เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 96 : การพบกันที่โชคดีกับหญิงที่แม่น้ำ
ตอนที่ 96: การพบกันที่โชคดีกับหญิงที่แม่น้ำ
ในระหว่างเวลาสิบวันนี้ เจี้ยนเฉินได้สู้กับสัตว์อสูรระดับสามไปหลายตัว แม้ว่าไม่ได้มีสัตว์อสูรมากเท่าเหมือนในตอนที่เขาล่าอยู่ในป่าที่สำนักคากัต แต่ผลกำไรที่เขาได้ก็ยังคงมากอยู่ เขาได้แกนอสูรระดับสามมาประมาณ 20 อัน ซึ่งมากกว่าแกนอสูรระดับสองที่เขามีเล็กน้อย เมื่อพิจารณาจากความรวดเร็วการฝึกจากแกนอสูรระดับสาม 3 แกน ในตอนแรก เขาจะฝึกฝนโดยใช้แกนอสูรที่เหลืออยู่ได้เป็นเวลา 7 วัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจี้ยนเฉินไม่รู้คือ ตั้งแต่ที่เขาเดินทางคนเดียวในเทือกเขาสัตว์อสูร สัตว์อสูรก็ออกมาเผชิญหน้ากับเขาบ่อยมากขึ้น มากกว่าทหารรับจ้างที่มาเป็นกลุ่ม นี่เป็นเพราะสัตว์อสูรหลายตัวในแนวเทือกเขามีสัมผัสในการระวังตัวและการดมกลิ่มที่อ่อนไหวมาก เพราะว่าพวกมันใช้ชีวิตทั้งชีวิตในเทือกเขา ความสามารถในการแกะรอยเท้าของพวกมันจึงยอดเยี่ยมมาก และเมื่อมันพบกับกลุ่มทหารรับจ้างที่มีรอยเท้าหลายรอย สัตว์อสูรก็จะระมัดระวังแล้วหนีไป ถึงแม้ว่าสัตว์อสูรจะไม่มีสติปัญญา แต่สัญชาติญาณเอาตัวรอดของพวกมันก็ฝังแน่นอยู่ในจิตใจ
แต่ถ้าพวกมันไปเจอเข้ากับคนที่อ่อนแอหรือมาคนเดียวที่พวกมันมั่นใจว่าจะสังหารกินได้ สัตว์อสูรที่เคยหลบซ่อนอยู่ก่อนหน้านี้ก็จะออกมาเพื่อตามล่าคนผู้นั้น พวกมันจึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมากในการไล่ล่าเหยื่อของพวกมัน เมื่อเจี้ยนเฉินนั้นอยู่ตัวคนเดียวแล้ว โอกาสในการพบเจอกับสัตว์อสูรจึงเพิ่มขึ้นมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะเจี้ยนเฉินมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งพอที่จะตรวจจับการเคลื่อนไหวรอบ ๆ ตัวเขาได้ เขาก็คงถูกโจมตีจนอ่วมจากสัตว์อสูรหลายตัวที่ลอบเข้ามาโจมตี
วันต่อมา เจี้ยนเฉินที่กำลังนั่งขัดสมาธิก็ลืมตาขึ้นในที่สุด ในขณะที่เขาตื่นขึ้นมาจากการฝึกฝนบนกิ่งไม้ เขากระโดดลงมาบนพื้น เขาปัดฝุ่นและเอาแกนอสูรที่เขาเก็บไว้ในเข็มขัดมิติออกมา ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เขาได้แกนอสูรมาปริมาณพอสมควร และแม้ว่าเขาจะใช้แกนอสูรหลายแกนไปในการฝึกฝน แต่เขาก็ยังมีเก็บไว้อีกมากในแหวนมิติของเขา
“ยังมีแกนอสูรระดับสองอยู่ 50 อัน และแกนอสูรระดับสามอีก 120 อัน” เขาตรวจสอบแกนอสูรในเข็มขัดมิติของเขา เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างพอใจ ในตอนนี้เขาใช้แกนอสูรระดับสอง 20 อันในการฝึกฝน 1 คืน และเข็มขัดมิติของเขาก็มีแกนอสูรระดับสองให้พอฝึกได้ 2 วันเท่านั้นเป็นอย่างมาก แกนอสูรระดับอื่นทั้งหมดรวมกันมีพอให้เขาใช้ฝึกฝนได้สิบกว่าวัน
“เออ ข้ายังมีแกนอสูรระดับสี่อยู่ 2 อัน อันหนึ่งมาจากรางวัลที่ได้จากสำนักคากัต และอีกอันท่านพ่อได้ให้ข้ามา เมื่อแกนอสูรระดับสี่มีพลังงานที่อยู่ด้านในมากกว่าแกนอสูรระดับสาม ข้าไม่รู้ว่าแกนอสูรระดับสี่อันหนึ่งจะใช้ได้นานขนาดไหน” เจี้ยนเฉินคิด เขาไม่ตระหนักเลยว่าจำนวนแกนอสูรที่เขามีนั้นจัดได้ว่าเยอะมาก สำหรับเจี้ยนเฉินแล้ว มันใช้สำหรับการฝึกฝนได้ประมาณ 10 วันเท่านั้น
เมื่อมองไปที่พระอาทิตย์ที่อยู่เหนือหัว เขาก็รู้ตำแหน่งของเขาและเขาก็เริ่มเดินไปที่รอบนอกของเทือกเขาสัตว์อสูรไม่หยุดกินอาหารเช้าเลย
มาถึงจุดนี้ เจี้ยนเฉินได้ใช้เวลาในเทือกเขามาค่อนข้างนาน แกนอสูรในแหวนมิติของเขาเพียงพอที่จะให้เขาใช้ฝึกได้อีกสองสามวัน แต่ของใช้ที่เขามีเริ่มที่จะหมดไปแล้ว ดังนั้นด้วยเหตุผลแบบนั้น เจี้ยนเฉินจึงต้องกลับไปที่เมืองเวคเพื่อที่จะเติมเสบียงของเขา ไม่เพียงแค่นั้น เขายังจำเป็นต้องจัดการกับอสรพิษทองริ้วเงินในแหวนมิติของเขาอีก ไม่เช่นนั้นถ้าปล่อยเอาไว้นาน ใครจะรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น? ยกตัวอย่างเช่น ร่างอาจจะเน่าไป เจี้ยนเฉินไม่มั่นใจกับสิ่งนั้น เพราะว่าเขาไม่เคยอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหนังสือ ดังนั้นเพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมายของเขา เจี้ยนเฉินจึงต้องการที่จะจัดการเรื่องอสรพิษทองริ้วเงินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ภายในเทือกเขาสัตว์อสูรเป็นที่แห่งการนองเลือด เป็นบางอย่างที่สัตว์อสูรนั้นอ่อนไหวเป็นพิเศษ มันคงเป็นการไม่ฉลาดมากถ้าเขาจะเก็บศพของอสรพิษทองริ้วเงินเอาไว้ที่นี่ เจี้ยนเฉินตัดสินใจที่จะกลับไปที่เมืองเวคเพื่อที่จะเริ่มวางแผนที่นั่น
เทือกเขาสัตว์อสูรมีหญ้าสูงอยู่หนาแน่นมากและมีหนองน้ำอยู่มากเช่นกัน มันยากที่จะหาเจอได้ด้วยตาเปล่า แต่ในขณะที่เจี้ยนเฉินเดินไปตามทาง เขาก็มองออกไปทุกที่ ในระหว่างสองสามวันที่เขาใช้เวลาอยู่ในเทือกเขา เขาก็ได้ตกลงไปหนองน้ำสองสามครั้งก่อนที่จะขึ้นมาจากมันได้
ภายใต้การนำทางของพระอาทิตย์ที่แผดเผา เจี้ยนเฉินก็ออกมาจากเทือกเขาสัตว์อสูรได้โดยไม่ได้ออกจากเส้นทางมากไป หลังจากที่เดินมาสองวัน เขาก็ออกมาจากส่วนลึกของเทือกเขาได้ในที่สุดและเข้ามาถึงที่ป่าราบ ในสองวันเหล่านี้ เจี้ยนเฉินก็ได้แกนอสูรระดับสองมากขึ้นในเข็มขัดมิติของเขา
เจี้ยนเฉินสูดอากาศบริสุทธิ์ในป่าเข้าไปก่อนที่จะหันหน้าไปมองเสื้อผ้าที่เขาดัดแปลงมาจากหนังสัตว์ แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย รูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้ดูเหมือนขอทาน มันน่าเสียดายที่ไม่มีน้ำมากนักในเทือกเขา ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะล้างสิ่งปฏิกูลออกจากตัวเขาเอง
เจี้ยนเฉินยังไม่ลืมว่ามีแม่น้ำอยู่ที่รอบนอกของป่า เขาโยนชุดที่ทำจากหนังสัตว์ออกไปและกระโจนลงไปในน้ำ และเริ่มทำความสะอาดตัวเองจากสิ่งสกปรกที่เขาสะสมมา
ปริมาณของดินและกลิ่นตัวที่สะสมมามากมายหลายวันได้ปกคุลมตัวเขาเหมือนเป็นชุดเกราะ เขารู้สึกอยากอ้วกทุกทีที่เขาเคลื่อนไหว เขาไม่สบายตัวจากผิวหนังที่เหนียวมัน แต่เขาอดทนเอาไว้ตอนที่อยู่ในเทือกเขาสัตว์อสูร แต่ทันทีที่เขาเห็นแม่น้ำ เขาก็อดไม่ไหวและกระโจนลงไปในน้ำ
เจี้ยนเฉินห่อเข็มขัดมิติเอาไว้รอบคอของเขาในขณะที่เขาเริ่มถูไปทั่วทั้งร่างของเขา แขนของเขาถูไปทุกที่ในขณะที่น้ำใกล้ ๆ เขาก็กลายเป็นสีดำ
แม้ว่าหลังจากที่เขาชำระล้างตัวเองในแม่น้ำเสร็จแล้ว เขาก็ยังไม่ขึ้นจากน้ำ เขาหงายตัวลอยอยู่และหลับตาลงช้า ๆ และปล่อยให้แม่น้ำไหลผ่านชำระล้างร่างกายเขาไป เป็นครั้งแรกหลังจากที่ผ่านมานานที่จิตใจของเขาได้พักผ่อนในขณะที่เขาผ่อนคลายไปด้วยความพอใจจากสายน้ำที่ไหลเย็น สองสามวันที่ผ่านมา เขาใช้ความพยายามอย่างมากในขณะที่เขาเดินทางอยู่ในเทือกเขา ในตอนนี้จิตใจของเขาได้ผ่อนคลาย ส่วนลึกในวิญญาณของเขารู้สึกเป็นอิสระ ซึ่งทำให้เจี้ยนเฉินหลับได้อย่างสงบ
เจี้ยนเฉินหลับตาและเอนลงไปในน้ำเพื่ออาบแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นและสายน้ำเย็นจากแม่น้ำ ร่างเปลือยของเขาผลุบขึ้นลงในแม่น้ำในขณะที่เขาลอยไปตามคลื่น
ในขณะที่แม่น้ำไหลไป เขาก็เริ่มลอยไปที่ทิศทางของเมืองเวค มันเหมือนกับเจี้ยนเฉินได้เดินทางฟรี ดังนั้นในขณะที่เขาลอยไปเรื่อย ๆ เขาก็เพลิดเพลินไปกับมัน
หลังจากนั้นสักพัก เจี้ยนเฉินก็ลืมเวลา เขาไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่เขาลอยไปตามแม่น้ำ แต่ในตอนนี้เอง หัวของเจี้ยนเฉินก็ไปชนกับบางอย่างนุ่ม ๆ เข้า ในตอนที่เขารู้สึกว่าชน เจี้ยนเฉินก็ตั้งสติและเพ่งสมาธิไปกับสิ่งที่เขาชน อะไรก็ตามที่เขาชนนั้นมันเคลื่อนไหวได้
“สัตว์ร้าย ! ” เจี้ยนเฉินคิดอยู่ในสภาพจิตใจที่เซื่องซึม ทันที่ทันใดเขาก็ตั้งสติอีกและเปิดใช้วิญญาณของเขาขึ้นมา เจี้ยนเฉินรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ในขณะที่เขาเปลี่ยนจากสภาวะเฉื่อยชาเป็นการตั้งสมาธิ ตาของเขาที่หลับอยู่ก่อนหน้าก็เปิดขึ้นเผยให้เห็นตาที่สดใสของเขา ทันใดนั้นเอง เขาก็พลิกตัวจากที่นอนหงายอยู่ขึ้นมายืน น้ำสูงเท่าเอวของเขา เผยให้เห็นครึ่งร่างบนของเขาเหนือน้ำ
ตอนที่เขายืนขึ้นเสร็จ หน้าของคนคนหนึ่งก็เข้ามาในสายตา มันเป็นใบหน้าของสาวงามล่มเมือง และใบหน้าที่ขาวดุจหิมะของนางก็สมบูรณ์แบบ ปากคอคิ้วคางนั้นสัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์จนหาที่ติไม่ได้ นางเหมือนนางฟ้าที่ลงมายังโลกมนุษย์
หญิงสาวคนนี้ไม่ดูแก่ขนาดนั้น นางอายุประมาณ 20 ปี ดวงตาของนางเป็นประกายมีจุดสีดำตรงกลาง นางจ้องอย่างตกตะลึงไปที่เจี้ยนเฉิน ด้านล่างของนาง มีหน้าอกใหญ่เปลือยอยู่กลางอากาศ และมันอยู่ห่างจากเจี้ยนเฉินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“โชคร้ายอะไรแบบนี้! มีผู้หญิงมาอาบน้ำที่นี่” เจี้ยนเฉินคิดทันทีในขณะที่ใบหน้าของเขามืดครึ้ม ต้องขอบคุณประสบการณ์จากชาติที่แล้วของเขา เขาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
เขาไม่คิดว่าในขณะที่เขาลอยตามแม่น้ำมาอย่างผ่อนคลายหลังจากที่เดินทางไปในเทือกเขาสัตว์อสูร เขาจะได้มาพบกับหญิงสาวที่กำลังอาบน้ำในแม่น้ำเดียวกับที่เขาอยู่
“อ่า ! “
ในตอนที่เจี้ยนเฉินรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตาเล็ก ๆ ของหญิงคนนั้นที่อยู่ด้านหน้าเขาก็เปิดกว้างออก ในขณะที่นางก็เพิ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน และนางก็กรีดร้องออกมา
“เจ้าวายร้ายโสโครก ! “
สายตาที่ตกตะลึงของนางก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำและเอียงอาย ในขณะที่นางกรีดร้องออกมาและเหวี่ยงแขนของนางไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว
“ปัง ! “
ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะทันได้ทำอะไร ฝ่ามือของหญิงคนนี้ก็ตีไปที่หน้าอกของเขาทำให้เกิดเสียงดังออกมา เจี้ยนเฉินลอยถอยไปด้านหลังเหนือน้ำในขณะที่เลือดไหลออกมาจากปากของเขา