เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่137 : ต่อสู้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
ตอนที่137: ต่อสู้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
เมื่อได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่หนีอีกต่อไปแล้วและยังวิ่งมาทางเขาด้วยตัวเองอีก เทียนซ่งหลีก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างดุร้ายในขณะที่เขาคำรามออกมา “ใช่ เข้ามา ข้าจะฉีกร่างของเจ้าเป็นพัน ๆ ชิ้น ไม่ การตายมันง่ายเกินไปสำหรับเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย” ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น ขวานใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเทียนซ่งหลีทันที ขวานนี้ใหญ่มาก ใหญ่กว่าสองเท่าของความสูงและร่างที่กำยำของเทียนซ่งหลี ขวานทั้งหมดมีสีและเป็นมันเงาสีเหลืองเหมือนดิน และคมของมันก็เปล่งแสงอย่างน่ากลัวออกมา
กระบี่วายุโปรยในมือของเจี้ยนเฉินฟันผ่านอากาศไป ทำให้เกิดเสียงผ่าอากาศเบา ๆ ในขณะที่มันพุ่งไปทางเทียนซ่งหลี
“ฮ่าห์ ! ” เทียนซ่งหลีระบิดตะโกนออกมา และขวานในมือของเขาก็เปล่งประกายสีเหลืองทันที จากนั้นมันก็เหวี่ยงลงไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมร้องโหยหวนบาดหูออกมา
“นั่นคงเป็นพลังเซียนธาตุดินสินะ ! “
เมื่อได้เห็นขวานที่เปล่งแสงสีเหลือง ท่าทางของเจี้ยนเฉินที่หนักใจอยู่แล้วก็มีมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก เขาชักกระบี่วายุโปรยของเขากลับทันทีเพื่อที่จะหลบการโจมตีของเทียนซ่งหลี ในพริบตาเดียว เขาก็ปรากฎตัวอยู่ที่ข้าง ๆ เทียนซ่งหลี และกระบี่วายุโปรยก็แทงไปที่เอวของเขา
เทียนซ่งหลีเหยียดออกมา จากนั้นเขาก็ปล่อยมือที่จับขวานอยู่ข้างหนึ่งทันที และฝ่ามือของเขาก็ถูกล้อมไปด้วยชั้นแสงสีเหลืองอย่างรวดเร็ว จากนั้นมือก็พุ่งไปเพื่อที่จะจับกระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉิน
กระบี่วายุโปรยถูกมือขวาของเทียนซ่งหลีจับไว้อย่างแน่น และใบกระบี่ที่คมก็ไม่ได้ทำให้เขาเป็นอะไรเลย
ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายตกใจ แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับความสามารถที่ลึกซึ้งของคนที่มีพลังเซียนธาตุดินในเรื่องพลังป้องกันที่ทรงพลังมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้
หลังจากนั้นตาของเจี้ยนเฉินก็เป็นประกายดุร้าย ในตอนต่อมา กระบี่วายุโปรยที่ตอนนี้กำลังถูกเทียนซ่งหลีจับไว้แน่นก็ปล่อยปราณกระบี่ที่ทรงพลังออกมาทันที ภายใต้การโจมตีที่แข็งแกร่งนี้ แสงสีเหลืองรอบมือของเทียนซ่งหลีก็จางลงอย่างเร็ว แสดงให้เห็นว่ามันกำลังกระจายออกไปบ้าง
เทียนซ่งหลีปล่อยกระบี่อย่างรวดเร็ว ในตอนที่มือของเขาผละออกจากกระบี่ แสงสีเหลืองที่อยู่รอบมือของเขาก็หายไปด้วย รอยแผลกากบาทสีเหลืองปรากฏอยู่ที่มือของเทียนซ่งหลี และเลือดสด ๆ ก็ไหลออกมาจากฝ่ามือของเขาจนย้อมมือเขาเป็นสีแดง
ตาของเขาไม่เคยละออกจากเจี้ยนเฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเลย เทียนซ่งหลีคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมาในขณะที่เขาจดจ้องไปที่เจี้ยนเฉินต่อก่อนที่จะพูดออกมา “พูดมา ทำไมเจ้าถึงฆ่าคังเอ๋อของข้า ใครจ้างให้เจ้ามาทำแบบนี้?”
เมื่อได้เห็นว่าเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่ห่างจากเทียนซ่งหลี 10 ฟุต เจี้ยนเฉินก็ลดกระบี่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไม่มีใครบอกให้ข้าทำอะไรทั้งนั้น ลูกของเจ้าเองที่มาหาเรื่องข้าก่อน ถ้าเจ้าอยากจะโทษใคร ก็โทษตัวเจ้าเองที่ไม่สอนให้ลูกของเจ้ารู้อะไรเลยนอกจากการคุยโวและสร้างปัญหาในทุกที่ที่เขาไป”
สายตาของเทียนซ่งหลีมองจ้องไปที่เจี้ยนเฉินก่อนที่จะถามออกมาอีกครั้ง “จริงหรือที่ไม่มีใครบอกเจ้าให้ฆ่าลูกของข้า ? เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะเป็นหนังหน้าไฟให้ใครหรอก ถ้าเจ้าบอกข้าในตอนนี้ ข้าจะให้เจ้าตายสบาย ๆ “
“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว มันขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะเชื่อหรือไม่” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
เมื่อได้เห็นว่าไม่มีท่าทีโกหกในคำพูดของเจี้ยนเฉิน เทียนซ่งหลีก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อเขา เขาเปิดปากออกมาแล้วพูด “ถ้างั้นดูเหมือนจะเป็นความผิดของข้า ข้าตามใจคังเอ๋อมากไป และดังนั้นคังเอ๋อจึงตายเพราะข้า” ในขณะที่เขาพูด เจี้ยนเฉินก็ได้ยินความโศกเศร้าและเสียใจในน้ำเสียงของเทียนซ่งหลี
ในตอนนี้เอง ที่ไกลไกลออกไป กลุ่มคนสิบคนกำลังเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นกลุ่มด้านหลังเทียนซ่งหลี อารมณ์ของเจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะแย่กว่าเดิม ถ้าเขาไม่สามารถป้องกันตัวเองจากคนแบบเทียนซ่งหลีได้ ถ้างั้นการที่มีเซียนผู้เชี่ยวชาญเพิ่มมาอีกสิบคน เจี้ยนเฉินต้องตายที่นี่วันนี้แน่นอน
ในขณะที่เจี้ยนเฉินดูดซับกระบี่วายุโปรยกลับไปในร่างของเขา เท้าของเขาก็ก็กระทืบลงบนพื้นทันทีทำให้ดินลอยกระจายขึ้นมา เขารวมรวมพลังเซียนในร่างกายไปไว้ในมือของเขา และตบดินที่ลอยไปข้างหน้า ทันใดนั้นดินก็กลายเป็นหมอกใหญ่ที่พุ่งไปทางเทียนซ่งหลีและบดบังการมองเห็นของเขาเอาไว้
เมื่อเจี้ยนเฉินได้โอกาสที่ดีนี้แล้ว เขาก็ไม่ลังเล ร่างของเขากลายเป็นภาพเบลอในขณะที่เขามุ่งหน้าไปทางเทือกเขาสัตว์อสูร
เพราะกลุ่มฝุ่น การมองเห็นของเทียนซ่งหลีจึงได้รับผลอย่างมากและเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรรอบเขาได้เลย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการลอบจู่โจมของเจี้ยนเฉิน เขาจึงกระโจนไปด้านหลังเพื่อหนีออกจากกลุ่มฝุ่นทันที เขาระเบิดความโกรธออกมา “เจ้าหนีไม่รอดหรอก ! ” ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบ เขาก็เริ่มไล่ตามเจี้ยนเฉินไป อย่างไรก็ตาม เพราะเขาไล่ตามไปช้ากว่า เจี้ยนเฉินจึงนำหน้าไปไกลหลายร้อยเมตรแล้ว
ในสถานการณ์ตอนนี้ เจี้ยนเฉินไม่สามารถที่จะรักษาตัวเองได้โดยการใช้พลังเซียนธาตุแสง สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำมากที่สุดในตอนนี้คือวิ่งหนีให้เร็วที่สุดไปที่เทือกเขาสัตว์อสูรเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงโทสะของเทียนซ่งหลี
เมืองเวคอยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตรจากเทือกเขาสัตว์อสูร ในขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังหนีเอาชีวิตรอด เขาก็เข้าใกล้เทือกเขาสัตว์อสูรแล้ว เขามาถึงที่ป่าที่อยู่ข้างข้างภูเขา เขาข้ามส่วนที่หนาทึบของป่าไป
เทียนซ่งหลีที่กำลังไล่ตามเขาอยู่ด้านหลังเดาได้ว่าเจี้ยนเฉินกำลังวางแผนที่จะทำอะไร เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะเอาขวานที่เป็นประกายออกมาในมือของเขา เทียนซ่งหลีถือขวานไว้เหนือหัวของเขาก่อนที่จะระเบิดตะโกนออกมาและเหวี่ยงขวานลงไป
จากนั้นพลังเซียนธาตุดินรูปจันทร์เสี้ยวยาว 2 เมตรก็บินไปทางเจี้ยนเฉิน
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานที่กระเพื่อมอยู่ด้านหลังเขา เจี้ยนเฉินก็ไม่สนแม้แต่จะมองกลับและเขาวิ่งไปข้าง ๆ แทนเพื่อที่พยายามจะหลบ
พลังงานจันทร์เสี้ยวได้เคลื่อนผ่านหลังของเจี้ยนเฉินไป ครั้งนี้ ความโชคดีของเจี้ยนเฉินได้ช่วยเขาเอาไว้อีกครั้ง
“ปัง ! “
พลังเซียนธาตุดินระเบิดใส่หินใหญ่และส่งเสียงดังออกมาทำให้พลังงานแตกกระจายออกมาทั้งสี่ทิศทาง หินที่เคยสูงเท่าคนสองคนและกว้าง 3 เมตรก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและกระจายไปทุกที่ ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของหินลอยไปโดนเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหลบชิ้นของหินที่ลอยมาหาเขา แต่ด้วยปริมาณที่มากมายเหมือนจะปกคลุมท้องฟ้าได้ของมัน ก็มีหินคมบางชิ้นที่ผ่านการป้องกันของเขามาได้
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่โชคร้ายนี้ การเคลื่อนที่ของเจี้ยนเฉินเลยต้องช้าลงไป
“เจ้าหนู ยอมตายซะโดยดี ! ” เสียงคำรามดังมาจากด้านหลัง มันคือเทียนซ่งหลีพร้อมกับขวานที่ชูสูงขึ้นมาและพลังเซียนปริมาณมหาศาลก็พร้อมที่จะถูกใช้งาน