เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 796 รักษาขาที่หายไป
ตอนที่ 796 รักษาขาที่หายไป
“รักษาขาของข้า ? ” เจียงหยางหู่มองเจี้ยนเฉินอยู่ครู่หนึ่งก่อนยิ้ม “น้องชาย เจ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 แล้วหรือ ? ” สิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายตื่นเต้นมีความสุขขึ้นมาแม้แต่น้อย บางทีอาจเพราะความพิกลพิการไร้แขนขานั้นไม่ได้สำคัญอะไรนักอีกต่อไป
เจี้ยนเฉินส่ายหัวเบา ๆ “พี่ชาย แม้ตัวข้าในตอนนี้ยังไม่ถึงระดับ 7 แต่ข้าก็สามารถรักษาท่านได้ อย่าขยับตัว ข้าจะส่งท่านไปยังที่แห่งหนึ่ง ที่นั้นสามารถรักษาท่านได้” เจี้ยนเฉินผายมือ ก่อนที่หอคอยสีทองขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้น แสงสีข้าเปล่งประกายออกมาหุ้มตัวเจียงหยางหู่ก่อนจะหายไปพร้อมกัน
หลังจากนั้นร่างของเจี้ยนเฉินก็ถูกหุ้มด้วยแสงสีขาวนั้นแล้วหายเข้าไปในมิติภายในเช่นเดียวกัน เหลือเพียงหอคอยสีทองเล็ก ๆ ลอยอยู่ภายในห้อง
เหตุผลที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขั้น 7 สามารถทำให้ขางอกกลับมา หรือกระทั่งปลุกคนตายกลับมาได้นั้นเป็นเพราะพลังดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสง มีเพียงพลังดั้งเดิมเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้
แม้เจี้ยนเฉินจะยังไม่เข้าถึงระดับ 7 หรือมีพลังดั้งเดิม แต่เพราะมีวัตถุเซียนอยู่ในครอบครอง เพียงแค่พาพี่ชายเข้าไปภายในมิติของวัตถุเซียน พลังภายในนั้นสามารถเยียวยารักษาได้อย่างง่ายดาย
ภายในมิติลับ ห้องโถงที่ถูกทำลายยามพันธสัญญาโบราณถูกละเมิดปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ฉับพลันแสงสีขาวเจิดจ้าปรากฏขึ้นพร้อมกับเจียงหยางหู่บนรถเข็นอยู่ใจกลางห้องโถง
เจียงหยางหู่มองไปรอบ ๆ สถานที่อันแปลกตา แววตาเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัย ก่อนที่ทันจะได้ตรวจสอบโดยรอบอย่างละเอียด เจี้ยนเฉินในเสื้อคลุมนักสู้รัดรูปสีฟ้าก็ตามเข้ามาอยู่ข้าง ๆ กายพร้อมแสงสีขาวเจิดจ้าอีกระลอก
“น้องชาย นี่มันที่ไหนกัน ? ” เจียงหยางหู่ถามอย่างสงสัย
“พี่ชาย ที่นี่นั้นอยู่อีกมิติหนึ่ง มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่สามารถรักษาขาของท่านได้” เจี้ยนเฉินยิ้ม
“นายท่าน ! ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาข้าง ๆ จิตวิญญาณของวัตถุเซียนนั้นโผล่มาอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินราวกับภูติผีอย่างไร้ซุ่มเสียง
เจี้ยนเฉินมองไปที่จิตวิญญาณตนนั้นก่อนพูดขึ้น “จิตวิญญาณวัตถุเซียน อาการบาดเจ็บของพี่ข้าอยู่ในมือของเจ้าแล้ว”
“นายท่านไม่ต้องกังวลไป แม้พลังดั้งเดิมของข้าจะไม่สามารถมอบให้ท่านซึมซับได้ แต่หากใช้รักษาอาการบาดเจ็บนั้นไม่มีข้อจำกัดอันใด อีกอย่างพี่ชายของท่านไม่ได้แข็งแกร่งนัก แถมร่างกายก็ค่อนข้างเปราะบาง การรักษาพี่ชายท่านนั้น ใช้พลังของข้าเพียงน้อยนิดก็เพียงพอแล้ว” สิ้นคำจิตวิญญาณก็ชี้นิ้วออกมา สายพลังต้นกำเนิดค่อย ๆ รวมตัวกันพร้อมเปล่งแสงสีขาวระยิบระยับออกมา
“นี่มันพลังดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงหรือ ? ” เจี้ยนเฉินเพ่งตามองอย่างช่วยไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพลังดั้งเดิมด้วยตาของตัวเอง เขารู้สึกว่าพลังดั้งเดิมกับพลังเซียนธาตุแสงนั้นไม่ได้ต่างกันนักหากดูจากภายนอก แต่พลังดั้งเดิมกลับเต็มไปด้วยพลังชีวิตมากมายหลายเท่าหากนำมาเทียบกับพลังเซียนธาตุแสงที่เขามีอยู่
นี่มันความแตกต่างทางคุณภาพ ความแตกต่างระหว่างพลังทั้งสองอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากพลังดั้งเดิมเข้าไปภายในร่างของเจียงหยางหู่ แสงสีขาวก็ค่อย ๆ เปล่งประกายออกมาจากภายในร่างออกเจียงหยางหู่ ก่อนห่อหุ้มทั้งร่างอย่างมิดชิด
ตาของเจี้ยนเฉินเปล่งประกายอย่างสนอกสนใจ เขาจ้องมองร่างของเจียงหยางหู่ที่ถูกห่อหุ้มอยู่ไม่ละสายตาราวกับสามารถมองทะลุพลังดั้งเดิมที่ห่อหุ้มร่างนั้นอยู่ได้
ไม่นานนักร่องรอยแห่งความสุขค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน มือสองข้างกำแน่น เขาเห็นแขนขาทั้งสี่ข้างของพี่ชายค่อย ๆ งอกออกมาในระดับความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าเนื่องจากพลังดั้งเดิม
หลังจากผ่านไปราว 2 เค่อ แสงที่ห่อหุ้มร่างอยู่ค่อย ๆ กระจายออกไป เหลือเพียงแค่ร่างเจียงหยางหู่
ถึงแม้เจียงหยางหู่จะยังคงนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ขากางเกงและแขนเสื้อคู่นั้นกลับไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป แขนและขาคู่ใหม่งอกออกมาอย่างสมบูรณ์
แขนขาคู่ใหม่นั้นมีผิวเรียบลื่นราวกับผิวเด็ก ขนาดใหญ่ สมส่วนกับร่างบึกบึนของเจียงหยางหู่ ผิวของแขนขาทั้งสี่นั้นยังมีแสงสีขาวเปล่งประกายอยู่จาง ๆ มันเป็นพลังดั้งเดิมที่ยังคงตกค้างอยู่ภายในเล็กน้อย
พลังดั้งเดิมนี้จะตกค้างอยู่ภายในร่างกาย เจียงหยางหู่ไม่สามารถควบคุมหรือนำมันออกมาใช้ได้ แต่พลังนี้ก็ยังคงมีประโยชน์ในตัวอยู่ดี หากในอนาคตเขาบาดเจ็บสาหัส พลังตกค้างเหล่านี้จะกลายเป็นประโยชน์มหาศาล
เจียงหยางหู่ก้มมองดูแขนขาทั้งสี่ข้างของตน แต่ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นดีใจ กลับกันแววตาของเขากลับดูสับสนอยู่ในภายใน ก่อนที่จะลองลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แล้วค่อย ๆ เดินไปรอบ ๆ ห้องโถง ในที่สุดก็ถอนหายใจพลางเอ่ยออกมาเบา ๆ “รักษาได้เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยในอนาคตข้าก็สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคอยดูแล จากนี้คงสะดวกสบายขึ้นอีกเยอะ”
การที่ได้รับแขนขากลับมาอีกครั้งนั้นเป็นผลดีต่อชีวิตประจำวันของเจียงหยางหู่ แต่นั่นก็คือทั้งหมดแล้วในมุมมองของเจียงหยางหู่
“พี่ชาย ท่านยังสามารถกลับมาฝึกฝนได้อีกครั้งต่อจากนี้ไปนะ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น เขาดูว่าพี่ชายของตนรู้สึกอะไรอยู่ไม่ออกจากท่าทางนิ่งเฉยของเจียงหยางหู่
เจียงหยางหู่ส่ายหัวเบา ๆ “ไม่ ข้าไม่หวังจะฝึกฝนเดินเส้นทางสายนี้อีกต่อไปในอนาคต น้องชายเอ๋ย ข้าเห็นอะไรมากมายในช่วงที่ผ่านมา ในมุมมองพี่ชายคนนี้ของเจ้า ต่อให้นักสู้จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถมีความสุขที่แท้จริงได้เท่าคนธรรมดาสามัญ อีกอย่าง ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วเจ้าต่างอันใดกับคนธรรมดาเดินดินกันเล่า ? ท้ายที่สุดทุกอย่างก็กลายเป็นเถ้าธุลี กระจายไปพร้อมสายลม จางหายอันตรธานไปตลอดกาล แม้กระทั่งสี่สุดยอดจอมยุทธโบราณก็ไม่สามารถหลีกหนีการกัดกร่อนของเวลาไปได้ ท้ายที่สุดก็กระจายหายไปราวเถ้าธุลี”
เจี้ยนเฉินลอบถอนหายใจ เขารู้ดีว่าพี่ชายของตนคนนี้มีโอกาสได้รับผลกระทบภายในจิตใจมากกว่าบาดแผลภายนอก บางทีเจียงหยางหู่ที่อยู่เบื้องหน้าตรงนี้ อาจจะไม่ใช่พี่ชายคนเดิมที่เรียนมาด้วยกันยามอยู่ที่สำนักคากัตด้วยซ้ำ
แขนขาของพี่ชายหายดีแล้ว นี่สมควรเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่การที่เจียงหยางหู่เป็นเช่นนี้ เจี้ยนเฉินกลับไม่รู้สึกมีความสุขแม้แต่น้อย
เจี้ยนเฉินหันไปหาจิตวิญญาณ “จิตวิญญาณวัตถุเซียน เจ้าชุบชีวิตคนได้หรือไม่ ? “
“นายท่าน ข้าทำได้มากที่สุดก็สร้างแขนขาใหม่ การคืนชีพคนตายนั้นไม่ใช่สิ่งที่จิตวิญญาณเช่นข้าจะทำได้ นั้นเพราะเคล็ดวิชาควบคุมวิญญาณทั้งหมด 3 อย่างเป็นสิ่งจำเป็นในการคืนชีพคน การจะคืนชีพคนตายได้นั้น ต้องใช้เคล็ดวิชารวบรวมเศษเสี้ยววิญญาณ ฟื้นฟูวิญญาณ หลอมรวมวิญญาณ ด้วยพลังดั้งเดิม ก่อนจะส่งวิญญาณนั้นกลับเข้าร่าง นี้คือวิธีฟื้นคืนชีพคนตาย” จิตวิญญาณวัตถุเซียนค่อย ๆ อธิบาย
หลังจากได้ฟัง คิ้วของเจี้ยนเฉินขมวดเป็นปมเล็กน้อย เขาอยู่ในสมาคมมาพักใหญ่แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเคล็ดความคุมวิญญาณ 3 อย่างนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการชุบชีวิตคนตาย
“เจ้าเองก็ไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาเหล่านี้ได้รึ ? ด้วยความสามารถระดับเจ้ายังไม่สามารถเชียวรึ ? ” เจี้ยนเฉินถามอีกครั้ง
จิตวิญญาณทำสีหน้าขมขื่นพร้อมยิ้มเจื่อน ๆ “นายท่าน จะฝึกฝนเคล็ดวิชาเหล่านี้ได้ ผู้ฝึกจำเป็นต้องมีวิญญาณ ตัวข้านั้นเป็นเพียงจิดวิญญาณของวัตถุเซียน ไร้ซึ่งวิญญาณที่แท้จริง ข้าจึงไม่สามารถใช้มันได้”
“แต่อย่างน้อยข้าก็รู้เคล็ดวิชาทั้งสามนี้ แต่มีเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ที่มีพลังดั้งเดิมเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้ หลังจากที่นายท่านขึ้นถึงระดับ 7 ข้าจะเป็นคนมอบเคล็ดวิชาให้ท่านเอง”
ความผิดหวังปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเจี้ยนเฉินวูบหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าจะใช้พลังของวัตถุเซียนช่วยคืนชีพพ่อและแม่ของตน แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าต้องสำเร็จเคล็ดวิชาควบคุมวิญญาณ 3 อย่างก่อนที่จะสามารถชุบชีวิตได้
“เอาเถอะ เรื่องชุบชีวิตท่านพ่อท่านแม่คงต้องพักไว้เสียก่อน” เจี้ยนเฉินคิดภายในใจก่อนพาพี่ชายออกมาจากมิติภายในกลับมายังตึกเล็ก ๆ เงียบเหงาอีกครา
ทั้งสองพูดคุยกันร่วม 1 ชั่วยามก่อนที่เจี้ยนเฉินจากบอกลา ตลอดเวลาที่พูดคุยกันเจียงหยางหู่ไม่ถามเกี่ยวกับวัตถุเซียนแม้แต่น้อย บางทีบางอย่างไม่อาจทำให้เขาสงสัย หรือไม่อยากถามเสียมากกว่า
หลังจากเจี้ยนเฉินแวะไปเยี่ยมป้าใหญ่ หลิงหลง ป้ารอง หยูเฟิงหยาน ก่อนจะกล่าวลาจากมา
ครึ่งชั่วยามถัดมาเจี้ยนเฉินก็มาถึงโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งใจกลางเมือง แม้ที่แห่งนี้จะเปิดมาเพียงไม่กี่ปี แต่ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุด หรูหราที่สุดของเมือง รวมทั้งยังเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของเมืองเช่นเดียวกัน ไม่มีใครในอาณาจักร ไม่ใช่แค่เพียงคนทั่วไป ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่โตแค่ไหน กล้าที่จะก่อเรื่องสร้างปัญหาภายในโรงเตี๊ยม
นั่นเพราะทุกคนรู้ดีว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมนั้นมีความสัมพันธ์ค่อนข้างลึกซึ้งกับตระกูลอันดับหนึ่งของอาณาจักร ตระกูลเจียงหยาง แถมความสัมพันธ์กับนายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยางก็นับเป็นอีกหนึ่ง หากใครกล้าดูหมิ่นหรือสบประมาทนาง ก็นับเป็นการดูหมิ่นเจียงหยางเซียงเทียนทางอ้อมเช่นเดียวกัน
เพราะเหตุนั้นเองโรงเตี๊ยมแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแม้จะเพิ่งก่อตั้งมาไม่กี่ปี แม้กระทั่งทหารรับจ้างหรือพ่อค้ายังรักษามารยาท เก็บความถือดีเอาไว้ภายใน ไม่กล้าทำตัวเกินเลยยามอยู่ภายในโรงเตี๊ยม
เจี้ยนเฉินเจอเจ้าของโรงเตี๊ยมกับอาซันที่ไม่ได้พบกันมานาน ก่อนจะแยกออกมาหลังจากพูดคุยตามมารยาทอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากออกมาจากโรงเตี๊ยม เจี้ยนเฉินเดินทางออกจากเมืองทันที ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาในหัว “จัดการธุระทุกอย่างที่บ้านเจ้าเรียบร้อยแล้วหรือยัง ? “
“ข้าจัดการทุกอย่างแล้ว แต่ยังต้องไปที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเสียก่อน” เจี้ยนเฉินพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งกว่าปกติ
“ข้าจะพาเจ้าไปที่นั้นเอง จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในวันนี้ ข้าต้องส่งเจ้าออกนอกทวีปภายในวันนี้ เกรงว่าหากปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป สถานการณ์จะกลับกลายเป็นเลวร้ายลงสำหรับเจ้า ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบมีรากฐานมั่นคงมายาวนานนัก ต่อให้เจ้าจะหลบซ่อนตัวในยามนี้ แต่มันก็เพียงชั่วคราว จะทำเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้ ยามใดที่พวกมันใช้เคล็ดวิชาลับจากบรรพกาล ต่อให้เจ้าจะไปหลบซ่อนที่ใดก็ไร้ผล” จากนั้นเทียนเจี้ยนก็ผ่ามิติออกมาดึงตัวเจี้ยนเฉินไป