เทพสงครามพิทักษ์โลก - บทที่ 787
แต่ว่าต่อหน้าหยุนเฟยฉาง
หลัวตงไม่กล้าที่จะดูหมิ่นใดๆ
หยุนเฟยฉางเป็นคุณชายของตระกูลหยุน
แต่เขา เป็นเพียงคนรับใช้ที่ตระกูลหยุนเลี้ยงดูไว้เท่านั้น
หากกล้ามาฟังคำพูดของหยุนเฟยฉาง
ตำแหน่งหัวหน้าแผนกสำนักงานนี้ของเขาก็ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว
“หัวหน้าคะ ด้านนอกมีคนที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปมาขอพบท่านค่ะ”
หลังจากหลัวตงวางสายไปไม่นาน
เลขาก็เดินเข้ามาบอกกล่าว
มุมปากของหลัวตงเผยรอยยิ้มมีเลศนัยทันที
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเลย
ก่อนหน้านี้เขายังคุยโทรศัพท์กับหยุนเฟยฉางอยู่เลย และรับประกันว่าจะไม่ให้เฟิงเมิ่งกรุ๊ปก่อตั้งบริษัทสาขาอย่างแน่นอน
แต่คาดไม่ถึงว่า คนของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปจะมาตอนนี้เลย!
มาก็ดี
ดีเลยจะได้โขกสับพวกเขาสักเล็กน้อย!
หลัวตงหยิบถ้วยชาบนโต๊ะ แล้วดื่มหนึ่งที พูดอย่างเย็นชาว่า : “ให้พวกเขาเข้ามา!”
“ค่ะ!”
เลขาถอยออกไป
ไม่นาน ฟ่านเจี้ยนก็ผลักประตูเข้ามา
“หัวหน้าหลัว ฉันคือฟ่านเจี้ยนเป็นผู้จัดการของเฟิงเมิ่งกรุ๊ป”
ฟ่านเจี้ยนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ในฐานะที่เป็นคนเหลี่ยมจัดในการค้า
ฟ่านเจี้ยนจึงรู้ดีว่า สำนักงานประเภทนี้เข้ายาก และมีใบหน้าที่ไม่น่าดู
ฉะนั้นในตอนแรก เขาจึงวางท่าทีของตนเองให้ต่ำมาก
ขอเพียงแค่ได้เอกสารรับรอง อย่างอื่นก็ไม่สำคัญอะไร
หลัวตงเงยหน้าขึ้นมองฟ่านเจี้ยนและเอ่ยถามว่า : “คุณมาหาฉันธุระอะไรเหรอ?”
ฟ่านเจี้ยนยิ้มและกล่าวว่า : “หัวหน้าหลัว เฟิงเมิ่งกรุ๊ปของเราต้องการก่อตั้งบริษัทสาขาที่เมืองก่าง ตอนนี้ยังขาดเอกสารรับรองของท่าน ท่านดูสิว่า…..”
ไม่รอให้ฟ่านเจี้ยนกล่าวจบ
หลัวตงก็ส่ายหัวทันที : “สิ่งนี้ไม่ง่ายที่จะจัดการ! คุณก็รู้ เมืองก่างของเราเป็นประตูทางเหนือของจงโจว แต่ละวันมีบริษัทที่ต้องการจะเข้ามาไม่รู้ว่ามากมายเท่าไหร่ ดังนั้นสำหรับเรื่องการก่อตั้งบริษัทสาขาประเภทนี้ เราจะเข้มงวดเป็นพิเศษ”
ได้ยินเช่นนั้น
ในใจของฟ่านเจี้ยนก็รู้สึกสะอึกเล็กน้อย
อันที่จริงฟ่านเจี้ยนได้ดำเนินขึ้นตอนที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงให้หลัวตงลงนามเท่านั้น
ตอนนี้คาดถึงหลัวตงจะพูดว่าไม่สามารถจัดการได้เหรอ?
แม่งเอ้ย!
นี่จงใจจะกลั่นแกล้งตนเองงั้นเหรอ!
เพียงแต่เรื่องแบบนี้ ฟ่านเจี้ยนเห็นมาจนชินแล้ว
หลัวตงพูดแบบนี้ ก็เพียงแค่ต้องการผลประโยชน์เท่านั้น
อีกาในโลกนี้โดยทั่วๆ ไปแล้วก็เป็นสีดำ
หลักการนี้ ฟ่านเจี้ยนเข้าใจอย่างชัดเจน
“หัวหน้าหลัว ขอเพียงแค่คุณยอมลงนาม เช่นนั้นผลประโยชน์เล็กน้อยนี้ ได้โปรดรับไว้ด้วย……”
พูดจบ ฟ่านเจี้ยนก็หยิบเงินปึกหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าเอกสาร
แต่ไม่รอให้ฟ่านเจี้ยนพูดจบ
หลัวตงก็ลุกขึ้นยืนทันที
เขาโกรธอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่ และด่าทอออกมา : “นี่คุณคิดจะทำอะไร? คุณคิดที่จะใช้เงินมาบั่นทอนคุณธรรมของฉันอย่างนั้นเหรอ? ฉันจะบอกคุณให้นะ ฉันในฐานะคนรับใช้ประชาชน มันไม่สามารถถูกคนบั่นทอนได้อย่างแน่นอน!”
“คุณรีบเอาเงินสกปรกของคุณเหล่านั้นแล้วไสหัวออกไป! ต้องการให้ฉันลงนามเอกสารรับรองเหรอ คุณฝันไปเถอะ!”
“ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่ เฟิงเมิ่งกรุ๊ปของพวกคุณอย่าได้คิดที่จะเข้ามาเหยียบในจงโจวแม้แต่ก้าวเดียว!”
เห็นถึงตรงนี้
ฟ่านเจี้ยนตกตะลึงตาค้าง
ความหมายของหลัวตงก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการผลประโยชน์เล็กน้อย
ทำไมจู่ๆ ถึงพลิกหน้าไปซะแล้วล่ะ?
“หัวหน้าหลัว ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณเท่านั้น……”
“ไปๆๆ!”
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? รีบไสหัวไปเลย!”
“ถ้ายังไม่ไสหัวไปอีก ฉันจะเรียกร.ป.ภ.มาเดี๋ยวนี้!”
ไม่รอให้ฟ่านเจี้ยนพูดจบ
หลัวตงก็ออกคำสั่งไล่แขกด้วยสีหน้าโกรธเคือง
เห็นอย่างนี้
สีหน้าของฟ่านเจี้ยนก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมา
เขามองออกอย่างชัดเจน
หลัวตงคนนี้ต้องการหาเรื่องกับเฟิงเมิ่งกรุ๊ปโดยเฉพาะ