เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 906: ข้อตกลง 5 ปี
ตอนที่ 906: ข้อตกลง 5 ปี
“พวกเราสนับสนุนทุกการตัดสินใจของผู้คุมกฎ..”
“พวกเราสนับสนุนทุกการตัดสินใจของผู้คุมกฎ..”
สมาชิกของเผ่าเต่าทั้งหมดเริ่มที่จะพูดออกมาดังขึ้นและชัดขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้ง ในท้ายที่สุด สมาชิกเผ่าเกือบทั้งหมดก็เริ่มที่จะพูดออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสนับสนุนการตัดสินใจของผู้คุมกฎ
ท่าทางของผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสามทั้งคู่เริ่มน่ากลัว พวกเขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะมาในทิศทางนี้ นี่ไม่ใช่อะไรที่พวกเขาปรารถนาที่จะเห็นเลยแม้แต่น้อย
“พวกเราดูถูกสถานะของผู้คุมกฎในใจของสมาชิกเผ่าเกินไป เขาได้ใจพวกนั้นไปมากกว่าพวกเรา” ผู้อาวุโสสามส่งข้อความทางจิตใจไปที่ผู้อาวุโสสอง เสียงของเขาแหบแห้ง
ผู้อาวุโสสองพยักหน้าช้า ๆ และยังคงเงียบอยู่ด้วยสีหน้าที่มืดมน
ความรุ่งโรจน์แต่ครั้งก่อนแต่ถูกนำมาโดยผู้คุมกฎคนก่อน ๆ ในจุดสูงสุดของพวกเขา เผ่ามีผู้คุมกฎถึง 4 คนในเวลาเดียวกันและทุก ๆ คนเทียบเท่ากับผู้อาวุโสประจำศาลา พวกเขาเป็นหนึ่งในคนที่ทรงพลังที่สุดไม่กี่คนของอาณาจักรทะเล เพราะผู้คุมกฎหายไปและปรากฏตัวขึ้นน้อยลงทุกที นี่ทำให้เผ่าตกต่ำและทำให้เผ่าอ่อนแอลงไปทุกรุ่น
มันเป็นเวลากว่าสามหมื่นปีมาแล้วตั้งแต่ผู้คุมกฎคนก่อนปรากฎขึ้นครั้งสุดท้ายในเผ่า นั่นทำให้เผ่าตกต่ำลงเรื่อย ๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบันนี้ ในไม่ช้าพวกเขาก็จะกลายเป็นเผ่าชั้นสองที่ไม่มีแม้แต่นักรบวิญญาณทะเล 15 ดาวหรืออาจจะแย่ถึงเผ่าชั้นสาม สถานะของพวกเขานั้นง่อนแง่นมาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เผ่าเสี่ยงที่จะถูกยึดโดยเผ่าไทฮง พวกเขาเกือบตกอยู่ในความสิ้นหวัง ดังนั้น การมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของผู้คุมกฎจึงได้รับการสนับสนุนมากมายจากสมาชิกเผ่า ซึ่งทำให้หลาย ๆ คนยังเชื่อว่านี่เป็นจุดสิ้นสุดของความถดถอยของเผ่า พวกเขาคิดว่าผู้คุมกฎจะนำทางพวกเขาไปสู่เส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์อีกครั้ง
สมาชิกของเผ่าไทฮงทั้งหมดแสดงท่าทางไม่น่าดูออกมา ในขณะที่ใบหน้าของผู้นำเผ่ามืดครึ้มเหมือนพายุ เขาได้ให้สิ่งของแก่ผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสามเพื่อติดสินบนพวกเขา การที่จะกลืนกินเผ่าเต่าก็เป็นอะไรที่เขาได้วางแผนกับผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสามเอาไว้นานแล้ว มันควรจะสำเร็จอย่างราบรื่น แต่มีใครก็ไม่รู้ที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาทำลายมัน ทั้งหมดกำลังจะสำเร็จอยู่แล้ว มันทำให้เขาโกรธเกรี้ยวมาก
“หืม เมื่อผู้คุมกฎปฎิเสธจะเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าไทฮง พวกเราคงต้องต่อต้านเจ้า หลังจากที่ข้าจับเจ้าไป ข้าสงสัยว่าเผ่าเต่าของเจ้าจะยอมจำนนหรือไม่” ผู้นำเผ่าคำรามออกมา หลังจากนั้น เขาก็มาถึงที่ตรงหน้าเจี้ยนเฉินในพริบตาและยื่นมืออกมาเพื่อที่จะจับเขา
เจี้ยนเฉินยังคงสงบนิ่ง เขาดึงเหรียญตราออกมาจากแหวนมิติและจับมันไว้ตรงหน้าผู้นำเผ่า เขาพูด “ดูนี่”
มือของผู้นำเผ่าหยุดอยู่ห่างจากคอของเจี้ยนเฉินแค่ 1 เมตร เขาจ้องเขม็งไปที่เหรียญตราที่อยู่ในมือเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาแสดงท่าทีสงสัยออกมา อย่างไรก็ตาม ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างเร็วในเวลาไม่นาน เขาถอยกลับไปหลายก้าว ในตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความตกใจและความเหลือเชื่อ
“ทะ ทะ ทะ ท่าน…” ผู้นำเผ่าส่งเสียงร้องตกใจออกมา เขาหน้าซีด เขาไม่สามารถจะพูดคำต่อไปของคำว่า ‘ท่านเจ้าศาลา’ เหมือนกับว่ามันค้างอยู่ในคอของเขา
ทุกคนรอบ ๆ เริ่มที่จะสงสัยเมื่อเขาเห็นปฏิกิริยาของผู้นำเผ่าที่เป็นแบบนั้น แม้แต่ผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสามก็ไม่ยกเว้นและพวกเขาก็ยื่นคอออกไปเพื่อสำรวจดูเหรียญตราของเจี้ยนเฉินอย่างสงสัย
“เจ้าจำเหรียญนี่ได้ใช่หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินชูเหรียญตราขึ้นมาและถามอย่างไร้อารมณ์
อย่างไรผู้นำเผ่าไทฮงก็เป็นถึงเซียนราชา เขาจึงสงบลงอย่างรวดเร็ว เขาสูดลมหายใจลึก แต่เขายังคงสั่นมากในขณะที่เขาจ้องไปที่เหรียญตราแล้วพูด “ทำไมเจ้าถึงมีเหรียญตรานี้ ? ” ครั้งนี้สายตาที่ผู้นำเผ่ามองไปที่เจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าทำไมข้าถึงมีเหรียญตรานี้ เจ้ากล้าที่จะแตะต้องข้าหรือไม่ตอนนี้ ? ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา
ความกลัวปรากฏขึ้นลึก ๆ ในตาของผู้นำเผ่า เขาถอยกลับไปหลายก้าวช้า ๆ ในขณะที่ตาของเขาเป็นประกายอย่างไม่สบายใจ หลังจากลังเลเขาก็พูดออกมา “เจ้าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของศาลาและมีฐานะที่ค่อนข้างเยี่ยมในศาลาแต่นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างเผ่า ศาลาจะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องเหล่านี้”
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาได้ยินแบบนี้แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
หัวหน้าเผ่าพูดต่อ “ข้าจะให้เวลาเจ้า 5 ปีเพราะว่าเหรียญตรานั้น หลังจาก 5 ปีนี้ เผ่าของข้าจะกลับมาอีกครั้ง ในตอนนั้น มันจะไม่มีประโยชน์แล้วถึงเจ้าจะเอาเหรียญตรานั้นออกมา”
เจี้ยนเฉินเก็บเหรียญตราไปและพูดอย่างเย็นชา “ถ้างั้นอีก 5 ปี ข้าจะสู้กับเจ้าในฐานะผู้คุมกฎของเผ่าเต่า ถ้าข้าแพ้ เผ่าเต่าจะก้มหัวให้กับเจ้าอย่างชั่วคราว แต่ถ้าข้าชนะ เผ่าไทฮงของเจ้าจะต้องเป็นของเผ่าเต่า”
คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้เกิดความโกลาหลไปรอบ ๆ ทันที จอมยุทธบางคนสัมผัสได้คร่าว ๆ ถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน เขาไม่ใช่นักรบวิญญาณทะเล 15 ดาวแน่และเขาคงไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากขนาดนั้นในระยะเวลา 5 ปีอันสั้นนี้ พวกเขาสงสัยว่าเจี้ยนเฉินจะสู้กับผู้นำเผ่าที่เป็นจอมยุทธ 16 ดาวได้อย่างไรในเวลา 5 ปี
ผู้อาวุโสทั้งสองของเผ่าเต่าแอบดีใจในใจ พวกเขาไม่เชื่อว่าเจี้ยนเฉินจะกลายเป็นจอมยุทธ 15 ดาวได้ในเวลาห้าปี
“เอาหล่ะ ข้าจะสู้กับเจ้าในอีก 5 ปี” ผู้นำเผ่าพูดด้วยท่าทางเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ดีใจในใจด้วย ในฐานะที่เขาเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 เขามองเห็นถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขาไม่เชื่อว่าเจี้ยนเฉินจะเพิ่มความแข็งแกร่งไปถึงระดับที่สามารถสู้กับเขาได้ในอีก 5 ปี
ในตอนที่คนของเผ่าไทฮงจากไป เผ่าเต่าก็ร้องออกมาด้วยความปีติยินดี สมาชิกเผ่าบางคนไม่รู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขาและเชื่อว่าผู้คุมกฎมีความแข็งแกร่งพอที่จะสู้กับจอมยุทธ 16 ดาวได้จริง ๆ พวกเขาทั้งหมดพากันโห่ร้องออกมา “ผู้คุมกฎจงเจริญ ผู้คุมกฎจงเจริญ”
เจี้ยนเฉินสงบสติอารมณ์คนที่อยู่ด้านล่าง ก่อนที่จะมองผ่านผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสามและเซียนผู้คุมกฎด้านหลังพวกเขาไปอย่างช้า ๆ ด้วยตาที่หรี่เล็ก เขาพูดออกมาเสียงดัง “มีใครที่ไม่พอใจกับการที่ข้าจะสืบทอดตำแหน่งผู้คุมกฎหรือไม่ ? “
“พวกเราขอคารวะท่านผู้คุมกฎ!”
เสียงร้องฟ้ถล่มดินทลายดังก้องออกมารอบ ๆ ในพริบตาเดียว ทั่วทั้งบริเวณก็กลายเป็นกลุ่มสีดำในขณะที่สมาชิกเผ่าธรรมดาทั้งหมดคำนับลง เฉพาะผู้อาวุโสทั้งสองและเซียนผู้คุมกฎเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่
เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาจ้องอย่างสงบไปที่พวกเขาด้วยสายตาที่แหลมคม ตาของเขาเหมือนดาบที่ชัดออกมา
“พวกเราขอคารวะท่านผู้คุมกฎ” เป็นแบบนี้ต่อไปสักพัก ก่อนที่เซียนผู้คุมกฎครึ่งหนึ่งคำนับลงด้วย พวกเขายอมรับสถานะของเจี้ยนเฉิน มีเฉพาะเซียนผู้คุมกฎอีกครึ่งหนึ่งและผู้อาวุโสทั้งสองเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่
สีหน้าผู้อาวุโสทั้งสองไม่น่าดู ใบหน้าของพวกเขามืดครึ้มมาก ในขณะที่เซียนผู้คุมกฎที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขามองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสอง เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสทั้งสองมีอำนาจเหนือพวกเขามาก
“หืม พวกเราไปกันเถอะ” ผู้อาวุโสสองพ่นลมออกมาทางจมูก เขาหันหลังและจากไป ผู้อาวุโสสามและเซียนผู้คุมกฎอยู่ต่อไม่นานและตามพวกเขาจากไปเช่นกัน
ผู้อาวุโสทั้งสองเข้าใจว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ผู้คุมกฎได้รับการสนับสนุนของทั้งเผ่า ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยในตัวตนของผู้คุมกฎ แต่มันคงไม่มีประโยชน์อะไร นี่เป็นเพราะว่าปราณของผู้คุมกฎของเจี้ยนเฉินนั้นเป็นของจริง มันปลอมไม่ได้และแม้แต่สมาชิกเผ่าธรรมดาก็สามารถรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน
ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้ว ไม่มีอะไรที่จะหยุดเจี้ยนเฉินจากการสืบทอดตำแหน่งในฐานะผู้คุมกฎของเผ่าได้
หลังจากที่สืบทอดตำแหน่งแล้ว เจี้ยนเฉินก็อยู่ที่เผ่าเต่า เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของเขาที่มีในการฝึกฝนและหวังที่จะสำเร็จร่างบรรพกาลขั้นที่ 2 ให้ได้ภายใน 5 ปี ถ้าเขาทำได้แบบนั้น เขาคงจะมีพลังพอที่จะต่อสู้กับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ได้ด้วยยุทธภัณฑ์ราชาของเขา
ข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งได้กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาช่วงหนึ่ง องค์กรชั้นสองที่อยู่รอบ ๆ ได้เข้ามาเยี่ยมเผ่าเต่าพร้อมด้วยของขวัญเพื่อมาแสดงความยินดีกับเผ่า แต่เจี้ยนเฉินก็จัดหาคนเพื่อให้มารับมอบหมายเรื่องเหล่านี้ เขาไม่ออกมาปรากฏตัวเลย และยังอยู่ในโถงที่ตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อทำสมาธิ
วันต่อมา ผู้อาวุโสประจำศาลาฮงก็ไปที่เผ่าเต่าเพื่อตามหาเจี้ยนเฉิน เมื่อเจี้ยนเฉินรู้ว่าผู้อาวุโสมาด้วยตนเองเช่นนี้ เขาจึงหยุดทำสมาธิทันทีและออกมาต้อนรับผู้อาวุโสประจำศาลาที่โถง
“เจี้ยนเฉิน ชิ้นส่วนสุดท้ายของแผนที่แผ่นดินทั้งแปดอยู่กับเจ้าหรือเปล่า ? ” ผู้อาวุโสฮงถามตรงเข้าประเด็น
“ถูกต้อง ข้าครอบครองชิ้นส่วนของแผนที่อยู่ ผู้อาวุโสฮงมาเยี่ยมเยียนเป็นพิเศษในวันนี้ด้วยเรื่องนี้หรือเปล่า ? ” เจี้ยนเฉินถาม
ผู้อาวุโสฮงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ข้ามาวันนี้เพราะเรื่องนี้แหละ เจี้ยนเฉิน โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดจะเปิดขึ้นในอีกปีที่จะถึงนี้และเฉพาะคนที่ระดับต่ำกว่า 15 ดาวเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้ ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นจะให้คนเข้าไปได้ 20 คน ดังนั้นจะมีทั้งหมด 160 คนที่จะได้เข้าไปด้านในจากชิ้นส่วนทั้งหมด 8 ชิ้น ข้ามาวันนี้เพื่อขอ 10 ที่นั่งจากเจ้า ได้หรือไม่ ? “
“ได้ ได้เลย” เจี้ยนเฉินตกลงอย่างลังเล เขามีคน 3 คนเท่านั้นที่ต้องการที่จะเข้าไป ดังนั้นเขาไม่ได้ใช้สิทธิ์ที่นั่งทั้งหมดในการที่จะให้คนเข้าไป เพราะยังไงศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็เป็นคนช่วยชีวิตของเขาเอาไว้อยู่แล้ว
ผู้อาวุโสฮงไม่ได้อยู่ต่ออีกนานและออกจากเผ่าไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ผู้อาวุโสจากไป เจี้ยนเฉินก็เข้าไปฝึกฝนต่อและทุ่มเทให้กับการเพิ่มพลัง ในการที่จะฟื้นฟูเผ่าเต่า เขาจำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งเพียงพอ พลังเท่านั้นที่จะเป็นตัวกำหนดทุกสิ่ง
เวลาผ่านไปอย่างไม่ทันสังเกต เจี้ยนเฉินอยู่ที่อาณาจักรทะเลไปมากกว่าเดือนแล้ว ในตระกูลเจียงหยางของเมืองลอร์ที่อยู่บนทวีปเทียนหยวนที่ห่างไกลออกไป หอคอยสูงหลายร้อยเมตรได้ปรากฏตัวขึ้นมา จากจุดสูงสุดของหอคอยสามารถเห็นส่วนใหญ่ของเมืองได้
การปรากฎตัวขึ้นของหอคอยในเผ่าเจียงหยางทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองเพราะมันไม่ได้โผล่ขึ้นมาอย่างช้า ๆ มันปรากฏขึ้นในชั่วข้ามคืน เหมือนว่ามันโตขึ้นมาจากพื้นดิน
เจียนหยาง ซู อวี้หยวนกำลังนั่งอยู่ข้างหน้าต่างในชุดสุดขาวที่บนยอดสุดของหอคอย นางจ้องอย่างเหม่อลอยไปที่ทิศทางที่เป็นทางเข้าหลักของตระกูลเจียงหยาง ในขณะที่สายตาของนางนั้นโศกเศร้า นางนั่งอยู่ที่นั่นเกือบทุกวันและนั่งทีละหลายวันทั้งวันทั้งคืน นางไม่ขยับไปไหนเหมือนท่อนไม้นิ่งสนิท
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจยาวดังมาจากด้านหลังของนาง เจียงหยาง ซู หยวนเซียวเดินมาอย่างช้า ๆ ที่หน้าต่างด้วยชุดแบบเดียวกัน และจ้องไปที่ท้องฟ้าที่เป็นหมอกขาวด้วยความโศกเศร้าเช่นเดียวกัน เขาพูด “วันที่อายุขัยของคงเอ๋อจะหมดก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว ผนึกยังอยู่ในหัวของเขา ดังนั้นเขาจะกลายเป็นเซียนผู้คุมกฎไม่ได้ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าคงเอ๋ออยู่ที่ไหน เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ? พวกเราจะได้พบกับเขาอีกหรือเปล่า ? “