เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 811: นายหญิงของเกาะสามเซียน
ตอนที่ 811: นายหญิงของเกาะสามเซียน
เสียงเพลงจากพิณยังคงดังอยู่ ดนตรีนั้นอ่อนโยน เหมือนกับว่ามันเปลี่ยนกฎของโลกได้ แต่ในรูปแบบของเสียง มันเหมือนกำลังใช้วิธีการพิเศษในการควบคุมกฎ และบังคับให้มันเปลี่ยนไปเป็นกฎของตัวเอง ทำให้ทั้งบริเวณเป็นอาณาเขตของตนเอง
ทั้งเจี้ยนเฉินและนูบิสหน้าตาบูดบึ้ง พวกเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีคราม กฎของธรรมชาติถูกเปลี่ยนจากเสียงของพิณ ความสามารถนี้น่าเหลือเชื่อสำหรับพวกเขาทั้งสอง
บุคคลลึกลับที่เล่นพิณมีระดับความเข้าใจในพิณอย่างน่ากลัว
ความลึกลับของโลกถูกทำให้หยุดด้วยกฎที่เปลี่ยนไป พวกมันหยุดซักพักก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะถูกส่งออกนอกเขตไป ความลึกลับของโลกหายไปท่ามกลางความปั่นป่วนของท้องฟ้า
ในพริบตาเดียว สิ่งลึกลับที่เซียนผู้คุมกฎทั้งสามคนยังยากที่จะจัดการด้วย ได้ถูกทำให้สลายไปโดยง่ายจากเสีงเพลงของคนที่มองไม่เห็น
หญิงในชุดสีม่วงเดินมาอย่างช้า ๆ และนุ่มนวลจากที่ไกลไกล นางตัวสูงและผมมีสีดำวาวที่ยาวประลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ ผมนั้นวาวจนใช้ต่างกระจกได้ ใบหน้าของนางมีผ้าคลุมบังหน้าไว้เหลือให้เห็นแต่ดวงตาที่สดใสของนาง ตาของนางนั้นสดใสเป็นประกายและมีเสน่ห์ นิ้วที่สวยงามของนางละเอียดอ่อนดังหยกที่สัมผัสไปที่พิณด้วยความรัก ข้อมือหยกของนางที่สามารถจับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวนั้นนุ่มนวลมาก และในขณะที่นางเดินมา นางก็บิดตัวอย่างอ่อนโยนเหมือนงูที่สวยงาม
หญิงนั้นมีกลิ่นกายสวรรค์ไหลออกมา นางนั้นศักดิ์สิทธิ์เหมือนนางฟ้าจากอีกโลก หรือแม้แต่เหมือนกับเทพเจ้าที่ลงมาสู่โลกมนุษย์จากสวรรค์ชั้นเก้า เห็นได้ชัดว่านางนั้นแตกต่างอย่างมากจากหญิงธรรมดา แม้ว่ารูปลักษณ์ของนางจะถูกปิดบังไว้ แต่มันก็ไม่ยากที่จะจิตนาการว่านางงดงามเพียงใด นางดูเหมือนเกิดมาจากโลกที่ถูกเอาใจใส่อย่างรักใคร่จากสวรรค์ และนางไม่มีที่ติ
“ปีศาจ ปีศาจ นี้ต้องเป็นปีศาจแน่ ปีศาจที่น่ากลัว” หน้าของนูบิสถอดสี เขาอดไม่ได้ที่จะถอยไปยืนด้านหลังเจี้ยนเฉิน เขารู้สึกกลัวผู้หญิงคนนี้เข้าไปในส่วนลึกของวิญญาณ นี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ต่อหน้าเซียนราชาก็ตาม
นี่ไม่ใช่เพราะว่าความแข็งแกร่งของหญิงคนนี้นั้นน่ากลัวมาก แต่เป็นเพราะการมีอยู่และความสามารถที่นางใช้นั้นเป็นเทวทัณฑ์สำหรับพวกสัตว์อสูร นางใช้พิณเพื่อควบคุมทุกอย่างรอบ ๆ และทำให้ศัตรูบาดเจ็บ ความสามารถของนางในพิณนั้นอยู่ในระดับที่น่าตกใจ ในขณะเดียวกัน แม้ว่าสัตว์อสูรจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มากในการต่อสู้ แต่วิญญาณก็ยังเป็นจุดอ่อนของพวกนั้น
“ข้าขาคารวะท่านอาจารย์ ! ” หญิงทั้งสองนางทักทายหญิงเสื้อม่วงที่ถือพิณอยู่ในมืออย่างอ่อนน้อม ไม่เพียงแต่นางจะเป็นนายหญิงของเกาะสามเซียนเท่านั้น นางยังเป็นอาจารย์ของหญิงทั้งสองอีกด้วย
เจี้ยนเฉินสังเกตไปที่หญิงในชุดม่วง ตาของเขาหรี่ลงแคบ และเขาร้องออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “เซียนพิณ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ! “
หญิงนี่คือหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ที่เจี้ยนเฉินเคยพบที่เมืองทหารรับจ้าง
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ยืนอยู่กลางอากาศพร้อมกับพิณ ในขณะที่ตาที่มีเสน่ห์ของนางเป็นประกายไปด้วยไฟหลากสี นางเลื่อนสายตาของนางออกมาเล็กน้อยและมองไปที่เจี้ยนเฉินที่อยู่ไกล ๆ ทันใดนั้นเอง สายตาที่ไม่ใส่ใจอะไรของนางก็เป็นประกาย นางเอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า “ข้าคิดว่า ข้าเคยพบเจ้ามาก่อน เจ้าคือเจี้ยนเฉิน ราชาคนล่าสุดของเมืองทหารรับจ้างใช่หรือไม่ ? “
เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั้นอ่อนโยนมาก เหมือนเสียงที่น่าพึงพอใจที่สุดในโลก แต่ก็ยังแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่จับใจ นางสามารถทำให้อารมณ์ของผู้คนได้รับผลกระทบเพียงเพราะแค่เสียงของนาง
“ปีศาจ ปีศาจ นี่คือปีศาจจริง ๆ เจ้าทำให้คนหลงเสน่ห์เพียงแค่พูดออกมา” นูบิสซ่อนอยู่ด้านหลังเจี้ยนเฉิน และร้องออกมาในขณะที่ความกลัวปรากฏลึกอยู่ในดวงตาของเขา ในไม่กี่วินาที เลือดในกายของเขาก็สูบฉีดเร็วขึ้นและเขาแม้แต่สูญเสียความรู้สึกที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
อารมณ์ของเจี้ยนเฉินนั้นอ่อนไหวเล็กน้อยจากเสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ด้วยความตั้งใจจริงที่แน่วแน่ของเขา มันจึงไม่ได้มีผลกับเขามากนัก เขามองไปที่หญิงนั่นด้วยสายตาแปลก ๆ และป้องมือออกมา “ข้าน้อยคือเจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดมาก่อนว่าท่านจะจำมันได้ มันเป็นเกียรติสำหรับข้าจริง ๆ “
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จ้องมองเจี้ยนเฉินตาไม่กระพริบด้วยตาที่งดงามของนางสักพัก ก่อนที่จะถอนหายใจเบา ๆ ออกมา นางพูด “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าผ่ายไปเพียงไม่กี่ปี เจ้าจะกลายเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว”
“ข้าน้อยโชคดีและกลายเป็นเซียนผู้คุมกฎไวกว่าคนอื่นเล็กน้อย มันไม่ได้สำคัญอะไรเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับท่านแล้วข้าน้อยก็เหมือนหิ่งห้อยที่พยายามที่จะส่องแสงให้เหมือนดวงจันทร์”
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่ได้สนใจที่เจี้ยนเฉินต่อ นางมองไปที่ลูกศิษย์และพูดเบา ๆ “เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเยี่ย เจ้าควรที่จะไปดูสถานการณ์ของเขา”
“คะ ท่านอาจารย์ ! ” หญิงทั้งสองตอบอย่างนอบน้อมก่อนที่บินไปที่ถ้ำพร้อมกันและหายไปในนั้น
ตาของเจี้ยนเฉินมองตามลูกศิษย์ทั้งสองคนนั้นในขณะที่พวกนางเคลื่อนไหว และมองพวกนางหายไปในถ้ำมืดไกล ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยและถาม “ท่าน ใครคือคนที่อยู่ในถ้ำนั้นหรือ ? ทำไมท่านจึงต้องหยุดเขาจากการที่จะเป็นเซียนผู้คุมกฎ ? “
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่ถ้ำที่อยู่ไกล และมองอยู่นานและนางก็พูดออกมาอย่างช้า ๆ ในที่สุด “เขาคือผู้สืบทอดที่ถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ จิตใจของเขาถูกผนึกที่ทรงพลังมาก ๆ ผนึกอยู่ ซึ่งได้ผนึกความสามารถและป้องกันไม่ให้เขากลายเป็นเซียนผู้คุมกฎ ถ้าความลึกลับของโลกได้ลงมา มันจะกระตุ้นให้ผนึกในจิตใจของเขาทำงานและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสนามรบ เขาจะได้รับผลกระทบจากคลื่นพลังและจะทำให้วิญญาณของเขาถูกกำจัดไปในท้ายที่สุด มันจะหายไปตลอดกาล แม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ก็ไม่มีพลังที่จะชุบชีวิตเขาขึ้นมาได้”
“ผู้สืบทอดที่มาจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ ? ” เจี้ยนเฉินทวนคำพูดเบา ๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นไม่นาน สายตาของเขาก็เย็นชา เขาไม่สามารถที่จะลืมได้ว่าในตอนนี้เขาได้หนีออกมาจากทวีปเทียนหยวนเพราะการไล่ล่าของตระกูลทั้งสิบนั้น
“ท่านรู้เกี่ยวกับตระกูลผู้พิทักษ์มากแค่ไหน ? ท่านสามารถที่จะบอกข้าน้อยได้หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเรียบ ๆ และพูด “ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ เจ้าควรจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบนั้นเป็นองค์กรที่ทรงพลังมากที่สุดบนทวีป นอกเหนือจากเมืองทหารรับจ้าง พวกเขามีอยู่มานานมากแล้ว และนานมากก่อนที่โมเทียนหยุนจะออกมาปรากฏตัวในครั้งโบราณกาลเสียอีก ในตระกูลทั้งสิบนั้น มีสี่นิกาย สามสำนัก อีกสองคือตระกูล และอีกหนึ่งในนั้นคืออาราม นิกายทั้งสี่คือ นิกายโพเทียน นิกายเฉินเซียว นิกายหยางจิ นิกายยิหยวน”
“นิกายหยางจิ ! ข้าไม่เคยคอกมาก่อนเลยว่าเขาคือตระกูลผู้พิทักษ์ ! ” เจี้ยนเฉินพึมพำออกมาอย่างเสียงแหบห้าว เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสำนักเล็กเล็กที่เขากำจัดไปในอดีตที่อาณาจักรฉินกาน
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดต่อ “สำนักทั้งสามนั้นคือ สำนักธูปสวรรค์ สำนักดาบทรราช และสำนักเลือดเย็น ในขณะที่สองตระกูลและอารามที่เหลือคือตระกูลเจียงหยาง ตระกูลโม่หยุน และอารามจิตพิสุทธิ์ ตามลำดับ”
“ตระกูลเจียงหยาง ! ” ทันทีที่เขาได้ยินชื่อนี้ เจี้ยนเฉินก็สะดุ้ง เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงตระกูลเจียงหยางในเมืองลอร์ อย่างไรก็ตาม เขาก็หัวเราะกับตัวเองหลังจากนั้น ตระกูลเจียงหยางนั้นเป็นตระกูลเล็ก ๆ ในเมืองลอร์ คนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นคือลุงเจียงที่เป็นเซียนสวรรค์เท่านั้น ความห่างชั้นยังมากนักเมื่อเทียบกับตระกูลเจียงหยาง
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงความบังเอิญเสียมากกว่า ถ้าตระกูลเจียงหยางของเมืองลอร์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบจริง ทำไมพวกเขาถึงได้ถูดกดดันจากสำนักในระดับแค่สำนักหัวหยุนล่ะ ? ” เจี้ยนเฉินคิด อย่างไรก็ตาม เขาดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก และสายตาของเขาก็เป็นประกายทันที “เดี๋ยวก่อน ผู้สืบทอดที่ถูกขับออกมาจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ”
ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปหลายครั้งก่อนที่จะถามออกมา “ท่าน ชื่อของคนที่ถูกขับออกมาจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบคืออะไรหรือ ? “
“ชื่อของเขาคือ เจียงหยาง ซู หยุนคง” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ตอบกลับอย่างนุ่มนวล
“เจียงหยาง ซู หยุนคง บางทีเขาอาจจะเป็นสมาชิกของตระกูลเจียงหยางด้วยหรือเปล่า ? บรรพชนตระกูลเจียงหยางของข้าดูเหมือนว่าจะหายตัวไปนานแล้ว นี่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินบ่นพึมพำเบา ๆ ในขณะที่ท่าทางของเขาเปลี่ยนอย่างรวดเร็วไปอีกหลายครั้ง จากนั้นเขาก็ป้องมือไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และถาม “ท่าน มันเป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าจะพบกับคนผู้นั้น ? “
“เขาหลับไปแล้ว อย่าสร้างความวุ่นวายและไปปลุกเขาล่ะ ไม่งั้นเขาจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดอย่างเบา ๆ โดยเสียงของนางนั้นมีเสน่ห์ที่น่าจับใจในทุกคำพูด
ด้วยคำอนุญาตนั้น เจี้ยนเฉินก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเข้าไปในถ้ำ
ถ้ำนั้นเต็มไปด้วยไข่มุกขนาดเท่ากำปั้นที่ส่งแสงนวลออกมาสว่างไปทั่วทั้งถ้ำ เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปร้อยเมตรข้างใน แล้วมิติที่อยู่ตรงหน้าเขาก็เปิดออก เขาได้เข้ามาถึงถ้ำใหญ่ที่มีรัศมีหลายสิบเมตร ในตอนนี้ ผนังนั้นเต็มไปด้วยรอยแยกในขณะที่ก้อนกรวดได้กระจายไปทั่วทั้งพื้นและปกคลุมไปด้วยน้ำ มันดูเละเทะ
ที่กลางถ้ำมี เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยยืนอยู่ ในขณะที่มีชายแก่ที่เหมือนขอทานที่อยู่ในชุดที่ขาดรุ่งริ่งไม่เรียบร้อยหลับอยู่อย่างสนิทที่ด้านหน้าของพวกเขา
เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปและจ้องไปที่ชายชราบนพื้น หน้าของชายชรานั้นดูโบราณและซูบผอม เขากำลังหลับอย่างสงบอยู่
“ระวัง อย่าไปทำให้เขาตื่นนะ” เสียงที่น่าพอใจดังอยู่ในหูของเจี้ยนเฉิน เสียงนั้นเป็นของหนึ่งในหญิงที่มีพิณ
เจี้ยนเฉินตรวจดูรูปร่างลักษณะของชายชราคนนั้น ในขณะที่ตาของเขาเป็นประกายอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย เขาพูด “ข้าต้องการที่จะถามเขาบางอย่าง”
“ไม่ได้ เมื่อเขาตื่นขึ้นมา มันจะดึงดูดความลึกลับของธรรมชาติ และผนึกที่อยู่ในจิตใจของเขาก็จะทำงาน เขาจะได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก” คำขอของเจี้ยนเฉินถูกปฏิเสธโดยทันทีจากหญิงอีกคน
“เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเจียงหยาง ซู หยุนคง ? ” ทันใดนั้น เสียงที่มีเสน่ห์ก็ดังขึ้นมา หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เดินเข้ามาอย่างงดงามพร้อมกับพิณปีศาจร่ำให้ น้ำเสียงของนางนั้นราบเรียบปราศจากความรู้สึก
เจี้ยนเฉินหยุดเล็กน้อยแล้วพูด “ท่าน ชื่อดั้งเดิมของข้านั้นไม่ใช่เจี้ยนเฉิน แต่ข้าชื่อเจียงหยาง เซียงเทียน ข้าเกิดในตระกูลเจียงหยางในอาณาจักรเล็ก ๆ ผู้ก่อตั้งของตระกูลของข้า บรรพชนตระกูลของเจียงหยางเป็นเซียนสวรรค์และดูเหมือนจะหายตัวไปนานมากมากแล้ว ข้าสงสัยว่าชายชราที่ถูกเรียกว่าเจียงหยาง ซู หยุนคง นี้อาจจะเป็นบรรพชนของตระกูลเจียงหยาง ข้าจึงปรารถนาที่จะให้ท่านปลุกเขาขึ้นมาและอนุญาตให้ข้าน้อยได้ถามถึงตัวตนของเขา”
หลังจากไตร่ตรองเล็กน้อย หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็สั่ง “เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเยี่ย เล่นเพลงบรรเทาวิญญาณ”
“คะ ท่านอาจารย์ ! ” หญิงทั้งสองไม่ลังเลก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิกลางอากาศและวางพิณไว้บนเข่าของพวกนาง ในขณะที่นิ้วของพวกนางเคลื่อนไหวเล็กน้อย เสียงพิณที่สวยงามก็เปล่งออกมา
มันอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความสงบ มันดูเหมือนจะทำให้อารมณ์ของผู้คนผ่อนคลายและทำให้ผู้คนสงบลง เมื่อดนตรีมาถึงหูของเจี้ยนเฉิน ความตื่นเต้นเล็กน้อยและความรู้สึกลนลานของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็วและถูกแทนที่ด้วยความสงบ
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์แตะไปที่พิณด้วยนิ้วที่สวยงามของนาง พิณสั่นเล็กน้อย และตัวโน้ตที่ปรากฏออกมาก็เริ่มที่จะปลุกให้ชายชราคนนั้นตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ