เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 132 ชายคนนี้ขี้งกเหรอ?
ครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินปลดประจำการกลับมา ก็ได้ช่วยซูเฟยเฟยเอาไว้ในซอยเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตอนนั้นเย่เทียนเฉินไม่ได้คิดจะทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามอะไรเลย เพียงแต่เพราะหัวหน้าของคนเหล่านั้นปัดเต้าหู้ในมือของตนจนพลิกคว่ำ จึงลงมือในสถานการณ์ที่โกรธเคืองเล็กน้อย พริบตาเดียวก็ก็อัดบอดี้การ์ดสิบกว่าคนอย่างเท่าเทียม ทำให้ซูเฟยเฟยตกใจจนอ้าปากค้างอย่างเซ็กซี่
หลังจากที่เย่เทียนเฉินอัดบอดี้การ์ดสิบกว่าคนจนคว่ำก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับซูเฟยเฟย หรือพยายามตีสนิทกับสาวงามอะไรแบบนั้น เขาทำเพียงถอนใจให้กับเต้าหู้ของตนที่ถูกปัดจนพลิกตกลงพื้นแล้วจากไป ทำให้ซูเฟยเฟยซึ่งเป็นสาวงามคนหนึ่งรู้สึกอับจนคำพูดเป็นอย่างมาก หรือว่าตนจะสู้เต้าหู้ถ้วยเดียวไม่ได้?
เรื่องนี้ติดอยู่ในใจของซูเฟยเฟยมาโดยตลอด ภายหลังเย่เทียนเฉินถูกจับตัวไปที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ซูเฟยเฟยต้องการตอบแทนไมตรีให้กับคนคนนี้จึงได้ขอร้องให้คุณปู่ออกหน้าให้ โทรไปหาเฉินเซิงเพื่อจัดการเรื่องให้เงียบ ไหนเลยจะรู้ว่าตนเองขับรถเฟอร์รารี่ไปรอเย่เทียนเฉินที่หน้าประตูกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ แต่เขากลับจำตนเองไม่ได้แล้ว? ผลสุดท้ายยังกินอาหารทะเลของตนเองไปหนึ่งมื้อแล้วสะบัดก้นจากไป
แต่ไหนแต่ไรซูเฟยเฟยก็ไม่เคยพบคนเช่นเย่เทียนเฉินมาก่อน ไม่เห็นตนเองที่เป็นสาวงามคนหนึ่งอยู่ในสายตาเลย นี่ทำให้ความภาคภูมิใจและความหยิ่งทะนงของเธอได้รับความเสียหายอยู่บ้าง ตั้งแต่เล็กจนโตไม่รู้ว่ามีผู้ชายกี่คนที่บ้าคลั่งเพื่อตน ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ได้พบตนเองแล้วจะหลีกเลี่ยงเหมือนกับเจอตัวเชื้อโรค มีเพียงเย่เทียนเฉินคนเดียวที่ไม่มีอีคิวเลยแม้แต่น้อย
หลังจากตรวจสอบแล้วซูเฟยเฟยจึงได้รู้ว่า เมื่อก่อนเย่เทียนเฉินถึงกับเป็นตัวตลกไปทั่วทั้งเมืองหลวง เป็นคุณชายเสเพลและคนไม่เอาไหนที่โด่งดัง ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนร้ายกาจขนาดนี้ได้ ช่างทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจจริงๆ ครั้งนี้เธอได้มาทำงานที่เครือไห่หวางโดยผ่านการจัดการมาระยะหนึ่ง เพื่อจะดูว่าเย่เทียนเฉินคนนี้พิเศษขนาดไหน
เวลาครึ่งชั่วโมงกว่า เย่เทียนเฉินก็มาถึงประตูของเครือไห่หวาง เมื่อลงรถก็ถูกกองกำลังตรงหน้าทำเอาตกใจ รอบๆ ตึกของเครือไห่หวางทั้งนอกทั้งในมีบอดี้การ์ดสวมสูทดำอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันคนล้อมเอาไว้ ดูยิ่งใหญ่อลังการเป็นอย่างมาก และทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากด้วย คิดว่าต่อให้มีคนระดับผู้นำประเทศปรากฏตัวก็คงไม่โอ้อวดถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าคนระดับผู้นำทั้งหลายของประเทศจีนล้วนไม่เลวเลย ไม่ชอบฟุ่มเฟือยสิ้นเปลือง เป็นคนเรียบง่ายอย่างมาก
“หยุดก่อนครับ คุณเป็นใคร? พนักงานข้างในเหรอ? งั้นก็เชิญคุณแสดงบัตรพนักงานด้วย ไม่งั้นไม่อนุญาตให้เข้าไป!”เย่เทียนเฉินเพิ่งจะเดินไปถึงประตูตึกของเครือไห่หวางก็ถูกบอดี้การ์ดสวมสูทดำคนหนึ่งหยุดเอาไว้
เย่เทียนเฉินรู้สึกอับจนคำพูดเป็นอย่างมาก ตนเองเป็นประธานคณะกรรมการของเครือไห่หวาง จะเข้าไปในตึกเครือไห่หวางยังต้องแสดงบัตรพนักงานอีกหรือ? ก็เหมือนกับคนๆ หนึ่งกลับบ้านตัวเองแล้วยังต้องแสดงบัตรประชาชนอย่างไรอย่างนั้น ใครจะไปรับได้กัน
“ฉันขอเตือนให้พวกนายรีบหลบทางให้ฉันซะ ช่วงนี้อารมณ์ของฉันไม่ดี อย่ามาทำลายอารมณ์ของฉัน!” เย่เทียนเฉินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พูดอย่างโมโหจนทนไม่ไหว
“ขอโทษด้วย เพื่อความปลอดภัยของคุณหนูของพวกเรา พวกเราจำเป็นต้องตรวจสอบทุกคนที่เข้ามาอย่างเข้มงวด หากคุณไม่แสดงบัตรพนักงานออกมา พวกเราก็ไม่สามารถปล่อยให้คุณเข้าไปได้!” บอดี้การ์ดสวมสูทดำอีกคนหนึ่งกล่าวอย่างเข้มงวด
“คุ้มครองความปลอดภัยของคุณหนูของพวกนายงั้นหรือ? คุณหนูของพวกนายเป็นใคร? คงจะไม่ใช่นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศYหรอกนะ?”เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไม่ว่าจะยังไง โปรดแสดงบัตรพนักงานของคุณด้วย ไม่งั้นพวกเราไม่สามารถปล่อยให้คุณเข้าไปได้”
“ฉัน ฉันคือเย่เทียนเฉินประธานคณะกรรมการของเครือไห่หวาง ที่นี่เป็นเขตของฉัน พวกนายก็จะไม่ปล่อยฉันเข้าไป?” เย่เทียนเฉินตะโกนเสียงดัง
“ไม่ได้ คุณหนูของพวกเราบอกว่า ต้องแสดงบัตรพนักงาน!”
พลั่ก!
เย่เฉินลงมือแล้ว ใช้เท้าถีบบอดี้การ์ดสวมสูทดำคนหนึ่งจนกระเด็นออกไป แล้วจึงก้าวยาวๆ ไปยังประตูของตึกเครือไห่หวาง
เขาหมดคำที่จะพูดแล้วและไม่จำเป็นต้องพูดกันอีก สู้ให้ตนเองลงมือไปเลยดีกว่า นิสัยของเย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ บอดี้การ์ดสวมสูทดำหลายคนนี้ถึงกับกล้าขวางตนเอง ดูจากสถานการณ์แล้วก็คงไม่ยอมให้ตนเองเข้าไปแน่ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงวิธีเดียว ซัดให้เละแล้วเข้าไปซะ
เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินลงมือแล้ว บอดี้การ์ดสวมสูทดำรอบๆ ทั้งหมดล้วนกรูกันเข้ามา พวกเขาต่างก็เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลซู ฝีมือย่อมไม่อ่อนแอแน่นอน ที่สำคัญก็คือที่นี่พวกเขามีกันเกือบหนึ่งพันคน ต่อให้ตำรวจมาก็ต้องตกใจจนฉี่ราด ไหนเลยจะคิดว่าจะมีคนกล้าลงมือจริงๆ ทันใดนั้นทั้งหมดพุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉิน เตรียมจะลงมืออัดเย่เทียนเฉินให้หมอบแล้วค่อยว่ากัน
ผัวะๆๆ …
ไม่นาน พวกเขาพบว่าตนเองคิดผิดไปแล้ว ชายวัยรุ่นคนที่บุกเข้ามานี้แข็งแกร่งมาก พวกเขาไม่ใช่คู่มือของเย่เทียนเฉินเลยโดยสิ้นเชิง บอดี้การ์ดที่กล้าลงมือกับเย่เทียนเฉินล้วนมีจุดจบเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือถูกอัดจนกระเด็นออกไปแล้วตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรง พริบตาเดียวก็ยืนไม่ขึ้นอีก
เย่เทียนเฉินในตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เมื่อครู่นี้ท่านปู่ใช้เหตุผลกับพวกคุณแต่พวกคุณก็ฟังไม่เข้าหู ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว ทำได้เพียงใช้หมัดอธิบายให้พวกคุณเท่านั้น
อัดเข้าไปตลอดทาง เมื่อเย่เทียนเฉินสาวเท้าเดินเข้าไปที่ประตูใหญ่ของเครือไห่หวาง บนพื้นก็มีบอดี้การ์ดสวมสูทดำสิบกว่าคนนอนโอดครวญอยู่ ทั้งหมดเป็นคนที่กล้าลงมือกับเย่เทียนเฉินและถูกอัดจนหน้าทิ่มดิน ทำให้บอดี้การ์ดคนอื่นๆ ตกใจ ไม่กล้าลงมือง่ายๆ อีก เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เทียนเฉินที่สาวเท้าเข้ามา พวกเขาทำได้เพียงถอยหลังไม่หยุดเท่านั้น
ตอนนี้ ซูเฟยเฟยที่ดื่มกาแฟอย่างว่างงานในออฟฟิศ ได้ยินแม่บ้านหญิงข้างกายของตนรายงาน มุมปากอันเซ็กซี่ก็อดไม่ได้ที่จะปรากฏรอยยิ้มออกมา พูดอย่างน่ารักและซุกซนว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนเฉินจะมาเร็วขนาดนี้!”
“คุณหนูคะ หากปล่อยให้เขาอัดคนเข้ามาแบบนี้ เกรงว่าบอดี้การ์ดตระกูลซูของพวกเราจะเกิดการสูญเสียอยู่บ้าง”
“งั้นก็ดี พวกเราไปเจอเย่เทียนเฉินสักหน่อยเถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนๆ นี้เกิดบ้าขึ้นมา!”
ซูเฟยเฟยยืนขึ้น สวมสูททำงานทั้งร่าง ดูแล้วไม่ได้บดบังความงามของเธอเลย กลับดูเป็นมืออาชีพอย่างมาก ให้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
เย่เทียนเฉินอัดคนเดินเข้าไปในห้องโถงของตึกเครือไห่หวาง ฉีย่ากวงรออยู่ที่นี่นานแล้ว เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินใช้วิธีนี้เข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง รีบวิ่งเข้าไปแล้วกล่าวยิ้มๆว่า “ประธานเย่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ตกลงนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เย่เทียนเฉินมองบอดี้การ์ดที่ยืนอัดแน่นกันอยู่รอบๆ รู้สึกได้ถึงปัญหาน่าปวดหัว
“ครับ เป็นพนักงานเล็กๆ คนหนึ่งของบริษัทพวกเรา บอดี้การ์ดเหล่านี้มาเพื่อคุ้มครองเธอ!” ฉีย่ากวงเปิดปากพูด
“โอ้อวดขนาดนี้ยังเป็นพนักงานเล็กๆ อีก ฉันอยากจะเห็นพนักงานเล็กๆ คนนี้จริงๆ ว่าจะเล็กขนาดไหน…” เย่เทียนเฉินเปิดปากพูดอย่างนึกสนุก
“นายสิเล็ก พูดจาร้ายๆ ลับหลังคุณหนูใหญ่อย่างฉันอีกแล้ว จะเกินไปหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูนี้ เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังทางเข้าตึกชั้นสอง เห็นซูเฟยเฟยกำลังมองตัวเองพลางมุ่ยปากน่ารักๆ ทำให้เย่ทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขายังคงมีความสงสัยอยู่บ้าง เหตุใดซูเฟยเฟยถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
“เป็นเธอ? เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เย่เทียนเฉินถามอย่างสงสัย
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของเย่เทียนเฉิน ซูเฟยเฟยก็มีความสุขมาก ประสบผลสำเร็จอย่างที่ตนคาดคิด เธอเดาว่าการปรากฏตัวของตนจะต้องทำให้เย่เทียนเฉินแปลกใจมาก ตอนนี้เองจึงยืนอย่างซุกซนแล้วพูดว่า “ทำไมฉันจะมาไม่ได้ล่ะ? ฉันมาทำงานให้เถ้าแก่ใหญ่เย่ไง”
เย่เทียนเฉินมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อันน่ารักของซูเฟยเฟย รวมกับคำพูดหยอกล้อตนเองของผู้หญิงคนนี้ ทันใดนั้นก็เข้าใจขึ้นมา ชัดเจนมากว่าสองครั้งก่อนหน้านี้ตนเองไม่สนใจซูเฟยเฟย ทำให้สาวงามคนนี้โกรธแค้นอยู่ในใจและจงใจมาแก้แค้นตนเองที่เครือไห่หวาง จิตใจของผู้หญิงคนนี้คับแคบขนาดนี้เลย? จิตใจที่อยากจะแก้แค้นแข็งแกร่งขนาดนี้เลย?
“เธอเหมือนมาทำงานหรือไง? เธอมาทำลายเครือไห่หวางมากกว่า?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่นายปรักปรำฉันแล้ว ฉันซื่อสัตย์ทุ่มเทให้กับบริษัทมาก หากไม่เชื่อนายก็ถามผู้จัดการฉีได้…” ซูเฟยเฟยพูดแล้วมองฉีย่ากวง
“ใช่ครับ ก่อนหน้านี้หลายวันเพิ่งจะชมเธอไปเอง!” ฉีย่ากวงพูดอย่างกระอักกระอ่วน
“งั้นเธอพาบอดี้การ์ดมากมายขนาดนี้มาทำอะไร? อย่าบอกว่าประธานาธิบดีโฮบาม่าต้องการลอบฆ่าเธอนะ” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจนใจ
“นี่ล้วนเป็นความจงรักภักดีที่พวกเขามีต่อฉัน ฉันเองก็จนปัญญา” ซูเฟยเฟยพูดพลางทำท่าทางจนใจ
จนปัญญากับผู้หญิงคนนี้จริงๆ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งทำตัวเหมือนอันธพาล เกรงว่าผู้ชายที่นิสัยอันธพาลยิ่งกว่านี้ก็คงซ่าไม่ออก ตอนนี้เย่เทียนเฉินเดินไปเบื้องหน้าของซูเฟยเฟย พูดเสียงเบาว่า “ให้บอดี้การ์ดของเธอถอนกำลังไปก่อน ทำให้การทำงานตามปกติของบริษัทฟื้นฟูคืนมา”
“ไม่ได้!” ซูเฟยเฟยพูดแล้วทำหน้าทะเล้นใส่เย่เทียนเฉิน
“หากเธอไม่ให้บอดี้การ์ดกลับไปตอนนี้ งั้นก็อย่ามาโทษที่ฉันไม่เกรงใจ ฉันจะอัดพวกเขาให้เรียงตัว ถึงตอนนั้นเธอกลับไปที่ตระกูลซูก็รายงานผลดีๆ ไม่ได้แล้ว!” เย่เทียนเฉินข่มขู่ซูเฟยเฟย
“ให้พวกเขาถอนกำลังออกไปได้ แต่นายต้องเลี้ยงข้าวฉัน!”
“เลี้ยงข้าวเธอ? ทำไม? ฉันไม่ได้ติดหนี้เลี้ยงข้าวเธอสักหน่อย”เย่เทียนเฉินพูดด้วยความขี้งก
“นาย…ให้นายเลี้ยงข้าวฉัน นายจะลำบากมากเลยเหรอ? ไม่เคยเจอผู้ชายที่ขี้งกขนาดนายมาก่อนเลย” ซูเฟยเฟยพูดด้วยความโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ
“ฉันจนมาก แต่ในฐานะที่ฉันกับเธอรู้จักกัน ก็เลี้ยงบะหมี่ต้มยำให้เธอได้หนึ่งถ้วย!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาด้วยท่าทางใจกว้าง
“นาย…ได้ คำไหนคำนั้น!” สุดท้ายซูเฟยเฟยก็ตอบรับ เธอรู้ว่าไม่สามารถบีบบังคับเย่เทียนเฉินมากเกินไปได้ บีบบังคับมากไปคนๆ นี้อาจจะอัดบอดี้การ์ดของตนจนหมอบ ถึงตอนนั้นก็ยุ่งยากมากแล้ว
ซูเฟยเฟยให้บอดี้การ์ดตระกูลซูของตนเองกลับไป ความจริงจุดประสงค์ที่เธอทำเช่นนี้มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือบังคับให้เย่เทียนเฉินปรากฏตัว ตอนนี้เย่เทียนเฉินได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว จุดประสงค์ของเธอสำเร็จแล้ว ดังนั้นจึงสามารถให้บอดี้การ์ดกลับไปได้ ส่วนเรื่องที่เย่เทียนเฉินจะเลี้ยงบะหมี่ต้มยำตัวเองนั้น คนคนนี้ก็หนีไม่ได้แน่ เธอไม่เชื่อว่าเขากล้าจะผิดคำพูดที่พูดต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
………………………………