เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 617
เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 617
นี้มันก็แค่ของไร้ค่า!
มุมปากของหยางเฟิงกระตุกเล็กน้อย
ท่าทางที่ดีเกินไปของเสือขาวทำให้หยางเฟิงร้สึกขนลุกเล็กน้อย
ทำตัวงี่เง่า เห็นทีคงเหมาะกับการฆ่าคนจริงๆ
หยางเฟิงรีบกล่าวว่า “จงเก็บหนังเสือไว้ให้ข้า เก็บมันมาทำเสื้อหนังเสือของข้าในวันหลัง!”
ผู้หญิงชั้นสูงคนอื่นๆ พวกเขาทั้งหมดล้วนซื้อขนแกะขนมิงค์
นั้นมันก็เป็นแค่ขน
หยางเฟิงต้องการทำเสื้อหนังเสือสำหรับเย่เมิ่งเหยียน
ใครเล่าจะทำเช่นนี้ได้บ้าง?
“ขอรับ นายท่าน!”
เสือขาวรีบเอาหนังเสือไปเก็บไว้
ดวงตากระสับกระส่าย
ดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบอาวุธใหม่ที่เต็มไปด้วยความสนใจ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า
ม้าสะกดรอยตัวนี้ใช้งานง่ายมาก
เวลานี้
เย่หลงเดินเข้ามา
“เจ้าหนุ่ม เหลือเวลาไม่มากแล้ว! นักรบพวกนั้นจะไล่ตามเราทันแล้ว พวกเราต้องออกไปทันที”
เมื่อได้ยินดังนั้น
หยางเฟิงเงยหน้ามองท้องฟ้า
อีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว
ถ้าถึงตอนนั้น
ป่าดึกดำบรรพ์นี้จะอันตรายยิ่งกว่าเดิม
เกือบร้อยปีแล้วที่ไม่มีใครมารบกวน
ตรงชายป่าก็จะพบกับเสือโคร่งยักษ์ที่มีพละกำลังของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
ตอนกลางคืนเมื่อสัตว์ร้ายออกอาละวาด ไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายมากแค่ไหน
เมื่อคิดได้ดังนี้
หยางเฟิงก็โบกมือ ให้กองทัพรีบไปจากที่นี้อย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน
ในหนองน้ำห่างจากหยางเฟิงและคนอื่นๆ หลายร้อยลี้
อ้าก!
อ้าก!
อ้าก!
……
เสียงร้องอันน่าสังเวชของภูตผีและเสียงเห่าหอนของหมาป่าทำให้ผู้คนมึนงง!
“ผู้คุมกฎใหญ่ จระเข้ทั้งหมดถูกกำจัดแล้ว และเราสูญเสียพี่น้องไปกว่า 300 คน!”
หลี่ซู่สีหน้าไม่สู้ดีพลางรายงานเหลิงฉานด้วยความเคารพ
เมื่อไม่นานมานี้
ศูนย์พันธมิตรบู๊และกุ่ยเหมินมาที่หนองน้ำนี้ด้วยกัน
พวกเขาค้นพบสมุนไพรมากมาย
มีคนพบโสมพันปีอยู่กลางบึง
นี้คือสมบัติล้ำค่าอย่างหาที่สุดไม่ได้
โสมพันปีได้จุดชนวนการแย่งชิงที่ดุเดือดระหว่างศูนย์พันธมิตรบู๊และกุ่ยเหมิน
แต่ไม่มีใครคิดเลยว่า
ในช่วงเวลาที่สำคัญ
จู่ๆ จระเข้หลายร้อยตัวก็โผล่ออกมาจากส่วนลึกของบึงน้ำ
ความแข็งแกร่งของจระเข้ทุกตัวไม่น้อยไปกว่าปรมาจารย์!
กุ่ยเหมินและศูนย์พันธมิตรบู๊ก็เสียกำลังคนไปจำนวนนับร้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ซู่
สีหน้าของเหลิงฉานก็ซีดลง
เขานำผู้เยี่ยมยุทธ์ 3,000 คนจากศูนย์พันธมิตรบู๊
โดนหยางเฟิงจัดการที่ตงไห่ไป500คน
และยังต้องมาเสียกำลังคนที่นี้นับร้อย
ตอนนี้
ข้างกายของเขามีผู้เยี่ยมยุทธ์ประมาณสองพันคน
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เมื่อกลับไปที่ศูนย์พันธมิตรบู๊
ผู้เยี่ยมยุทธ์ข้างกายของเขาจะเหลือกี่คน?
ความโชคดีอยู่ที่
ในที่สุดพวกเขาก็แย่งโสมพันปีนี้มาได้
มีโสมพันปี
อาการบาดเจ็บของเขาน่าจะรักษาได้ดีขึ้น
ผู้คุมกฎสิบที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเหลิงซาน มุมปากก็เขาก็ยิ้มยินดีในความโชคร้าย
ถึงแม้พวกเขาจะไม่สามารถแย่งโสมพันปีมาได้
แต่พวกเขาแย่งตังกุยที่มีอายุแปดร้อยปีไปได้
ตังกุยอายุแปดร้อยปีเป็นยาศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบู๊ และไม่ได้ด้อยค่าไปกว่าโสมพันปี
เมื่อเปรียบเทียบกับศูนย์พันธมิตรบู๊แล้ว
คนของกุ่ยเหมินเสียไปไม่กี่สิบคน
ความเสียหายระดับนี้ พวกเขายังพอรับได้
เหลิงซานเหลือบมองผู้พิทักษ์กฎสิบพลางพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า: “อย่ามัวแต่ยิ้มเยาะกับความโชคร้าย สมุนไพรในนี้ถูกเก็บไปโดยไอ้สารเลวหยางเฟิงนั้น ถ้าพวกเรามัวแต่รีรอ เกรงว่าชิ้นส่วนของมกุฎมังกรก็คงโดนมันแย่งไปก่อน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิงซาน
สีหน้าของผู้คุมกฎสิบก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
“ท่านพูดถูก หยางเฟิงและคนอื่นๆ ที่มีผู้เฒ่าเย่หลงเป็นผู้นำทางนั้น เร็วกว่าพวกเรามาก!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้
ในใจของผู้คุมกฎสิบพลันมีความเกลียดชัง
หากรู้จักกับผู้เฒ่าเย่หลง เขาจะร่วมมือกับพวกเขาอย่างเชื่อฟัง
ตอนนี้คนนำหน้าไปก่อนก็คือพวกเขา
น่าเสียดายที่
ตาแก่เย่หลงนั้นไม่รู้จักกาละเทศะเลย