เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 915: การต่อสู้เพื่อแกนอสูรระดับ 8
ตอนที่ 915: การต่อสู้เพื่อแกนอสูรระดับ 8
ในตอนนี้ สัตว์อสูรระดับ 8ที่ดุร้ายชั้นสวรรค์ที่ 2 สองตัวเต็มไปด้วยเลือดและใกล้ที่จะตายแล้ว การโจมตีของพวกมันอ่อนลงเรื่อย ๆ
“อีกนิดเดียวเท่านั้น พวกมันอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว พวกมันใกล้ตายแล้ว” เซียนผู้คุมกฎตะโกนออกมาในขณะที่พวกเขาเหวี่ยงหมัดไปที่หนึ่งในหัวของสัตว์อสูรอย่างรุนแรง มันทำให้หัวของสัตว์อสูรสั่นอย่างรุนแรงและทำให้กะโหลกของมันร้าว
ในตอนนี้ ภาพพร่ามัวก็มาถึงในพริบตา เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อไปที่ด้านหลังของสัตว์อสูรและเหวี่ยงยุทธภัณฑ์ราชาที่เปล่งไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างออกไปทันที มันตัดผ่านคอของสัตว์อสูรทำให้เป็นแผลอย่างน่ากลัว
แกรก ! สัตว์อสูรถูกบั่นหัวออกด้วยการโจมตีจากเจี้ยนเฉินในขณะที่เลือดปริมาณมากพุ่งออกมาจากร่างที่ยังเหลืออยู่ของมันกลิ่นเลือดคาวคละคลุ้ง
เจี้ยนเฉินเหวี่ยงมือของเขาและแทงออกไปอีกครั้ง ยุทธภัณฑ์ราชาแทงลึกเข้าไปในหัวของสัตว์อสูรและใช้กระบี่ของเขาในการเอาแกนอสูรออกมา เขาเอาแกนอสูรเก็บเข้าไปในแหวนมิติโดยไม่ได้เช็ดมันเลย ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปที่สัตว์อสูรตัวอื่นทันที
ไม่กี่วินาทีต่อมา ชีวิตของสัตว์อสูรอีกตัวก็จบลงด้วยน้ำมือของเจี้ยนเฉินเช่นกัน และเขาก็เอาแกนอสูรออกมา เจี้ยนเฉินดีใจเล็กน้อย เขาได้แกนอสูรระดับ 8 มา 3 อันแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการมากบนทวีปเทียนหยวน
“มาจัดการกับสัตว์อสูรตัวนี้กัน มันอยู่ในระดับ 16 ดาว พวกเราต้องจัดการมันที่นี่และตอนนี้ ไม่งั้นจะไม่มีใครที่จะจัดการมันได้เมื่อพวกเราแยกกัน มันจะทำให้พวกเราทั้งหมดพลาดท่า” เซียนผู้คุมกฎตะโกนออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือในขณะที่เขากำลังสู้อยู่กับสัตว์อสูรระดับ 8 ตัวสุดท้าย สัตว์อสูรอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 5 ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีเซียนผู้คุมกฎกว่าสามสิบคนรายล้อมและโจมตีมันอยู่ แต่มันก็ยังคงทรงพลังมากอยู่ดี มันกระแทกเซียนผู้คุมกฎทั้งหมดกลับไปด้วยกำลังของมันเอง
ทันใดนั้นเอง เซียนผู้คุมกฎมากกว่าร้อยคนพุ่งเข้าไปและต่อสู้อย่างดุเดือดกับสัตว์อสูรตัวสุดท้าย เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยืนอยู่เฉยเช่นกัน เขาก็เข้าร่วมในการต่อสู้กับสัตว์อสูรที่ดุร้ายตัวสุดท้ายด้วย สัตว์อสูรตัวนี้ทรงพลังมาก ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องฆ่ามันในตอนที่พวกเขายังมีจำนวนมากอยู่ ไม่เช่นนั้น บางทีทุกคนอาจจะต้องตายเพราะน้ำมือของมันหลังจากที่พวกเขาแยกกันแน่
ภายใต้การโจมตีของเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 กว่าร้อยคน สัตว์อสูรก็โหยหวนออกมาด้วยความน่าสงสารในที่สุด มันล้มลงจมกองเลือดของมัน อย่างไรก็ตาม มีเซียนผู้คุมกฎมากกว่าสามสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
แกนอสูรในหัวของสัตว์อสูรได้เป็นสิ่งของที่น่าสนใจในฝูงชน เซียนผู้คุมกฎมากกว่ายี่สิบคนพุ่งเข้าไปทันทีที่หัวของมัน และพัวพันในการแย่งชิงซึ่งกันและกัน ซึ่งทำให้หัวของสัตว์อสูรกระจายออกเป็นส่วน ๆ ในขณะเดียวกัน แกนอสูรที่ซ่อนอยู่ด้านในของมันก็ลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศด้วยพลังที่มหาศาล
เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดทะยานขึ้นไปในอากาศพร้อมพร้อมกันไปยังทางแกนอสูร พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก
สายตาของเจี้ยนเฉินระเบิดเป็นประกายและปรากฏขึ้นเป็นแสงหลายสี ตาของเขาข้างหนึ่งสีม่วงและอีกข้างหนึ่งสีฟ้า เขาคว้าไปที่อากาศที่ว่างเปล่าและแกนอสูรก็เปลี่ยนทิศทางและพุ่งมาทางเขา ท้ายที่สุด เจี้ยนเฉินก็จับมันเอาไว้แน่น
เซียนผู้คุมกฎมากกว่ายี่สิบคนล้มเลิกความคิดที่จะแย่งมันทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เอามันไปคือเจี้ยนเฉิน ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 7 คนที่พุ่งเข้าไปหาเขาด้วยจิตสังหารและพยายามที่จะชิงแกนอสูรจากเขา
ตาของเจี้ยนเฉินหรี่เล็กลงทันที เขาจับแกนอสูรเอาไว้แน่นที่มือข้างซ้าย เขาฟาดยุทธภัณฑ์ราชาออกไปด้วยมือขวาของเขา เขาแทงออกไป 7 ครั้งในทันที
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
เสียงโลหะกระทบดังขึ้นต่อเนื่อง อาวุธของคนทั้งเจ็ดปะทะเข้ากับยุทธภัณฑ์ราชาในมือของเจี้ยนเฉิน อาวุธปะทะเข้ากับกระบี่ของเจี้ยนเฉินก่อนที่จะถูกกระแทกกลับไปทันที ในขณะที่คนทั้งเจ็ดถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ในขณะที่สายตาที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและความหวาดกลัวในไม่ช้า
เจี้ยนเฉินยืนอยู่อย่างมั่นคงเหมือนรากไม้ เขาขัดขวางคนทั้งเจ็ดนี้ได้ด้วยตัวของเขาเอง และเขาดูเหมือนจะทำมันได้อย่างง่ายดายมาก
นี่ทำให้คนรอบ ๆ ร้องเอะอะขึ้นมา ในตอนนี้เอง พวกเขาทั้งหมดมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความหวาดกลัวอยู่ลึกลึก มันเป็นการโชคร้ายอย่างมากที่พวกเขาบังเอิญไปทำให้คนที่ทรงพลังโกรธในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดซึ่งแยกออกจากโลกภายนอก
เจี้ยนเฉินจ้องอย่างเย็นชาไปที่เซียนผู้คุมกฎทั้งเจ็ด เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะที่มุมปาก “ข้าจะดูซิ ว่าพวกเจ้าจะทนได้นานขนาดไหน”
พรวด! พรวด! พรวด…
ทันทีที่เจี้ยนเฉินพูดแบบนั้น เซียนผู้คุมกฎทั้งเจ็ดคนก็กระอักเลือดออกมา พวกเขาทั้งหมดหดหู่และทั้งหมดก็ได้รับบาดเจ็บจากปราณกระบี่จากการโจมตีเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้
เจี้ยนเฉินนั้นใช้ยุทธภัณฑ์ราชาทำให้เขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 การโจมตีโดยปกติของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 ไม่ใช่อะไรที่เซียนผู้คุมกฎสามารถทนได้อยู่แล้ว
ทุกคนที่อยู่ที่นี่มองตาโตและพูดไม่ออก ความตกใจในใจของพวกเขาพุ่งขึ้นไปจนถึงขีดสุด
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้คุมกฎของเผ่าเต่านี่สุดยอดจริงจริง ข้าได้เห็นกับตาตัวเองวันนี้แล้ว” โมจื่อหัวเราะออกมาดังในขณะที่เขาก้าวออกมาจากฝูงชนและมาอยู่ที่ข้างข้างเจี้ยนเฉิน เขากำลังกล่าวชมเชย หลังจากนั้น อีกทั้งสามคนก็ก็ออกมาจากฝูงชนเพื่อเข้ามาหาเจี้ยนเฉินเช่นกัน พวกเขากำลังชี้ให้เห็นว่าพวกเขาเป็นพวกกับผู้คุมกฎของเผ่าเต่า
เจี้ยนเฉินมองไปที่แกนอสูรระดับ 8 ที่อยู่ในมือของเขาและพูดกับคนทั้งเจ็ด “พวกเจ้ายังต้องการที่จะสู้กับข้าเพื่อแกนอสูรพวกนี้อีกหรือไม่ ? “
“ผู้คุมกฎเผ่าเต่า ขออภัยอย่างสูง พวกเราไม่รู้ว่าเป็นท่านที่ครอบครองแกนอสูรอยู่ ถ้าพวกเราได้ไปทำให้ท่านโกรธ ข้าหวังว่าผู้คุมกฎเผ่าเต่าจะยกโทษให้กับพวกเรา” ชายชราจากกลุ่มคนทั้งเจ็ดออกมาขอโทษเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขานั้นเอาจริงเอาจังมาก
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินแบบนั้นและเขาก็แสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย “ข้าไม่ชอบที่ถูกเรียกว่าผู้คุมกฎเผ่าเต่า ชื่อของข้าคือเจี้ยนเฉิน ! “
“ขอรับ ผู้คุมกฎเผ่าเต่า” ชายชราตอบกลับอย่างเคารพ เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธเจี้ยนเฉิน แม้ว่าพวกเขาจะฝึกฝนอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เจี้ยนเฉินนั้นเป็นถึงผู้คุมกฎของเผ่าเต่า เจี้ยนเฉินสามารถที่จะไปถึงระดับผู้อาวุโสประจำศาลาได้ในไม่ช้าก็เร็ว หรืออาจจะแม้แต่กลายเป็นเซียนจักรพรรดิ อย่าว่าแต่เขาคนเดียวยังกลัวที่จะทำให้เจี้ยนเฉินโกรธเลย แม้แต่เผ่าทั้งเผ่ายังไม่กล้าที่จะไปทำให้เจี้ยนเฉินโกรธเอาง่าย ๆ
อย่างไรก็ตาม ชายชราดูเหมือนจะไม่ได้ตระหนักว่าเขาเพิ่งพูดอะไรไป เขาเรียกเจี้ยนเฉินว่า ‘ผู้คุมกฎเผ่าเต่า’ อีกแล้ว
เจี้ยนเฉินถอนหายใจอย่างเบา ๆ ในใจ เขาไม่อยากยุ่งในการทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อยกับชายชราคนนี้ หลังจากที่เขาเก็บแกนอสูรลงในแหวนมิติแล้ว เขาก็ไปตรงหน้าของนูบิสเพื่อคุ้มครองเขาตอนที่เขากำลังรักษาตัวเองอยู่
ในตอนนี้ สัตว์อสูรที่ดุร้ายทั้งหมดได้ถูกกำจัดไปแล้ว การพักรบชั่วคราวระหว่างผู้คนที่อยู่ที่นี่ก็จบลง ทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนี้ก็กลับมาระมัดระวังคนอื่น ๆ
ทุกคนรู้ว่ามันมีสมบัติอย่างจำกัดอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดนี้ ยิ่งคนเหลือน้อยเท่าไหร ก็จะมีโอกาสมากขึ้นที่พวกเขาจะได้อะไรติดมือไป ดังนั้น การต่อสู้สามารถเกิดได้ทุกเมื่อที่นี่ เกือบทุกคนที่อยู่ที่นี่ปรารถนาที่จะให้คนอื่นตาย เพื่อที่พวกเขาจะได้ตำนานและสมบัติทั้งหลายของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดไปอย่างแน่นอน
สักพักต่อมา กลุ่มคนหลายกลุ่มก็ได้หายเข้าไปในถ้ำทั้งสิบหก ซึ่งทำให้คนที่เหลืออยู่ในโถงน้อยลงไปเรื่อย ๆ ในเวลาเพียง 2 ก้านธูป ทั้งโถงก็ว่างเปล่า เฉพาะกลุ่มของเจี้ยนเฉิน 7 คนเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ในอากาศ
“เจี้ยนเฉิน พวกเราก็ไปกันเถอะ” นูบิสยืนขึ้น บาดแผลของเขาเกือบจะหายทั้งหมดเพราะยาเม็ดจิตวิญญาณธาตุแสงระดับ 6 แม้ว่าเขาจะยังไม่หายดี แต่มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเขามาก
เจี้ยนเฉินมองไปที่ถ้ำทั้งสิบหกและเลือกมาหนึ่งถ้ำ โมจื่อและคนทั้งสามตามไปใกล้ ๆ ด้านหลังของเจี้ยนเฉิน นูบิส และซี่หวัง
โถงศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนเขาวงกตด้านใน ถ้ำนำไปทุกทิศทางและเห็นได้เกือบทุกที่ เมื่อกลุ่มของเจี้ยนเฉินเดินทางมาสุดถ้ำ พสกเขาก็เจอกับถ้ำที่มากกว่าเดิมที่จะพาพวกเขาไปที่ไหนก็ไม่รู้ ถ้ำเหมือนกิ่งก้านของต้นไม้ แต่ละกิ่งก็ยังมีกิ่งเล็กกิ่งน้อยอีก มันมีเส้นทางนับไม่ถ้วนและง่ายที่จะมึนงงได้
เสียงคำรามดังของสัตว์อสูรดังมาจากข้างหน้าในตอนนี้ สัตว์อสูรที่ดุร้ายระดับ 7 สูง 3 เมตรปรากฏขึ้นตรงหน้ากลุ่ม มันจ้องเขม็งไปที่พวกเขาด้วยดวงตาสีแดง ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่พวกเขา
ตาของเจี้ยนเฉินเบิกขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นสัตว์อสูร เขาดูเหมือนจะไม่เห็นว่ามันเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่าไหร่ เขาแค่ต้องการแกนอสูรระดับ 7 เท่านั้น
“ให้ข้าจัดการกับมันเอง” ตอนที่โมจื่อกำลังจะพุ่งเข้าไปที่สัตว์อสูร เจี้ยนเฉินก็ออกตัวไปก่อนแล้วพร้อมกับยุทธภัณฑ์ราชาที่อยู่ในมือของเขา เขาบั่นหัวของสัตว์อสูรออกเพียงการฟันเพียงครั้งเดียวและเอาแกนอสูรออกมา
กลุ่มไม่สนใจศพของสัตว์อสูรหลังจากที่เอาแกนอสูรออกมาแล้ว ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปต่อ
กลุ่มเดินทางไปโดยไม่มีจุดหมายในเขาวงกต และไปเจอเข้ากับสัตว์อสูรเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม พวกมันทั้งหมดเป็นระดับ 7 และยังมีระดับ 6 อีกด้วย ไม่เพียงแต่มันจะทำอันตรายใดให้กับกลุ่มของเจี้ยนเฉินไม่ได้แล้ว พวกมันยังกลายเป็นทรัพยากรชั้นดีให้กับเจี้ยนเฉินอีก เขาได้แกนอสูรมาจำนวนหนึ่งเพราะเหตุนี้
ในตอนที่พวกเขาผ่านเข้าไปในถ้ำ ภาพรอบ ๆก็ปรากฎขึ้นมากะทันหัน มันหลายเป็นโถงที่ใหญ่มากมาก
เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ และใบหน้าของเขาก็มืดมนลงอีกครั้ง เขาจำได้ว่านี้คือโถงที่พวกเขาเข้ามาถึงตั้งแต่ตอนแรก พวกเขาเคลื่อนไปเป็นวงกลมใหญ่ และกลับมาที่จุดที่พวกเขาเริ่มเคลื่อนไป ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือกองศพของสัตว์อสูรทั้งหมดได้หายไปแล้ว
พวกเขาไม่ใช่กลุ่มแรกที่กลับมา ยังมีคนอีกสี่สิบกว่าคนกระจายอยู่ทั่วในโถงและกำลังพูดคุยกันอยู่ พวกเขาขีดเขียนบนพื้นเป้นครั้งคราวเพื่อวิเคราะห์เส้นทางที่พวกเขาใช้ในเขาวงกต
“บ้าเอ้ย พวกเรากลับมาที่นี่อีกแล้ว” ท่าทางของนูบิสน่ากลัว
ในตอนนี้เอง ตาของเจี้ยนเฉินก็หยุดนิ่ง เขาจ้องเขม็งไปที่กลางโถง ที่นั้นเขาเห็นอาคมที่อยู่บนพื้นได้ลาง ๆ