เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 780: การสิ้นสุดของการแข่งขัน
ตอนที่ 780: การสิ้นสุดของการแข่งขัน
เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนเล็กน้อย ความมีมารยาทปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาก่อนที่เขาจะพูดกับสี่ผู้พิทักษ์ของนิกายดาบโลหิต “ท่านสี่ผู้พิทักษ์ หัวหน้าตระกูลซาร์อยากที่จะเชิญให้ท่านไปเยี่ยมเยียนตระกูลซาร์”
สี่ผู้พิทักษ์ครุ่นคิดสักครู่ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเอ่ยออกมาอย่างไร้ความรู้สึก “นำทางไป ! “
สี่คนนั้นไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามในเมืองแห่งเทพเจ้า เพราะว่าจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่อาณาจักรเล็ก ๆ ตระกูลซาร์ของเมืองแห่งเทพเจ้าก็มีอำนาจมากและจัดอยู่ในอันดันต้น ๆ ของตระกูลโบราณ สี่คนนั้นไม่ต้องการที่จะทำให้ตระกูลซาร์โกรธก่อนที่จะบรรลุคำสั่งของท่านหัวหน้านิกายเว้นเสียแต่ว่าพวกเขาถูกบังคับให้ต้องทำ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนไร้ความสามารถ
คนทั้งสี่ตามคนของตระกูลซาร์และหายไปที่เส้นขอบฟ้า ทุก ๆ คนที่รวมตัวกันอยู่กระจายออกไปทีละคน ๆ แต่พวกเขาก็ครุ่นคิดเรื่องแปลก ๆ พวกเขาสงสัยว่าใครคือผู้ทรยศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สี่ผู้พิทักษ์เอ่ยถึง
“ดูเหมือนว่านิกายดาบโลหิตจะไม่ได้มาเพราะเรื่องหยางยู่เทียน” ท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เมื่อดูคนทั้งสี่หายไปไกลแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่ด้านหลังเขาก็ให้ความเห็นออกมา “แต่คนทั้งสี่นั้นถูกเชิญไปโดยตระกูลซาร์ พวกเขาอาจจะไม่ได้มาเพราะหยางยู่เทียน แต่ข้ากังวลว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปหลังจากที่พวกเขาออกมาจากตระกูลซาร์”
ท่านประธานส่ายหัว “มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ด้วยความเข้าใจของข้าที่มีต่อนิกายดาบโลหิตนั้น เมื่อพวกเขาต้องการที่จะลอบสังหารคนอื่น พวกเขาจะส่งคนที่มีความแข็งแกร่งเท่า ๆ กับเป้าหมายมา พวกเขาไม่เคยส่งนักฆ่าที่แข็งแกร่งกว่ามาเลย หยางยู่เทียนนั้นเป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ด้วยเกียรติของพวกเขา พวกเขาจะไม่ยอมลดค่าของตัวเองลงเพียงเพื่อจะฆ่าเด็กที่อายุ 24 ปีหรอก”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นิกายดาบโลหิตได้ถอนตัวไปแล้วและยังไม่ได้กลับมา ตราบใดที่พวกเขายังไม่กลับมา พวกเขาคงไม่รับงาน”
“ถ้างั้นพวกเราคงไม่ต้องกังวล” ผู้อาวุโสสูงสุดโล่งใจก่อนที่จะตามหลังท่านประธานกลับไปที่สำนักงานใหญ่
ในห้องที่ตกแต่งสวยงามของตระกูลซาร์ สี่ผู้พิทักษ์นั่งอยู่เงียบ ๆ ที่ด้านข้าง พวกเขาได้รับเชิญจากผู้อาวุโสสูงสุดของเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพต่อนิกายดาบโลหิต ผู้อาวุโสสูงสุดมีอำนาจอยู่เกือบสูงสุดในตระกูล เขาทรงอำนาจเป็นลำดับที่สามของตระกูลทั้งหมด รองจากบรรพชนเท่านั้น ตระกูลได้ให้ความเคารพแก่เขาในการที่จะให้เชิญสี่ผู้พิทักษ์มาได้
ห้องโถงในตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีใครเลยนอกเหนือไปจากสี่ผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสสูงสุด ม่านพลังที่ทรงพลังปรากฏขึ้นมาคลุมรอบห้องโถงทันที
คนทั้งสี่นั่งอยู่เหมือนปกติ ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร อย่างไรก็ตาม พวกเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
“ข้าสงสัยว่าท่านหัวหน้านิกายฮุสตันยังสบายดีอยู่หรือเปล่า ข้า ซาร์ มิโล หวังว่าเมื่อแขกผู้มีเกียรติทั้งสี่กลับไป พวกท่านจะรับฝากความห่วงใยของข้าไปยังท่านหัวหน้านิกาย ! ” เสียงชราดังในห้องโถง แต่ไม่มีใครได้ยิน
“ผู้น้อยจะแจ้งท่านหัวหน้านิกายในเรื่องความห่วงใยที่ผู้อาวุโสฝากไป” หนึ่งในผู้พิทักษ์ป้องมือให้อย่างไร้ความรู้สึก
“สี่ผู้พิทักษ์ ข้าสงสัยว่าเจ้ามาที่เมืองแห่งเทพเจ้าทำไมกัน ? ” เสียงชราดังขึ้นมาอีกครั้ง
“พวกเรามาเพื่อฆ่าคนทรยศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ภายใต้คำสั่งของท่านหัวหน้านิกาย” ผู้พิทักษ์พูด
ชราชราลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “มันเป็นไปได้ที่ตระกูลซาร์จะไม่ไปยุ่งกับแผนการของพวกท่าน แต่ข้าหวังว่าพวกเราจะทำข้อตกลงกันก่อน”
พลังงานธรรมชาติเริ่มที่จะเคลื่อนไหวภายในห้องโถง สักพักถัดมา ภาพก็ถูกรวมตัวจากพลังงานแล้วมาปรากฎต่อหน้าคนทั้งสี่
เมื่อได้เห็นภาพ คนทั้งสี่ก็หรี่ตา อย่างไรก็ตามพวกเขาก็กลับสู่สภาพที่พวกเขาเป็นในไม่ช้า
“คนผู้นี้คือหยางยู่เทียนและเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีความสามารถมาก การมีอยู่ของเขาขัดขวางการพัฒนาของตระกูลซาร์ ข้าหวังว่าสี่ผู้พิทักษ์จะกำจัดหยางยู่เทียนในระหว่างภารกิจ ตระกูลซาร์จะจ่ายค่าตอบแทนอย่างพอใจกลับไป” เสียงชราดังขึ้นมา
“ท่านผู้อาวุโส พวกเราจะไม่รับภารกิจนี้ ! ” ผู้พิทักษ์ปฏิเสธข้อเสนอของท่านผู้อาวุโสสูงสุดอย่างไม่คิดซ้ำสอง เขาไม่ได้แม้แต่จะพิจารณามันเลยด้วยซ้ำ
“สี่ผู้พิทักษ์ ทันทีที่เจ้าเสร็จภารกิจ ตระกูลซาร์ของข้าจะจ่ายอย่างงาม เจ้าจะไม่สูญเสียอะไรเลย” เสียงชราดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านผู้อาวุโส ภารกิจของเราคือการไล่ล่าและฆ่าคนทรยศของตระกูลพันธุ์มนุษย์ภายใต้คำสั่งของหัวหน้านิกาย พวกเราไม่สามารถรับภารกิจอื่นได้ อีกทั้งนิกายดาบโลหิตยังไม่กลับมาที่ทวีปอีกด้วย ถ้าผู้อาวุโสต้องการที่จะให้นิกายของเราสังหารคนที่ชื่อหยางยู่เทียน ท่านผู้อาวุโสต้องไปหาท่านหัวหน้านิกายเท่านั้น” ผู้พิทักษ์พูด
“ถ้าท่านทั้งสี่รับข้อเสนอ ข้าสามารถช่วยพวกท่านหาผู้ทรยศได้ พวกกท่านจะเสร็จภารกิจได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นภายใต้ความช่วยเหลือจากข้า” เสียงชราดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ค่อนข้างเร่งรีบ แม้ว่าเขาจะคือเซียนราชา แต่เนื่องด้วยเหตุผลบางประการของตระกูล เขาจึงไม่สามารถสังหารหยางยู่เทียนอย่างโจ่งแจ้งได้ เขาต้องหาใครสักคนที่จะทำเรื่องนี้แทน
สี่ผู้พิทักษ์ยืนขึ้นพร้อมกัน หนึ่งในนั้นป้องมือ “ท่านผู้อาวุโส ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกข้าทั้งสี่ขอไปก่อน” หลังจากพูดจบพวกเขาก็ออกจากห้องโถงไป
“หืม ท่านผู้อาวุโสสูงสุด รีบไปจัดเตรียมคนเพื่อเปิดการทำงานของอาคมปกปิดตัวตนและซ่อนการมีอยู่ของทุกคนในเมืองเอาไว้ เมื่อสี่ผู้พิทักษ์ไม่เห็นดีกับเรา เราจะไม่ให้พวกเขาปฏิบัติภารกิจสำเร็จได้โดยง่าย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ท่าทีของผู้อาวุโสสูงสุดก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดอย่างค่อนข้างกังวล “ท่านหัวหน้าตระกูล มันจะไม่เป็นการทำให้นิกายดาบโลหิตโกรธหรือ?”
“อาคมปกปิดตัวตนคืออาคมที่ปกป้องเมืองแห่งเทพเจ้าของเรา พวกเราตระกูลซาร์เป็นหนึ่งผู้รับผิดชอบของเมืองแห่งเทพเจ้า ดังนั้นมันจะมีอะไรผิดหรือถ้าเราจะเปิดการทำงานของมัน ? ” เสียงชราพูดอย่างแหบแห้ง
“ถ้างั้นท่านหัวหน้าตระกูล ข้าจะไปจัดคนเพื่อทำให้อาคมปกปิดตัวตนทำงานทันที”
..
สี่ผู้พิทักษ์ออกไปจากตระกูลซาร์และเดินอยู่ที่ถนนไปพร้อมกัน
“เจ้าคนแก่ประหลาด 5 คนนั้นเก่งมากในเรื่องซ่อนตัวตนของพวกเขา การตามหาพวกเขาคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และยังมีคนมากเกินไปที่เมืองแห่งเทพเจ้า มีการมีอยู่อยู่ทั่วไปหมด การที่จะหาพวกเขาได้อย่างแม่นยำในที่ที่แออัดขนาดนี้ก็เหมือนการทำเรื่องที่ยากให้ยากขึ้นไปอีก” ผู้พิทักษ์พูดอย่างไร้อารมณ์
“ข้าแค่สัมผัสได้ว่าคนทรยศทั้งห้านั้นอยู่ในเมือง แต่ข้าหาได้ไม่ชัดว่าอยู่ที่ไหน”
“มันจะไม่ได้ผลถ้าเรายังทำอยู่แบบนี้ เราควรจะหาที่เงียบ ๆ เพื่อใช้วิชาลับและหาดูว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน พวกเราจำเป็นที่จะต้องทำภารกิจของหัวหน้านิกายให้เสร็จให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราจะยื้อไว้นานกว่านี้อีกไม่ได้แล้ว”
ผู้พิทักษ์ทั้งสี่มาถึงที่ที่ไม่มีคนอยู่ทันที พวกเขานั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นเป็นวงกลมและตรงหน้าของพวกเขามีหอกยาวสีแดงเลือดลอยอยู่ ปลายทั้งสี่ของหอกสัมผัสซึ่งกันและกันเป็นรูปกากบาทและหมุนเป็นวงกลมอย่างช้า ๆ
ทันใดนั้นเอง ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็กระอักเลือดออกมาพร้อมทั้งคำราม “เทพเจ้าโลหิตชี้ทาง ! ” เลือดของคนทั้งสี่รวมตัวกันกลางอากาศอย่างเร็วก่อนที่จะกลายเป็นเส้นแสงสีแดงและบินหายไปไกล
“ตามไปเร็ว ! ” ผู้พิทักษ์ตะโกนออกมา หลังจากนั้นไม่นาน คนทั้งสี่ก็ได้กลายเป็นเส้นแสงสีแดงเส้นเดียวและไล่ตามไป
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ท้องฟ้าเหนือทั่วทั้งเมืองได้เริ่มปั่นป่วน พลังงานธรรมชาติที่ปกติจะอ่อนโยนก็เริ่มที่จะรุนแรง มันทำให้ผู้ยอดยุทธในเมืองแห่งเทพเจ้าประหลาดใจ ทำให้พวกเขาเงยหน้าขึ้น คนของตระกูลคาราและคาซดาก็ได้รับผลจากมันด้วย ตาของพวกเขาเป็นประกาย และทั้งสองกลุ่มก็รวมตัวกันเพื่อป้องกันการโจมตีจากที่อาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจากตระกูลซาร์
“นี้คืออาคมปกปิดตัวตนที่สามารถซ่อนทุกการมีอยู่ได้” ในปราสาทของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ท่านประธานในชุดขาวนั่งอยู่ข้าง ๆ หน้าต่างและจ้องอย่างเคร่งเครียดไปที่ท้องฟ้า เขาพึมพำ “ตระกูลซาร์เปิดการทำงานของอาคมปกปิดตัวตนอย่างกะทันหัน อาจจะเป็นเพราะสี่ผู้พิทักษ์จากนิกายดาบโลหิตหรืออาจจะเป็นเพราะพวกเขาต้องการที่จะโจมตีอีก 2 ตระกูลที่เหลือ”
ในเวลาเดียวกันนี้ ผู้พิทักษ์ที่กำลังพุ่งผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วเต็มกำลังได้หยุดลง แววแห่งโทสะได้ฉายขึ้นที่ใบหน้าที่เยือกเย็นของพวกเขา และสายตาของพวกเขาจ้องเขม็ง
“มันคืออาคมปกปิดตัวตนของเมืองแห่งเทพเจ้า มันสามารถปิดบังทุกการมีอยู่ได้ ตระกูลซาร์เปิดทำงานอาคมในตอนนี้นั่นหมายความว่า พวกเขาต้องการที่จะป้องกันพวกเราไม่ให้ทำภารกิจของท่านหัวหน้านิกายได้สำเร็จ” ผู้พิทักษ์พูดเสียงทุ้ม ในขณะที่จิตสังหารที่รุนแรงเปล่งออกมาจากร่างของเขา
“ตระกูลซาร์ตั้งใจที่จะขัดขวางเรา เมื่อพวกเรากลับไปแล้วข้าจะรายงานกับท่านหัวหน้านิกายอย่างแน่นอนโดยไม่ปิดบังอะไร ข้าจะขอให้ท่านหัวหน้านิกายตัดสินใจ” ผู้พิทักษ์คนที่สองพูดด้วยเสียงต่ำ เขาก็เกิดบันดาลโทสะขึ้นมาในใจของเขาเช่นกัน
“อย่าเพิ่งไปสนใจมันตอนนี้เลย พวกเราควรคิดหาวิธีที่จะตามหาห้าคนนั้น ถ้าเราไม่สำเร็จภารกิจนี้ เราจะมีหน้าพอที่จะกลับไปรายงานกับท่านหัวหน้านิกายอีกหรือ ? “
“วิชาเทพเจ้าโลหิตชี้ทางก็พลาดไปแล้ว เมืองแห่งเทพเจ้าก็ใหญ่มาก และพวกเขายังใช้อาคมปกปิดตัวตนเพื่อซ่อนการมีอยู่ของผู้คนอีก เราจะหาพวกเขาได้อย่างไร ? “
“บินไปทางที่ถูกโลหิตชี้นำ พวกเราอาจจะเจอพวกเขาก็ได้แบบนั้น”
..
ในพริบตาเดียว สิบห้าวันก็ได้ผ่านไปในวัตถุเซียน มันเป็นวันที่การแข่งขันจะสิ้นสุดลง รอบ ๆ จัตุรัสนอกสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเต็มไปด้วยผู้คนในตอนเช้า แต่ตัวจัตุรัสเองนั้นว่างเปล่า มันเป็นสถานที่ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะออกมาปรากฎตัว
ในตอนนี้ ทุก ๆ คนที่รวมตัวกันอยู่จ้องไปที่วัตถุเซียนที่ปลายยอดของปราสาทอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่ามันจะไม่มีชีวิตชีวาเหมือนกับการชุมนุมทหารรับจ้าง แต่การแข่งขันเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีทุก ๆ 50 ปีก็ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี คนที่ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกจะได้รับความสนใจจากคนกลุ่มต่าง ๆ เพราะว่าพวกเขาคืออัจฉริยะที่มีโอกาสที่จะได้เป็นระดับ 7
มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้นทั่วทั้งทวีป การเกิดขึ้นมาใหม่ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เป็นอะไรที่จะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่
ไม่แปลกใจเลย ที่ชายชราทั้งห้าคนที่เข้ามาที่เมืองแห่งเทพเจ้าจะหลบซ่อนตัวรวมกับฝูงชนได้เป็นอย่างดี พวกเขาไม่ได้มีความกังวลใดใดเลย พวกเขาสัมผัสได้ถึงการทำงานของอาคมปกปิดตัวตนและทำให้พวกเขายินดีมาก ด้วยรังสีแห่งการปกปิดและความตั้งใจที่จะซ่อนตัวของพวกเขา มันทำให้เป็นการยากมากสำหรับผู้พิทักษ์ทั้งสี่ที่จะตามหาพวกเขา มีเพียงอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องกังวลคือการตามหาเจี้ยนเฉิน
“หยางยู่เทียนนี้ดูเหมือนจะมีอายุเพียง 24 ปี ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เท่านั้น แต่เขายังเข้าใจใน 3 สุดยอดทักษะธาตุแสงและแม้แต่ทำให้สัตว์อสูรโบราณเชื่องได้อีก ข้าสงสัยและต้องการจะเห็นเหลือเกินว่าเขาจะเป็นคนแบบไหน” ชายชราหม่าเทิงบ่นกับตัวเอง ตลอดทางที่ผ่านมา พวกเขาได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับหยางยู่เทียน ซึ่งทำให้พวกเขาต้องการที่จะเห็นว่าหยางยู่เทียนเป็นคนแบบไหนกัน
“และสัตว์อสูรโบราณ พวกมันหาได้ยากมากบนทวีปเทียนหยวน ข้าอยากเห็นมันเป็นการส่วนตัวจริง ๆ ” ชายชราซิตูหัวเราะคิกคักออกมาเบาเบา เขารู้สึกใจจดใจจ่อ
..
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปช้า แต่ก็ถึงเวลาเที่ยงวันในที่สุด ในช่วงเวลานั้น แสงสีขาวที่ทีทรงพลังได้ส่องลงมาจากท้องฟ้าและสาดลงมาที่จัตุรัสที่ว่างเปล่า ด้วยแสงสีขาวแต่ละแสง เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้จัตุรัสที่ว่างเปล่านั้นมีคนเพิ่มขึ้นมา
แสงสีขาวได้ส่องลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ในไม่ช้า ผู้เข้าแข่งขันหลายร้อยคนก็ปรากฏขึ้นที่จัตุรัส ทุก ๆ คนนั้นดูเหนื่อยอ่อนและอยู่ในสภาพแย่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้เผชิญกับความทุกข์ยากตลอด 15 วันที่อยู่ในวัตถุเซียน อย่างไรก็ตาม โดยไม่มีข้อยกเว้น ทุก ๆ คนได้ถือถุงที่มีขนาดต่าง ๆ กันซึ่งทำมาจากหนังของสัตว์อสูร ถุงพวกนั้นมีแกนอสูรระดับสูงที่ผู้เข้าแข่งขันเก็บรวบรวมมาในวัตถุเซียน
ทันใดนั้นเอง สายรุ้งก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง 10 คนที่อายุแตกต่างกันลดตัวลงมาจากท้องฟ้าในเสาสีรุ้ง
การปรากฏตัวของพวกเขาดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่น นี่เป็นเพราะ 10 คนที่อยู่ในแสงสีรุ้งเป็น 10 คนที่เก็บคะแนนได้มากที่สุด เป็นผู้ชนะที่ติดหนึ่งในสิบ
“นั่นคือหยางยู่เทียน เขามีสัตว์อสูรตัวเล็กอยู่ที่ไหล่ของเขาจริง ๆ ด้วย บางทีมันอาจจะเป็นสัตว์อสูรโบราณใช่หรือไม่ ? ” ผู้คนร้องตะโกนออกมาทันทีจากฝูงชน ทันใดนั้นเอง ทุก ๆ คนก็เพ่งมองไปที่สัตว์อสูร สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและอิจฉา
เมื่อชายชราทั้งห้าเห็นเสือขาว ตาของพวกเขาก็เป็นประกาย หนึ่งในนั้นบ่นออกมา “ทำไมข้ารู้สึกว่าสัตว์อสูรโบราณนั่นเหมือนกับลูกสัตว์ที่ราชาเสืออ้างถึงเลย ? ถ้าดูที่หลังของมันดี ๆ แล้ว มันเหมือนจะมีปีกอยู่คู่หนึ่งด้วย”
“หืม ? มีปีกอยู่คู่หนึ่งจริง ๆ ด้วย แต่สัตว์อสูรโบราณนั้นก็ซ่อนมันเอาไว้อย่างดี มันยากมากที่จะหาพบ” สายตาของชายชราหม่าเทิงตกตะลึง หลังจากที่เขาครุ่นคิดสักครู่ เขาก็พูดกับชายชราซิตู “ซิตู ร่ายวิชาคำทำนายสุดยอดอีกครั้งเดี๋ยวนี้เลย แล้วดูว่าเจ้าจะหาเขาเจอไหม ข้ารู้สึกว่าสัตว์อสูรโบราณตัวนั้นเป็นสิ่งที่ราชาเสือต้องการ”
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของชายชราซิตูก็เป็นประกาย “อาคมปกปิดตัวตนเปิดทำงานแล้ว ดังนั้นวิชาคำทำนายสุดยอดของข้าจะได้รับผลกระทบไปด้วย ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด” หลังจากพูดจบ ชายชราซิตูก็หลับตาของเขาลงทันทีและทำมือเป็นผนึกแปลก ๆ เขาเริ่มร่ายวิชาอย่างเงียบ ๆ สัมผัสถึงการมีอยู่ของสายเลือดของเจี้ยนเฉิน
สามวินาทีต่อมา ชายชราซิตูลืมตาขึ้น ประกายประหลาดใจแวบขึ้นมาที่ตาของเขาก่อนที่จะหายไปในพริบตา
“ในที่สุดข้าก็เจอเจี้ยนเฉินแล้ว ! เขาคือหยางยู่เทียนจริง ๆ !” ชายชราซิตูชี้ไปที่เจี้ยนเฉินที่ค่อย ๆ ลดระดับลงจากท้องฟ้าในแสงสีรุ้ง เขาเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจและความยินดี