เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 793 การหลบหนีจากเมืองแห่งเทพเจ้า
ตอนที่ 793 การหลบหนีจากเมืองแห่งเทพเจ้า
ในเมืองแห่งเทพเจ้า บรรดาหัวหน้าของแปดตระกูลและผู้หญิงวัยกลางคนจากตระกูลซาร์ลอยอยู่ในกลางอากาศอย่างตกใจ การที่จู่ ๆ เกิดการปรากฏตัวของสัตว์อสูรระดับ 8 นับสิบนั้นถือว่าเป็นแรงกดดันทางจิตที่รุนแรงต่อพวกเขาอย่างมาก
สัตว์อสูรระดับ 8 มีพลังเทียบเท่าเซียนราชาของมนุษย์ อีกอย่าง เนื่องจากความสามารถตามธรรมชาติของพวกมัน สัตว์อสูรพวกนี้ยังจะรับมือกับมนุษย์หลายคนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับพวกมันได้ การที่จู่ ๆ เกิดการปรากฏตัวของสัตว์อสูรนับสิบตัวที่มีพลังเทียบเท่าเซียนราชานับสิบคน หนำซ้ำหนึ่งในพวกมันยังมีพลังถึงขั้นสูงสุดของระดับ 8 เป็นอย่างน้อย
กลุ่มแบบนี้ทรงพลังเกินไปแม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ก็ยังรู้สึกตกใจ การร่วมมือของพวกมันนั้นทรงพลังยิ่งกว่าหนึ่งตระกูลผู้พิทักษ์ ดังนั้นหากว่าตระกูลผู้พิทักษ์ต้องการจะจัดการกับพวกมัน พวกเขาจะต้องร่วมมือกัน
“พวกเจ้าคือสัตว์อสูรจากทวีปสัตว์เทวะใช่หรือไม่ ? ไม่ใช่ว่าตระกูลผู้พิทักษ์มีข้อตกลงกับราชาเสือของพวกเจ้าที่พวกเจ้ายังไม่สามารถเข้าสู่ทวีปได้จนถึงสามเดือนข้างหน้า ? แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงต้องทำลายข้อตกลงทันทีด้วย ? ” ผู้หญิงจากตระกูลซาร์คำรามออกมา แม้ว่านางรู้สึกเกรงกลัวต่อหน้าสัตว์อสูรระดับ 8 นับสิบ
สัตว์อสูรทั้งหมดที่ถูกปลดปล่อยออกมาแผดเสียงร้องดังไปในท้องฟ้าอย่างปราศจากความกังวล เสียงของพวกมันเต็มไปด้วยความปิติยินดี ราวกับพวกมันกำลังระบายความขับข้องใจทั้งหมดที่ผ่านมาหลายพันปี
บรรพบุรุษของพวกมันทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในวัตถุเซียนในยุคโบราณ หลังจากหลายปีนับไม่ถ้วนบรรพบุรุษของพวกมันก็ให้กำเนิดทายาทและสืบทอดผ่านมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ทุกคนนั้นอาศัยอยู่ในห้วงมิติวัตถุเซียน พวกมันสิ้นอายุขัยและกลายเป็นพลังงานก่อนที่สุดท้ายจะตายในที่นั่น
บรรพบุรุษทุกคนรู้ดีว่าที่ท้องฟ้าด้านนอกนั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่พวกมันไม่อาจทำสิ่งใดได้ เพราะว่าพวกมันไม่สามารถหลุดเป็นอิสระจากการผูกมัดของวัตถุเซียนและหลบหนีไปได้ ด้วยเหตุนี้ การหลบหนีไปยังโลกด้านนอกคือปัจจัยความฝันอันยาวนานของสัตว์อสูรระดับสูงที่อยู่ภายในทุกตัว และแล้วในที่สุด ความฝันนี้ที่พวกมันต้องแบกรับมาอย่างยาวนานในที่สุดก็กลายเป็นจริง ทุกตัวเต็มไปด้วยความปิติยินดีที่ไม่อาจบรรยายได้ จนถึงจุดที่พวกมันทุกตัวไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้
ไม่เพียงแค่วันนี้เท่านั้นที่เป็นวันที่พวกมันตั้งตารอคอยมายาวนาน มันยังเป็นความประสงค์สูงสุดของบรรพบุรุษของพวกมันอีกด้วย พวกมันปรารถนาเพื่อวันนี้มายาวนานเหลือเกิน
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดสัตว์อสูรสงบใจลงและมองไปรอบ ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็นเพื่อสำรวจโลกใบนี้ มังกรทองเทวะในร่างมนุษย์มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำกล่าวของนาง เขากล่าว “เจ้าพูดอะไร ? ทวีปสัตว์เทวะอะไร ? “
“ท่านไม่ใช่สัตว์อสูรจากทวีปสัตว์เทวะอย่างนั้นหรือ ? ” ผู้หญิงคนนั้นเผยสีหน้าประกายความแปลกใจก่อนจะชำเลืองมองไปที่วัตถุเซียนในมือของเจี้ยนเฉิน
“ทวีปสัตว์เทวะ” มังกรทองเทวะรำพึงกับตัวเอง แต่ทว่ามีเศษเสี้ยวของความสับสนในแววตาของมันอยู่ นั่นเพราะว่าไม่มีเรื่องทวีปสัตว์เทวะในความทรงจำที่สืบทอดมาของมัน ในตอนที่บรรพบุรุษเริ่มถูกดูดเข้าไปในห้วงมิติวัตถุเซียน พยัคฆ์ปีกเทวะยังไม่ได้โจมตีร้อยเผ่าพันธุ์ ผนวกกับตอนนั้นเหล่าสัตว์อสูรทั้งหมดยังอยู่ภายใต้การบัญชาของมัน ในตอนนั้น ทวีปสัตว์เทวะยังคงเป็นอาณาเขตของร้อยเผ่าพันธุ์อยู่
มังกรทองเทวะชำเลืองมองไปที่สองคนที่อยู่ข้างหลังมันและกล่าวพลางถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ “หลายปีมาแล้ว ดูเหมือนว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปมาก อีกไม่นานโลกจะต้องนึกถึงบรรพบุรุษของเรา”
สองคนที่อยู่ข้างหลังมันคือจระเข้เทวะและฟินิกซ์เทวะ อยู่ในร่างมนุษย์ พวกมันปรากฏกายเป็นชายชราชุดคลุมสีดำและหญิงสาวชุดแดง
สายตาของจระเข้และฟินิกซ์ค่อนข้างซับซ้อน พวกมันตื่นเต้นมากที่ได้กลับมายังโลกภูมิลำเนาของพวกมัน แต่หลังจากสงบใจลง พวกมันก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเหมือนกับพวกมันกลับมายังโลกที่ไม่คุ้นเคยมาก
ความเปล่าเปลี่ยวและความหดหู่แวบผ่านในนัยน์ตาของฟินิกซ์ อย่างไรก็ตาม นางซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “พลังงานของโลกที่นี่หนาแน่นยิ่งกว่าภายในวัตถุเซียน ข้ามาถึงขั้นสูงสุดของชั้นสวรรค์ที่ 8 มา 300 ปีแล้ว ดังนั้นเพียงก้าวเดียวห่างจากชั้นสวรรค์ที่ 9 ข้าจำเป็นต้องหาสถานที่เก็บตัวสันโดษในทันที”
หลังจากนั้นไม่ช้า ฟินิกซ์จ้องมองไปที่เสือขาวบนไหล่ของเจี้ยนเฉินและความประหลาดใจเล็ก ๆ แวบผ่านนัยน์ตานาง หลังจากนั้น สายตาของนางก็เห็นหอคอยสีทองในมือของเจี้ยนเฉินและกล่าวว่า “จิตวิญญาณวัตถุเซียน ข้าได้ช่วยเจ้าทำลายพันธสัญญาโบราณแล้ว ตามข้อตกลงของเรา เจ้าจะไม่อาจยับยั้งความเป็นอิสระของเราได้อีกต่อไป หงเหลียนคงต้องขออำลาก่อน” ด้วยเหตุนั้น ฟินิกซ์เหลือบมองไปที่เสือขาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะอันตรธานหายไปเป็นริ้วแสงสีแดง
มังกรทองเทวะมองไปยังพยัคฆ์ปีกเทวะบนไหล่ของเจี้ยนเฉิน สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความซับซ้อน มันกล่าว “ข้าไม่เคยคิดเลยว่า ข้าจะพบพยัคฆ์ปีกเทวะทันทีที่ข้ากลับออกมา ช่างน่าสงสารนักที่มันยังอ่อนแอเกินไป” มังกรทองเทวะถอนหายใจและรำพึง “หลังจากผ่านมานานหลายปี ข้าสงสัยว่าตระกูลของข้ายังคงอยู่ใกล้ ๆ หรือไม่ ข้าจำเป็นต้องไปเยือนตระกูลมังกร ตามความทรงจำที่สืบทอดมาของข้า ตระกูลมังกรน่าจะอยู่แถว ๆ บนเกาะในมหาสมุทร”
“ตระกูลมังกร ? ท่านบอกว่าตระกูลมังกรแห่งสี่ตระกูลสัตว์อสูรโบราณที่ยิ่งใหญ่หรือ ? ” ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยความประหลาดใจ
กระตุ้นความสนใจของมังกรทองเทวะให้สนใจขึ้นมา เขามองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาที่เร่าร้อนและถาม “เจ้าน่าจะรู้เรื่องตระกูลมังกรของข้า ? ตระกูลมังกรเป็นยังไงบ้าง ยังอยู่ดีหรือไม่ตอนนี้ ? “
ผู้หญิงคนนั้นอ้าปากค้างในทันทีเมื่อได้รับการยืนยัน นางจ้องมองไปยังมังกรทองเทวะที่เจนโลกที่ถูกเปลี่ยนแปรเป็นกระตือรือร้น แล้วนางกล่าวว่า “การมีอยู่ของตระกูลมังกรสิ้นสุดไปนานแล้ว ผ่านไปนานมากแล้ว ที่พวกเขาหายไป รวมไปถึงตระกูลฟินิกซ์เทวะโบราณ พวกเขาทั้งหมดเองก็หายไป ทวีปเทพอสูรไม่มีตระกูลมังกรหรือตระกูลฟินิกซ์มานานแล้ว”
“อะไรนะ ? หายไป ? จะเป็นไปได้อย่างไร ? ” มังกรทองเทวะจ้องมองอย่างว่างเปล่าขณะที่ความไม่เชื่อปรากฏในนัยน์ตาของมัน ตามที่ความทรงจำที่สืบทอดมาของมัน ตระกูลมังกรนั้นเป็นตระกูลที่ทรงพลังอย่างมาก พวกเขาเป็นจักรพรรดิของเหล่าสัตว์อสูร
ผู้หญิงคนนั้นในตอนนี้มั่นใจอย่างสมบูรณ์ถึงอัตลักษณ์ของสัตว์อสูรระดับ 8 นางกล่าวว่า “ข้ารู้มาบ้างนิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องยุคโบราณ แต่ที่ชัดเจนคือ ตระกูลมังกรและตระกูลฟินิกซ์เทวะหายไปในเวลาเดียวกัน รวมถึงพยัคฆ์ปีกเทวะด้วย”
“หายไป หายไป ตระกูลมังกรของข้าหายไปแล้ว” มังกรทองเทวะเผยสีหน้าอันเจ็บปวดสุดจะพรรณนาออกมาและความอ้างว้าง เมื่อมันได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นกล่าวมา ตัวมันตอบสนองราวกับว่ามันเพิ่งจะสูญเสียญาติพี่น้องของมันเดี๋ยวนั้นเอง
“ข้าต้องการกลับไปเกาะมังกรเพื่อดูเอง” มังกรพึมพำอย่างแผ่วเบา
“รุยจิน ข้าจะไปกับเจ้า” ชายชราเสื้อคลุมดำกล่าวข้าง ๆ มังกร
มังกรพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้สนิทกับหลายคนในห้วงมิติวัตถุเซียน เขาที่สนิทมีเพียง 2 คนเท่านั้น พวกเขาคือฟินิกซ์เทวะที่เพิ่งจากไปและจระเข้เทวะด้านข้างเขา
ทันใดนั้น สีหน้าของมังกรพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย สองรังสีของแสงจู่ ๆ พุ่งออกมาจากนัยน์ตาของมัน เจาะพื้นที่ของห้วงมิติ และมันได้คำรามว่า “บัดซบ พวกเขาค่อนข้างมีเซียนหลายคนที่ฉีกพื้นที่มิติได้ พวกเขา… พวกเขา… พวกเขาดูเหมือนจะมาจากตระกูลผู้พิทักษ์ของทวีปเทียนหยวน”
“ตามความทรงจำของข้า สัตว์อสูรโบราณกับมนุษย์ก็เหมือนน้ำมันกับน้ำ พวกเราต่างเกลียดชังซึ่งกันและกัน ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเราไม่สามารถปล่อยให้พวกเขามาถึงได้ โดยความสามารถของเผ่าพันธุ์ของข้า ข้าสามารถปิดผลึกห้วงมิติภายในรัศมี 10 ล้านกิโลเมตร ดังนั้นพวกเขาจะไม่สามารถฉีกมิติได้ ทุกคนเร็ว ๆ กระจายกันไปเดี๋ยวนี้”
ทันใดนั้นมังกรเริ่มคำรามพร้อมกับส่งแสงที่ทรงพลังมากออกมา แสงนั้นส่องสว่างเข้าไปในห้วงมิติ โลกทั้งโลกอาบไล้ไปด้วยแสงสีทอง ดูราวกับฉากปาฏิหาริย์ที่นาน ๆ ครั้งจะได้เห็นแม้แต่ในเวลาหลายพันปีก็ตาม เหนือเมืองแห่งเทพเจ้า ผู้คนนับไม่ถ้วนที่ด้านล่างต่างตกตะลึง
แสงสีทองที่อร่ามรอบ ๆ ล้วนมารวมตัวกันภายในมือทั้งสองข้างของมัน และทันใดนั้นพวกมันก็ได้เปลี่ยนแปลงเป็นผลึกแสงต่าง ๆ เมื่อได้ขยับมือ ห้วงมิติรอบ ๆ ดูเหมือนจะกลายเป็นบางสิ่งราวกับหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะ
“ทักษะลับตระกูลมังกร ผนึกโลกา ! ” มังกรทองตะโกนออกมาแล้วสร้างผลึกภายในมือ และผลักมันออกไปในความว่างเปล่า ทันใดนั้นแสงหลายเฉดสี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่ามหัศจรรย์ขึ้นกับห้วงมิติภายในรัศมี 10 ล้านกิโลเมตร ราวกับว่ามันได้กลับกลายเป็นอาณาจักรที่แยกออกจากกฎของโลกในขณะนั้น
ผู้หญิงคนนั้นและเซียนผู้คุมกฎทั้งหมดมีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างมาก พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมพลังมิติได้อีก ไม่แม้แต่ขยับมันได้ด้วยซ้ำ ในตอนนั้นดูเหมือนว่าพวกเขาถูกตัดขาดจากกฎของโลกในฉับพลันและราวกับว่าไม่ได้อยู่ในโลกที่พวกเขาเคยอยู่มาก่อน
“อะไร- อะไร- ความสามารถนี้มันคืออะไรกัน ! ? ทำไมมันถึงน่าสะพรึงกลัวได้ขนาดนี้ ? ” พวกเขาทั้งหมดจมดิ่งอยู่ในความตกใจ พวกเขาไม่เคยแม้แต่ได้ยินถึงความสามารถที่สามารถมีอิทธิพลต่อกฎของโลกได้เช่นนี้มาก่อน แม้กระทั่งเซียนจักรพรรดิบางทีก็ไม่อาจสามารถทำเช่นนี้ได้
“นี่คือทักษะลับของข้า ข้าได้ผนึกห้วงมิติภายในรัศมี 10 ล้านกิโลเมตรไว้แล้ว มันสามารถคงอยู่ได้เพียง 10 วินาทีเท่านั้น ทุกคน รีบออกจากที่นี่เร็ว ๆ ” มังกรกล่าวกับสหายที่ด้านหลังเขา
สัตว์อสูรระดับ 8 ไม่ลังเลแต่อย่างใด พวกมันทั้งหมดฉีกห้วงมิติเพื่อสร้างประตูมิติขึ้น แล้วเดินทางข้ามระยะทางแสนไกลด้วยก้าว ๆ เดียว พวกมันได้จากไปจากเมืองแห่งเทพเจ้าแล้ว
ขออำลา จิตวิญญาณวัตถุเซียน ! ข้าหวังว่าเราจะไม่พบกันอีกในอนาคตนะ ! มังกรกัดฟันพูดต่อวัตถุเซียน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความเกลียดชังใด ๆ ต่อจิตวิญญาณวัตถุเซียนหลังจากที่ถูกขังอยู่เป็นพัน ๆ ปี อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจดีว่าจิตวิญญาณวัตถุเซียนเองก็ถูกจำกัดด้วยพันธสัญญาโบราณและตัวเองก็ต้องทุกข์ทรมานด้วยเช่นกัน
รุยจิน ในเวลานี้เจ้าเหนือหัวผู้นี้กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก ท่านจะพาเขาออกไปกับท่านได้หรือไม่ ? เสียงของจิตวิญญาณวัตถุเซียนปรากฏขึ้นในหัวของมังกร
เอาล่ะ ครั้งนี้ข้าจะช่วยเจ้า มังกรกัดฟัน หลังจากนั้นก็ตวัดมือของเขา พื้นที่ถูกก็ฉีกออกเพื่อสร้างประตูมิติ
ทันทีที่ประตูมิติปรากฏขึ้น เจี้ยนเฉินได้พบกับพลังอันทรงพลังที่ไม่สามารถต้านทานได้ ซึ่งผลักส่งเขาเข้าไปในประตูมิติ
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินหลบหนีไปได้ ผู้หญิงคนนั้นเริ่มหงุดหงิดทันที ในตอนที่นางต้องการตามไล่ตามเขา นางเห็นมังกรที่อยู่ในหางตาของนาง นางได้ยับยั้งแรงกระตุ้นในใจของนางทันที
หยางยู่เทียนคืนวัตถุเซียนให้กับเรา ประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ไม่อาจสงบได้ขณะเฝ้าดูเจี้ยนเฉินหายตัวไปในประตูมิติ วัตถุเซียนเป็นสมบัติของสมาคม มันเป็นสิ่งสำคัญมากและถ้าเขาสูญเสียวัตถุเซียนไป สมาคมจะไม่มีความหมายสำหรับการดำรงอยู่อีกต่อไป
เหตุผลที่ทำให้พวกเขาสามารถรวมตัวเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับสูงของทวีปได้ เนื่องจากสมาคมมีวัตถุเซียนซึ่งเป็นความลับในการเข้าถึงระดับ 7 ในเวลาเดียวกัน นี่คือเหตุผลที่พวกเขามีสถานะอย่างในปัจจุบัน
เฮยยู่ เราควรไปด้วยกันน่ะ หลังจากส่งเจี้ยนเฉินออกไปแล้ว มังกรก็ฉีกช่องว่างมิติออกอีกครั้งเพื่อสร้างประตูมิติ ก่อนที่จะเดินทางไปพร้อมกับจระเข้เทวะกลายพันธุ์
ในพริบตาสัตว์อสูรระดับ 8 นับสิบที่ออกมาจากวัตถุเซียนทั้งหมดก็ออกไป ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันไปที่ใดและแม้แต่เจี้ยนเฉินที่อยู่ท่ามกลางภัยพิบัติ ก็หลบหนีได้ภายใต้การช่วยเหลือของมังกรโดยการนำเอาวัตถุเซียนของสมาคมไปกับเขา
วัตถุเซียนที่ถูกนำพาไป ทำให้ทุกคนในสมาคมหน้ามืดครึ้ม แม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดซึ่งเดิมทีมองว่าเจี้ยนเฉินมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ก็ได้กลายเป็นน่าเกลียด เพราะว่าวัตถุเซียนนั้นมีความสำคัญมากเกินไปสำหรับสมาคม แน่นอนพวกเขาไม่สามารถสูญเสียมันไปได้