เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 833 สถานการณ์ของทวีปเทียนหยวน
ตอนที่ 833 สถานการณ์ของทวีปเทียนหยวน
“เจี้ยนเฉิน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าชื่อจริงของท่านจะเป็นเจียงหยางเซียงเทียน ยามนี้ทุกคนบนทวีปเทียนหยวนกำลังตามหาท่านกันหมด อยากรู้นักว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง” ฉินฉิน คุณหนูแห่งตระกูลเทียนฉินพึมพำ
“เจี้ยนเฉิน ซ่อนตัวให้ดี อย่าให้ใครพบตัวเจ้าได้ เจ้าสัญญากับข้าไว้ว่าจะเดินทางไปทั่วทวีปด้วยกันกับข้า ข้า ฉินเซียว ข้าเชื่อว่าเจ้ายึดมั่นในคำสัญญา อย่าทำให้ข้าผิดหวังนะ” ฉินเซียวถูกกักบริเวณ นั่งอยู่ดื่มคนเดียวภายในห้อง พร้อมพูดด้วยเสียงขมขื่น
ภายในเมืองชั้นหนึ่งอันวุ่นวายสับสน ชายร่างกำยำหลายคนมารวมตัวกันฝึกตนอยู่ภายในคฤหาสน์หรูหรา ทั้งหมดมีรัศมีเข้มข้นอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด รัศมีที่จะมีอยู่ภายในคนที่สังหารคนมาเป็นจำนวนมาก
“หัวหน้า ทั้งเมืองมีใบประกาศจับท่านติดอยู่ทั่วไปหมด พวกข้าอ่อนแอจนไม่สามารถช่วยเหลือท่านได้แม้แต่น้อย แต่เราจะมุ่งมั่นฝึกตัว ยามใดที่เราแข็งแกร่งพอ พวกเราจะขอยืนเคียงข้างประจันหน้าศัตรูไปกับท่าน” ชายคนหนึ่งพูดด้วยเสียงทุ้มลึกและแววตามุ่งมั่นใจกลางห้อง
เวลาเดียวกันนั้นเอง ประโยคเดียวกันดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ คนทั้งหมดเป็นสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ความภักดีที่มีต่อเจี้ยนเฉินนั้นถูกพิสูจน์มาด้วยสถานการณ์เฉียดตายมาด้วยกันหลากหลายครั้งถึงได้กลายมาเป็นสมาชิกชั้นสูงของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ทั้งหมดนั้นได้รับทรัพยากรต่าง ๆ ที่เจี้ยนเฉินมอบให้อย่างไม่ลังเลมานับไม่ถ้วน
ยามนี้ หลายคนในที่นี่มีพลังมากมายกว่าในอดีตนัก ส่วนมากเป็นเซียนปฐพีกันสิ้นแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังติดอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
ณ จักรวรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์ ประธานแห่งสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงยืนบนชั้น 5 ของปราสาทมองทัศนียภาพภายนอก คิ้วขมวดเป็นปม
เวลา 3 เดือนที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความกังวล ความตึงเครียดที่ผ่านมาทำให้ตัวเขาดูแก่ลงไปไม่น้อย
ข่าววัตถุเซียนของสมาคมที่สูญหายนั้นถูกควบคุมเอาไว้ได้อยู่ มีเพียงคนจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่รู้ ไม่ได้กระจายเป็นวงกว้าง แต่ประธานเองรู้ว่าช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดไม่มิด ยามนี้ข่าวถูกปิดเอาไว้ก็นับเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าผู้เข้าแข่งขันสิบอันดับแรกจะเข้าไปในมิติวัตถุเซียนเพื่อดูดซับพลังภายในนั้น ยามนั้นข่าวที่ปิดไว้อยู่ก็ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป
“ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจี้ยนเฉินนั้นอยู่ที่ใดกัน สมาคมของข้าจะไปต่อไม่ได้ หากไม่มีวัตถุเซียน” ประธานถอนหายใจเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ผู้อาวุโสในชุดขาวเดินเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “ท่านประธาน เราไม่สามารถเปิดเผยเรื่องวัตถุเซียนสูญหายออกไป ยามที่ผู้เข้าแข่งขันทั้งหลายจะเข้าไปในมิติวัตถุเซียน เราก็ใช้ข้ออ้างประวิงเวลาไปเสียก่อน หากยามนั้นเรายังไม่ได้วัตถุเซียนคืนมาที”
ประธานคิดอยู่เงียบพักใหญ่ก่อนพยักหน้า “เราทำได้เท่านั้นแหละ ยามนี้เห็นทีนี้จะเป็นทางเดียวที่เราจะทำได้”
ในเมืองชั้นสองของจักรวรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์ หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวนั่งอยู่คนเดียวในศาลากลางสวนของคฤหาสน์หรู นางมองปลาที่ว่ายน้ำอยู่อย่างเหม่อลอยเล็กน้อย
หญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าปี ใบหน้างดงามนัก พร้อมทั้งกิริยาท่าทาง เพียงแค่มองก็รู้ได้ว่าเป็นชนชั้นสูง
ชายคนหนึ่งในชุดรัดรูปเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนคุกเข่าข้างหนึ่งภายนอกศาลาพร้อมพูด “ข้าน้อยคารวะคุณหนูใหญ่”
“เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปสืบมาเป็นอย่างไรบ้าง? วัตถุเซียนของสมาคมกลับมาหรือยัง ? ” คาร่าลี่เว่ยพูดขึ้นโดยไม่หันมามอง เสียงของนางเย็นยะเยียบ
“เรียนคุณหนูใหญ่ สมาคมยังทวงคืนวัตถุเซียนกลับมาไม่ได้” ชายคนนั้นพูด
คาร่าหลี่เว่ยเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนตอบ “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปได้”
“ข้าน้อยขอลา” ชายคนนั้นก้มตัวเดินจากไปอย่างสุภาพ
หลังจากชายคนนั้นจากไป คาร่าหลี่เว่ยถอนหายใจ ก่อนเดินไปยังม้านั่งหินในศาลาอย่างช้า ๆ แล้วนั่งลง คิ้วของนางขมวดเล็กน้อยด้วยความกังวลพร้อมพึมพำ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวัตถุเซียนทั้งหลายจะถูกหยางยู่เทียนเอาไป เช่นนี้แล้วข้าจะขึ้นระดับ 7 ได้อย่างไรกัน ? “
..
กลางท้องฟ้าทะเลเหนือ ชายในชุดคลุมขาวขี่เมฆที่รวมตัวด้วยพลัง ชายคนนี้กำลังเดินทางลึกเขาไปในมหาสมุทรด้วยใบหน้าที่ดูอิดโรย เขาคือหยุนเทียน
สามเดือนก่อน หยุนเทียนออกจากสมาคม แม้จะเจออุปสรรคบ้างเล็กน้อยจนทำให้กว่าจะมาถึงมหาสมุทรก็กินเวลากว่าสามเดือน เขาออกมาตามหายอดฝีมือที่กำลังตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะอยู่
“หยางยู่เทียน ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้า หยุนเทียน จะไม่ปล่อยให้เจ้าได้อะไรไปง่าย ๆ ข้าอยากรู้นักว่าหากทวีปสัตว์เทวะรู้ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะอยู่กับเจ้าจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันคงจับครอบครัวของเจ้าไว้ต่อรอง ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นเซียนผู้คุมกฎหรือคนของตระกูลผู้พิทักษ์ ต่อหน้ายอดฝีมือจากทวีปสัตว์เทวะ หากพวกมันจะทำลายเจ้า เจ้าก็ไม่ต่างจากมดปลวกในมือพวกมัน” หยุนเทียนหัวเราะลั่น หยุนเทียนหัวเราะอย่างชั่วร้าย ยามนี้ตาของเขานั้นแดงก่ำราวกับเลือด ใบหน้าซีดเซียว สติแทบจะไม่สมประกอบ ไม่นานแววตาเขาก็นิ่งค้าง ร่างค่อย ๆ ร่วงหล่นลงไปในมหาสมุทรเบื้องล่าง
หยุนเทียนข้ามมหาสมุทรมาหลายวันโดยไม่ได้พัก ในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ร่างกายของเขานั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ประกอบกับไม่มีเกาะให้แวะพักเลยแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดเพราะความเหนื่อยอ่อนที่สั่งสม เขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีก ก่อนจะหมดสติแล้วตกลงไปในมหาสมุทร พร้อมกับพึมพำคำพูดเกี่ยวกับทวีปสัตว์เทวะ พยัคฆ์ปีกเทวะ เจี้ยนเฉินเป็นบางครั้งบางคราว
“ฮือ? มีมนุษย์อยู่ที่นี่ด้วย แถมดูท่าทางจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเสียอีก น่าแปลกใจนัก น่าแปลก– อะไรนะ! ทวีปสัตว์เทวะ ? พยัคฆ์ปีกเทวะ ? ! “
หยุนเทียนในสภาพเกือบสิ้นสติได้ยินเสียงพูดคุยบางอย่างก่อนจะรู้สึกว่าใครบางคนดึงเขาออกจากมหาสมุทร
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดหยุนเทียนที่นอนนิ่งอยู่กลางวังหรูก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมา
“ในที่สุดก็ตื่นเสียที เจ้ามนุษย์ ! ” ทันใดนั้นเสียงทุ้มดังขึ้น
หยุนเทียนลุกขึ้นอย่างยากลำบากพร้อม ๆ กับมองไปรอบ ๆ พบคนมากมายอายุแตกต่างกันไปยืนอยู่สองข้างฝั่ง ที่สุดทางตรงกลางมีชายซึ่งดูทรงพลังคนหนึ่งนั่งอยู่
“แกเป็นใครกัน ? ที่ไหนที่ไหน ? ” หยุนเทียนมองทุกคนรอบตัวอย่างมุ่งร้ายก่อนร้องตะโกน
ชายคนหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปแสยะยิ้ม “ข้า แลงคีรอส หนึ่งในสามจักรพรรดิแห่งทวีปสัตว์เทวะ”
“อะไรนะ จักรพรรดิจากทวีปสัตว์เทวะ ! ” หยุนเทียนตกตะลึงงันหลังได้ยิน ก่อนจ้องมองทุกคนรอบตัวอีกครั้ง “ทุกคนเป็นยอดฝีมือจากทวีปสัตว์เทวะงั้นรึ ? “
ใบหน้าของแลงคีรอสเผยรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา “มนุษย์ เจ้ามีทางเลือก 2 ทาง หนึ่ง บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้เกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะออกมาแลกกับชีวิตของเจ้า สอง ตายเสียที่นี่แหละ”
“ข้อแรก ข้อแรก ข้ารู้เรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะไม่น้อย ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้” หยุนเทียนพูดขึ้นอย่างไม่ลังเล ไม่ใช่ว่าเขาเดินทางมาไกลแสนไกลเพื่อบอกข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้วหรอกรึ ?
หยุนเทียนบอกทุกอย่างที่เขารู้ให้เหล่ายอดฝีมือจากทวีปสัตว์เทวะจนหมด เขาเน้นเรื่องราวของเจี้ยนเฉินและตระกูลเจียงหยาง และบอกเรื่องที่พยัคฆ์ปีกเทวะอยู่กับเจี้ยนเฉินออกไปอีกด้วย
“เจี้ยนเฉิน ตระกูลเจียงหยาง” แลงคีรอสพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยิ้มอย่างเย็นชา แล้วลุกขึ้นยืน “ทุกคน ยามนี้ผ่านไปแล้วถึง 3 เดือน ออกคำสั่งลงไปให้ทุกคนตามข้าไปเข้าทวีปเทียนหยวนทันที”
เหล่ายอดฝีมือออกจากเกาะที่อยู่มา 3 เดือนทันที ปล่อยหยุนเทียนเอาไว้เบื้องหลัง หลังจากทั้งหมดจากไปพระราชวังหลังใหญ่ก็ถล่มลงกลายเป็นเพียงเศษหินจำนวนมาก
ไม่นานนับจากนั้น การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นอีกครั้งบริเวณทะเลเหนือ มันรุนแรงมากเสียจนทำให้ท้องฟ้าทั่วบริเวณมืดครึ้ม พระอาทิตย์พระจันทร์หม่นหมอง สัตว์อสูรจากทวีปสัตว์เทวะต่างพยายามเข้าทวีปเทียนหยวนเพื่อตามหาพยัคฆ์ปีกเทวะ แต่ก็เจอแนวป้องกันของเหล่าตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและเมืองทหารรับจ้างต้านเอาไว้ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเจียงหยางกับตระกูลผู้พิทักษ์อื่น ๆ นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาในระยะหลัง แต่ตระกูลผู้พิทักษ์และเมืองทหารรับจ้างต่างก็ร่วมมือกันได้ดีมากในการต่อต้านทวีปสัตว์เทวะ
“พลังของทวีปเทียนหยวนนั้นอ่อนด้อย ยามที่ท่านผู้นำออกมาจากการเก็บตัว กองทัพทวีปสัตว์เทวะอันเกรียงไกรจะทำลายทวีปเทียนหยวนให้สิ้น”
คนที่แลงคีรอสพาไปนั้นไม่ได้แข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับสิบตระกูลผู้พิทักษ์ได้ นอกจากนั้นตัวเขาเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาทำได้เพียงทิ้งคำเตือนเอาไว้ก่อนจะถอยกลับมาหอคอยสัตว์เทวะในทวีปสัตว์เทวะ
ยามที่แลงคีรอสกลับมา เขาตรงไปยังหน้าประตูบนชั้น 98 ก่อนพูดสรุปเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนทวีปเทียนหยวนอย่างละเอียด
“5 ปี ข้าต้องการแค่ 5 ปีเท่านั้น ภายใน 5 ปีข้าสามารถทะลวงไปอีกระดับ ยามนั้นข้าจะทำให้ทวีปเทียนหยวนชดใช้อย่างสาสม ยามนี้ข้าจะปล่อยพยัคฆ์ปีกเทวะอยู่ที่นั้นไปอีกสักหน่อย” เสียงลึกลับดังขึ้นที่ชั้น 98
เวลาหลายเดือนผ่านไปราวกับกระพริบตาคราเดียว ยามนี้จิตวิญญาณวัตถุเซียนสวมชุดคลุมสีขาวยืนหน้าห้องโถงที่เจี้ยนเฉินกำลังเก็บตัวอยู่ “นายท่าน ภายใน 1 ชั่วยาม ผนึกพลังดั้งเดิมก็จะปลดผนึกแล้ว”