เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 891: การต่อสู้ของพลังบรรพกาล (2)
ตอนที่ 891: การต่อสู้ของพลังบรรพกาล (2)
หนึ่งในผู้อาวุโสคุมวินัยใช้ทักษะเซียนในระดับเทียนเทียมที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ทำให้หนึ่งในแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะบินตรงไปไล่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์อีกคนที่กำลังพุ่งเข้าไปที่นูบิส เจี้ยนเฉิน และซี่หวัง
เมื่อมีศัตรูที่ทรงพลังเข้ามา แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถที่จะสนใจคนทั้งสามได้อีกต่อไป เส้นเลือดที่แขนของเขาโป่งออกและปูดขึ้นมา มันกลายเป็นกรงเล็บหนา 2 กรงเล็บที่ส่องแสงเย็นเย็น มันแข็งแกร่งมาก
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของศาลาเทพเจ้าอรสพิษนั้นเป็นมังกรอสรพิษ อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็คือกรงเล็บที่ทำลายได้แม้กระทั่งหิน หลังจากที่แขนของพวกเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บแล้ว เขาก็เหวี่ยงไปที่ผู้อาวุโสคุมวินัยที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา
อาวุธของผู้อาวุโสเป็นหอกยาว 5 เมตร เขาแทงมันออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าในขณะที่คลื่นพลังที่มหาศาลม้วนตัวอยู่รอบรอบหอก เขากำลังจะเข้าไปต่อสู้อย่างดุเดือดกับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนี้เอง แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับบาดเจ็บมาจากทักษะเซียนระดับเทียนเทียมของผู้อาวุโสคุมวินัยก็บินเข้ามาด้วยใบหน้าซีด ๆ เขาจ้องอย่างเย็นชาไปที่ผู้อาวุโสคุมวินัยที่ยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับสหายของเขาอยู่และพูดอย่างเย็นชา “เจ้ายังไม่ได้ใช้ทักษะเซียนระดับเทียนเทียมของเจ้าสุดกำลัง ถ้าเจ้าใช้ทักษะเซียนระดับเทียนของจริง เจ้าคงจะทำให้ข้าบาดเจ็บตนถึงขั้นที่ข้าก็ยากที่ฟื้นฟูได้ถ้าข้าไม่ตาย น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดายจริงจริง ข้าจะพาพวกนั้นทั้งสามคนไป”
“ให้ข้าจัดการคนผู้นี้เอง เจ้าไปเอาตัวทั้งสามคนนั้นมา นี่เป็นแผ่นดินของศาลาวิญญาณสวรรค์ ดังนั้นเราจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ มันจะเป็นปัญหาเอาถ้าจอมยุทธคนอื่นเข้ามา” แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อโม่หยันพูดด้วยเสียงแหบห้าว
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์คนอื่นบินไปทางเจี้ยนเฉินและอีกทั้งสองคนทันทีที่ได้ยินอย่างไม่ลังเล
“นี่คืออาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์ อย่าคิดว่าเจ้าจะเอาพวกนั้นไปได้ ! คลื่นฝ่ามือเก้าชั้น ! ” ผู้อาวุโสคุมวินัยตะโกนออกมาอีกครั้งพร้อมร่ายทักษะเซียนระดับเทียนเทียมอีก
“อย่าคิดว่าเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่ใช้ทักษะเซียนระดับเทียนเทียมได้ ข้าก็มีเยอะเหมือนกัน! มันอาจจะไม่ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาด้วยตัวของข้าเอง แต่มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของเจ้า ! โทสะมังกรอสรพิษ ! ” โม่หยันคำรามขึ้นไปที่ท้องฟ้าและพลังงานปริมาณมหาศาลก็รวมตัวกันเป็นพายุซึ่งหมุนวนรอบ ๆ เขา ในท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นมังกรอสรพิษตัวใหญ่สีดำมันที่ยาวหลายร้อยเมตร
มังกรอสรพิษนั้นหนาแน่นไปด้วยพลังงาน พลังที่น่ากลัวภายในมันสั่นไหวไปรอบ ๆ ทำให้มิติสั่นไหวและพังทลาย พลังงานนั้นมหาศาลและดูเหมือนจะก้าวข้ามขีดจำกัดของมิติไปและทำให้เกิดรอยแยกเล็ก ๆ ไปทั่ว
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรทะเลที่ซึ่งมิติหนาแน่นกว่าโลกภายนอก ถ้าการต่อสู้ที่ดุเดือดแบบนี้เกิดขึ้นที่โลกภายนอก มิติก็คงพังทลายลงมานานแล้ว
โฮ้ก ! มังกรอรพิษคำรามอย่างเกรี้ยวกราดในท้องฟ้า คลื่นเสียงที่น่ากลัวสั่นไหวแก้วหูของพวกทั้งสามจนรู้สึกเจ็บ หลังจากนั้น มังกรอสรพิษก็เปลี่ยนเป็นแสงสีดำและพุ่งเข้าไปที่ผู้อาวุโสคุมวินัยดัวยพลังที่หยุดไม่ได้ มันปะทะเข้ากับคลื่นฝ่ามือเก้าชั้นและทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น คลื่นพลังที่น่ากลัวที่หลงเหลืออยู่ทำลายล้างไปรอบ ๆ เหมือนว่ามันกำลังพังทลายบริเวณนี้อยู่
ผู้อาวุโสอีก 2 คนกำลังถึงจุดดุเดือดในการต่อสู้กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ พวกเขาโจมตีด้วยพลังเต็มที่ ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นทุกครั้งที่ปะทะกัน การต่อสู้นั้นยิ่งใหญ่จนทำให้แผ่นดินไหว
ผู้อาวุโสคุมวินัยสามคนติดอยู่กับการต่อสู้กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามอยู่ พวกเขาวุ่นจนไม่สามารถเข้าไปหากลุ่มของเจี้ยนเฉินได้และทำได้แค่มองดูแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์อีกคนที่กำลังใกล้เข้าไปหาพวกเขาทั้งสามอย่างช่วยไม่ได้
พวกเราต้องแยกกัน ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา หลังจากนั้น พวกเขาก็แยกย้ายออกไปต่างทิศทาง
อย่างไรก็ตาม ความห่างชั้นระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขาและแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์นั้นมากเกินไป แม้ว่าแม่ทัพจะบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งมากและไล่ตามพวกเขาทั้งสามทันในเวลาไม่นาน
“มันเป็นความหวังลมลมแล้งแล้งที่พวกเจ้าจะหนีจากพวกเราแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ด้วยความแข็งแกร่งอันน้อยนิดของพวกเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าบาดเจ็บสาหัส แล้วมาดูกันว่าพวกเจ้าจะยังมีแรงที่จะหนีกับอีกหรือไม่” แม่ทัพเหยียดในขณะที่เขาจับคนทั้งสามเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็โจมตีด้วยฝ่ามือออกไปสามครั้ง พวกเขาโดนโจมตีคนละ 1 ครั้งและพลังงานที่น่ากลัวก็พุ่งเข้าไปที่ร่างของพวกเขา มันทำลายอวัยวะของพวกเขา
พรวด ! พรวด ! พรวด !
ทั้งสามคนกระอักเลือดออกมาเป็นละอองในขณะที่อวัยวะของพวกเขาถูกทำลาย พวกเขาหน้าซีดและได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
การโจมตีจากชั้นสวรรค์ที่ 5 นั้นมากเกินกว่าที่ร่างสัตว์อสูรโบราณของนูบิสและร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินจะทนได้ พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเพราะพวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้ เสื้อของพวกเขากลายเป็นฝุ่น มีเพียงเกราะไหมบรรพกาลของเจี้ยนเฉินเท่านั้นที่ยังอยู่ครบ มันหม่นแสงลงไป
“หืม ? เสื้อผ้าอะไรกันนี่ ? มันไม่ถูกทำลายหลังจากที่โดนการโจมตีด้วยฝ่ามือของข้า มันต้องเป็นสมบัติสักอย่างแน่” แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ถูกดึงดูดใจโดยเกราะไหมบรรพกาลของเจี้ยนเฉิน ความสนใจปรากฎขึ้นมาในตาของเขา ก่อนที่จะดึงมันออกมาจากร่างของเจี้ยนเฉิน
เมื่อเกราะไหมบรรพกาลถูกเอาไป เจี้ยนเฉินก็ใจหายวาบทันที แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่สายตาของเขาก็จ้องมองอย่างดุดัน เขาจ้องเขม็งไปที่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์และขบฟันของเขา “เจ้าจะต้องเสียใจภายหลังถ้าเจ้าเอามันไป”
สายตาของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์เริ่มเย็นชา เขาเหยียด “เสียใจภายหลัง ? เอาล่ะ เจ้ามีปราณของผู้คุมกฎ เจ้าจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดของ 16 ดาวได้และเหนือกว่าข้ามากแน่ เจ้ามีสิทธิ์แน่ที่จะทำให้ข้าเสียใจในภายหลัง บังไงก็เถอะ เจ้าคิดว่าเจ้าจะอยู่ได้ถึงตอนนั้นหรือ ? เมื่อพวกเรากลับไปที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษ เจ้าจะต้องตาย” แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ไม่พูดพร่ำอีกต่อไป เขายึดทั้งสนามไว้ด้วยพลังมิติของเขาและบินตรงไปที่เขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษพร้อมกัน
“ตอนนี้ พวกเราแย่แล้ว ข้าไม่น่าตามพวกนี้มาเลย ตอนนี้ข้าไม่สามารถใช้ชีวิตร้อยปีสุดท้ายที่เหลือของข้าได้อย่างมีความสุขแล้ว” ซี่หวังคิดเสียใจในใจ หน้าของเขาถอดสี และเขาแน่ใจว่าเขานั้นต้องตายแน่
ทันใดนั้นเอง ลำแสงสีฟ้าก็พุ่งมาแต่ไกลด้วยความเร็วดุจสายฟ้า มันพุ่งเข้ามาที่เจี้ยนเฉินและนูบิส แต่ก็ไม่มีใครเห็นได้ชัดว่ามันคืออะไร
ใบหน้าของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์เย็นชา เขาเหวี่ยงหมัดไปที่ลำแสงสีฟ้า
บอลแสงสีฟ้าหลบหมัดของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์อย่างว่องไวและมาอยู่ที่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินกับนูบิส มันบินไปรอบ ๆ เจี้ยนเฉินและส่งเสียงร้องเหมือนนกที่มีความสุขออกมา พวกเขารู้แล้วในที่สุดว่าบอลแสงสีห้านั้นคือนกขนาดเท่ากำปั้น
ท่าทางของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นนกสีฟ้า เขาร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว “นกอเวจี ! “
พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็ปรากฏขึ้นมาทันทีในตอนนี้ จอมยุทธ 4 คนที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษกำลังพุ่งตรงเข้ามาที่พวกเขา ทั้งสี่คนเคลื่อนเข้ามาเร็วมาก และเคลื่อนที่ได้หลายสิบกิโลเมตรในวินาทีเดียวและมาถึงที่ตรงหน้าของกลุ่มเจี้ยนเฉิน
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์แสดงท่าทางน่ากลัวออกมาทันที่คนทั้งสี่ออกมาปรากฏ เขาตะคอก “ฉิงยี่ยวน โอวหยุน โม่ซีรัน ของแปดยอดจอมยุทธมนุษย์ และเล่อป้าเทียนของห้ายอดจอมยุทธสัตว์อสูร ! พวกเจ้ามากันทำไม ! ? “
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของพวกเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามและผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามคนหยุดต่อสู้กันทันที จอมยุทธของทั้งสามศาลาเผชิญหน้ากันเป็นรูปสามเหลี่ยม ในขณะที่เจี้ยนเฉิน นูบิสและซี่หวังอยู่ตรงกลาง พวกเขามองดูนกอเวจีบินไปรอบ ๆ เจี้ยนเฉินและนูบิส และแต่ละคนก็ตกตะลึง
“นั่นคือนกอวจีที่อยู่ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง เป็นที่รู้กันดีว่ามันเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ทะเล ทำไมมันถึงได้ใกล้ชิดกับสองคนนั้นจัง” พวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและอยากรู้ว่าทำไมนกถึงได้ทำตัวสนิทสนมกับเจี้ยนเฉินและนูบิสนัก
นกอเวจีบินไปรอบ ๆ พวกเขาทั้งสองเรื่อย ๆ เหมือนแสงสีฟ้า มันส่งเสียงร้องที่ร่าเริงออกมาก่อนที่จะเกาะบนไหล่ของเจี้ยนเฉินและนูบิส และกระโดดไปมา
ในเวลาเดียวกัน ไข่มุกจิตวิญญาณน้ำได้เปลี่ยนไปสั่นไหวเล็กน้อย พลังแห่งการมีอยู่จาง ๆ รั่วออกมาจากมัน
“ไข่มุกจิตวิญญาณน้ำในตัวพวกเราไปดึงดูดความสนใจของนกอเวจีนั่นหรือเปล่า ? ” ความคิดเดียวกันปรากฎขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉินและนูบิสในตอนนี้
เล่อป้าเทียนจ้องเขม็งไปที่นก เขาส่งข้าความทางจิตใจไปที่ ฉิงยี่หยวน โม่ซีรัน และโอวหยุน “เจ้าศาลาพูดว่านกอเวจีจะหาเป้าหมายได้ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนนี้เป็นคนที่เจ้าศาลาต้องการให้เราพากลับไปอย่างปลอดภัย”
ฉิงยี่หยวน โม่ซีรัน และโอวหยุนละสายตาจากนกในเวลาเดียวกันและมองไปที่พวกเขาทั้งสาม แต่เมื่อฉิงยี่หยวนมองไปที่เจี้ยนเฉินและนูบิส นางก็อึ้งทันทีก่อนที่จะจำพวกเขาได้ นางโกรธเกรี้ยวมาก นางจ้องอย่างดุร้ายไปที่เจี้ยนเฉินในขณะที่ไฟแห่งโทสะระเบิดขึ้นในตาของนาง นางตะโกนออกมา “เป็นพวกสารเลวทั้งสองคนจริง ๆ ด้วย ข้าต้องฆ่าเจ้าสองคนให้ได้ ! ” ดาบปรากฏขึ้นที่มืองของนางทันที ฉิงยี่หยวนบันดาลโทสะและลืมภารกิจของเจ้าศาลาอีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย นางยกดาบขึ้นในขณะที่นางพุ่งเข้าไปหาเจี้ยนเฉินและนูบิสเพื่อที่จะล้างแค้น
“ฉิงยี่หยวน เจ้าจะทำอะไรน่ะ ! ? หยุดนะ ! ” เล่อป้าเทียนหยุดฉิงยี่หยวนทันที เจ้าศาลาสั่งมาด้วยตัวเองว่าให้พาคนที่นกอเวจีบินวนเวียนอยู่รอบ ๆ กลับไป เขาจะดูฉิงยี่หยวนฆ่าพวกนั้นได้อย่างไร ?
“เล่อป้าเทียน มันเป็นสองคนนี้ เจ้าสารเลว 2 คนนี้ที่ใช้วิธีสกปรกขโมยชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดไปจากข้า ปล่อยข้าจัดการมัน ! ” ใบหน้าของฉิงยี่หยวนเย็นชา ตาของนางเยือกเย็นและเต็มไปด้วยจิตสังหารไม่มีสิ้นสุด การที่ชุดเอี้ยมของนางถูกขโมยไปเท่ากับพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของนางถูกล่วงล้ำ นี่เป็นความอายที่ยากจะลบเลือนได้สำหรับนาง การสังหารสองคนนี้ไปเท่านั้นที่จะหยุดความเกลียดชังของนางได้
ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามของศาลาวิญญาณสวรรค์หรือสี่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ทั้งหมดมองไปที่พวกนั้นทั้งสองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพวกนั้นทั้งสองได้ขโมยชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดไปจากฉิงยี่หยวนที่มีชื่อเสียง
ความกล้าหาญในการขโมยบางอย่างจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 โดยที่เป็นแค่เซียนผู้คุมกฎนั้น เป็นอะไรที่น่าชื่นชมมากและพวกเขายังทำสำเร็จอีกด้วย มันทำให้น่าเหลือเชื่อจริง ๆ