เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 984: ยอดภูเขาน้ำแข็ง
ตอนที่ 984: ยอดภูเขาน้ำแข็ง
สายตาของเจี้ยนเฉินแข็งทื่อทันทีเมื่อเขาได้ยินว่ามันเกี่ยวกับอนาคตของทวดของเขา เจียงหยาง ซู หยุนคง เขาไม่สนใจตระกูลผู้พิทักษ์ แต่ไม่มีทางที่เขาจะไม่สนใจทวดของเขาได้ มีเพียงเจี้ยนเฉินเท่านั้นที่เข้าใจว่าทวดของเขานั้นทุกข์ทรมานเพียงใดในอดีตที่ผ่านมา เขาใช้ชีวิตที่ตายไปเสียดีกว่าอยู่ที่เกาะสามเซียน
เจี้ยนเฉินตามทั้งคู่เข้าไปในห้องและเจียงหยาง ซู หยวนเซียวก็ร่ายม่านพลังขึ้นมาด้วยตัวเอง
หัวใจของเจี้ยนเฉินสั่นไหวทันทีเมื่อเขาเห็นว่าท่าทางของเจียงหยาง ซู หยวนเซียวนั้นระมัดระวังเพียงใด ในตอนนี้เขาเข้าใจว่าพวกเขากำลังจะพูดเรื่องที่ค่อนข้างจะสำคัญ
เมื่อม่านพลังถูกสร้างเสร็จแล้ว เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู อวี้หยวนนั่งไขว่ห้างลงตรงหน้าเจี้ยนเฉิน ทั้งสองมองเจี้ยนเฉินไปด้วยสายตาที่มีอารมณ์ผสมปนเปกันไป นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาปฏิบัติต่อผู้เยาว์อย่างเท่าเทียมโดยไม่สนใจสถานะของพวกเขา
เจี้ยนเฉินนั่งลงบนพื้นเย็นเช่นเดียวกัน และมองไปที่ทั้งคู่อย่างสงบ เขาไม่พยายามที่จะเริ่มการสนทนา
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวกำลังจะเริ่มพูดเพราะเจี้ยนเฉินไม่อยากจะเริ่มก่อน เขากระแอมออกมา 2 ครั้งและพูดออกมา “ชื่อของเจ้าคือเจี้ยนเฉิน หรือเจียงหยาง เซียงเทียนกัน?”
“ท่านทวด เจ้าน่าจะเรียกข้าว่าเจี้ยนเฉิน ข้าชอบชื่อนี้มากและข้าใช้มันมานานแล้ว ข้าไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนกลับไป” เจี้ยนเฉินพูดโดยไม่ได้พิจารณาอะไร เจียงหยาง ซู หยวนเซียวเป็นบิดาของเจียงหยาง ซู หยุนคดังนั้นเขาจึงเป็นผู้อาวุโสของเจี้ยนเฉินถ้านับตามรุ่น พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้อาวุโสของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินอ้างอิงพวกเขาว่าเป็นท่านทวด
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะ ถ้างั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าเจี้ยนเฉิน” เขาหยุดเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ “เจี้ยนเฉิน เหตุผลที่ข้าต้องการที่จะคุยกับเจ้าในครั้งนี้ มันเกี่ยวกับทวดของเจ้า เจียงหยาง ซู หยุนคง เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับผนึกที่อยู่ในหัวของเขาใช่หรือไม่ ? “
เจี้ยนเฉินพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร เขารอให้เจียงหยาง ซู หยวนเซียวพูดต่อ
ใบหน้าของเจียงหยาง ซู หยวนเซียวฉายแววความเจ็บปวดออกมาในขณะที่เขาพูด “ในตอนนั้น หยุนคงถูกขับไล่ออกไปจากตระกูลของพวกเราเพราะว่าเขาได้ทำผิดพลาดร้ายแรง และผนึกก็ถูกฝังอยู่ในหัวของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎได้ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อเป็นการลงโทษ ในตอนแรก มันคงเป็นไปไม่ได้ที่หยุนคงจะกลับไปที่ตระกูลได้อีกครั้ง แต่เรื่องราวเปลี่ยนไปเมื่อสิบปีที่แล้วและทำให้เขากลับไปที่ตระกูลได้ เขาได้กลายเป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์อีกครั้งแล้ว”
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวหยุดอีกครั้งในขณะที่เขาจ้องลึกลงไปในตาของเจี้ยนเฉิน เขาพูดออกมา “เจี้ยนเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมผู้อาวุโสสูงสุดปรารถนาที่จะเอาผนึกของหยุนคงออกและให้เขากลับเข้าไปในตระกูลได้ ? “
เจี้ยนเฉินตอบกลับหลังจากที่ตระหนักได้ “ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด มันคงเกี่ยวกับเรื่องที่พยัคฆ์ปีกเทวะอยู่กับข้า ถ้าข้ากลายเป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์ พยัคฆ์ปีกเทวะก็จะกลายเป็นของตระกูลเจียงหยาง”
“ถูกต้อง มันเป็นเพราะเจ้าจริง ๆ การมีอยู่ของเจ้านำความหวังมาให้กับสถานการณ์ของหยุนคง” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวพูดออกมา เขาตั้งใจหลีกเลี่ยงเรื่องของพยัคฆ์ปีกเทวะ
“แต่ผนึกก็ยังอยู่ในหัวของหยุนคงอยู่แม้ว่าตระกูลจะรับเขากลับเข้าไปแล้ว เขาอาจจะเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้วในตอนนี้ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นไปไม่ได้เนื่องจากผนึก เจี้ยนเฉิน เจ้าก็ยังคงเป็นลูกหลานของหยุนคงอยู่ดี เจ้าอยากจะเป็นเขาหยุดอยู่แค่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 1 จนเขาตายอย่างนั้นหรือ ? ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยทวดของเจ้าและเอาผนึกในหัวออกไป” เสียงของเจียงหยาง ซู หยวนเซียวเหมือนว่าเขากำลังอ้อนวอน แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นผู้เยาว์ แต่หยุนเซียวก็ไม่สามารถบังคับให้เขาทำอะไรได้
“ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร ? เงื่อนไขอะไรที่ตระกูลผู้พิทักษ์ต้องการที่จะเอาผนึกออกจากท่านทวดงั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถาม เจี้ยนเฉินเข้าใจเรื่องผนึกของเจียงหยาง ซู หยุนคงอยู่เล็กน้อย มันถูกร่ายโดยเซียนราชาหลายคนของตระกูลผู้พิทักษ์โดยใช้ทักษะลับ ไม่เพียงแต่มันจะทรงพลังมาก แต่มันยังลึกซึ้งอีกด้วยเช่นกัน แบบนั้นแม้แต่วัตถุจิตวิญญาณก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เซียนจักรพรรดิสามารถทำลายมันได้ แต่มันก็คงเป็นการทำร้ายเจียงหยาง ซู หยุนคงไปด้วย มันอาจจะทำให้เขาตายถ้าผนึกถูกบังคับออกมา ทางเดียวที่จะเอามันออกมาได้โดยที่ไม่ทำให้ใครบาดเจ็บก็คือการใช้ทักษะลับที่เหมือนกัน
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวพูด “ผู้เฒ่าสูงสุดคนอื่นอื่นของตระกูลผู้พิทักษ์ได้พูดออกมาแล้ว พวกเขาพูดว่าถ้าเจ้าต้องการที่จะเอาผนึกออก หยุนคงต้องทำอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เพื่อตระกูลเพื่อชดเชยสิ่งที่เขาทำมาเมื่อหลายปีที่แล้ว และนี่คือการนำเจ้ากลับไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์”
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินมืดครึ้มและรอยยิ้มเย็นชาก็เกิดขึ้นที่มุมปากของเขา เขาพูดขึ้นมา “มันเป็นเช่นนั้นจริงจริง ข้าคิดว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะทำอะไรเช่นนี้อยู่แล้ว บางทีการนำข้ากลับไปก็เพื่อเป็นฉากบังหน้าในการเอาพยัคฆ์ปีกเทวะไปเท่านั้น”
“เจี้ยนเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้ามีความประทับใจที่ไม่ดีกับตระกูลผู้พิทักษ์ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้เจ้าทำอะไรที่เจ้าไม่ต้องการที่จะทำ ผู้อาวุโสสูงสุดได้สร้างข้อตกลงแบบนี้ขึ้นมา พวกเราสามารถล้มเลิกเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ เช่นเดียวกับช่วยเจ้ากันตระกูลผู้พิทักษ์อื่นออกไป แต่เจ้าต้องเป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์เท่านั้น” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวพูดออกมา
“ข้าสามารถกันตระกูลผู้พิทักษ์อื่นออกไปได้ด้วยตัวของข้าเอง ข้าไม่ต้องให้ตระกูลผู้พิทักษ์ช่วย” เจี้ยนเฉินพูด
“เฮ้อ เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดว่าตระกูลผู้พิทักษ์อ่อนแองั้นหรือ ข้ารู้ว่าเจ้ามีโถงศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องเจ้าอยู่ และคนที่ระดับต่ำกว่าเซียนจักรพรรดิไม่สามารถทำให้เจ้าบาดเจ็บได้ อย่างไรก็ตาม โถงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกบดขยี้ต่อหน้าตระกูลผู้พิทักษ์ ถ้าไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างมาขวางไว้ในการต่อสู้ในวันนี้ โถงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก็คงถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ โดยนิกายยิหยวนไปแล้ว” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวพูด
เจี้ยนเฉินเริ่มที่นึกถึงได้ในขณะที่เขาได้ยินแบบนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงกลับไปตอนที่ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวนพูดถึงยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะถามเกี่ยวกับมัน เจียงหยาง ซู หยวนเซียวก็เริ่มที่จะอธิบายออกมา
“ทุกตระกูลของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบมียุทธภัณฑ์จักรพรรดิอยู่ 1 ชิ้น ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเหล่านี้มีประวัติศาสตร์มายาวนานมาก พวกมันมีอยู่มาตั้งแต่ตระกูลทั้งสิบก่อตั้งขึ้นมานานจนถึงตอนนี้”
“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเหล่านี้แข็งแกร่งเหนือกว่าทุกอย่างที่เจ้าจินตนาการนัก เพราะว่ามันหลอมขึ้นมาโดยเซียนจักรพรรดิหลายสิบคนหรืออาจจะถึงมากกว่าร้อยคน มันเป็นหนึ่งในสองสมบัติที่สุดยอดของทุกตระกูลผู้พิทักษ์”
“พวกเราตระกูลผู้พิทักษ์มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากบนทวีปเทียนหยวน มันจะมีเซียนจักรพรรดิปรากฏขึ้นมาในทุก ๆ รุ่น ในเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของพวกเรา ตระกูลเจียงหยางมีเซียนจักรพรรดิถึง 8 คนในเวลาเดียวกัน พวกเรามีพลังที่สุดยอด อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โลกเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหตุผลบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ มันจึงเป็นการยากขึ้นยากขึ้นในการตัดผ่าน ในตอนนี้ไม่ได้มีแต่ทวีปเทียนหยวนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แม้แต่ทวีปสัตว์เทวะและทวีปที่ว่างเปล่าที่ร้อยเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ยังได้รับผลกระทบไปด้วย ท้ายที่สุด ก็ไม่มีเซียนจักรพรรดิปรากฎขึ้นมาในตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบอีกเลย”
“ในอดีตกาล พวกเราให้เซียนจักรพรรดิเกือบทั้งหมดทุ่มเทกำลังทั้งหมดของพวกเขา เช่นเดียวกันกับแก่นแท้พลังชีวิตของพวกเขาลงไปในยุทธภัณฑ์จักรพรรดิในตอนที่พวกเขากำลังจะสิ้นอายุขัย นี่ทำให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิมีพลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของพวกเรามีพลังที่น่าเหลือเชื่อจนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะเซียนจักรพรรดิเหล่านั้น พวกมันเยี่ยมกว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่เจ้าครอบครองนัก ดังนั้นโถงศักดิ์สิทธิ์จึงไม่สามารถต่อต้านยุทธภัณฑ์จักรพรรดิใดใดของตระกูลผู้พิทักษ์ได้เลย”
เจี้ยนเฉินเคร่งเครียดเล็กน้อยและพูดออกมา “ดูเหมือนว่านิกายยิหยวนต้องการที่จะใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเพื่อจะจัดการกับข้า”
“ถูกต้อง นิกายยิหยวนต้องการที่จะใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของพวกเขา แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างได้หยุดพวกเขาเอาไว้ ถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้น โถงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าคงถูกทำลายเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้ว” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวพูด “อย่างไรก็ตาม ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั้นก็ทรงพลังมาก แม้แต่เซียนราชาระดับสุดยอดก็ยังยากที่จะควบคุมมันได้ ดังนั้นมันจึงจะถูกใช้ได้เมื่อเซียนราชาหลายคนพร้อมใจกัน และพวกเขาจะได้รับผลกระทบกลับ แม้แต่เซียนราชาในระดับสูงสุดก็จะได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบของมันหลังจากที่ใช้มัน ดังนั้นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิจึงเป็นอาวุธต้องห้ามของตระกูลผู้พิทักษ์ของพวกเรา มันจะถูกใช้เพื่อขับไล่คนนอกหรือเมื่อตระกูลผู้พิทักษ์เผชิญอันตรายที่ถึงกับชีวิตเท่านั้น มันเป็นฟางเส้นสุดท้าย”
เจี้ยนเฉินเงียบทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ในตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบไม่ได้อ่อนแอแบบที่เขาจิตนาการเอาไว้ พวกเขามีอาวุธที่น่ากลัว ถ้าไม่ได้เทียนเจี้ยนช่วยในวันนี้ โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดของเขาก็คงถูกบดขยี้ไปแล้วถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ตายก็เถอะ
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวพูดต่อในขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินที่เงียบอยู่ “เจี้ยนเฉิน เจ้าควรจะกลับไปที่ตระกูลเจียงหยาง เมื่อเจ้าอ้าแขนรับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว เจ้าก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเจียงหยาง ตระกูลเจียงหยางจะช่วยเจ้าได้ถ้าคนของนิกายยิหยวนยังต้องการจะใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิกับเจ้า พวกเราจะหาทางโน้มน้าวตระกูลผู้พิทักษ์อื่นไปในเรื่องกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเอง” เสียงของเจียงหยาง ซู หยวนเซียวเต็มไปด้วยความหวัง
เจียงหยาง ซู อวี้หยวนก็พูดออกมาด้วย “เจี้ยนเฉิน ทวดรู้ดีว่าเจ้าไม่ชอบตระกูลเจียงหยางของพวกเรา แต่พวกเราหวังว่าเจ้าจะพิจารณาเรื่องคงเอ๋อ มันขึ้นอยู่กับเจ้าว่าผนึกของคงเอ๋อจะถูกเอาออกหรือไม่และเขาจะสามารถขึ้นสู่ระดับการฝึกฝนที่สูงกว่านี้ได้ในอนาคต” เจียงหยาง ซู อวี้หยวนพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะลังเล เรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับทวดของเขา เจียงหยาง ซู หยุนคง ดังนั้นเขาจึงต้องคิดมันอย่างจริงจัง ไม่มีคนอื่นใดที่สามารถเอาผนึกออกจากเจียงหยาง ซู หยุนคงได้ นอกจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง นี่รวมถึงเซียนจักรพรรดิด้วย
เจี้ยนเฉินพยักหน้าตกลงในตอนท้ายแต่เขาก็ลังเลมาก เขาพูด “เอาหล่ะ ข้าจะกลับไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์กับพวกท่าน แบบนั้นทวดของข้าก็จะกลับมาฝึกฝนได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ให้ข้าจัดการกับเรื่องของข้าก่อน”
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู อวี้หยวน ดีใจทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขาตื้นตันใจ
เจี้ยนเฉินและทั้งคู่ออกจากห้องไปหลังจากที่พูดคุยกัน พวกเขาเห็นรุยจินและเฮยยู่กำลังรออยู่ด้านนอกทันทีที่พวกเขาออกมา
สายตาของเจียงหยาง ซู หยวนเซียวเปลี่ยนไปทันทีที่เขาเห็นทั้งสองคน มันเปลี่ยนไปเป็นความเคารพที่มีต่อผู้ที่ทรงพลัง ทั้งสองคนตรงหน้าพวกเขานั้นทรงพลังมากเสียจนมารราคะและจักรพรรดิแลงคีรอสไม่สามารถที่จะเอาชนะทั้งคู่ได้ แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ก็จะไปทำให้สองคนนี้ขุ่นเคืองไม่ได้
“ผู้อาวุโสรุยจินและผู้อาวุโสเฮยยี่ พวกท่านต้องการบางอย่างหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม
“ไม่มีอะไรหรอก พวกเราแค่อยู่แถวแถวนี้ เพื่อว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะได้กดขี่เจ้าไม่ได้” เฮยยู่ยิ้ม เขาเป็นมิตรกับเจี้ยนเฉินมาก