เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 918: การขัดขวางของม่านพลัง (1)
ตอนที่ 918: การขัดขวางของม่านพลัง (1)
“พวกเราเข้าไปทั้งหมดสี่โถงแล้วและของทุกอย่างที่อยู่ในโถงทั้งหมดก็เหมือนกันเป๊ะ ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าโถงอื่นก็มีของที่เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเราต้องเก็บของจากทุกโถงเท่านั้นถึงจะได้ทักษะเทียนระดับเซียน วิธีการฝึกฝนและความเข้าใจในการฝึกฝนที่สมบูรณ์จากจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดมาได้ ” นูบิสพึมพำในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตาของเขาเป็นประกายหลายครั้งและแสดงสายตาที่ดุร้ายออกมาลาง ๆ เห็นได้ชัดว่า เขาได้คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องทำอย่างไร
สายตาของโมจื่อก็เป็นประกายเมื่อเขาเห็นท่าทางของเจี้ยนเฉินและนูบิส “ผู้คุมกฎ พวกเราอาจจะจะต้องรวบรวมส่วนอื่น ๆ ด้วย พวกมันทั้งหมดเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ โดยเฉพาะทักษะเซียนระดับเทียน นอกเหนือจากศาลาทั้งสามแล้ว ไม่มีใครในอาณาจักรทะเลที่กว้างใหญ่นี้ที่มีมันเลย ถ้าผู้คุมกฎสามารถกลับไปที่เผ่าเต่าพร้อมกับวิชาที่สมบูรณ์ได้ มันจะทำให้ความแข็งแกร่งของเผ่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก”
โมจื่อก็ถูกโต้กลับทันทีที่เขาพูดจบ “เจ้าบ้าหรือเปล่า? พวกเรามีแค่ 7 คนรวมทั้งเจ้าและข้า เจ้าต้องการที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ 14 ดาวมากกว่าร้อยคนที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกเราอย่างนั้นหรือ ? อีกอย่าง เมื่อพวกเขาเข้ามาที่นี่แล้ว พวกเขาคงต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างแน่นอน ทุกคนต้องต้องมีความสามารถในการต่อสู้อย่างมากแน่นอน และใครจะไปรู้ พวกเขาอาจซ่อนไพ่ตายที่ทรงพลังเอาไว้อีกด้วย เจ้าไม่มีทางรู้หรอก บางคนอาจจะมีทักษะเซียนระดับเทียนด้วยก็เป็นได้ พวกนั้นน่าจะยากที่จะรับมือด้วย”
โมจื่อจ้องเขม็งไปที่ซี่หวังและพูดอย่างมั่นใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งของผู้คุมกฎมาก่อนหน้านี้ เจ้าคิดหรือว่าจะมีใครเป็นคู่มือของผู้คุมกฎได้ ? มันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากถ้าผู้คุมกฎต้องการที่จะฆ่าพวกเขา ดังนั้นถึงพวกนั้นจะมีทักษะเซียนระดับเทียน พวกนั้นก็ไม่มีเวลาร่ายเหมือนกัน”
“เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดว่ายังไง ? ” นูบิสมองไปที่เจี้ยนเฉินที่กำลังคิดอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการฟังการตัดสินใจของเจี้ยนเฉิน
เจียนส่ายหัว “อย่าเพิ่งไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย พวกยังอยู่ที่อาณาเขตกึ่งกลางของโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่ ดังนั้นพวกเรายังต้องไปอีกไกล อีกทั้ง ข้าเชื่อว่าของที่พวกเราจะเจอต่อจากนี้ต้องมีค่ามากขึ้นไปเรื่อย ๆ พวกเราไม่จำเป็นต้องไปประมือและต่อสู้กับคนอื่นถึงตายด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ เอาล่ะ พวกเราหยุดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน แล้วไปกันต่อเถอะ”
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็มุ่งตรงออกไปจากโถง ไม่มีใครตระหนักถึงแววตาแห่งความผิดหวังของโมจื่อ
ในตอนนี้เอง เกือบทุกโถงอื่นอื่นก็ถูกเข้าไปโดนคนอื่นแล้ว ประตูทั้งหมดถูกเปิดออกกว้าง ในขณะที่ของข้างในก็ถูกเอาออกไปทั้งหมด เซียนผู้คุมกฎหลายคนยืนอยู่รอบรอบอย่างระวังตัวเป็นกลุ่ม แต่ละคนหวาดระแสง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็รู้ถึงความลับที่อยู่ในโถงเช่นกัน
“ทุกทุกคน ขอขอถามได้ไหมว่าของที่พวกเจ้าได้มาจากแต่ละโถงนั้นเหมือนกันเป๊ะเลยหรือเปล่า? ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็คือ ชิ้นส่วนของวิชาเซียนระดับเทียน ความเข้าใจในการฝึกฝนของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด วิธีการฝึกฝนของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด และแหวนมิติใช่ไหม?” ในตอนนี้เอง เสียงหนักแน่นก็ดังออกมา มันสะท้อนไปทั่วทั้งบริเวณและทุกทุกคนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
คนพูดเป็นชายวัยกลางคนร่างกำยำ เขาไม่ใส่เสื้อและเผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่ทรงพลังและเขาใส่กางเกงขาสั้น การแต่งกายของเขานั้นธรรมดามากแต่เขาก็เปล่งประกายไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่ยิง่ใหญ่ เขาดูเหมือนสัตว์อสูรที่ดุและโหดร้าย
รอบรอบตกอยู่ในความเงียบ คนที่จำชายคนนี้ได้ก็เผยให้เห็นถึงความกลัวออกมา ชายนี้เป็นที่รู้จักกันดีที่ศาลาวิญญาณสวรรค์ ชื่อของเขาคือไทนิช อัจฉริยะของเผ่าใหญ่และเป็นผู้คุมกฎของเผ่านั้นด้วย ในการฝึกฝนแค่พันปีของเขา เขาก็มาอยู่ในจุดสูงสุดของสิบสี่ดาวและยังเข้าใจในวิชาเซียนระดับเทียนซึ่งเขาสามารถร่ายมันได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย เขาทรงพลังมาก น้อยคนนักที่กล้าที่จะไปยั่ง
มีข่าวลือในอาณาจักรทะเลว่า ไทนิชนั้นได้ไปฝึกวิชาของผู้คุมกฎที่ยอดเยี่ยมมาทำให้เขาฝึกฝนอย่างอื่นได้ช้า ไม่อย่างนั้นเขาคงอยู่ในขั้นสิบห้าดาวไปนานแล้ว
ผู้คุมกฎที่มีพรสวรรค์นั้นไม่ได้อ่อนแอไปว่าสัตว์อสูรโบราณเลย พวกเขาทีชะตาที่จะกลายเป็นผู้เฒ่าประจำศาลาในอานาคตหรือเป็นแม้แต่เซียนระดับจักรพรรดิ พวกเขานั้นดูถูกไม่ได้เลย
ไทนิชมองไปที่ผู้คนรอบรอบอย่างช้าช้าด้วยสายตาที่แหลมคมทำให้หลายคนเก็บซ่อนท่าทีของพวกเขาเอาไว้ เขาหัวเราะและพูดออกมา “ทุกคน ข้าเดาว่าทุกทุกคงเข้าใจว่านี่คือแผนการของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด เขาแยกสิ่งของของเขาเป็นหลายหลายชิ้นและเก็ยมันไว้ที่โถงต่างต่างเพื่อหวังที่จะให้พวกเราฆ่าฟันกันเอง”
ไทนิชหยุดแล้วพูดต่อ “ถูกต้อง ข้าต้องพูดว่า วิชาเซียนระดับเทียน วิธีการฝึกฝน ความรู้ของเขา และประสบการในการฝึกฝนของเขานั้นเป็นสมบัติที่ทุกคนตามหา แต่อย่าลืมว่าพวกเราเพิ่งมาถึงที่กึ่งกลางของโถง ข้าเชื่อว่ายังมีสมบัติที่มีค่าอีกมากลึกเข้าไป ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องต่อสู้ฆ่าฟันกันเพื่อของเหล่านั้น และทะให้พวกเราพลาดโอกาสที่จะได้สมบัติที่อยู่ลึกเข้าไปอีก”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินคำพูดของเขา หลายคนก็เปลี่ยนใจ พวกเขาเข้าใจทันที และออร่าที่ไม่เป็นมิตรของทุกคนก็ลดลงเล็กน้อย
“ดูเหมือนสุดท้ายพวกเราจะไม่ต้องสู้กันเอง” นูบิสพูดออกมาด้านหลังเจี้ยนเฉินด้วยน้ำเสียงผิดหวังเล็กน้อย เขาดูกระตือรือร้นที่จะให้ทุกคนเริ่มต่อสู้กันมาก
“พวกเราไปเถอะ” เจี้ยนเฉินพึมพำ พวกเขาผ่านไปหลายโถงและเดินลึกเขาไปเรื่อยเรื่อย เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับชิ้นส่วนของวิชาเซียนระดับเทียน วิธีการฝึกฝน หรือประสบการณ์ในการฝึกฝนของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดเลย ในตอนนี้ ทกุคนถูกผนึกอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่ไม่มีใครหาวิธีที่จะออกไปได้ เขาก็มีโอกาสที่จะเก็บชิ้นส่วนเหล่านั้นมาได้ทีหลัง
กลุ่มของเจี้ยนเฉินเป็นกลุ่มแรกที่ออกไป พวกเขาเดินทางเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบไปตามทางที่กว้างใหญ่ของโถงซึ่งได้ดึงดูดความสนใจของคนหลายหลายคนรอบรอบ ทุกคนในที่นี่ยังคงยับยั้งชั่งใจ ดังนั้นใครที่กล้าที่จะออกไปอย่างมั่นใจในตอนนี้ ต้องเป็นที่แตะตาของคนอื่นอื่นแน่
“นั้นคือผู้คุมกฎที่น่ากลัวของเผ่าเต่า” ทุกคนแสดงความกลัวมากออกมาเมื่อเขาจำได้ว่าคนตรงหน้าสุดนั้นคือเจี้ยนเฉิน ก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเขากำลังล่าสัตว์อสูรที่ดุร้าย เจี้ยนเฉินได้ขับไล่จอมยุทธไปเจ็ดคนได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวและทำให้พวกนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เรื่องนี้ทำให้ทุกคนตกใจมาก
จากตอนนั้นเป็นต้นมา สายตาที่ทุกทุกคนมองเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ใครกันที่บอกว่าคนของเผ่าเต่านั้นมีการป้องกันที่ดีกว่าการโจมตี? การปรากฎตัวของผู้คุมกฎของเผ่าเต่านี้ทำให้ความรู้ของเผ่าอื่นอื่นเปลี่ยนไป
ไทนิชจ้องไปที่หลังของเจี้ยนเฉินด้วยความไม่เป็นมิตรที่ปรากฏอยู่ลึกในตาของเขา เขาคิด “ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า เจ้าจะกลายเป็นคู่มือที่แข็งแกร่งของข้า สุดท้ายพวกเราก็จะต้องสู้กันไม่ช้าก็เร็ว ข้าสงสัยจริงจริงว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าหรือข้ากันแน่?” มีตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น มันเป้นชะตากรรมที่จะมีคนเดียวในร้อยหกสิบคนเท่านั้นที่จะได้มันไป โถงศักดิ์สิทธิ์จะต้องถูกย้อมไปด้วยเลือดของเซียนผู้คุมกฎเพราะตำนานนี้
มีจอมยุทธที่มีชื่อเสียงหลายคนด้านหลังไทนิชในหมู่คนที่เข้ามาที่โถง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เป็นที่รู้จักกันดีเท่าไทนิช แต่พวกเขาก็มีไพ่ตายอยู่มาก แต่ละคนไม่ง่ายเลยที่จะจัดการ เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทุกคนมาเพื่อตำนานนี้ ดังนั้นถ้าพวกเขาต้องการที่จะได้มันไป พวกเขาจำเป็นที่จะต้องกำจัดคู่แข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปก่อน
ไม่สงสัยเลยว่า เจี้ยนเฉินและไทนิชคือผู้เข้าแข่งขันจำพวกนั้น
เจี้ยนเฉินที่ยอดเยี่ยมและไทนิชที่มีชื่อเสียงได้กลายเป็นคนที่นั่งอยู่บนบังลัง พวกเขาเป็นสองเป้าหมายที่จำเป็นต้องถูกกำจัด
จอมยุทธคนอื่นทั้งหมดออกไปจากบริเวณนั้นพร้อมด้วยความคิดต่างต่างนานานหลังจากที่เจี้ยนเฉินจากไป พวกเขาเข้าไปต่อในส่วนที่ลึกเข้าไปของโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด
มีรูปแบบกับดักหลายอันซ่อนอยู่ที่โถงศักดิ์สิทธิ์แต่ไม่มีอันไหนเลยที่แข็งแกร่งเท่าอันที่อยู่ที่เกาะมังกร ด้วยการกัดกร่อนจากกาลเวลา พวกมันจึงไม่ทรงพลังเหมือนที่เคยเป็นมาก่อน กลุ่มของเจี้ยนเฉินฝ่าอุปสรรคต่างต่าง และทำลายรูปแบบและม่านพลังไปหลายชิ้น พวกเขามาถึงที่ส่วนลึกของโถงได้ในที่สุด
โถงใหญ่มากตั้งอยู่ที่ส่วนลึกของโถงศักดิ์สิทธิ์ มันมีทั้งหมดเก้าชั้น แต่ละชั้นสูงมากกว่าสามสิบเมตร กลุ่มของเจี้ยนเฉินมาถึงตรงหน้ามัน และเงยหน้าขึ้นไปมองมามันใหญ่โตเพียงใดด้านหน้าทางเข้า ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็แระสบกับความประทับใจที่แปลกแปลก แปลกที่พวกเขารู้สึกเหมือนว่าโถงนี้คือโลก มันแสดงให้ให้ถึงท้องฟ้า ที่สะท้อนให้เห็นโลกแต่ไกล มันเต็มไปด้วยพลังที่มหาศาล
คนมารวมกันที่ด้านนอกของโถงมากขึ้นเรื่อยเรื่อย จอมยุทธหลายคนอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผ่านรูปแบบกับดักมาได้อย่างยากลำบาก มีน้อยคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเสียชีวิตในครั้งนี้
ตลอดทาง พวกเขาได้สิ่งมาเล็กน้อย นอกเหนือจากแกนอสูรจำนวนหนึ่งที่พวกเขาได้จากการสังหารสัตว์อสูรที่ดุร้ายก่อนหน้านี้แล้ว ทุกอย่างที่พวกเขาพบในโถงก็ไม่สมบูรณ์และไร้ประโยชน์
“โถงนี่น่าจะเป็นที่ที่สำคัญของโถงศักดิ์สิทธิ์ นี่น่าจะเป็นที่ที่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดเคยอยู่ ดังนั้นน่าจะต้องมีสมบัติบ้างด้านใน”
“มันต้องมีสมบัติที่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดทิ้งเอาไว้บ้างแน่ แต่ตลอดทางที่ผ่านมาพวกเราเห็นมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าคิดว่าสมบัติต้องอยู่ในโถงนี้แน่”
“ตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดก็ต้องอยู่ด้านในนี้ มันต้องอันตรายมากกว่าเดิมแน่ด้านใน”
ทุกทุกคนที่อยู่ที่นี่ซุบซิบกันและทั้งหมดจ้องไปที่โถงด้วยสายตาแหงความโลภ เมื่อพวกเขาได้รับตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดแล้ว พวกเขาจะต้องมีชะตากรรมที่จะต้องได้เป็นเซียนระดับจักรพรรดิ เรื่องนี้เป็นอะไรที่ยากที่จะปฎิเสธจริงจริง
แม้ว่าทุกทุกคนจะอดทนรอที่จะเข้าไปไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครเคลื่อนไหว ทุกคนต้องการที่จะสืบทอดตำนาน แต่ไม่มีใครที่ต้องการเป็นคนที่เข้าไปก่อน อันตรายที่ไม่รู้กำลังซุ่มซ่อนอยู่ตรงหน้าพวกเขา ดังนั้นมันจึงเหมือนกับว่าใครเข้าไปก่อนก็ต้องตายก่อนเหมือนกัน
เจี้ยนเฉินไม่ได้เคลื่อนไหวเช่นกัน แทนที่กัน เขากลับยืนอยู่และสำรวจไปที่ทุกทุกส่วนของโถง เขาขยายพลังแห่งการมีอยู่ไปจนถึงขีดสุดแต่เขาก็สามารถทำได้น้อยกว่าพันกิโลเมตร มันไม่สามารถผ่านสิ่งก่อสร้างไปได้และมันสามารถสังเกตุสิ่งต่างต่างได้มากกว่าตาเปล่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น