เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 885: ผลึกอเวจี
ตอนที่ 885: ผลึกอเวจี
“พวกเราช้าเกินไป พวกเราปล่อยให้พวกนั้นหนีเข้าไปในอาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์แล้ว เราจะไล่ตามพวกนั้นไปหรือไม่ ? ” ผู้อาวุโสพูดด้วยเสียงทุ้มในขณะที่พวกเขามองดูกลุ่มของเจี้ยนเฉินค่อย ๆ ห่างออกไป
ชายชราอีกคนตอบกลับหลังจากคิดสักพัก “พวกเราไม่สามารถผ่านเข้าไปในอาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์โดยไม่ได้รับอนุญาต ทางที่ดีพวกเราน่าจะรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโสประจำศาลาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเราจะทำหน้าที่ต่อหลังจากที่ได้หารือกับผู้อาวุโสประจำศาลาและคนของศาลาวิญญาณสวรรค์แล้ว”
ผู้อาวุโสทั้งสองคนรายงานสถานการณ์ให้กับผู้อาวุโสประจำศาลาทันทีหลังจากนั้น อาจารย์ของเยิ่นเซิน ไป่ยัน และชาลีเริ่มเคร่งเครียดทันทีเมื่อพวกเขารู้ว่ากลุ่มของเจี้ยนเฉินได้หนีไปยังอาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์ พวกเขาขมวดคิ้วอย่างกังวล
“มันเป็นปัญหาแล้วในตอนนี้ ข้าหวังว่าศาลาวิญญาณสวรรค์จะยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องของนั้น ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องเอามันไปแน่ ในตอนนั้น ท่านเจ้าศาลาจำเป็นจะต้องไปด้วยตัวเอง แต่ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้น ทั้งสองศาลาจะต้องเกิดสงครามระหว่างกันเป็นแน่ ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน ถ้าเจ้าศาลารู้เรื่องเกี่ยวกับมัน นางจะต้องใช้กองกำลังของอาณาเขตของนางที่มีทั้งหมดในการทำลายมันแน่ พวกเขาจะปล่อยให้สิ่งของนี้มีอยู่ไม่ได้” ชาลีพูด เขาเคร่งเครียดมาก
“ข้าได้แต่หวังว่าคนที่เอาของนั่นไปจะไม่รู้ความลับของสิ่งของนั้นและคนของศาลาวิญญาณสวรรค์ก็ไม่รู้ด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็ยังมีโอกาสที่เราจะแก้ไขปัญหานี้ได้” ตาของอาจารย์ของเยิ่นเซินเป็นประกายไปด้วยความเฉลียวฉลาด เขามีวิธีการมากกว่าชาลี
“เจ้ามีความคิดเห็นยังไง ? ” ชาลีมองไปที่ไป่ยันทันที
“พวกเราจะเจรจากับผู้อาวุโสประจำศาลาของศาลาวิญญาณสวรรค์และส่งคนของเราไปเพื่อจุดประสงค์ในการล้างแค้น พวกเราจำเป็นต้องเอาสิ่งของนั้นกลับมา” ไป่ยันพูด
ตาของชาลีเบิกขึ้น “เอาล่ะ ข้าจะใช้หินสื่อสารเพื่อติดต่อกับพวกเขาตอนนี้”
ชาลีและไป่ยันใช้อุปกรณ์พิเศษเพื่อติดต่อกับผู้อาวุโสของศาลาวิญญาณสวรรค์ พวกเขาเล่าเรื่องราวที่พวกเขาเตรียมเอาไว้และหลังจากที่เจรจาอย่างเป็นมิตรแล้ว พวกศาลาวิญญาณสวรรค์จึงอนุญาตให้ส่งคนเข้าไปในอาณาเขตของพวกเขาได้
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งสามของศาลาวิญญาณสวรรค์กำลังนั่งอยู่ด้วยกันที่กึ่งกลางของโถงของพวกเขาในตอนนี้
“ศาลาเทพเจ้าอสรพิษต้องการที่จะส่งจอมยุทธเข้ามาที่อาณาเขตของพวกเราเพื่อที่จะกำจัดศัตรูของพวกเขา แปลกจริง ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องแค่นั้น ? ” ชายชราพูดกันระหว่างทั้งสามคน
“ข้าก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน ศาลาเทพเจ้าอสรพิษต้องปิดบังบางอย่างจากพวกเราแน่ ไม่เช่นนั้น ทำไมผู้อาวุโสประจำศาลาที่น่าเคารพของพวกเขาต้องออกหน้ามาโดยตัวเองด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ? พวกเขาสามารถส่งคนอื่นมาแทนก็ได้”
“หืม มันมันฟังดูแปลกนิดหน่อย พวกเขาสามารถส่งจอมยุทธจากเผ่าที่อยู่ในอาณาเขตของพวกเขาเพื่อไล่ตามศัตรูของพวกเขาที่หนีมาที่ดินแดนของพวกเราก็ได้ ทำไมพวกเขาต้องส่งคนจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษมาเองด้วย ? ” ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งสามคนพบว่ามันค่อนข้างแปลกและน่าสงสัย
ในตอนนี้ ร่างพร่ามัวปรากฎออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้บนบัลลังที่เหนือขึ้นไป ทั้งโถงถูกห้อมล้อมไปด้วยความกดดันที่น่ากลัวจากการปรากฎตัวของร่างนั้น
ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งสามคนตกใจและเริ่มสุภาพขึ้นมาทันที พวกเขามองไปที่ร่างพร่ามัวนั้นและคำนับก่อนจะพูดออกมาพร้อมกัน “พวกเราขอคารวะท่านเจ้าศาลา”
“ข้าสัมผัสพลังแห่งการมีอยู่ของผลึกอเวจีได้ ไปตรวจสอบมาเดี๋ยวนี้” เจ้าศาลาพูด เสียงของเขาธรรมดาแต่เต็มไปด้วยแรงกดดันที่มีอำนาจ
“อะไรนะ! ผลึกอเวจี ? ” ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งสามคนนิ่งอึ้ง และแสดงท่าทางเหลือเชื่อออกมาเล็กน้อย
ร่างของเจ้าศาลาได้หายไปแล้ว เขาไม่ได้พูดอย่างอื่นเพิ่ม เขาดูเหมือนจะปรากฎตัวขึ้นมาเพื่อออกคำสั่งเพียงคำสั่งเดียวเท่านั้น
ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งสามคนมองหน้ากันและกันและหลังจากนั้นสักพักคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา “ข้าได้ยินมาว่าผลึกอเวจีนั้นกำเนิดมาจากทะเลแห่งความสิ้นหวัง พลังปราณที่เยือกเย็นที่นั่นนั้นยิ่งใหญ่มากที่แม้แต่เซียนจักรพรรดิยังยากที่จะจัดการได้ ข้าไม่คิดว่าจะมีเซียนจักรพรรดิผู้ใดที่กล้าที่จะเสี่ยงชีวิตและเสี่ยงเข้าไปที่นั่นจริง ๆ “
“ผลึกอเวจีเป็นผลึกชนิดพิเศษ ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดมาได้อย่างไรแต่มันมีความสามารถในการรวบรวมแก่นแท้ของพลังงานธาตุน้ำได้ มันเป็นสมบัติในตำนานท่ามกลางพวกเราแต่ก็ไม่มีใครเคยได้ครอบครองมัน มีคนเคยพูดไว้เมื่อครั้งโบราณกาลว่า เทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ยิ่งใหญ่ได้เอาผลึกอเวจีชิ้นใหญ่ออกมาจากทะเลแห่งความสิ้นหวังและสร้างโถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดขึ้นมา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลจากไปจากความชรา โถงศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยไปมาอยู่ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันอยู่ที่ใด”
“มันมีความสัมพันธ์พิเศษระหว่างผลึกอเวจีอยู่ พวกเขาว่ากันว่าถ้ามีคนพบผลึกเข้าและใช้วิชาพิเศษในการตีความมันขึ้นมา พวกเขาจะสามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนของโถงศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้”
“เอาล่ะ พวกเราจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว พวกเราควรจะรีบไปและทำตามคำสั่งของท่านเจ้าศาลา”
ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของผู้อาวุโสประจำศาลาเปลี่ยนไปในขณะที่เขาดูเหมือนจะสังเกตบางอย่างได้ “เรื่องที่ว่าศาลาเทพเจ้าอสรพิษกำลังไล่ตามใครบางคนอยู่นั้นก็ทะแม่ง ๆ เหมือนกัน เจ้าคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับผลึกอเวจีหรือไม่ ? “
“เจ้าคิดว่าคนของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลกำลังไล่ตามคนที่ครอบครองหินผลึกอยู่งั้นหรือ ? ” ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งสามคาดเดาด้วยกัน และเชื่อมโยงข่าวเรื่องผลึกอเวจีกับกลุ่มของเจี้ยนเฉิน
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ พวกเราไปจัดคนทันที มันไม่สำคัญหรอกว่าผลึกจะอยู่กับคนที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษต้องการหรือเปล่า พวกเราจะไปตรวจสอบกัน ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง พวกเราต้องได้มันก่อนพวกนั้น”
หญิงที่อยู่ในชุดสีฟ้าที่ดูเหมือนอายุยี่สิบกว่าปีนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศภายในห้องลบ นางอยู่ในปราสาทใหญ่ที่อยู่ภายในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล นางแต่งตัวธรรมดาแต่นางนั้นน่ารักมากด้วยลักษณะรูปร่างที่สุดยอดมาก นางเหมือนนางฟ้าที่ลงมาจากสวรรค์
“ขอรายงานท่านเจ้าศาลา ฉิงยี่หยวนมาถึงแล้ว” เสียงชราดังออกมาจากด้านนอก
“ให้นางเข้ามา” หญิงนั่นขยับปากและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์
ประตูห้องเปิดออกมาอย่างช้าช้า ฉิงยี่หยวนในชุดขาวเดิมเจ้ามาจากด้านนอก ใบหน้าที่มีชีวิตชีวาของนางซีดขาวเล็กน้อยและมีร่องรอยแห่งความมืดมนปรากฎอยู่ในใบหน้าที่ซีดของนาง เห็นได้ชัดว่านางยังคงบาดเจ็บจากการต่อสู้แย่งชิงชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดและยังไม่สามารถถอนพิษออกมาจากร่างของนางได้ทั้งหมด
ฉิงยี่หยวนโค้งคำนับอย่างเคารพไปที่หญิงที่อยู่ตรงหน้านางและพูดออกมา “ฉิงยี่หยวนขอคารวะท่านเจ้าศาลา”
“ฉิงยี่หยวนไปที่สระสังสารวัฎและรักษาบาดแผลของเจ้าเสีย หลังจากที่เจ้าหายดีแล้วให้ไปหาเล่อป้าเทียนทันทีและไปที่ศาลาวิญญาณสวรรค์” เจ้าศาลาพูดอย่างนุ่มนวล
ฉิงยี่หยวนเผยให้เห็นแววตื่นเต้นทันทีที่นางได้ยินว่านางสามารถไปที่สระสังสารวัฎได้ นางสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ภายใน 2 วันเท่านั้นที่สระสังสารวัฎ แม้แต่พิษที่ทรมานนางอยู่นานก็จะถูกถอนออกไปจนหมดสิ้น
ฉิงยี่หยวนข่มความตื่นเต้นของนางและถามอย่างสงสัย “ข้าขอถามได้ไหมว่าทำไมท่านเจ้าศาลาถึงให้ข้าไปที่ศาลาวิญญาณสวรรค์ ? “
“เมื่อเจ้าหายดีแล้ว เจ้าจะได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจจากเล่อป้าเทียนเอง เจ้าไปได้” เจ้าศาลาตอบกลับอย่างนุ่มนวล เสียงของนางไร้อารมณ์
“เจ้าค่ะ ! ฉิงยี่หยวนจะไปเดี๋ยวนี้” ฉิงยี่หยวนโค้งคำนับอย่างเคารพอีกครั้งก่อนที่จะถอยไป
..
แม้ว่าเจี้ยนเฉิน นูบิสและซี่หวังจะสลัดหลุดจากเซียนราชาทั้งสองคนมาได้ พวกเขาก็ยังไม่ผ่อนคลายแม้แต่น้อย พวกเขาเดินทางต่อเข้าไปที่ส่วนลึกของอาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์โดยไม่ลดความเร็วลงเลยและเปลี่ยนทิศทางไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เขาเดินทาง
นูบิสแบกเจี้ยนเฉินเอาไว้ที่หลังในขณะที่เขารีบไป เจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังเพิ่มพลังงานของร่างบรรพกาลเพื่อรักษาบาดแผลของเขา
พวกเขาเดินทางไป 2 ชั่วยามก่อนที่จะเห็นเมืองขนาดกลางที่อยู่ใกล้เส้นขอบฟ้า
“มีเมืองอยู่ข้างหน้า มีคนมากมายอยู่ที่นั่น ดังนั้นมันจะดีมากสำหรับพวกเราในการอำพรางตัว พวกเราไปหยุดที่นั่นกันตอนนี้และค่อยเดินทางต่อหลังจากที่แผลของเจ้าหายดีแล้ว ไม่เช่นนั้นถ้าเราถูกไล่ตามมาอีกด้วยสภาพแบบนี้ มันจะเป็นปัญหาแน่” นูบิสพูดแนะนำออกมา
“พวกเขายังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี พวกเราสามารถซ่อนอยู่ในเมืองสักพัก จอมยุทธจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษยังมีพันธะในข้อตกลงเรื่องอาณาเขตอยู่ พวกเขาไม่กล้าที่จะข้างมาหรอก” ซี่หวังกล่าวเพิ่มเติม
เจี้ยนเฉินครุ่นคิดสักครู่ เขารู้ว่าเขาไม่อยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่จะเดินทางต่อ ในเมื่อมันปลอดภัยแล้วตอนนี้ เขาควรจะฟื้นฟูร่างกายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาจำเป็นต้องรักษาความแข็งแกร่งให้ถึงขีดสุดไว้ตลอดเวลา เพื่อที่เขาจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างกระทันหัน
“เอาล่ะ พวกเราเข้าไปกันเถอะ” เจี้ยนเฉินกล่าว
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสามก็บินเข้าไปในเมือง พวกเขาลดระดับลงอยู่ในจุดที่ซ่อนตัวอย่างดี จากนั้นจึงเจอโรงเตี้ยมที่ซ่อนอยู่และเข้าไปพักอยู่ที่นั่น
ตอนที่พวกเขาพักอยู่นั้น ผู้อาวุโสทั้งสองที่อยู่ที่ชายแดนระหว่างศาลาเทพเจ้าอสรพิษและศาลาวิญญาณสวรรค์ได้รับข้อความจากผู้อาวุโสประจำศาลาและยินดีอย่างมาก พวกเขาไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อยและพุ่งผ่านเข้าไปในชายแดนของอีกศาลาหนึ่งเพื่อที่จะตามหาเจี้ยนเฉิน
“ยังมีกลิ่นคาวเลือดอยู่ในอากาศ นี่ต้องเป็นเส้นทางที่พวกเขาหนีไปแน่ ตามข้ามา” หนึ่งในผู้อาวุโสสูดกลิ่นคาวเลือดที่ยังเหลืออยู่เข้าไป และพุ่งไปในทิศทางที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินพุ่งไปทันที มันเป็นทิศทางเดียวกันเลย
ผู้อาวุโสทั้งสองหยุดหลังจากที่เดินทางมาได้กว่าหมื่นกิโลเมตร ชายชรามีสัมผัสที่ดีมากทางกลิ่นได้ดมกลิ่นที่อากาศอีกครั้งแล้วพูดออกมาว่า “กลิ่นเลือดเข้มมากขึ้นเรื่อยเรื่อยแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะผ่านไปที่นี่ไปได้ไม่นาน พวกเราเกือบจะไล่ตามพวกเขาทันแล้ว ไปกันเถอะ” ทั้งสองคนเดินทางต่อไปและเข้าใกล้เมืองที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินอยู่เรื่อย ๆ
ในตอนนี้ พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่หลายดวงได้ปรากฏขึ้นไกลไกล ร่างหลายร่างพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง และพุ่งเข้ามาในทิศทางที่สองผู้อาวุโสอยู่
ผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้สนพวกเขา และเดินทางตามกลิ่นเลือดต่อไป พวกเขาคิดว่าพวกนั้นเป็นแค่คนผ่านมา
“ท่านนักรบ กรุณาหยุดก่อน” ทันใดนั้นเอง เสียงร้องดังออกมาแต่ไกล เสียงนั้นเหมือนฟ้าร้อง ระเบิดอยู่ในท้องฟ้าและก้องกังวาลไปทั่วอาณาเขต
ผู้อาวุโสทั้งสองหยุดและหยุดทันทีโดยไม่รู้ตัว พวกเขามองดูร่างที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างเงียบ ๆ จากที่ไกล ๆ โดยที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเอง คนกลุ่มนั้นก็หยุดอยู่ห่างจากผู้อาวุโสทั้งสอง 20 เมตร มีคนทั้งหมดอยู่ 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นชายชราและอีกสามคนที่เหลือเป็นชายวัยกลางคน ชายชราเป็นเซียนราชาแต่อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 1 เท่านั้น ในขณะที่ชายวัยกลางคนอีกทั้งสามคนเป็นเซียนผู้คุมกฎ
ชายชราป้องมือไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองและถาม “พวกท่านทั้งสองเป็นผู้อาวุโสของศาลาเทพเจ้าอสรพิษหรือเปล่า ? “
“ถูกต้อง พวกเราเป็นผู้อาวุโสของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ทำไมพวกท่านถึงมาหยุดพวกเราไว้ล่ะ ? ” ผู้อาวุโสถามอย่างสงสัย
“ท่านผู้อาวุโสที่เคารพ พวกเราทั้งสี่เป็นคนของเผ่าเฉินหยางที่อยู่ใกล้ใกล้ พวกเราได้รับข้อความจากผู้อาวุโสประจำศาลาของศาลาวิญญาณสวรรค์ ให้มาเชิญพวกท่านทั้งสองไปเยี่ยมเยือนที่ศาลาวิญญาณสวรรค์” ชายชราพูดพร้อมรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขานั้นสุภาพมาก