เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 920: แขวนอยู่บนเส้นด้าย
ตอนที่ 920: แขวนอยู่บนเส้นด้าย
ไทนิชเต็มไปด้วยเลือด แม้ว่าเขาจะทรงพลังมาก แต่เขาก็ยากที่จะไร้รอยขีดข่วนได้เมื่อเจอกับการโจมตีจากสัตว์อสูรจำนวนมากที่อยู่ในระดับการฝึกฝนเดียวกับเขา ร่างที่กำยำของเขาเต็มไปด้วยรอยเขี้ยวและรอยข่วนจากสัตว์อสูร ในขณะที่ตัวเขาถูกย้อมไปด้วยสีแดงจากเลือด ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเลือดของเขาหรือของสัตว์อสูรกันแน่
นูบิสบาดเจ็บและเลือดไหลไปทั่วเช่นกัน บางทีอาจจะมีแค่เจี้ยนเฉินเท่านั้นที่ไม่ได้รับอันตรายใดในจอมยุทธทั้งร้อยหกสิบคน การป้องกันของร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินนั้นเหนือเกินกว่าที่สัตว์อสูรระดับ 7 ที่ดุร้ายจะทำอันตรายเขาได้ กรงเล็บและฟันที่แหลมคมไม่สามารถเจาะทะลุผิวหนังของเขาได้ เฉพาะสัตว์อสูรที่เหนือกว่าระดับ 7 เท่านั้นที่จะทำอันตรายกับเขาได้ แต่เจี้ยนเฉินก็ฆ่ามันทันทีที่เขาเห็นมัน
ซี่หวัง โมจื่อ และคนอื่น ๆ โจมตีอยู่ใกล้ ๆ ด้านหลังของเจี้ยนเฉินและนูบิส พวกเขานั้นอ่อนแอกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเจี้ยนเฉินและนูบิส ดังนั้นพวกเขาจึงยากที่จะป้องกันการโจมตีจากสัตว์อสูรหลายตัว พวกเขาจึงมีบาดแผลทั้งตัว
เสียงของการต่อสู้ดังระงมอยู่ทุกที่ ในขณที่เสียงอื้ออึงรุนแรงจากการปะทะกันก็ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง คลื่นพลังงานที่รุนแรงทำลายล้างไปทั่วทั้งโถงและพื้นดินก็ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง เลือดเกลื่อนกลาดมากมายจนเหมือนเป็นสระเล็ก ๆ
ทันใดนั้นเอง จำนวนของเลือดที่พื้นก็ลดลงอย่างรวดเร็ว มันจมหายลงไปในพื้นอย่างไวก่อนที่ทั้งหมดจะไหลไปที่ม่านพลังของโถง
ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งนี้
ในเวลาเดียวกัน วิญญาณที่ทรงพลังมากก็ฉีกตัวออกมาจากโถง เหมือนว่ามันเป็นวิญญาณที่กำลังตื่นขึ้นอย่างช้า ๆ
วิญญาณที่ฉีกตัวออกมาถูกขัดขวางไว้โดยม่านพลัง ดังนั้นมันจึงออกมาไม่ได้ ไม่มีจอมยุทธที่กำลังสู้อยู่สังเกตเห็นสิ่งนี้
“20,000 ปีแล้ว ในที่สุดก็มีคนมาที่นี่ ฆ่ากันเลย ฆ่า ฆ่า ฆ่าเพื่อไปถึงใจกลางให้ได้ ให้เลือดย้อมโถงนี้ให้เป็นสีแดง…” เสียงแหบห้าวดังมาจากโถงที่ว่างเปล่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเสียงนั้นเป็นชายหรือหญิง แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย
ไม่มีใครรู้ถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในโถง จอมยุทธต่อสู้กันกับสัตว์อสูรหลายพันตัวเป็นเวลากว่าสามวันเต็มก่อนที่จะฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด สัตว์อสูรระดับ 7 นับไม่ถ้วยตายลงด้วยน้ำมือของพวกเขา ในขณะที่จำนวนของสัตว์อสูรระดับ 8 มีด้วยกันยี่สิบกว่าตัว อย่างไรก็ตาม พวกมันอยู่ต่ำกว่าชั้นสวรรค์ที่ 5 ทั้งหมด
ในตอนนี้ พื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยศพของสัตว์อสูร จอมยุทธร้อยกว่าคนนั่งอยู่บนศพในขณะที่พวกเขาหอบหายใจและพยายามที่จะสงบลง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า พวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลที่น่ากลัวและอยู่ในสภาพที่น่ากลัว
การต่อสู้นั้นตึงเครียดมาก มีสัตว์อสูรมากมายมากในครั้งนี้และมากกว่าฝูงที่พวกเขาเจอในตอนแรกมากมาย จากการต่อสู้ เกือบทุกคนได้ใช้พลังของเซียนราชาที่เก็บไว้ไปแล้ว ในขณะที่พวกเขาเหลือยาอยู่เล็กน้อยเท่านั้น
จอมยุทธมากกว่าสี่สิบคนตายลงในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาพลาดท่าให้กับสัตว์อสูรระดับ 8 ทำให้พวกเขาเหลือรอดกันอยู่ร้อยคนเศษเศษ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเกราะที่ควบแน่นมาจากพลังของเซียนราชาละก็ พวกที่มีชีวิตอยู่คงพลาดท่าและตายไปนานแล้วในตอนนี้
เจี้ยนเฉินอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับทุกคน แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บจากสัตว์อสูรระดับ 8 แต่เขาก็ฟื้นฟูได้เองโดยไม่ต้องใช้ยาใดเพราะพลังในการฟื้นฟูที่ทรงพลังของร่างบรรพกาลของเขา ในตอนนี้ เขากำลังง่วนอยู่กับศพกองเป็นภูเขาของสัตว์อสูรและเก็บแกนอสูรอยู่
ไทนิชนั่งขัดสมาธิอยู่บนศพของสัตว์อสูรระดับ 8 ในขณะที่เขากำลังฟื้นตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินที่กำลังวุ่นวายอยู่แล้วเขาก็พูดออกมาอย่างมีอารมณ์ว่า “ผู้คุมกฎของเผ่าเต่านั่นมีการป้องกันที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ข้าได้เห็นแล้วในวันนี้”
เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นมาแล้วจ้องไปที่ไทนิชหลังจากที่ได้ยินแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเขาก็เก็บแกนอสูรต่อไป แกนอสูรเหล่านี้มีสำคัญกับเจี้ยนเฉินเกินกว่าที่เขาจะปล่อยมันทิ้งไป
ในตอนนี้เอง เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางอย่าง เขาหยุดแล้วตะโกนออกมา “เลือดบนพื้นทั้งหมดหายไปแล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น จอมยุทธที่เหลือทุกคนก็พลิกศพขึ้นมาและไม่สนใจอาการบาดเจ็บ พวกเขาเตะศพออกไปข้าง ๆ เพื่อจะแหวกไปให้ถึงพื้น
พื้นแห้งมาก นอกเหนือจากชิ้นส่วนของสัตว์อสูรที่ดุร้ายแล้วก็ไม่มีเลือดอยู่เลยแม้แต่น้อย
“แปลกจริง เลือดของสัตว์อสูรไปไหนกันนะ ? ไม่มีอาคมอยู่ที่พื้นด้วย มันแตกต่างจากการที่พวกเราหนีจากเขาวงกตมาได้งั้นหรือ ? ” บางคนพูดออกมาอย่างสับสน น้ำเสียงของเขาอ่อนแอมาก
“ทุกคนดู ไม่มีเลือดอยู่ในตัวสัตว์อสูรเหมือนกัน” อีกคนตะโกนออกมา หลังจากนั้น บางคนก็ผ่าตัวสัตว์อสูรบางตัวออก เป็นไปตามที่คิด พวกเขาพบว่าเลือดได้หายไปทั้งหมดโดยไม่มีเหลือซักหยด
ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป เขาคิดกลับไปตอนที่เขาเอาแกนอสูรออกมาจากหัวของสัตว์อสูร เขาไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วนในตอนนั้นแต่คิดดูดี ๆ แล้วตอนนี้ เขาไม่เห็นเลือดในตัวสัตว์อสูรเช่นเดียวกัน
“ดูซิ เลือดของพวกเขาก็แห้งหายไปด้วย” บางคนตะโกนออกมา ชายชราสำรวจศพของจอมยุทธของเผ่าพันธุ์ทะเลในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าของพวกเขาหมองหม่นลงอย่างมาก นี่เป็นเรื่องแปลกที่เหนือเกินกว่าความรู้ของพวกเขา ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่
“ถ้าข้าเดาถูกล่ะก็ เลือดน่าจะถูกดูดไปทั้งหมดโดยโถงศักดิ์สิทธิ์”ชายชราตั้งสมมุติฐานหลังจากนั้นสักพัก นี่เป็นทางเดียวที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้
“แต่ทำไมโถงศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ดูดเลือดไปล่ะ ? ” เสียงบางคนถามขึ้นมาด้วยความสับสน พวกเขาไม่คิดไม่ออกแม้จะคิดหนักขนาดไหน
ในตอนนี้เอง พื้นก็สั่นไหวเบา ๆ อีกครั้ง เสียงเก้าเท้าหนักหนักดังมาแต่ไกลในขณะที่พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลหลายดวงเติมเต็มอยู่ทั่วท้องฟ้า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้จอมยุทธที่กำลังผ่อนคลายอยู่ระวังตัวเพิ่มมากขึ้น เมื่อพวกเขามองไปที่ต้นกำเนิดของพลัง แต่ละคนก็หน้าซีด สัตว์อสูร 5 ตัว ทั้งหมดสูงมากกว่าสามสิบเมตรค่อย ๆ เดินมาหาพวกเขาอย่างช้า ๆ สัตว์อสูรแต่ละตัวเผยให้เห็นกลิ่นอายที่น่ากลัวออกมา ทั้งหมดอยู่ในระดับ 16 ดาว พวกมันทั้งหมดเป็นชั้นสวรรค์ที่ 5 หรือสูงกว่านั้น
“เจ้าโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดบ้านี่ ทำไมถึงได้มีสัตว์อสูรมากมายในนี้กัน ? เราเสร็จแน่คราวนี้” ทุกคนสิ้นหวัง แม้แต่ถ้าพวกเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พวกเขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูร 16 ดาว 5 ตัวได้ อย่าว่าแต่พวกเขาที่เหนื่อยอ่อนอยู่ในตอนนี้เลย พวกเขาไม่มีพลังพอที่จัดการได้แม้แต่ตัวเดียวอย่าว่าแต่ 5 ตัวเลย
เจี้ยนเฉินก็เคร่งเครียดด้วย ตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาสั่งวัตถุเซียนอย่างลับ ๆ ให้ปลุกเสือขาวในมิติของวัตถุเซียน ถ้าสถานการณ์ย่ำแย่สุด ๆ จริง ๆ เขาคงจะใช้เสือขาวเพื่อผ่านม่านพลังไป
ความสามารถของเสือขาวในการผ่านม่านพลังและอาคมต่าง ๆ ได้ถือเป็นไพ่ตายที่สุดยอดของเจี้ยนเฉิน เว้นเสียแต่ว่าเขาจะถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก เขาก็ไม่ต้องการที่จะแสดงเสือขาวต่อหน้าผู้คนเหล่านี้
“เจี้ยนเฉิน พวกเราทำยังไงกันดี ? สัตว์อสูรที่ดุร้ายห้าตัวนั้นไม่ใช่สัตว์อสูรที่พวกเราจะรับมือได้ ถ้าพวกเรายังอยู่ที่นี่ พวกเราคงต้องตาย ทำไมพวกเราไม่เข้าไปที่มิติของวัตถุเซียนล่ะ ? ” นูบิสส่งข้อความทางจิตใจไปหาเจี้ยนเฉิน เสียงของเขาเคร่งเครียดมาก
เจี้ยนเฉินจ้องเขม็งไปที่สัตว์อสูรทั้งห้า ในขณะที่ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเขา เขาตะโกนออกมา “ทุกคน พวกเราต้องผ่านม่านพลังไปให้ได้ถ้าพวกเราต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ สัตว์อสูรพวกนี้ไม่มีความเฉลียวฉลาด ถ้าพวกเราใช้พวกมันอย่างถูกต้อง พวกเราสามารถใช้กำลังของพวกมันในการทำลายม่านพลังเข้าไปได้”
ตาของทุกคนเบิกกว้างเมื่อได้ยินแบบนี้ ไทนิชหันไปหาเจี้ยนเฉินแล้วคำรามออกมา “ผู้คุมกฎ เจ้ามั่นใจขนาดไหนที่เจ้าจะทำสำเร็จ”
“เจ้ามีทางอื่นที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ ? ” เจี้ยนเฉินตอกกลับด้วยคำถาม
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราจะต้องตาย พวกเราก็มาลองดูกัน นี่เป็นทางเดียวที่พวกเราจะรอดได้” ชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยเลือดพูดออกมาอย่างกล้าหาญ เขาทำเหมือนว่าเขาอยู่ในจุดสุดท้ายของชีวิตและกำลังจะพยายามเฮือกสุดท้าย
“เอาล่ะ ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะให้พวกเราทำอย่างไร ? ” ไทนิชพูดออกมา “ถ้าเขาสามารถทำลายม่านพลังได้ แบบนั้นก็คงดี แต่ถ้าไม่ ข้าจะใช้พลังนี้เพื่อทำลายมันเข้าไปเอง”
เจี้ยนเฉินพูดเสียงทุ้ม “พวกเราต้องแยกกันเป็น 2 กลุ่ม คนที่ใช้ทักษะเซียนระดับเทียนได้อยู่กลุ่มหนึ่ง พวกนั้นต้องร่ายวิชาพร้อมกัน ในขณะที่กลุ่มที่สองจะยืนอยู่ตรงหน้าม่านพลังเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกสัตว์อสูร พวกเราจำเป็นที่จะต้องให้สัตว์อสูรโจมตีพวกเราด้วยการโจมตีที่แรงที่สุด ก่อนที่พวกเราจะหลบและให้การโจมตีของมันโดนไปที่ม่านพลัง กลุ่มแรกจะโจมตีทันทีด้วยวิชาเซียนระดับเทียนเช่นกัน ข้าเชื่อว่าทักษะเซียนระดับเทียนมากกว่ายี่สิบพร้อมกับการโจมตีจากสัตว์อสูร 16 ดาว 5 ตัวจะเพียงพอที่จะทำลายม่านพลังนี้ได้”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยในใจเมื่อพวกเขาได้ยินแผนของเจี้ยนเฉินและพวกเขาก็ตกลงปลงใจ พวกเขาเคลื่อนไหวตามแผนและคนที่ใช้ทักษะเซียนระดับเทียนได้ก็มารวมกัน พวกเราใช้ยจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูพลังของพวกเขาก่อนที่จะเริ่มสะสมพลังเพื่อใช้ทักษะเซียนระดับเทียน
คนที่เหลือยืนอยู่เป็นรูปแบบ และยิงการโจมตีที่ทรงพลังไปอย่างต่อเนื่องที่สัตว์อสูรซึ่งกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
เสียงระเบิดดังรุนแรง สัตว์อสูร 5 ตัวถูกปกคุลมไปด้วยคลื่นพลังที่รุนแรงแรงหลายสิบอัน แม้ว่าการโจมตีจะยากที่จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บ แต่การโจมตีก็ทำให้พวกมันโมโหมาก
สัตว์อสูรทั้งห้าส่งเสียงคำรามแสบแก้วหูออกมา และพุ่งไปที่ผู้คนอย่างป่าเถื่อน
ระยะห่างระหว่างกลุ่มกับสัตว์อสูรลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ตอนที่สัตว์อสูรกำลังจะปะทะกับกลุ่มคน ทุกคนก็หลบออกไปข้าง ๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ในเวลาพร้อม ๆ กัน
บู้ม ! สัตว์อสูรทั้งห้าปะทะเข้าอย่างแรงกับม่านพลัง ทำให้เกิดเสียงรุนแรง ในเวลาเดียวกัน การโจมตีของทุกคนและทักษะเซียนระดับเทียนก็ได้ปะทะเข้ากับม่านพลังด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง คลื่นพลังที่รุนแรงสั่นไหวไปทั่วบริเวณและกระแทกทุกคนกระเด็นไปในอากาศ พวกเขากระอักเลือดออกมาและบาดเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่มีใครสนใจอาการบาดเจ็บ แทนที่กัน พวกเขาจ้องจาไม่กระพริบไปที่ม่านพลัง มันสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่รอยแยกกว้าง 10 เมตรจะปรากฎขึ้นมาในที่สุด มันเริ่มจะปิดตัวลงอย่างช้า ๆ
ตาของทุกคนเบิกโตขึ้นด้วยความยินดี โดยไม่ลังเล พวกเขาลุกขึ้นมาอย่างเร็วที่สุดและพุ่งเข้าไปที่รอยแยกอย่างไม่สนใจอะไร รอยแยกกำลังปิดตัวลงอย่างช้า ๆ และมันจะจะกลับสู่สภาพเดิมในเวลาอันสั้นนี้ ทุก ๆ คนใช้ช่วงเวลาที่มีพุ่งเข้าไปที่รอยแยก นี่เป็นความหวังเดียวที่จะรอดได้ของพวกเขา
เจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด ดังนั้นเขาจึงเร็วที่สุดเช่นกัน เขาคว้าเอานูบิสและซี่หวังวางไว้บนไหล่ของเขา จากนั้นเขาก็ใช้ทักษะมายาพริบตา เขาทิ้งภาพติดตาเอาไว้และเคลื่อนไปได้หลายร้อยเมตรผ่านรอยแยกเข้าไป
หลังจากนั้น ทุกคนก็พยายามที่จะเข้าไปที่รอยแยกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันไม่มีเวลาที่ทุกคนจะเข้าไปที่ม่านพลังที่ฟื้นตัวอยู่ มันทำให้คนที่บาดเจ็บหนักและช้ากว่าติดอยู่ด้านนอกและพวกเขาก็ถูกจัดการโดยสัตว์อสูรในท้ายที่สุด