครที่เข้าไปในถ้ำต้องตาย ! “
ในตอนนั้นเอง เสียงที่เย็นชาดังก้องออกมาจากข้างในถ้ำ เสียงนั้นทรงพลังมากถึงกับทำให้แก้วหูของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทุกคนถึงกับปวด หลังจากนั้น ชายหนุ่มในชุดขาวที่ดูเหมือนจะอายุยี่สิบกว่าปีก็ได้ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนที่ปากทางเข้าถ้ำ
เมื่อได้เห็นชายหนุ่มนั้น ดวงตาของผู้คนในตระกลูซาร์ก็หรี่เล็กลง แม้แต่ท่าทีของหยุนเทียนยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“หยางยู่เทียน เจ้านั่นเอง ! ” ซาร์ ทิลอสจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาเย็นชาในขณะที่น้ำเสียงของเขานั้นแหบห้าว เขามีจิตสังหารที่รุนแรง
“ศิษย์น้องหยางยู่เทียน ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นเจ้า” หยุนเทียนจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะเย้ยหยันออกมาหลังจากนั้น
“หยางยู่เทียน เขาคือหยางยู่เทียนที่ผู้คนร่ำลือกันงั้นหรือ ? ” คนในกลุ่มของตระกูลซาร์ทั้งหมดสำรวจไปที่เจี้ยนเฉินอย่างใคร่รู้ ชื่อหยางยู่เทียนนั้นเหมือนฟ้าร้องในหูของพวกเขาหลังจากที่พวกเขาเข้ามาที่เมืองแห่งเทพเจ้า แต่นี่เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่พวกเขาเห็นหยางยู่เทียน
“หยางยู่เทียน เขาคือหยางยู่เทียนอย่างนั้นหรือ ? ข้าได้ยินมาว่าเขาสำเร็จระดับ 6 ได้ด้วยอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น”
“หยางยู่เทียนคืออัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้าได้ยินมาว่าเขานั้นเป็นคนที่มหัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของทวีปเทียนหยวน ไม่เพียงแต่เขาจะสำเร็จระดับ 6 ด้วยอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น แต่ความเข้าใจในทักษะธาตุแสงของเขายังอยู่ในระดับที่สูงมากอีกด้วย”
“หยางยู่เทียนได้ฆ่าเซียนสวรรค์ไปมากกว่า 30 คนด้วยตัวของเขาเองที่แม่น้ำน้ำหอม และยังรอดชีวิตมาจากการโจมตีของเซียนผู้คุมกฎ ความแข็งแกร่งของเขานั้นเกินกว่าคารา ลี่เว่ยไปมาก”
“ข้าได้ยินมาว่าหยางยู่เทียนคือร่างที่กลับมาเกิดใหม่ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 จากครั้งโบราณกาล เขาจะสำเร็จระดับ 8 แน่นอนในอนาคต”
..
เมื่อชื่อนี้กระจายไปยังผู้คนที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ มันก็ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย ฝูงชนสนทนากันเสียงอื้ออึง
ซาร์ ทิลอสจ้องอย่างไร้อารมณ์ไปที่เจี้ยนเฉินแล้วพูดด้วยเสียงทุ้ม “หยางยู่เทียน สัตว์อสูรที่กำลังจะตัดผ่านนั้นเป็นของเจ้าอย่างนั้นหรือ ? “
เจี้ยนเฉินมองไปที่ซาร์ ทิลอส แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบคนคนนี้มาก่อน แต่เขาก็คุ้นเคยกับตระกูลทั้งแปดที่ยืนอยู่ด้านหลังของคนคนนี้ ดังนั้น เขาจึงรู้ดีว่าคนที่กำลังพูดอยู่นี้ต้องมาจากตระกูลซาร์อย่างแน่นอน และดูจากที่เขายืนอยู่แล้ว สถานะของเขาคงใหญ่โตพอสมควรในตระกูล
เรื่องที่เขาถูกตามล่าจากองค์กรลอบสังหารทั้งสองในเมืองแห่งเทพเจ้าได้พุดขึ้นมาในจิตใจของเจี้ยนเฉิน มันทำให้สายตาของเขาเย็นชา จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชา “ถูกต้อง สัตว์อสูรนั้นเป็นของข้า ทุก ๆ คนกรุณาถอยออกไปให้ห่างเพื่อที่จะไม่เป็นการไปรบกวนการตัดผ่าน ไม่เช่นนั้น ข้าจะถือว่าพวกท่านคือศัตรู”
ผู้คนรอบ ๆ ลังเลเล็กน้อย บางส่วนในกลุ่มถอยห่างออกไปทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะยั่วยุหยางยู่เทียน
คาซดา ดี คนที่เป็นผู้นำของตระกูลคาซดาลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะประสานมือไปที่เจี้ยนเฉิน “เมื่อสัตว์อสูรโบราณของน้องหยางยู่เทียนกำลังตัดผ่านอยู่ พวกเราตระกูลคาซดาจะไม่รบกวนแล้ว” หลังพูดจบ คาซดา ดีก็ถอยออกไปไกล 2 กิโลเมตรกับกลุ่มของเขาเพื่อที่จะเฝ้ามอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะต่อต้านเจี้ยนเฉิน
“สัตว์อสูรโบราณ ใครจะคิดว่าลูกสัตว์ตัวนั้นจะเป็นสัตว์อสูรโบราณ และกำลังจะสำเร็จระดับ 6 กันเล่า” ความอิจฉาเกิดขึ้นที่ลึก ๆ ในตาของหยุนเทียน สัตว์อสูรโบราณนั้นหาได้ยากบนทวีปเทียนหยวน แต่เมื่อมันโตขึ้นมันจะทรงพลังมาก อาจถือได้ว่ามันไร้เทียมทานท่ามกลางสัตว์อสูรระดับเดียวกัน ถ้าสัตว์อสูรโบราณอยู่กับใครล่ะก็ คนผู้นั้นคงจะสามารถที่จะควบคุมทั้งทวีปได้ในอนาคต หยุนเทียนไม่คิดมาก่อนเลยว่าเสือขาวที่นอนหลับอยู่ตลอดบนไหล่ของเจี้ยนเฉินนั้นจะเป็นสัตว์อสูรโบราณ ซึ่งมันทำให้เขาทั้งชื่นชมและอิจฉา
“หยางยู่เทียน ข้าอยากรู้มากเกี่ยวกับสัตว์อสูรโบราณที่กำลังจะตัดผ่านอยู่ในถ้ำ ทำไมเจ้าไม่ให้พวกเราเข้าไปดูในถ้ำหน่อยล่ะ ? ” ซาร์ ทิลอสจ้องไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมรอยยิ้ม แต่ตาของเขานั้นประกายไปด้วยความเย็นชา
เจี้ยนเฉินตอบกลับ “เสือขาวนั้นอยู่ในระหว่างตัดผ่าน ใครที่เข้าใกล้ถ้ำจะถือว่าเป็นศัตรูกับข้า และข้าจะใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อที่จะฆ่าคนผู้นั้นซะ ไม่มีข้อยกเว้นให้ใครทั้งนั้น” เจี้ยนเฉินตั้งใจมองไปที่หยุนเทียน
“หยางยู่เทียน เจ้าช่างโอหังนัก เจ้ารู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ? แม้แต่ท่านประธานของสมาคมก็ปกป้องเจ้าไม่ได้เมื่อเจ้ามาทำให้ตระกูลซาร์โกรธ” ชายวัยกลางคนด้านหลังซาร์ ทิลอสตะโกนออกมา
เจี้ยนเฉินมองไปที่ทุกคนอย่างเย็นชา ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิลงที่ปากทางเข้าถ้ำ เขาพูด “ข้าจะฆ่าคนที่เข้ามาในรัศมี 30 เมตรอย่างไม่ปราณี ! “
กลุ่มของตระกูลซาร์ทั้งหมดหน้าซีดขาว พวกเขาถูกข่มขู่จากคนที่อายุน้อยกว่าพวกเขา ซึ่งเป็นการดูถูกอย่างรุนแรง แต่รอยยิ้มของซาร์ ทิลอส ก็ฉีกกว้างมากขึ้นจากโทสะ “ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเหมือนที่ร่ำลือกันหรือไม่” พลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ ได้มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว และควบรวมเป็นเกราะพลังเซียนธาตุแสงสีเงินขาวบนตัวของซาร์ ทิลอส ในมือซ้ายของเขา โล่พลังเซียนธาตุแสงก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วย
“เกราะพลังเซียนธาตุแสง ! ” คนยี่สิบกว่าคนด้านหลังซาร์ ทิลอสตะโกนออกมาพร้อมกัน ด้วยแสงอันทรงพลังที่คลุมรอบตัวของพวกเขาอยู่ พวกเขาทั้งหมดสวมเกราะพลังเซียนธาตุแสง
ซาร์ ทิลอสเหยียดออกมา ก่อนที่จะก้าวมาข้างหน้า และพุ่งตรงไปที่ถ้ำ ด้านหลังของเขา คนอื่น ๆ ตามมาอย่างใกล้ชิด แต่ละคนแสดงท่าทางระมัดระวัง หลายคนในกลุ่มควบรวมกระบี่พลังเซียนธาตุแสงขึ้นมาเพื่อพร้อมที่จะต่อสู้
เมื่อซาร์ ทิลอสเข้าไปในรัศมี 300 เมตรของเจี้ยนเฉิน จิตสังหารที่รุนแรงก็ปรากฏขึ้นที่แววตาของเจี้ยนเฉิน เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่เย็นชา “เหมือนว่าข้าจะอธิบายประเด็นไม่ชัดเจน เมื่อพวกเจ้าเข้ามาและไม่เชื่อกันอย่างนี้ ข้าจะไม่ออมมือแล้ว” กระบี่พลังเซียนธาตุแสงหลายเล่มควบรวมขึ้นที่ข้างหน้าของเจี้ยนเฉินในเวลาพร้อมพร้อมกัน และถูกยิงไปที่คนที่อยู่ข้างหน้ากลุ่มเหมือนสายฟ้าฟาด
“กระบี่พลังเซียนธาตุแสง ! ไป ! ” ปฏิกิริยาตอบสนองของสมาชิกในตระกูลซาร์ก็ไม่ได้ชักช้าเช่นกัน เมื่อเจี้ยนเฉินโจมตีออกมา กระบี่ที่อยู่ข้างหน้าของพวกเขาก็พุ่งออกมาและกระทบกับกระบี่พลังเซียนธาตุแสงของเจี้ยนเฉิน