เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 805 การชุมนุมที่คฤหาสน์เจียงหยาง 5
ตอนที่ 805 การชุมนุมที่คฤหาสน์เจียงหยาง 5
น้ำตาค่อยไหลรินออกมาจากดวงตาของเจียงหยางซูอวี้หยวน นางพึมพำเสียงสะอื้น “คงเอ๋อ คงเอ๋อ ลูกอยู่ที่ไหนกัน? รู้ไหมว่าแม่คิดถึงเจ้ามากแค่ไหน?” เสียงของเจียงหยางซูอวี้หยวนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เจียงหยางซูหยุนคงเป็นลูกชายคนเดียว จนถึงป่านนี้นางร้องไห้เพราะเรื่องนี้ไปมากมายถึงเพียงไหนก็ไม่รู้ เรื่องลูกชายทำให้ความสามารถของนางหยุดชะงักอยู่ที่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ไม่สามารถตัดผ่านไปได้มาโดยตลอดหลายร้อยปี
นั่นเพราะเรื่องของลูกชายทำให้กลายเป็นกำแพงภายในจิตใจ กำแพงที่สูงชันเกินกว่าที่จะข้ามผ่านไปได้ หากนางไม่สามารถข้ามไปเป็นเซียนราชาได้ อายุขัยของนางจะอยู่ที่ 3,000 ปีเท่านั้น
เจียงหยางซูหยวนเซียวลงมาอยู่เคียงข้างเจียงหยางซูอวี้หยวน เขาเองก็เสียใจไม่ต่างจากภรรยา ยิ่งเห็นสภาพของภรรยาตัวเองเป็นเช่นนี้ เขาอดลอบถอนใจออกมาลับ ๆ ไม่ได้ แล้วจึงปลอบใจ “อวี้หยวนอย่าเสียใจไปเลย ข้าเชื่อว่าวันหนึ่งเราต้องได้เจอคงเอ๋ออีกครั้ง คงเอ๋อสร้างตระกูลเจียงหยางนี้ขึ้นมาไม่เห็นหรือ ? วันหนึ่งลูกของเราต้องกลับมาแน่”
“ผู้อาวุโสเจียงหยางซูหยวนเซียว นั้นหมายความว่าเจี้ยนเฉินเองก็เป็นคนในตระกูลเจียงหยางงั้นหรือ ? ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากท้องฟ้า ประธานจากสมาคมพูดขึ้นมาพร้อมจ้องมองสองสามีภรรยา แววตาราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“เจี้ยนเฉิน ? ” เจียงหยางซูหยวนเซียวพึมพำ แววตาดูลังเล เขาไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินเพราะไม่ได้เข้าประชุมผู้อาวุโส แต่กลับเร่งออกมาตามหาเจียงหวูจี่เสียก่อน
“นายท่านผู้เฒ่า เจี้ยนเฉินนั้นเดิมชื่อเจียงหยางเซียงเทียน เป็นนายน้อยสี่ของตระกูล เป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนในทวีป นายน้อยอายุเพียง 24 ปีในปีนี้ แต่ได้เป็นถึงเซียนผู้คุมกฎ” เจียงหวูจี่รีบอธิบาย
ดวงตาของเจียงหยางซูหยวนเซียวกระพริบไปวูบหนึ่ง ก่อนพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าไม่เชื่อถือ “เป็นเซียนผู้คุมกฎด้วยอายุเพียง 24 ปี ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ” คำพูดของลุงเจียงทำให้เจียงหยางซูหยุนเซียวตกใจเป็นอย่างมาก อายุน้อยถึงเพียงนั้นแต่กลับเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎนั้นไม่ใช่แค่อัจฉริยะธรรมดา ในประวัติศาสตร์ของทวีปเทียนหยวน เหตุการณ์นี้ไม่เคยมีมาก่อน
ประธานพูดต่อ “ผู้อาวุโสเจียงหยางซูหยวนเซียว เจี้ยนเฉินนั้นได้นำวัตถุเซียนที่อยู่คู่สมาคมของเรามาเนิ่นนานไป ที่เรามาครั้งนี้ก็เพียงเพื่อมาทวงคืนไม่มีจุดประสงค์อื่น ข้าหวังว่าเมื่อเจี้ยนเฉินกลับมา เขาจะนำสมบัติไปส่งคืนให้เรา” หลังจากนั้นประธานหยุดพูดไปครู่ใหญ่ หลังจากลังเลเล็กน้อย จึงพูดต่อ “ตามที่ข้าทราบมา พยัคฆ์ปีกเทวะเองนั้นก็อยู่กับเจี้ยนเฉิน”
ทันทีที่ได้ยิน เจียงหยางซูหยวนเซียวไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นได้อีกต่อไป “อะไรนะ ? พยัคฆ์ปีกเทวะอยู่กับเจี้ยนเฉิน” ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เจี้ยนเฉินเป็นคนของตระกูลเจียงหยาง ในเมื่อมันติดตามเจี้ยนเฉินเช่นนี้ ไม่เท่ากับว่าพยัคฆ์อีกเทวะอยู่ในมือของตระกูลเจียงหยางแล้วหรือ ? นี่ถือเป็นข่าวสำคัญสำหรับตระกูลเจียงหยาง
เจียงหยางซูอวี้หยวนเองก็หยุดเศร้าโศกกลายเป็นตกใจแทน สิบตระกูลผู้พิทักษ์ทุ่มกำลังตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะทั่วทั้งทวีป แต่กลายเป็นว่ามันอยู่กับคนในตระกูลเจียงหยางแทน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับตระกูล
เหล่าสมาชิกตระกูลรวมไปถึงทหารยามที่อยู่ตรงนั้นเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน หลายวันที่ผ่านมาข่าวเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะกระจายไปทั่วทั้งอาณาจักร แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าพยัคฆ์ที่ว่านั้นจะอยู่ในมือนายน้อยของตระกูล เจียงหยางเซียงเทียน
ทันใดนั้นเองมิติเหนือตระกูลเจียงหยางสั่นไหวอย่างรุนแรง ประตูมิติก่อตัวอย่างรวดเร็ว ร่างหลายร่างพุ่งตรงออกตาม ๆ กันมา ภายในพริบตาเดียวคนจำนวนมากใส่ชุดแบบเดียวกันลอยตัวอยู่เหนือคฤหาสน์ แม้จะไม่มีพลังแพร่กระจายออกมา แต่การที่ทั้งหมดยืนลอยตัวอยู่กลางอากาศโดยไม่ยืมพลังฟ้าดินมาใช้ ก็แสดงให้เห็นว่าทั้งหมดนั้นอย่างน้อยเป็นเซียนผู้คุมกฎ
แววตาของเจียงหยางซูหยุนเซียวค่อย ๆ เปลี่ยนไป หลังจากมองสำรวจกลุ่มคนที่พึ่งมาถึง ก่อนที่แววตาจะกลายเป็นดุดันในท้ายที่สุด “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคนจากนิกายหยางจิจะมาปรากฏตัวที่นี่” เจียงหยางซูหยวนเซียวรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของทั้งสิบตระกูลผู้พิทักษ์เนื่องจากสถานะของเขา เพียงแค่ปรายตาดู ก็พอจะรู้ว่านิกายหยางจิส่งกำลังหลักทั้งหมดมา นอกจากการรุกรานจากทวีปสัตว์เทวะแล้ว ก็มีเพียงเรื่องของพยัคฆ์ปีกเทวะเท่านั้นที่สำคัญพอให้ส่งคนทั้งหมดนี้ออกมา
“ข้าเองก็ไม่เคยคิดเช่นกันว่าหนึ่งในเจ็ดผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเจียงหยาง เจียงหยางซูหยวนเซียวจะอยู่ที่นี่ ยินดีที่ได้พบ” ชายแก่คนหนึ่งพูดยิ้ม ๆ พร้อมมองเจียงหยางซูหยุนเซียว
เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดประจำนิกายหยางจิ ชื่อซุนหยางซี เป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดและมีอำนาจมากที่สุดในนิกาย
ชายตัวใหญ่อีกคนเดินมายืนเคียงข้างชุนหยางซี พร้อมมองตรงไปยังเจียงหยางซูหยวนเซียว แล้วพูดขึ้น “เจียงหยางซูหยุนเซียว เจ้าเองก็มาเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะเรอะ ? “
ครั้งนี้เจียงหยางซูหยุนเซียวเชื่อคำพูดของประธานอย่างสนิทใจ พยัคฆ์ปีกเทวะอยู่กับคนในตระกูลเจียงหยางจริง ๆ
หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่เจียงหยางซูหยวนเซียวก็พูดขึ้น “ที่นี่เป็นตระกูลสาขาของตระกูลเจียงหยางของข้า ข้าหวังสหายจากนิกายหยางจิจะไม่เข้ามาแทรกแซงเรื่องภายในของเรานะ”
“ฮี่ฮี่ แน่นอนเราไม่ขอเข้าไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย สาเหตุหลักที่เรามาครานี้ คือ เจี้ยนเฉิน หรือที่มีอีกชื่อว่าเจียงหยางเซียงเทียน มันไปทำลายสาขานิกายของเรา โทษนี้ไม่สามารถละเว้นได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเกียรติยศของสำนักเราจะยังมีอยู่อีกหรือ ? ” ชุนหยางซียิ้ม
เจียงหยางซูหยวนเซียวขมวดคิ้ว “เจียงหยางเซียงเทียนเป็นสมาชิกตระกูลเจียงหยางของข้า พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์จับกุมตัว”
“พี่หยวนเซียวต้องล้อเล่นเป็นแน่ ตระกูลเจียงหยางของท่านมีเพียง 3 สาขา ซู หยุน ชิงไม่มีสาขาเซียง เจียงหยางเซียงเทียนจะเป็นคนในตระกูลท่านได้ยังไงกัน ? ชื่อของมันไม่มีคำว่า ซู หยวน ชิง ด้วยซ้ำ จะเป็นไปได้ยังไงที่มันเป็นหนึ่งในตระกูลผู้พิทักษ์ ? ” ชุนหยางซียังคงยิ้ม ในขณะเดียวกันก็ใช้ทักษะลับตามหาตัวเจี้ยนเฉินไปพร้อม ๆ กัน แต่หลังจากตามหาทั่วทั้งอาณาจักรก็ยังไม่พบเซียนผู้คุมกฏคนไหนนอกจากที่รวมตัวกันอยู่ที่คฤหาสน์
“บางทีเจี้ยนเฉินอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ ? หรือว่ามันใช้ทักษะลับซ่อนตัวอยู่ ? มันหลบการค้นหาของข้าไปได้ยังไงกัน ? ” ซุนหยางซีคิดพร้อมสะบัดมือ “จับตัวคนที่ใกล้ชิดกับเจี้ยนเฉินกลับไปที่นิกาย ข้าต้องการคำอธิบายที่มันกล้ามาทำลายสาขานิกายของเรา”
“ข้าอยากรู้ว่าใครมันจะกล้าดี” เจียงหยางซูหยวนเซียวคำราม ก่อนพุ่งตัวขึ้นไปเผชิญหน้ากับเหล่าคนจากนิกายหยางจิ พลังปะทุออกมาจากร่างอย่างควบคุมไม่ได้
ชุนหยางซีมีท่าทีเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย เขาเองเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมา “เจียงหยางซูหยวนเซียว เจ้าจะเปิดสงครามกับนิกายหยางจิของข้างั้นรึ ? “
“ตระกูลเจียงหยางนี้ ลูกชายข้า เจียงหยางซูหยุนคง เป็นคนก่อตั้งขึ้น คนในตระกูลนี้นับเป็นคนในตระกูลเจียงหยาง เจ้าไม่มีสิทธิ์จับใครทั้งนั้น หากยังกล้าก็ลองดู” เจียงหยางซูหยวนเซียวพูดพร้อมเร่งพลังของตัวเองขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“เจียงหยางชิงหยุนไม่อยู่ที่นี่ เจ้าไม่ใช่คู่มือข้าหรอก” ชุนหยางซีพูดเสียงเย็นเยียบ สำหรับพยัคฆ์ปีกเทวะ เขาไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือเป็นอันขาด
ทันใดนั้นเอง มิติรอบข้างสั่นสะเทือนอีกครั้ง ก่อนที่ประตูมิติจำนวนมากจะเปิดออก ผู้คนมากมายสวมชุดแตกต่างกันไปทยอยกันออกมาไม่ขาดสาย
ยามนี้ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบต่างรวมตัวกันที่นี่หมดแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดอีก 6 คนของตระกูลเจียงหยางเองก็มาพร้อมเซียนคุมกฏอีกจำนวนมาก
ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบส่งทุกอย่างที่มีออกมาในครานี้ เหตุผลหนึ่งคือเพื่อใช้พลังในการแย่งชิงพยัคฆ์ปีกเทวะจากตระกูลอื่น ๆ อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้ยอดฝีมือจากทวีปสัตว์เทวะบุกเข้ามาแย่งชิงพยัคฆ์ปีกเทวะหลังจากที่พบ
ทำให้กองกำลังของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบไม่ด้อยไปกว่ายามต่อต้านทวีปสัตว์เทวะก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
“หยวนเซียว อวี้หยวน ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้ ? ” ในบรรดากองกำลังตระกูลเจียงหยาง ชายแก่คนหนึ่งเห็นสองสามีภรรยา จึงถามอย่างแปลกใจ
เจียงหยางซูหยวนเซียวแสดงท่าทีเคารพนบนอบออกมาทันที ชายแก่คนนี้เป็นสมาชิกที่อาวุโสที่สุดของสาขาซู และเป็นทวดของเจียงหยางซูหยวนเซียว เจียงหยางซูเซียว
“เรียนท่านทวด ตระกูลเจียงหยางนี้ไม่ได้บังเอิญใช้แซ่เดียวกับเรา ตระกูลนี้คงเอ๋อเป็นคนก่อตั้งขึ้นมา” เจียงหยางซูหยวนเซียวพูดขึ้น เขารู้ดีว่าสิบตระกูลผู้พิทักษ์มาครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญเป็นแน่ ต่อให้ไม่รู้รายละเอียดแน่ชัด แต่หากจะปกป้องตระกูลที่ลูกชายสร้างขึ้นมา เขาทำได้เพียงพูดถึงต้นกำเนิดของตระกูลออกมาแค่นั้น
“อะไรนะ ? เจ้าหนูนั่น คงเอ๋อสร้างตระกูลอยู่ที่โลกภายนอกงั้นรึ ? ” เจียงหยางซูเซียวแปลกใจไม่น้อย ก่อนที่จะเดินทางมาตระกูลเจียงหยางแห่งเมืองลอร์ เขาคิดว่าเป็นแค่ตระกูลที่แซ่เหมือนกันเลยไม่ได้ใส่ใจ
หลังจากนั้น เจียงหยางซูเซียวเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างจึงรีบถาม “หยวนเซียว เจี้ยนเฉินเป็นใครกันแน่ ? “
“เรียนท่านทวด เจี้ยนเฉินเดิมชื่อเจียงหยางเซียงเทียน เป็นคนในตระกูลเจียงหยาง” เจียงหยางซูหยวนเซียวตอบ
ทุกคนจากตระกูลเจียงหยางต่างตกตะลึง ก่อนที่จะมีใครอดพูดออกมาไม่ได้เบา ๆ “เจียงหยางเซียงเทียนที่แท้เป็นคนในตระกูลเจียงหยางของเรา เช่นนั้นไม่ใช่ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะเป็นของสมาชิกรุ่นเยาว์ตระกูลเราหรอกหรือ ? “
ผู้อาวุโสสูงสุดต่างหันมามองหน้ากันเอง ข่าวนี้เป็นข่าวสำคัญมากสำหรับตระกูล ไม่เคยมีใครคิดเลยว่าพยัคฆ์ปีกเทวะที่ตามหากันอย่างยากลำบากจะอยู่กับสมาชิกในตระกูลของตัวเอง