เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 835 ก้าวสู่ระดับ 7
ตอนที่ 835 ก้าวสู่ระดับ 7
หลังจากผสานพลังงานดั้งเดิมเส้นที่ 2 เข้าไปภายใน วิญญาณของเจี้ยนเฉินก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ร่างวิญญาณของเขาทรงพลังขึ้นยิ่งไปอีก รัศมีพลังขยายไปกว่า 150 กิโลเมตร
ความเจ็บปวดที่แทรกซึมลึกเข้าไปในกระดูกแทบจะทำให้เจี้ยนเฉินควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วครางด้วยความเจ็บปวดออกมา วิญญาณเป็นร่างพื้นฐานของมนุษย์ เป็นต้นกำเนิดของชีวิต หากไม่เคยผ่านการสกัดกลั่นวิญญาณแล้วละก็ คนผู้นั้นจะไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าความเจ็บปวดที่ลึกมาจากรากฐานที่สุดของชีวิตนั้นมากมายถึงเพียงใด
การดูดซึมเส้นพลังที่ 2 นั้นเร็วกว่าครั้งแรกไม่น้อย ไม่นานเส้นสายพลังเส้นที่ 2 ก็ถูกดูดซึมผสานเข้ากับร่างของเจี้ยนเฉินไปหมด ทำให้ร่างวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นมาอีก รัศมีพลังขยายกว้างกว่า 180 กิโลเมตร แต่ยิ่งเขาดูดซึมพลังงานดั้งเดิมมากเท่าใด ความเร็วในการพัฒนาของร่างกายเริ่มช้าลงเท่านั้น
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินเริ่มดูดซึมพลังสายที่ 3 ไม่นานก็เสร็จสิ้น ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะเริ่มดูดซึมเส้นที่ 4 5 6…
ยิ่งดูดซึมพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงไปมากเท่าใด ร่างวิญญาณของเจี้ยนเฉินก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมไปมากเท่านั้น ยามนี้รัศมีพลังของเขาขยายไปเกินกว่าร้อยกิโลเมตร เกินไปถึงหลักพันกิโลเมตรแล้ว
จิตวิญญาณวัตถุยืนอยู่ไม่ใกล้ คอยดูแลเจี้ยนเฉินไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นยามที่เจี้ยนเฉินกำลังดูดซับพลังงานดั้งเดิม เขาจ้องตรงไปที่เจี้ยนเฉินก่อนพูดขึ้น “นายท่าน ท่านต้องดูดซับพลังงานดั้งเดิมเข้าไปให้ได้มากที่สุด พลังงานดั้งเดิมในยามนี้เป็นดั่งรากฐาน ความสำเร็จในอนาคตของนายท่านขึ้นอยู่กับยามนี้ ยิ่งนายท่านดูดซับไปได้มากเท่าใด ความสำเร็จของนายท่านในอนาคตในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น”
เจี้ยนเฉินได้ยินคำพูดของจิตวิญญาณวัตถุชัดเจน แต่ไม่ได้ตอบอะไร กลับเร่งความเร็วได้การดูดซับขึ้นไปอีกเท่าตัว เจี้ยนเฉินเองก็รู้ตัวดีว่าโอกาสตรงหน้านั้นสำคัญเพียงใด เขามีเวลาดูดซับพลังงานดั้งเดิมได้มากเท่าที่ต้องการเพียง 3 วัน หากช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปแล้ว ต้องรออีก 50 ปีกว่าโอกาสนี้จะหวนคืนมาอีกครั้ง
ระยะเวลา 50 ปีนั้นมากเกินไปสำหรับเจี้ยนเฉิน ยามนี้เขาอยู่มาได้แค่ยี่สิบปีกว่า ยังไม่ถึงครึ่งของระยะเวลาที่ต้องรอด้วยซ้ำ
ในขณะเดียวกันกับที่เจี้ยนเฉินกำลังดูดซับพลังงานดั้งเดิมอย่างสะดวกสบายอยู่นั้น สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่อยู่บนทวีปเทียนหยวนอันห่างไกลกลับประกาศบางอย่างออกมาทำให้ทุกคนต่างตกใจ สมาคมประกาศเลื่อนวันเข้ามิติวัตถุเซียนสำหรับผู้เข้าแข่งขันสิบอันดับแรกเพื่อเลื่อนเป็นระดับ 7 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ทันทีสมาคมประกาศออกไป ข่าวนั้นกระจายออกไปทั่วเมืองราวกับไฟลามทุ่ง ไม่นานก็กระจายออกไปทุกทิศทาง กลุ่มเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทุกกลุ่มต่างตกใจกับข่าวนี้เป็นอย่างมาก
เนื่องจากว่านับตั้งแต่ที่สมาคมก่อตั้งขึ้นมา การเลื่อนขั้นสู่ระดับ 7 นั้นถูกกำหนดไว้ทุก 50 ปีไม่มีขาดไม่มีเกิน และไม่เคยเกิดการล่าช้ามาโดยตลอด นี้เป็นครั้งแรกที่สมาคมเลื่อนวันออกไปโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ทุกคนต่างงุนงงกันไปทั่วโดยเฉพาะคนที่มีสิทธิ์เลื่อนขั้นในปีนี้ ต่างแสดงท่าทีโกรธเคืองต่อสมาคมพร้อมทั้งเรียกร้องคำอธิบาย
สมาคมได้แต่ให้คำอธิบายที่ดูผิดปกติ ไม่ให้รายละเอียด ปกปิดเรื่องที่วัตถุเซียนสูญหายไปให้เงียบที่สุด
แม้จะมีตระกูลทั้งแปดประจำเมืองเทพเจ้า และอีกสามตระกูลหลักประจำจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่มีตระกูลไหนปล่อยข่าวออกมาแม้แต่น้อย พร้อมทั้งสั่งปิดปากคนในตระกูลทุกคนไม่ให้รั่วไหล นั้นเพราะทุกตระกูลต่างรู้ดีว่าหากข่าวเรื่องวัตถุเซียนหายรั่วออกไป สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงย่อมพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
แม้สมาคมจะไม่ได้อยู่ภายใต้ตระกูลหลักทั้งสาม แต่ก็ยังเป็นองค์กรทรงพลังที่อยู่ภายในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี หากสมาคมต้องเสื่อมสลายลง ขุมกำลังของจักรวรรดิย่อมลดลง นั้นไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสามตระกูลอยากให้เกิด
เพราะอย่างนั้นทำให้นอกจากสามตระกูลหลักจะไม่ปล่อยข่าวแล้ว ยังพยายามช่วยสมาคมควบคุมสถานการณ์ด้วย
ยามนี้กวานหยูไค่นอนแผ่อยู่บนเตียงขนาดใหญ่พร้อมจ้องมองเพดานก่อนพึมพำ “สมาคมเกิดบ้าอะไรขึ้นถึงได้เลื่อนวันเข้ามิติวัตถุเซียนกัน ? เฮ้อ เมื่อไหร่ข้าจะได้ขึ้นระดับ 7 กันนะ”
“แถมน้องหยางยู่เทียน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นเซียนผู้คุมกฏ เป็นทั้งจอมยุทธ์และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงไปพร้อม ๆ กัน เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนทวีปเทียนหยวน แถมลูกเสือที่อยู่ข้าง ๆ น้องหยางนั้นยิ่งน่ากลัวไปอีก กลับกลายเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะไปเสียได้”
“น้องหยางยู่เทียนนั้นสุดยอดเสียจริง ไม่เพียงจะเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พยัคฆ์ปีกเทวะยังติดตาม ความสำเร็จในอนาคตของเขาคงไม่อาจคาดเดาได้”
“แต่ยามนี้ดูสถานการณ์จะไม่ค่อยสู้ดี เกือบทั้งทวีปกำลังหาตัว ขนาดตระกูลผู้พิทักษ์เองก็ออกโรงมาแล้วด้วย คนมากมายออกตามหาเช่นนี้ อยากรู้นักว่าเขายังปลอดภัยดีหรือไม่นะ”
..
ที่ห้องลับใต้ดินของสมาคม ประธาน ผู้อาวุโสสูงสุด และ 20 ผู้อาวุโสต่างมารวมตัวกัน ทั้งหมดนั่งเรียงรายกันเป็นรูปแบบแปลกตา ตั้งค่ายกล ตรงกลางค่ายกลนั้นทีผู้อาวุโสห้านั่งอยู่
ยามนี้ทั้งยี่สิบกว่าคน ทั้งหมดเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 กำลังรวมมือกันใช้ทักษะลับตรวจดูทั้งทวีป พยายามตามหาเจี้ยนเฉินและวัตถุเซียน
พักใหญ่ผู้อาวุโสทั้งหมดค่อย ๆ เปิดตา สีหน้าเต็มไปด้วยความอิดโรย
ใบหน้าของผู้อาวุโสห้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง ถอนหายใจ ก่อนพูดอย่างหนักใจ “ข้ายังตามหาร่องรอยของเจี้ยนเฉินกับวัตถุเซียนไม่พบ ไม่เพียงแต่ในทวีป แม้แต่พื้นที่รอบข้างยังไม่มีร่องรอยเลยแม้แต่น้อย กระทั่งตราผนึกที่ข้าวางไว้ที่ตัวเจี้ยนเฉินก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ข้าอยากรู้นักว่ามันไปซ่อนตัวอยู่ที่ใดถึงได้ตามหายากเย็นถึงเพียงนี้”
“ยามนี้ทั้งสิบตระกูลผู้พิทักษ์และตระกูลโบราณทั้งหลายต่างออกตามหาหยางยู่เทียนไปทั่วทวีป ทุกคนต่างใช้ทักษะตรวจดูทั้งทวีปแต่ก็ยังหาไม่พบ ดูท่าจะมียอดฝีมือบางคนช่วยมันให้ไปซ่อนอยู่ในมิติลับที่แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ยังหาไม่พบ” ประธานพูดอย่างจนตรอก
“พี่สาวของหยางยู่เทียนดูจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก หรือว่าหยางยู่เทียนจะซ่อนอยู่ที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง”
ทันทีที่ได้ยินเหล่าผู้อาวุโสต่างขมวดคิ้ว หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ผู้อาวุโสสูงสุดพูดขึ้นอย่างเคียดแค้น “ถ้าหยางยู่เทียนซ่อนอยู่ที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งจริง ต่อให้เป็นตระกูลผู้พิทักษ์ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนเรายิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“วันนี้เป็นวันที่ผนึกพลังงานดั้งเดิมจะคลายตัวออก ป่านนี้หยางยู่เทียนคงนั่งดูดซับพลังงานดั้งเดิมสบายใจไปแล้ว หากได้เจอกันอีก เราห้ามปล่อยมันไปง่าย ๆ “
ผู้อาวุโสคนหนึ่งขัดด้วยรอยยิ้มเย็น ๆ “ถ้าเราเจอหยางยู่เทียนแล้วไง? นอกจากคุยขอร้องให้มันคืนวัตถุเซียน เราจะทำอะไรได้ ? เจ้าอยากใช้กำลังหรือ ? ไม่รู้หรือไงว่ามันมีเบื้องหลังเป็นใคร ไม่เพียงจะเป็นลูกหลานตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง ผู้อาวุโสหลักของตระกูลมันต่างก็ให้การสนับสนุนอยู่ พี่ชายคนโตของมันก็เป็นศิษย์อารามจิตพิสุทธิ์ นอกจากนั้นพี่สาวมัน เจียงหยางหมิงเยว่ก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก เจ้าคิดว่าสมาคมของเราจะรับมือขุมพลังใหญ่ทั้งสามได้งั้นรึ ? “
“เจ้าพูดถูก เบื้องหลังของมันนั้นทรงพลังเกินไป สมาคมของเราไม่สามารถแสดงท่าทีรุนแรงเกินไปยามเผชิญหน้า ไม่เช่นนั้นเราจะสูญเสียหนักยิ่งกว่าเดิม”
ประธานลุกขึ้นพร้อมพูดอย่างเหนื่อยอ่อน “เอาล่ะ หยุดพูดคุยเรื่องนี้ไปก่อน ยามนี้เรายังหาหยางยู่เทียนไม่พบ ดังนั้นจะพูดอะไรตอนนี้ไปก็ไม่ได้อะไร ไว้เราใช้ทักษะลับตามหามันอีกหลังจากนี้สักพัก แล้วมาดูกันว่าจะหาหยางยู่เทียนพบหรือไม่”
..
ภายในมิติวัตถุเซียน ท่ามกลางหมู่ดาวพร่างพราว พลังงานดั้งเดิมที่ล่องลอยออกมาจากตราผนึกถูกเจี้ยนเฉินดูดซับไปอย่างรวดเร็ว ร่างวิญญาณของเขาราวกับเป็นหลุมดำ ไม่ว่าจะดูดซับไปสักเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเต็ม กลับดูดซับพลังงานดั้งเดิมต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ตอนนี้เจี้ยนเฉินเริ่มดูดซับพลังงานดั้งเดิมมาได้ 3 วันแล้ว รัศมีพลังของเขาแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากนำรัศมีพลังจากสามวันก่อนมาเทียบกับยามนี้ ไม่ต่างกับนำมดมาเปรียบเทียบกับช้าง รัศมีพลังเจี้ยนเฉินเมื่อสามวันก่อนครอบคลุมระยะ 20 กิโลเมตร แต่นี้นั้นขยายไปเป็นพันกิโลเมตร
จิตวิญญาณวัตถุเซียนอยู่ใกล้กับเจี้ยนเฉินไม่เคยห่าง ก่อนพึมพำ “พรสวรรค์ด้านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของนายท่านนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก ปริมาณพลังงานดั้งเดิมที่นายท่านดูดซับไปนั้นเกินกว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 คนใดในประวัติศาสตร์ แม้จะเป็นประธานในยามนี้ก็ทำไม่ได้ขนาดนี้ แต่ประธานนั้นดูดซับไปถึงขีดสุดแล้ว ไม่สามารถดูดซับได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาไม่มีวันเข้าสู่ระดับ 8 ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แต่ขีดจำกัดของนายท่านอยู่ที่ใดกัน ? “