เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 107 อลิซ
เห็นท่าทีกระทันหันของโทมัส โฮบาม่าก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ประธานาธิบดีแห่งประเทศMที่น่าเกรงขามเฉกเช่นตนเอง จะหาเรื่องชาวตะวันออกคนหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ? หากพูดออกไปคงจะขายหน้ามากเหลือเกิน เขารับไม่ได้โดยเด็ดขาด เพียงแต่น่าเสียดายที่วอชิงตัน ณ ตอนนี้ คนที่สามารถขวางเย่เทียนเฉินได้มีเพียงโทมัสเท่านั้น ตอนนี้เขาละทิ้งหน้าที่ไม่ยอมทำแล้ว ตนที่เป็นประธานาบดีประเทศMก็ทำอะไรเย่เทียนเฉินไม่ได้ อย่างน้อยก็ทำอะไรไม่ได้ชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ในใจของโฮบาม่าไม่พอใจโทมัสอย่างยิ่ง คนคนนี้ดูเหมือนจะมีความสามารถในการเอาชนะเย่เทียนเฉินได้ หรือต่อให้เอาชนะไม่ได้ ก็ยังสามารถทำให้เจ็บหนักทั้งสองฝ่าย ถึงตอนนั้นยอดทหารของกองกำลังเขตสิบห้าก็จะเข้ามา ซึ่งคงเพียงพอที่จะฆ่าเย่เทียนเฉินได้แล้ว แต่โทมัสกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น ทั้งยังพูดจาน่าโมโห บอกให้ตนเองไปออกคำสั่งเอากับคนอื่น
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่อยู่ในวอชิงตัน ณ ตอนนี้ก็คือโทมัส แม้ว่าโทมัสจะเป็นหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศM แต่ถ้าต้องการตามหาคนอื่นๆ ออกและออกคำสั่งกับพวกเขาเหล่านั้น โฮบาม่าก็ทำได้ยาก ไม่ต้องพูดถึงว่าการหาตัวพวกเขานั้นลำบากขนาดไหน ต่อให้อยากจะออกคำสั่งกับพวกเขาเหล่านี้ เกรงว่าเขาที่เป็นประธานาธิบดีก็ยังทำไม่ได้
ในปัจจุบันยังคงมียอดฝีมือที่มีเคล็ดวิชาพลังพิเศษอันแข็งแกร่งและยังคงมีผู้แข็งแกร่งที่เร้นกายของพรรควรยุทธโบราณดำรงอยู่ เมื่อคนคนหนึ่งกลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง เขาก็จะอยู่เหนือการควบคุมของประเทศ และอยู่เหนือกฎหมาย หากเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ ใครต้องการออกคำสั่งกับเขา เกรงว่าจะลำบากมาก พวกเขากระทำเรื่องต่างๆ ตามใจตนเอง นี่ก็คือโลกของยอดฝีมือ
“ท่านประธานาธิบดีครับ ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?” บีชถามเสียงเบาอย่างวางตัวไม่ถูก
โฮบาม่ามองบีชอย่างดุดันแวบหนึ่ง เขาอยากจะปลดนายพลแห่งกองกำลังเขตสิบห้าคนนี้จริงๆ ช่างทำให้ตนเสียหน้าเหลือเกิน เคลื่อนกำลังพลของทหารเขตสิบห้าแล้วก็ยังไม่อาจหยุดชาวตะวันออกคนเดียวได้ หากไม่ใช่ว่าโทมัสขวางเย่เทียนเฉินเอาไว้ได้ เกรงว่าเขาที่เป็นประธานาธิบดีแห่งประเทศM จะต้องได้รับความอัปยศอย่างแน่นอน
“ถอนทหารทั้งหมดซะ ปล่อยให้ชายชาวตะวันออกคนนี้จากไป แล้วก็ให้อลิซมาพบผมด้วย!” โฮบาม่าพูดจบก็เดินมุ่งไปยังอาคารบริหารของทำเนียบขาว เขาต้องการไปเขวี้ยงแก้ว…เฮอๆ!
เย่เทียนเฉินไปจากทำเนียบขาวแล้ว เขาหิวจนท้องร้องโครกคราก ตอนแรกคิดว่าจะให้โฮบาม่าเลี้ยงข้าวตนเองจริงๆ แต่สุดท้ายคิดไปคิดมาก็ช่างมันเถอะ ตนเองมาเกิดใหม่จากช่วงสิ้นโลก แม้จะไม่มีความรู้สึกชาตินิยมอะไร แต่หากว่าการที่เขากินข้าวกับโฮบาม่ามื้อหนึ่งแล้วทำให้ประเทศMและตะวันออกเกิดสงครามขึ้นล่ะก็ เช่นนั้นก็ดูจะไร้ความรับผิดชอบเกินไป
มองไหล่ซ้ายของตนเองพบว่าเพียงแค่ถูกแทงเฉียดผิวหนังไปเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เย่เทียนเฉินเดินตรงเข้าไปในร้านสเต็กแห่งหนึ่งโดยที่ไม่ได้สนใจบาดแผล เหล่าทหารอาวุธครบมือบนถนนต่างก็ค่อยๆ ถอนกำลังไปแล้ว ดูเหมือนว่าชาวเมืองวอชิงตันส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าเมื่อสักครู่ โฮบาม่าผู้เป็นประธานาธิบดีแห่งประเทศMของพวกเขา เกือบจะต้องกินข้าวเย็นกับเย่เทียนเฉินไปแล้ว
แม้จะเป็นเวลาเช้ามืดแล้ว แต่เมืองอันคึกคักเฉกเช่นวอชิงตันนี้มีสถานที่ให้กินดื่มเที่ยวเล่นตลอดคืน ไม่ทันไรเย่เทียนเฉินก็สั่งสเต็กเนื้อไปแล้วห้าที่จนพนักงานเสิร์ฟตะลึง เขาทำงานที่ร้านสเต็กมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เป็นครั้งแรกที่เห็นคนบ้าระห่ำที่สามารถกินสเต็กได้ถึงห้าที่
ในตอนที่เย่เทียนเฉินกำลังกินสเต็กและดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนของวอชิงตันอยู่นั้น ในห้องทำงานของประธานาธิบดีโฮบาม่า สาวสวยผมบรอนด์คนหนึ่ง สวมชุดทหาร อายุราวๆ ยี่สิบปี สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบสามเซ็นติเมตร กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าโฮบาม่าอย่างเคร่งครึมจริงจัง
โฮบาม่ามองผู้หญิงที่งดงามยิ่งกว่าดาราใหญ่หลายคนในประเทศMแวบหนึ่ง รู้สึกคึกคักนิดหน่อย แต่โฮบาม่ารู้ดีว่า ผู้หญิงคนนี้ต่อให้เป็นเขาก็ไม่อาจล่วงเกินได้ แม้ว่าเขาจะมีฐานะเป็นประธานาธิบดีแห่งประเทศM ซึ่งกล่าวได้ว่ามีอำนาจมากล้นอยู่ในมือ แต่หากว่าเบื้องหลังขาดแรงสนับสนุน เช่นนั้นก็เป็นได้แค่หัวหน้าที่ไร้ลูกน้องคนหนึ่ง
“ท่านประธานาธิบดีคะ มีอะไรจะสั่งไหมคะ?” สาวสวยผมบรอนด์กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความนอบน้อมอยู่เลย
“อลิซ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ช่วงนี้สบายดีใช่ไหม?” โฮบาม่าถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็โอเคอยู่ค่ะ เรื่องที่สามเหลี่ยมทองคำ ดิฉันได้ส่งคนไปจัดการแล้ว เชื่อว่าจะสามารถคลี่คลายได้ในเร็วๆ นี้!”
“เรื่องที่สามเหลี่ยมทองคำนั้นละมือไว้ก่อนก็ได้ ก็แค่พ่อค้ายากลุ่มหนึ่ง ตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งที่ต้องการให้คุณไปจัดการด้วยตัวเองสักหน่อย”
“เชิญท่านประธานาธิบดีออกคำสั่ง”
“อืม คุณเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศMของพวกเรา มีเทคนิคการสืบสวนสอบสวนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก และเป็นบุคลากรที่มีความสามารถเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศMของพวกเรา ดังนั้นครั้งนี้ผมต้องการให้คุณไปที่ตะวันออก ช่วยผมสืบเรื่องคนคนหนึ่ง” เมื่อโฮบาม่านึกถึงเย่เทียนเฉินก็โกรธแค้นจนปวดฟันไปหมด เขารับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ
“สืบเรื่องใครคะ?” อลิซยังคงกล่าวถามอย่างเย็นชา
“ชายชาวตะวันออกที่มาสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ในวอชิงตัน คิดว่าคุณเองก็คงได้ข่าวมาแล้ว ผมไม่ต้องการให้เขามีชีวิตอยู่อีกต่อไป คุณไปที่ตะวันออก ถ้ามีโอกาสก็ฆ่าเขาซะ” โฮบาม่าพูดอย่างโหดเหี้ยม
“รับทราบค่ะ งั้นเดี๋ยวดิฉันจะกลับไปเตรียมตัวสักหน่อย แล้วจะรีบออกเดินทางไปตะวันออกทันที” อลิซพยักหน้าเอ่ย
“ไปเถอะ อย่าลืมทักทายพ่อแม่ของคุณแทนผมด้วย” โฮบาม่าเอ่ยยิ้มๆ
อลิซหมุนตัวจากไป เธอมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศM พ่อแม่เป็นนายพลที่กุมกำลังสำคัญทาการทหาร ฐานะไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก คนจำนวนมากไม่ทราบเรื่องคราวนี้ที่เย่เทียนเฉินสร้างเรื่องใหญ่โตในวอชิงตัน และเกือบจะบุกเข้าไปกินข้าวกับโฮบาม่าในทำเนียบขาว กระทั่งบุคคลระดับสูงบางคนของประเทศMก็ยังไม่ทราบ แต่อลิซผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษกลับเข้าใจเรื่องราวอยู่บ้าง ทั้งยังรู้สึกสนใจกับปีศาจตะวันออกผู้นี้อยู่ในใจ และอยากจะไปเจอชายคนนี้สักครั้ง อยากดูสักหน่อยว่าเขารูปร่างหน้าตาอย่างไร มีความสามารถอย่างไร
สามวันต่อมา เย่เทียนเฉินล้วนกินดื่มเที่ยวเล่นอยู่ในวอชิงตัน เขารู้ว่ามีคนสะกดรอยตามเขาอยู่ แต่ก็ไม่ได้ลงมือ ความจริงเป็นเพราะในวอชิตันแห่งนี้มีของอร่อยๆ และเรื่องสนุกๆ เยอะแยะ ส่วนเรื่องจีบสาวผมบรอนด์นั้น เย่เทียนเฉินอย่างมากก็แค่พูดจาแทะโลมนิดหน่อย แต่ไม่ได้ลิ้มลอง จุดสำคัญเป็นเพราะในช่วงสิ้นโลกเขาได้บ่มเพาะนิสัยอย่างหนึ่ง นั่นก็คือไม่ชอบของมือสอง
วันที่สี่ เย่เทียนเฉินได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จัก เป็นชางหลางที่โทรมานั่นเอง พูดประมาณว่าให้เขาไปยังบริเวณชานเมืองของวอชิงตัน ที่นั่นมีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งเตรียมไว้แล้ว เป็นเครื่องลำพิเศษสำหรับเขาคนเดียว ต้องการให้เขากลับประเทศ
“รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ ผมเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่กำลังสนุกเลย ว่าจะเที่ยวเล่นอีกสักหลายๆ วัน!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่ไว้หน้าชางหลางเลยสักนิด
“ไอ้หนู เฮลิคอปเตอร์กำลังรอนายอยู่ นายรู้ไหมว่าการตรวจสอบและอนุมัติเฮลิคอปเตอร์สำหรับบินข้ามชาติมันยากขนาดไหน?” ชางหลางตะโกน เขาโกรธจนอยากจะอัดเย่เทียนเฉินแรงๆ สักยก
“งั้นคุณก็ให้บินกลับไปเถอะ ผมเที่ยวอีกสักหลายวันเดี๋ยวก็กลับไปเอง” เย่เทียนเฉิพูดอย่างไม่พอใจ
“นาย…”
“เย่เทียนเฉิน ฉันขอสั่งให้นายกลับประเทศมาเดี๋ยวนี้” คราวนี้ โทรศัพท์อีกฝากหนึ่งมีเสียงของผู้สูงวัยที่ฟังดูน่าเกรงขามคนหนึ่งดังออกมา
“หา คุณเป็นใคร อารมณ์เสียรึไง?” เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“ฉันคือหยางอี้ นายรีบกลับประเทศมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!” หยางอี้แย่งโทรศัพท์จากชางหลางแล้วพูดขึ้นเสียงดัง
“โอเค โอเค พวกคุณนี่วุ่นวายจริงๆ ผมไปซื้อของฝากสักหน่อยก็กลับแล้ว ให้เฮลิคอปเตอร์รอไปก่อน”
วางโทรศัพท์ไปแล้ว ในใจของเย่เทียนเฉินก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ชื่อหยางอี้นี้ คล้ายว่าจะเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้จากในโทรทัศน์ รู้สึกว่าจะเป็นคนที่มีตำแหน่งทางราชการใหญ่โตมาก ทั้งยังเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ไว้หน้าเขาสักหน่อยก็แล้วกัน!
หากว่าหยางอี้รู้ถึงความคิดในใจของเย่เทียนเฉิน จะต้องโกรธจนเดือดพล่านแน่ๆ ตนเองเป็นคนใหญ่คนโตในคณะกรรมาธิการทหาร เดิมทีออกคำสั่งกับเย่เทียนเฉินโดยตรงว่าให้กลับประเทศ คนคนนี้กลับคิดไว้หน้าเขาในใจ มิฉะนั้นก็ยังไม่กลับ ช่างทำให้ผู้คนสิ้นไร้คำพูดจริงๆ
“ไอ้หนูเย่เทียนเฉินนี่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย!” หยางอี้พูด มองชางหลางอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“หัวหน้า คุณอย่าโกรธไปเลย ไอ้หนูนี่ใช้ชีวิตอิสระไร้ระเบียบจนเคยตัว ไม่มีสังกัดไม่มีกฏเกณฑ์ แต่ครั้งนี้สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้อย่างราบรื่น ก็เพราะอาศัยเขาทั้งหมดจริงๆ” ชางหลางรีบเปิดปากพูด
“ฉันได้ข่าวว่าไอ้หนูนี่ยังไปก่อเรื่องในวอชิงตันซะใหญ่โต ไปเอะอะโวยวายว่าจะให้โฮบาม่าเลี้ยงข้าว?” หยางอี้คิดถึงวิธีที่เย่เทียนเฉินกระทำเรื่องราวต่างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามยิ้มๆ
“อย่าไปพูดถึงเลยครับ คนคนนี้เกือบจะบุกเข้าไปในอาคารบริหารของทำเนียบขาวอยู่แล้ว หากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ เกรงว่าทั้งโลกต้องฮือฮาแน่…” ชางหลางเองก็รู้สึกว่าบนหน้าผากเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ในใจคิดว่าเย่เทียนเฉินช่างกล้าพูดกล้าทำเสียจริง
“เฮอๆ ช่างมีเอกลักษณ์ดีจริง ฉันอยากจะเจอเจ้าหนูนี่สักหน่อยซะแล้ว ไม่คิดเลยว่าตระกูลเย่จะมีบุคลากรที่มีความสามารถเช่นนี้ ดูท่าจะรุ่งเรื่องขึ้นได้จริงๆ แล้วล่ะ!” หยางอี้อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
เวลาประมาณบ่ายโมงของวันที่ห้า เฮลิคอปเตอร์นานาชาติลำหนึ่งลดระดับลงจอดที่สนามบินแห่งเมืองหลวง เย่เทียนเฉินสวมรองเท้าแตะ กางเกงชายหาดและเสื้อกล้าม ถือกระเป๋าเล็กๆ ใบหนึ่งเดินออกมา มองชางหลางที่ขับรถมารับเขาด้วยความเอือมระอา คนเช่นนี้นั่งเฮลิคอปเตอร์นานาชาติ ช่างเสียของจริงๆ
“ไอ้หนูนายจะเก็บกวาดหน่อยไม่ได้รึไง? ขายหน้าจากต่างประเทศกลับมาอีกแล้ว?” ชางหลางมองเย่เทียนเฉินอย่างไม่พอใจ
“พูดจาไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย คราวนี้ผมทำภารกิจสำเร็จแล้ว เรื่องที่คุณรับปากผมไว้ทำได้หรือยัง?” เย่เทียนฉินมองชางหลางพลางกล่าวถาม
“ฉันชางหลางพูดคำไหนคำนั้น ทำเสร็จไปตั้งนานแล้ว ขึ้นรถเถอะ” ชางหลางมองเย่เทียนเฉินเอือมๆ
“ขึ้นรถไปไหนเหรอครับ?” เย่เทียนเฉินถามด้วยความสงสัย
“ท่านหยางต้องการพบนาย ฉันได้รับคำสั่งให้มารับนาย”
“ไม่เอาอ่ะ ผมเหนื่อย อยากกลับไปนอน ผมเจ็ทแล็คอย่างหนักเลย!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้ากล่าว
“นาย…ไอ้หนูนายต้องการให้ฉันลักพาตัวนายไปใช่ไหม? วันนี้นายต้องไปกับฉัน”
ชางหลางได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินก็โกรธจนหน้ามืด หยางอี้อยู่ในตำแหน่งเช่นไร จินตาการได้เลยว่ามีใครหลายคนที่อยากจะพบเขา แต่ต่อให้ไปขอร้องใครก็ยังพบไม่ได้ ตอนนี้หยางอี้ที่เป็นคนใหญ่คนโตต้องการพบเย่เทียนเฉินด้วยตัวเอง เย่เทียนเฉินกลับโยนโอกาสทิ้ง ไม่เต็มใจไป ช่างทำให้เกิดความรู้สึกอยากจะอัดเขาแรงๆ สักยกเสียจริง
………………………………………………..