เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 129 ที่แท้ก็เป็นพวกเธอ!
คนชุดดำแข็งแกร่งมาก เย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่สู้กับเขาด้วยพละกำลังล้วนๆ สุดท้ายยังใช้พลังพิเศษขอบเขตจอมราชันต่อสู้กับพลังภายในอันแข็งแกร่งดุดันของคนชุดดำ ทั้งสองถูกแรงปะทะจนถอยไป แผ่นหินสีเขียวในสวนดอกไม้ทั้งหมดแตกเป็นเสี่ยงๆ จินตนาการได้เลยว่าน่ากลัวขนาดไหน แขนทั้งสองข้างของเย่เทียนเฉินชาเล็กน้อย ส่วนคนชุดดำดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลย
ตั้งแต่ได้มาเกิดใหม่จากช่วงยุคสิ้นโลก นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินต่อสู้กับยอดฝีมือเช่นนี้ ไม่ได้ใช้กระบวนท่าพลังพิเศษ และไม่ปรากฏเคล็ดวิชาอันแข็งแกร่งของพรรควรยุทธโบราณ ทั้งสองคนใช้ความสามารถอันแข็งแกร่งของตนทั้งหมด หากไม่ระวังก็สามารถตายอย่างไร้ที่ฝังได้
เย่เทียนเฉินยืนอยู่ตรงประตูสวนดอกไม้ของคฤหาสน์ มองคนชุดดำและคนอีกคนหายไปท่ามกลางความมืด เขามักจะรู้สึกว่าเสียงของคนที่ปรากฏตัวออกมาสุดท้ายนั้นคุ้นเคยมาก ในเวลาสั้นๆ กลับไม่สามารถคิดออกมาได้ว่าเป็นใคร เขาหาวออกมาครั้งหนึ่ง มองสมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดที่ยืนอยู่ข้างหลัง พูดยิ้มๆ ว่า “พวกคุณไม่ต้องเครียดขนาดนั้นหรอก ไม่มีคนมาลอบโจมตีแล้ว ทุกคนพักผ่อนเถอะ!”
พูดจบ เย่เทียนเฉินก็หันกายเดินกลับไปในห้องนอนของคฤหาสน์แล้วเริ่มนอนต่อ ส่วนสมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดยืนอยู่ที่ตำแหน่งทั้งแปดในคฤหาสน์อย่างระมัดระวังมากขึ้น กระทั่งไม่กะพริบตาเลยสักนิด นี่เป็นความสามารถของพวกเขา และเป็นสิ่งที่พวกเขาได้รับการอบรมฝึกฝนมา การโจมตีของคนชุดดำเมื่อครู่นี้ได้ทำให้พวกเขารู้สึกกดดัน ตอนนี้จะไม่เพิ่มความระมัดระวังรอบคอบให้มากขึ้นได้อย่างไร
ความแข็งแกร่งของคนชุดดำเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย ภายใต้การลงมือเต็มกำลังของเย่เทียนเฉินก็ยังไม่อาจทำให้เขาพ่ายแพ้ได้ การต่อสู้ระหว่างคนชุดดำและเย่เทียนเฉินสามารถกล่าวได้ว่าไม่อาจแบ่งแยกแพ้ชนะ ตั้งแต่ได้มาเกิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินสู้กับคนอื่นแล้วไม่รู้ผลแพ้ชนะ สามารถเห็นได้เลยว่าคนชุดดำแข็งแกร่งมากจริงๆ
ต้องกล่าวว่าเย่เทียนเฉินมีนิสัยอันธพาลอยู่บ้าง และมีความน่ากลัวดุจเทพแห่งความตาย ประโยคนี้กล่าวได้ไม่ผิดพลาดเลยจริงๆ เพิ่งจะประสบกับการต่อสู้รุนแรงกับยอดฝีมือเช่นคนชุดดำมา ก็ยังสามารถนอนหลับได้ ล้มตัวลงบนเตียงก็นอนกรนออกมาเสียงดังแล้ว ความเงียบสงบยามค่ำคืนค่อยๆ ฟื้นคืนมาอีกครั้ง สมาชิกกองกำลังคมมีดทั้งแปดที่ยืนอยู่ด้านล่างคฤหาสน์ได้ยินเสียงกรนของเย่เทียนเฉิน ต่างรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ทั้งยังรู้สึกนับถือนิสัยดั่งขุนพลใหญ่อย่างเย่เทียนเฉิน ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจแค่ไหน เขาก็กล้าเผชิญหน้า ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย!
ตอนนี้เอง ณ พงหญ้าอันหนาแน่นผืนหนึ่ง คนชุดดำทั้งสองประคองกันเดินไปข้างหน้า คนชุดดำที่ถูกประคองก็คือคนที่สู้กับเย่เทียนเฉินเมื่อครู่นี้ ส่วนคนที่เป็นผู้ประคองเขาเป็นคนชุดดำที่ร่างกายเล็กน่ารักซึ่งเอาผ้าคลุมหน้าสีดำออกนานแล้ว หากเย่เทียนเฉินได้เห็นจะต้องประหลาดใจมากอย่างแน่นอน เนื่องจากเงาร่างที่ช่วยคนชุดดำหนีออกมาไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเซี่ยอวี่เหอ
ตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า คนที่ต่อสู้กับเย่เทียนเฉินไปหลายสิบกระบวนท่าก็ยังไม่แพ้ ทั้งยังทำให้แผ่นหินสีเขียวในสวนดอกไม้แตกกระจุยก็คือเจียงอั้นศิษย์พี่ใหญ่ของเซี่ยอวี่เหอ
“แค่กๆ…”
เจียงอั้นกุมหน้าอกของตน ไม่ทันไรก็ทรุดลงไปกับพื้นไอออกมาอย่างรุนแรง เซี่ยอวี่เหอร้อนใจมาก รีบนั่งลงประคองเจียงอั้นแล้วเอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“มะ ไม่เป็นไร ข้างหน้ามีบ้านร้างอยู่ พยุงฉันไปพักสักหน่อย…” ใบหน้าของเจียงอั้นซีดขาวอยู่บ้าง แต่ยังคงพยายามฝืนยิ้มออกมา เขาไม่อยากให้ศิษย์น้องเล็กกังวล
“อืม!”
เซี่ยอวี่เหอไม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่เป็นอะไรไป เมื่อครู่ยังดีดีอยู่ แต่ไม่ทันไรก็ใช้มือขวากุมหน้าอกของตน เหมือนกับได้รับบาดเจ็บรุนแรง เธอรู้สึกร้อนใจมาก แล้วก็ปวดใจมากด้วย ตั้งแต่เล็กจนโต ศิษย์พี่ใหญ่เจียงอั้นดูแลเธอมาตลอด อีกทั้งฝีมือของเจียงอั้นแข็งแกร่งมาก คอยปกป้องเธอมาตลอด เซี่ยอวี่เหอไม่เคยเห็นศิษย์พี่ใหญ่ได้รับบาดเจ็บมาก่อน แล้วยังบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดนี้ มิตรภาพตั้งแต่เล็กจนโต ต่อให้ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เธอก็ยังร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้
เจียงอั้นถูกเซี่ยอวี่เหอประคองเดินไปข้างหน้าราวๆ เกือบหนึ่งร้อยเมตร นั่งลงที่ข้างๆ บ้านร้างแห่งหนึ่ง มือขวาของเจียงอั้นกุมหน้าอกของตน ใบหน้าซีดขาว เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากไม่หยุด แค่มองก็รู้ว่าเป็นท่าทางของคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่ พี่เป็นอะไร…” เซี่ยอวี่เหอร้อนใจจนดวงตาทั้งสองแดงระเรื่อเกือบจะร้องไห้ออกมา
“ไม่…”
อั่ก!
ยังไม่ทันพูดจบ เจียงอั้นก็กระอักเลือดออกมา เซี่ยอวี่เหอตกใจจนใบหน้าสวยๆ ซีดขาว เธอเป็นนักฆ่าคนหนึ่ง แต่สำหรับเจียงอั้นแล้ว จุดอ่อนที่สุดของเซี่ยอวี่เหอก็คือความใจดี เธอใจดีเกินไป ไม่มีทางเป็นนักฆ่าที่แท้จริงได้ เธอไม่กล้าฆ่าคน มีความไร้เดียงสาเหมือนเด็กผู้หญิง นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไม ทุกครั้งที่ท่านอาจารย์มีภารกิจอะไรจะสั่ง เจียงอั้นจะยืนขึ้นขัดขวางเซี่ยอวี่เหอ เขากลัวว่าศิษย์น้องเล็กจะทำภารกิจไม่สำเร็จแล้วจะถูกท่านอาจารย์ลงโทษ เขารักศิษย์น้องเล็กมากจริงๆ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่…”
ชั่วขณะนั้นเซี่ยอวี่เหอร้องไห้ออกมา เธอคิดไม่ถึงว่าเจียงอั้นจะบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ถึงกับกระอั่กเลือดออกมาจากปาก จะต้องได้รับบาดเจ็บภายในแน่นอน คนที่ฝึกฝนวรยุทธต่างทราบดี บาดแผลภายนอกรักษาง่ายหายง่าย แต่บาดเจ็บภายในจัดการยากเป็นที่สุด อย่างเบาที่สุดคือไม่หายปกติไปตลอดชีวิต อย่างหนักก็จะสิ้นใจในเวลาอันรวดเร็ว
“มะ ไม่เป็นไร รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว เมื่อกี้เลือดเสียอุดตันอยู่ที่หน้าอก แย่จริงๆ…” เจียงอั้นใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่มุมปาก กล่าวพลางฝืนยิ้ม
“ศิษย์พี่ใหญ่…” เซี่ยอวี่เหอมองเจียงอั้นด้วยสภาพน้ำตาคลอดเบ้า
“ฮ่ะๆ ฉันประเมินเย่เทียนเฉินต่ำเกินไป เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ ฉันออกแรงเต็มที่แล้วก็ยังฆ่าหรือกระทั่งทำร้ายเขาไม่ได้ คนคนนี้แข็งแกร่งจนน่ากลัว!” เจียงอั้นกล่าวด้วยแววตาที่เจือไปด้วยความโกรธแค้นและความไม่พอใจ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมพี่ทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ บุกเข้าไปคนเดียว มันอันตรายมากนะ…” เซี่ยอวี่เหอตำหนิ
“ศิษย์น้องเล็ก ฉันอยากช่วยเธอฆ่าเย่เทียนเฉิน เธอจะได้กลับสำนักไปกับฉัน ไม่งั้นถ้าท่านอาจารย์โกรธจริงๆ แม้แต่เธอก็ถูกทำโทษได้!” เจียงอั้นมองศิษย์น้องเล็กอย่างจริงจังพลางกล่าว
“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ พี่ไม่ควรเสี่ยงอันตรายแบบนี้ อันตรายเกินไปแล้ว เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่คาดเดาได้ยากเหมือนเมฆหมอก หากพี่เป็นอะไรขึ้นมา ฉันคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต!” เซี่ยอวี่เหอพูดอย่างกระวนกระวายใจ
“ศิษย์น้องเล็ก ตั้งแต่เล็กจนโตล้วนเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่ปกป้องเธอ มีเรื่องอะไรก็ช่วยออกหน้า ใครกล้ารังแกเธอ ฉันก็จะฆ่ามัน!” เจียงอั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ใช้พลังภายในฟื้นฟูสักหน่อยเถอะ ฉันจะคุ้มครองพี่เอง!” เซี่ยอวี่เหอเห็นว่าเจียงอั้นบาดเจ็บไม่น้อยจึงกล่าวขึ้น
“อืม!”
เจียงอั้นพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดอะไรมาก เมื่อครู่เขาสู้กับเย่เทียนเฉิน โดยเฉพาะกระบวนท่าสุดท้ายนั้นได้ออกแรงไปทั้งหมด ใช้พลังภายในที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เดิมทียังคิดว่าจะสามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ ไหนเลยจะรู้ว่าตอนที่หมัดทั้งสองของเขาปะทะเข้ากับหมัดของเย่เทียนเฉิน จะรู้สึกราวกับชกใส่ภูเขาสูงใหญ่ที่ไม่อาจเขยื้อน พละกำลังที่ซัดออกมาทำให้ในใจของเขาสั่นสะท้านจริงๆ
กระบวนท่าสุดท้าย เจียงอั้นลงมือเต็มที่ เย่เทียนเฉินเองก็ระเบิดพลังพิเศษขอบเขตจอมราชันออกมา มิฉะนั้นคงไม่สามารถปะทะจนเจียงอั้นถอยร่นออกไปได้ และยังเป็นไปได้ว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บหนัก ตอนนี้เย่เทียนเฉินรู้สึกได้ว่าสองหมัดของตัวเองปวดจนเกือบจะชา ส่วนเจียงอั้นที่ยืนอยู่ที่นั้นก็ไม่ได้เคลื่อนไหว แสดงท่าทางไม่เป็นอะไรออกมา ความจริงพลังอันมหาศาลทั้งสองสายปะทะกัน แรงปะทะนั้นได้ทำร้ายอวัยวะภายในของเขาแล้ว เพียงแต่ในสถานการณ์นั้นเขาฝืนทนอดกลั้นเอาไว้ มิฉะนั้นด้วยฝีมือของเย่เทียนเฉิน เมื่อเขาไม่สามารถต่อต้านได้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เจียงอั้นลืมตาขึ้น เซี่ยอวี่เหอคุ้มครองอยู่ข้างกายเขามาตลอดด้วยกลัวว่าจะถูกเย่เทียนเฉินตามมาโจมตี โชคดีที่เย่เทียนเฉินไม่ได้ตามมา เวลาหนึ่งชั่วโมงนี้ เจียงอั้นโคจรพลังภายในในร่างกายของตนเองเพื่อทำการรักษาอาการบาดเจ็บ ความจริงหลายคนคิดว่าการโคจรพลังเพื่อรักษาของผู้ฝึกวรยุทธเป็นสิ่งลึกลับ จริงแล้วไม่ได้เป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลเช่นนั้น คนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาของพรรควนยุทธ์โบราณทั้งหมด ขอเพียงเพ่งสัมผัสอย่างจริงจังก็จะรับรู้ได้ว่าในร่างกายมีพลังอบอุ่นสายหนึ่งหมุนวนอยู่ เมื่อใช้ความคิดชักนำความอบอุ่นนี้ไปยังจุดที่ได้รับบาดเจ็บและทำการฟื้นฟู ไม่นานเลือดก็จะหยุดไหล ตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บก็จะดีขึ้นมาก
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของศิษย์พี่ใหญ่ไม่ซีดขาวขนาดนั้นแล้ว มุมปากก็ไม่มีเลือดไหลออกมา เซี่ยอวี่เหอจึงวางใจลงไม่น้อย เธอกลัวจริงๆ ว่าเจียงอั้นจะมีอันตรายอะไรถึงชีวิตเพราะตนเอง เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้เธอคงไม่อาจสงบใจได้ อย่างไรเสียศิษย์พี่ใหญ่ก็รักและปกป้องเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต เหมือนพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง มิตรภาพระหว่างทั้งสองลึกล้ำมาก
“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” เซี่ยอวี่เหอถามอย่างใส่ใจ
“ไม่เป็นไรแล้ว ศิษย์น้องเล็ก เย่เทียนเฉินคนนี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนไม่กล้าคิด ฉันว่าพวกเราฆ่าเขาในเวลาสั้นๆ ไม่ได้แน่ กลับไปสำนักก่อนเถอะ!” เจียงอั้นพูดแล้วฝืนยิ้มออกมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ฉันไม่อยากกลับไปเร็วขนาดนี้ ฉันจะอยู่เล่นที่เมืองหลวงสักหน่อย” เซี่ยอวี่เหอมุ่ยปากน่ารักๆ พลางกล่าว
“ศาย์น้องเล็ก นี่เป็นคำสั่งของท่านอาจารย์ ถ้าเธอไม่กลับไป เกรงว่าจะถูกอาจารย์ตำหนิเอา” เจียงอั้นพูดอย่างร้อนรน
เซี่ยอวี่เหอชะงักไปครู่หนึ่ง เธอเองก็ทราบดีว่าแม้ท่านอาจารย์จะรักและตามใจเธอมาก แต่คำสั่งของอาจารย์ไม่อาจฝ่าฝืน นี่เป็นเรื่องจำเป็น มิฉะนั้นอาจารย์จะดูแลลูกศิษย์คนอื่นๆ ได้อย่างไร? แต่ครั้งนี้เธออยากจะอยู่เมืองหลวงอีกสักพักจริงๆ ไม่เพียงแต่เพราะอยากสั่งสอนเย่เทียนเฉิน แต่ยังเป็นเพราะการประลองสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณใกล้จะเริ่มแล้ว เท่าที่นางรู้ นอกจากนางก็มีตงฟางเมิ่งที่มาถึงเมืองหลวงแล้ว หลังจากที่อีกสองคนที่เหลือมาถึง พวกเธอก็จะกำหนดสถานที่ ประลองฝีมือกัน ไม่เพียงแต่เพื่อชิงตำแหน่งอันดับหนึ่ง ที่สำคัญคือเพื่อความรุ่งโรจน์ของสำนักตนเอง
“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่บอกท่านอาจารย์หน่อยว่า ผ่านการประลองครั้งนี้ไปแล้วฉันจะกลับไป ฉันจะต้องชนะให้ได้ เพื่อความรุ่งโรจน์ของสำนัก!” เซี่ยอวี่เหอมองศิษย์พี่ใหญ่อย่างจริงจัง
“ศิษย์น้องเล็ก ท่านอาจารย์เป็นห่วงว่าครั้งนี้เธอจะแพ้ถึงไม่ให้ไป ครั้งนี้พวกเธอบอกว่าไปประลอง ความจริงก็คือการเอาชีวิตกัน อันตรายมาก…”
………………………………