เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 944: การรวมตัวของผู้ทรงพลัง
ตอนที่ 944: การรวมตัวของผู้ทรงพลัง
ไป่เจี้ยนจ้องไปที่เถี่ยต้าด้วยความตกตะลึง “เลือดสีทอง มันคือเลือดสีทอง มันเป็นสีทองได้อย่างไร ? เจ้าไม่ใช่มนุษย์งั้นหรือ?”
“ใครบอกว่าข้าไม่ใช่มนุษย์ ? นอกเหนือจากร่างกายที่ใหญ่โตของข้า มีส่วนไหนของข้าที่ดูไม่เหมือนมนุษย์อย่างนั้นหรือ ? ” เถี่ยต้าโวยวายในขณะที่เขาตอบกลับไปอย่างเร่งรีบ เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นที่สุดและกลัวว่าคนจะตราหน้าว่าเขานั้นเป็นสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์ต่างดาว
ในตอนนี้ มิติในท้องฟ้าก็เริ่มที่จะบิดเบี้ยวและประตูมิติก็เปิดออกมาอย่างรวดเร็ว ชายวัยกลางคนในชุดขาวก็โผล่ออกมา
“การแหวกมิติและสร้างประตูมิติเป็นความสามารถของเซียนราชา” ความคิดเหมือนเหมือนกันปรากฎอยู่ในหัวของเซียนราชาทุกคนเมื่อพวกเขาเห็นประตูมิติและรู้ถึงความแข็งแกร่งของคนคนนั้น
หมิงตงดีใจเมื่อเขาเห็นชายคนนั้นและพุ่งไปที่ท้องฟ้าเพื่อไปหาคนนั้นทันที หมิงตงตะโกนออกมา “ลุงเทียน ลุงเทียน ในที่สุดท่านก็มา”
เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง เทียนเจี้ยน
คนหลายสิบคนมองไปที่ท้องฟ้าในขณะที่บินเข้าไปหาเทียนเจี้ยนทันที พวกเขาทั้งหมดเป็นเซียนผู้คุมกฎที่มาจากหลายเผ่าในทวีป ยังมีแม้แต่เซียนราชาบางคนที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้
พวกเขาหยุดอยู่ห่าง 50 เมตรจากเทียนเจี้ยนและป้องมืออย่างพร้อมเพรียงกันไปที่เขา “พวกเราขอคารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุด ! “
ไป่เจี้ยนก็บินขึ้นไปจากพื้นและป้องมืออย่างเคารพไปที่เทียนเจี้ยน “หนึ่งในเก้าองค์ชายของจักรวรรดิเฟยลี่ ไป่เจี้ยน ขอคารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุด” ไป่เจี้ยนชำเลืองมองไปที่หมิงตงทางหางตาเป็นครั้งคราว ความเย็นชาซ่อนลึกอยู่ในดวงตาของเขา
“ผู้อาวุโสสูงสุด ? เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างงั้นหรือ ? ” เซียนผู้คุมกฎที่ไม่รู้จักเทียนเจี้ยนเดาจากลักษณะของเขาและก็ขึ้นไปหาเขาเพื่อป้องมือคารวะ
“ทุกคนสุภาพเกินไปแล้ว” เทียนเจี้ยนพูดอย่างใจเย็นกับทุกคน ก่อนที่จะมองไปที่หมิงตง ร่องรอยแห่งความชื่นชมปรากฎอยู่ในดวงตาของเขา “ไม่เลว ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างมากในไม่กี่ปีมานี้ มันเยี่ยมมาก แม้กระทั่งในตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้าก็ไม่ได้ใกล้เคียงขนาดนี้เลย”
เขาไม่ได้สนใจความยินดีของหมิงตง เทียนเจี้ยนมองไปที่เถี่ยต้า เมื่อเขาเห็นเลือดสีทองของเถี่ยต้า ตาของเขาก็แข็งทื่อ ในขณะที่เขาขมวดคิ้วอย่างมาก
“เลือดสีทอง…” เทียนเจี้ยนพึมพำในขณะที่เขาเริ่มคิด เขาโบกมือแล้วพลังที่มองไม่เห็นก็ล้อมรอบเถี่ยต้าทันที มันยกเขาขึ้นมากลางอากาศและนำเขาเข้าไปตรงหน้าผู้อาวุโสสูงสุด
“เถี่ยต้า อย่ากลัวไปเลย นี่คือลุงของข้า เทียนเจี้ยน เขาจะไม่ทำร้ายเจ้า” หมิงตงพูด
เถี่ยต้าพยักหน้าในขณะที่เขาจ้องไปที่เทียนเจี้ยน มือของเขายังอยู่ที่แผลในขณะที่เขากดมันไว้อย่างแน่นแต่เลือดสีทองก็ยังคงไหลออกมาผ่านนิ้วของเขา มันเตะตามาก
เทียนเจี้ยนสำรวจเถี่ยต้าผ่านดวงตา เขาขมวดคิ้วและท่าทางของเขาก็ผสมกันระหว่างความตกใจและความสงสัย
“เถี่ยต้า ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดถึงขนาดฆ่าเซียนผู้คุมกฎได้ อ้อใช่ กระหน่ำมิติและทำลายมฤตยูนั้น มันทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังประเภทไหนกัน ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินทักษะแบบนั้นจากเจ้ามาก่อน ? เจ้าไปเรียนมาตอนไหน ? ดูจากพลังของมันแล้ว พวกมันน่าจะอยู่ในระดับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นสูงเป็นอย่างน้อย” หมิงตงถามเถี่ยต้าอย่างอยากรู้ เขาไม่แน่ใจว่าเถี่ยต้าได้ทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังมากมายอย่างนี้มาได้อย่างไร
เถี่ยต้าส่ายหน้าด้วยความสับสนในขณะที่เขาตอบกลับด้วยเสียงทุ้มและนุ่มนวล “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน ข้ารู้ทักษะมาหลังจากที่ข้าตัดผ่านระดับ”
“อะไรนะ! เจ้ารู้มันหลังจากที่เจ้าตัดผ่าน ! ” หมิงตงอึ้งด้วยความเหลือเชื่อ
“ความลึกลับของสงคราม ความลึกลับของสงคราม…” เทยนเจียนพึมพำเบา ๆ ในขณะที่เขาครุ่นคิดอย่างหนัก เขารู้สึกเหมือนว่าเขาได้ยินวลีนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง
ทันใดนั้น เทียนเจี้ยนก็ดูเหมือนจะคิดบางอย่างออก ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันทีในขณะที่เขาจ้องไปที่เถี่ยต้าด้วยความตกใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ความลึกลับของสงคราม เลือดสีทองและรูปสลักขวานรบที่ระหว่างคิ้ว ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ที่บันทึกโบราณอ้างถึงเทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ เอ่อหยิน อย่างนั้นหรือ ? บางทีเขาอาจจะเป็นเทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์หรือไม่ ?” หัวใจของเทียนเจี้ยนปั่นป่วน หลังจากที่เขารู้ความลับเกี่ยวกับตัวตนของเถี่ยต้า เขาก็ยากที่จะสงบอยู่ได้แม้แต่ระดับความแข็งแกร่งของจิตใจของเขาจะอยู่ในระดับนี้
“ลุงเทียน มีอะไรงั้นหรือ ? ” หมิงตงเห็นว่าเทียนเจี้ยนมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรง ดังนั้นเขาจึงถามอย่างสงสัย
ไป่เจี้ยน เซียนผู้คุมกฎคนอื่น ๆ และเซียนราชาบางคนก็เห็นปฏิกิริยาของเทียนเจี้ยนด้วย ซึ่งกระตุ้นให้พวกเขาอยากรู้มาก พวกเขาสงสัยว่าอะไรที่ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างถึงกับมีปฏิกิริยารุนแรงแบบนี้ แต่แม้แต่ทุกคนจะสงสัย แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะถามเขาเหมือนหมิงตง
เทียนเจี้ยนสูดลมหายใจลึก ๆ และสงบตัวเองลงอย่างช้า ๆ สายตาที่เขามองไปที่เถี่ยต้าในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก
“หมิงตง นี่เป็นสหายเจ้าใช่หรือไม่ ? ” เทียนเจี้ยนถามหมิงตง
“ขอรับ ท่านลุงเทียน เถี่ยต้าเป็นหนึ่งในสหายไม่กี่คนของข้า เขาเป็นสหายของเจี้ยนเฉินเหมือนกัน” หมิงตงตอบกลับ
เทียนเจี้ยนผ่อนคลาย รอยยิ้มยินดีปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาก่อนที่เขาจะถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ออกไป “เฮ้อ พยัคฆ์ปีกเทวะและเทพเจ้าสงครามได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง จอมยุทธที่สุดยอดที่ได้เกิดมาในทวีปสัตว์เทวะและร้อยเผ่าพันธุ์ ในขณะที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลของอาณาจักรทะเลก็ยังมีชีวิตอยู่ ข้าอยากรู้จริงจริงว่าสุดยอดจอมยุทธของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ที่ไหน”
ในตอนนี้เอง ความไม่สบายใจอย่างมากถาโถมอยู่ในใจของเทียนเจี้ยน เขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของทวีปเทียนหยวน จากสี่เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ มีเพียงสุดยอดจอมยุทธของทวีปเทียนหยวนเท่านั้นที่ยังไม่ปรากฏออกมา ถ้าพวกเขากลับไปเหมือนเมื่อครั้งโบราณกาล ทวีปเทียนหยวนจะมีพลังพอที่จะไปต่อต้านเผ่าพันธุ์ที่เหลืออีกทั้งสามเผ่าพันธุ์ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาโล่งใจเล็กน้อยก็คือ ทั้งพยัคฆ์ปีกเทวะและเทพเจ้าแห่งสงครามก็มีความสัมพันธ์อันดีกับเจี้ยนเฉินและหมิงตง พวกเขายังไม่เป็นศัตรูกับทวีปเทียนหยวน
“ข้าอยากรู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นอย่างไร เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎได้ในเวลา 20 ปี พรสวรรค์ของเขานั้นยอดเยี่ยมมากในทวีปของพวกเรา และเขายังรู้จักกับจิตวิญญาณของม่านพลังด้วยเช่นกัน เขาคือความหวังในอนาคตของทวีปพวกเราอย่างนั้นหรือ ? ” เทียนเจี้ยนเริ่มที่จะคิดเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินในตอนนี้และตั้งหน้าตั้งตารอสิ่งที่จะเกิดทันที
ในตอนนี้ ดวงตาของเทียนเจี้ยนหรี่เล็กลง “เถี่ยต้า เจ้าควรจะไปที่เมืองทหารรับจ้าง” ในขณะที่เขาพูดแบบนั้น เขาก็โบกแขนเสื้อของเขา พลังรุนแรงได้ห่อหุ้มเถี่ยต้าไว้ก่อนที่เถี่ยต้าจะทันได้ตอบอะไรกลับ และพลังก็ลากเขาอย่างแรงเข้าไปในประตูมิติ
ท่าทีของไป่เจี้ยนเปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นเทียนเจี้ยนเอาตัวเถี่ยต้าไป เถี่ยต้าเป็นคนที่เขาจำเป็นต้องฆ่า อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
“ลุงเทียน ท่านจะทำอะไรกัน ? ” หมิงตงมองไปที่เทียนเจี้ยนอย่างสับสน
ทันทีที่เขาพูจบประโยค มิติรอบ ๆ ก็สั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง ประตูมิติหลายประตูก็ปรากฏออกมาพร้อมกัน จอมยุทธที่อายุต่าง ๆ กันก้าวออกมาจากประตู ไม่แปลกใจเลย พวกเขาทั้งหมดเป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ
ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบทั้งหมดได้มารวมตัวกันอยู่ที่ท้องฟ้าเหนือเมืองทหารรับจ้าง แม้ว่าคนที่มาจะไม่ใช่คนที่ทรงพลังที่สุดในตระกูล แต่พวกเขาทั้งหมดก็เป็นเซียนราชา
ประตูมิติอีกประตูได้เปิดออกข้างข้างไป่เจี้ยน และพ่อของเขา ไป่ยี่เฟยก็ออกมา ใบหน้าของเขาค่อนข้างซีดเซียว
วิญญาณของเขาถูกเจี้ยนเฉินทำให้ได้รับบาดเจ็บจากเทพจุติในการต่อสู้เหนืออาณาจักรทะเล ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวนก็ได้รับบาเจ็บเช่นกัน ในขณะที่ไป่ยี่เฟยยังไม่ฟื้นตัวสมบูรณ์
เทียนเจี้ยนจ้องอย่างสงบไปที่ทุกคนจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและพูดออกมาอย่างนุ่มนวล “ข้าไม่คิดเลยว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะมากันหมด”
“ผู้อาวุโสสูงสุด เจี้ยนเฉินคือ เจียงหยาง เซียงเทียน ในขณะที่เขาก็เป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางด้วย กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีที่เขาก่อตั้งขึ้นมาได้ทำลายข้อตลงของตระกูลทั้งสิบของพวกเราที่ได้ตั้งไว้แต่แรก ดังนั้นมันต้องถูกทำลาย พวกเรากำลังมาจัดการกับเรื่องส่วนตัวของพวกเรา ดังนั้นข้าหวังว่าเมืองทหารรับจ้างของท่านจะไม่เข้ามาก้าวก่าย” ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวนพูดกับเทียนเจี้ยนพร้อมป้องมือ
ในตอนนี้ ประตูมิติอีกอันก็เปิดขึ้นมา ชายชราผิวสีเลือดฝาดสองคนออกมาจากในนั้นและมาถึงตรงหน้าเจียนในขณะที่พวกเขาร่อนผ่านอากาศมาด้วยการก้าวเพียงก้าวเดียว พวกเขาเป็นผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่ของเมืองทหารรับจ้าง
“ผู้อาวุโสสูงสุด พวกเราไม่สามารถไปก้าวก่ายกับเรื่องของทวีปเทียนหยวนได้ พวกเราจะลืมกฎที่ท่านเจ้าเมืองตั้งไว้ไม่ได้” ผู้อาวุโสสามพูดขึ้นมา
“ผู้อาวุโสสูงสุด กฎที่ท่านเจ้าเมืองตั้งไว้แต่แรกนั้นสำหรับเมื่อทวีปตกอยู่ในอันตราย เฉพาะตอนนั้นที่พวกเราสามารถออกมาเพื่อป้องกันความขัดแย้งภายในได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ความแข็งแกร่งของพวกเราถดถอยไป อย่างไรก็ตาม เรื่องขัดแย้งเล็กน้อยนี้ไม่เพียงพอที่พวกเราจะเข้าไปก้าวก่าย และนี่ยังหมายถึงเรื่องภายในระหว่างตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบอีก พวกเราไม่สามารถก้าวก่ายได้” ผู้อาวุโสสี่กล่าวเพิ่มเติมเพื่อโน้มน้าว
หมิงตงกังวลทันทีเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น “ท่านลุงเทียน พวกเราใช้เวลาที่มีค่าและพยายามมาหลายปีเพื่อที่จะสร้างเมืองนี้ขึ้นมา ท่านจะให้คนอื่นเอามันไปไม่ได้”
เทียนเจี้ยนถอนหายใจเบา ๆ และพูดหลังจากคิดเล็กน้อย “หมิงตง ข้าช่วยเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ “
“ท่านลุงเทียน…” หมิงตงไม่ยอมแพ้และต้องการที่จะขอร้องต่อ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไร เขาก็ถูกเทียนเจี้ยนขัด “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าต้องการจะเปลี่ยนเรื่องนี้ มีเฉพาะเจี้ยนเฉินเท่านั้นที่สามารถทำได้ เมื่อเขาแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ข้าจะต้องมาเอาเมืองกลับไปแน่ หมิงตง กลับไปที่เมืองทหารับจ้างกับข้าและไปฝึกฝนให้หนักที่นั่น ข้าจะใช้เวลาว่างของข้าทั้งหมดเพื่อช่วยเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้” โดยไม่ฟังคำตอบกลับของมิงดง เทียนเจี้ยนก็บังคับเอาตัวหมิงตงไปด้วยและกลับไปเมืองทหารรับจ้างผ่านประตูมิติ
ผู้อาวุโสทั้งสองของเมืองทหารรับจ้างก็จากไปพร้อมกันเมื่อเทียนเจี้ยนจากไป พวกเขาไม่ได้อยู่ต่อนานนัก
“คงเอ๋อ กลับไปกับพวกเรา” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวมองไปที่เจียงหยาง ซู หยุนคง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้
เจียงหยาง ซู หยุนคงกลับไปที่กำแพงเมืองกับโหยวเยว่และไป๋เหลียนอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหยางซู หยวนเซียว โทสะก็ปรากฎขึ้นที่ใบหน้าของเขาทันที “ท่านพ่อ ท่านต้องการที่จะเห็นเมืองที่หลานของท่านเองพยายามสร้างมาหลายปีถูกทำลายไปแบบนี้จริงจริงหรือ ? “
“คงเอ๋อ มันไม่สำคัญว่าเขาจะสร้างองค์กรใหญ่แค่ไหนออกมาก่อนที่เขาจะเป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง แต่ในตอนนี้ เขาเป็นคนของตระกูลแล้ว พวกเราจำเป็นที่จะต้องทำตามข้อตกลงที่ตั้งไว้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” เจียงหยางซู หยวนเซียวถอนหายใจ ทำไมเขาจะไม่อยากเก็บเมืองที่สร้างมาจากทังสเตนทั้งหมดไว้ล่ะ ? แต่ข้อตกลงว่าแบบนั้น เขาไม่สามารถทำตามที่เขาปรารถนาได้ นี่เป็นเพราะถ้าข้อตกลงถูกละเมิด ตระกูลเจียงหยางของพวกเขาต้องถูกกดดันจากอีกเก้าตระกูลที่เหลือแน่
“เจียงหยาง ซู หยุนคง ข้อตกลงที่ต้องไว้มาแล้วหลายปีระหว่างพวกเราจะถูกทำลายไม่ได้ ในฐานะที่เป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์ เจ้าต้องทำตามข้อตลงนี้ มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ไปก้าวก่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่” จอมยุทธจากอารามจิตพิสุทธิ์พูด เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาที่มีกลิ่นอายราวกับว่าเขาอยู่เหนือเรื่องทุกอย่างของโลกออกไป