เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 135 ฉันมาเพื่อฆ่าสุนัข!
เกรงว่าใครหลายคนจะคิดไม่ถึงหรือกระทั่งไม่กล้าคิด ต่อให้คิดก็ไม่กล้าเชื่อว่าจะเป็นจริง เย่เทียนเฉินเพิ่งจะก่อเรื่องที่ตระกูลฉิน ฆ่าฉินเหิง ทำให้ฉินอี้โมโหจนตาย ก่อเรื่องที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่คับฟ้า เป็นไปได้มากกว่าจะตายโดยไม่มีที่ฝัง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะทำอะไรอีกเลย กระทั่งหน้าก็ไม่ควรจะเสนอออกมาถึงจะถูก ใครจะไปคิดว่าคืนนี้ เย่เทียนเฉินจะถึงกับไปฆ่าคนอีกครั้ง
หลังจากคลื่นลูกหนึ่งก็จะมีคลื่นอีกลูกหนึ่งเกิดขึ้น ในเมื่อก่อเรื่องไปแล้วไม่สู้ก่อเรื่องให้มันยิ่งใหญ่คับฟ้าไปเลย กำจัดปัญหาเรื้อรังเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป ฆ่าหนึ่งคนเพื่อเตือนร้อยคน เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ทำอะไรอืดอาดยืดยาด หากเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วก็จะทำ วันนี้สามพ่อลูกตระกูลลั่วถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องรอความตาย
เย่เทียนเฉินเดินทอดน่องไปบนถนน มุมปากคาบบุหรี่เอาไว้มวนหนึ่ง สองมือล้วงอยู่ในกระเป๋า อยู่ในลักษณะท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา เขาชอบความรู้สึกแบบนี้มาก เดินตรงไปยังบ้านตระกูลลั่วทีละก้าวทีละก้าว
ในตอนนี้ ภายในห้องโถงของคฤหาสน์บ้านตระกูลลั่ว สามพ่อลูกตระกูลลั่วอันได้แก่ ลั่วซงเฉิง ลั่วกวงฮุยและลั่วฉี ไม่ได้ฉลองกันอย่างสนุกสนานอีกต่อไป เพราะวันนี้พวกเขาได้รับผลประโยชน์มาก ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะนำเรื่องที่เย่เทียนเฉินบุกเข้าไปฆ่าคนในตระกูลฉินและทำร้ายฉินอี้ ประกาศออกไปแก่สาธารณชนทั้งหมด
แน่นอนว่าสามพ่อลูกตระกูลลั่วบรรยายเย่เทียนเฉินจนเป็นอันธพาลคนหนึ่ง เป็นคนบ้าคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง ฆ่าคนโดยไม่สนใจถูกผิด อีกทั้งยังเรียกร้องให้ประชาชนเกลียดชังเย่เทียนเฉิน เพื่อให้ประเทศลงโทษเขาตามกฎหมาย พยายามให้สาธารณชนกดดันเย่เทียนเฉินทุกอย่าง
“พ่อ วันนี้ผมส่งคนออกไปแล้ว ประกาศออกไปทั่วทุกถนนหนทาง ทำให้ความโกรธแค้นของผู้คนระเบิดออกมาก่อน!” ลั่วกวงฮุยเอ่ยปากอย่างโหดเหี้ยม
“ผมเองก็ประกาศออกไปผ่านทางสื่อและอินเทอร์เน็ต ในอินเตอร์เน็ตมีคนด่าเย่เทียนเฉินเป็นจำนวนมากแล้ว นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้เบื้องบนลงโทษเขาอย่างแรงด้วย!”ลั่วฉีเองก็กล่างพลางหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม
“ดีมาก ตอนนี้พวกเราก็ต้องสร้างเรื่องต่อไป ฉันไม่เชื่อว่าหยางอี้จะคุ้มกันเย่เทียนเฉินที่ทำเรื่องไม่ดีมาโดยไม่สนใจคนรอบข้าง!” ลั่วซงเฉิงพูดเสียงเข้ม
“ฉันจะต้องทำให้เย่เทียนเฉินมันตายให้ได้ ต้องแก้แค้นเหลยเอ๋อร์และเทาเอ๋อร์!” ลั่วซงเฉิงพูดพลางกําหมัดแน่น
“พี่ พี่วางใจเถอะ พรุ่งนี้เย่เทียนเฉินจะต้องตายแน่ ต่อให้มีปีกก็บินหนีไปไม่ได้” ลั่วฉีพูดพลางมองไปยังลั่วกวงฮุย
“ทำให้เกิดความกดดันของสาธารณชนซะก่อน ตอนนั้นพวกเราค่อยติดต่อเฉินเซิง ให้เขาส่งคนไปจับกุมเย่เทียนเฉิน แล้วก็ให้ฆ่าเขาโดยตรง จากนั้นเราบอกว่าเย่เทียนเฉินถูกขังอยู่ ก็แก้ปัญหาทั้งหมดได้แล้ว!” ลั่วซงเฉิงพูดอย่างโหดเหี้ยม
“ดี!”
“ดี!”
สามพ่อลูกตระกูลลั่ว เริ่มชนแก้วเหล้ากัน รู้สึกยินดีมาก เพราะว่าพวกเขาหาวิธีทำลายเย่เทียนเฉินอย่างลับๆ ได้แล้ว คิดว่าทำแบบนี้จะสามารถกำจัดเข้าไปได้ จะไม่ให้กระตือรือร้นได้อย่างไร แต่ว่าพวกเขากลับไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินมาเยือนแล้ว คืนนี้พวกเขาสามพ่อลูกถูกกำหนดให้ตาย
ไม่ไกลจากบ้านตระกูลลั่ว เย่เทียนเฉินสูบบุหรี่ มุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้ม นั่งอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่ง มองไปยังคฤหาสน์ตระกูลลั่วที่ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ เขาได้กางพลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเขานานแล้ว สามารถสัมผัสได้ถึงสามพ่อลูกที่กำลังดื่มเหล้าพูดคุยกันอยู่ในคฤหาสน์ ดูท่าทางอารมณ์ของพวกเขาจะไม่เลวนะ
ฟู่!
บุหรี่ในมือขวาของเย่เทียนเฉินถูกดีดออกไป เขายืนขึ้นเตรียมจะทำการเคลื่อนไหว เขารู้ว่าบ้านตระกูลลั่วมีบอดี้การ์ดคุ้มกันอยู่ ทั้งหมดเป็นบอดี้การ์ดติดอาวุธ แต่ถ้าเขาต้องการจะฆ่าคนก็เกรงว่าใครก็หยุดเขาไม่ได้ โดยเฉพาะคนถ่อยอย่างสามพ่อลูกนี้ หากไม่ฆ่าก็ไม่สามารถทำให้ความโกรธของตนสงบลงได้
ไหนเลยจะรู้ว่า เย่เทียนเฉินเพิ่งจะยืนขึ้นเตรียมเดินไปยังบ้านตระกูลลั่ว เงาร่างสายหนึ่งพุ่งออกมาจากข้างๆ ความจริงแล้วเขารับรู้ได้ว่ามีคนล้อมตนเองอยู่นานแล้ว ทั้งยังมียอดฝีมืออยู่คนหนึ่งอีกด้วย เพียงแต่เย่เทียนเฉิน ไม่อาจสัมผัสได้ถึงไอสังหารบนร่างของยอดฝีมือคนนั้น
“เย่เทียนเฉิน นายจะทำอะไร?” เงาร่างที่พุ่งออกมาขวางหน้าเย่เทียนเฉินแล้วกล่าวถาม
“ชางหลาง เรื่องนี้นายไม่ต้องสนใจหรอก ฉันจัดการสามพ่อลูกตระกูลลั่วแล้วก็จะออกมา”เย่เเทียเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
“อะไรนะ? นายจะฆ่าสามพ่อลูกตระกูลลั่ว?”
ชางหลางไม่กล้าจะเชื่อหูตัวตนเองเลยจริงๆ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนเฉินจะมาเพื่อฆ่าสามพ่อลูกตระกูลลั่ว หยางอี้ส่งชางหลางติดตามเย่เทียนเฉินมา ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ไปก่อเรื่องอะไรอีก จนกระทั่งเย่เทียนเฉินเดินมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลลั่ว ชางหลางจึงรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง จึงปรากฏตัวออกมาหยุดเอาไว้ จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะถึงกับมีใจคิดจะฆ่า ต้องการกำจัดสามพ่อลูกตระกูลลั่ว เรื่องนี้ช่างทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านจริงๆ
“นาย นายรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่ จะทำอะไร?” ชางหลางเลยถามอย่างตกตะลึง
“รู้สิ ก็ไอ้สุนัขถ่อยสามตัวนั้นไง สุนัขแบบนี้จะไปฆ่ามันซะ เมื่อก่อนที่ฉันไม่อยากฆ่าก็เพราะรู้สึกว่าฆ่าไม่ลง ตอนนี้ดูแล้วไม่ฆ่าไม่ได้!”เย่เทียนเฉินยังคงเปิดปากพูดอย่างเย็นชา
“เย่เทียนเฉิน มีสติหน่อย แม้ว่าอำนาจอิทธิพลของลั่วจะยิ่งใหญ่สู้ตระกูลฉินไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจฆ่าได้ตามใจชอบ ตำแหน่งฐานะของลั่วซงเฉิงไม่ได้ต่ำต้อยเลย หากว่านายฆ่าเขา…นาย หากเป็นคนธรรมดานายก็จะถูกจับไปแล้ว อีกอย่าง…อีกอย่างนายเพิ่งจะก่อเรื่องใหญ่ที่ตระกูลฉินไป ยังไม่ทันสงบลง นายก็จะก่อเรื่องอีกแล้ว จะไปถึงจุดที่คนอื่นรับไม่ได้เอา นายจะพอใจเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ชางหลางก็แทบจะทรุด ไม่รู้จริงๆว่าจะพูดอะไรดี เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเย่เทียนเฉินจะถึงกับต้องการฆ่าสามพ่อลูกตระกูลลั่วในตอนนี้ ช่างทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงเลยจริงๆ
จินตนาการได้เลยว่า เย่เทียนเฉินนเพิ่งจะไปก่อเรื่องที่ตระกูลฉิน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความผิดใหญ่ที่อยากจะทำให้สงบลงได้ ตอนนี้เขาก็ต้องการฆ่าสามพ่อลูกตระกูลลั่วอีกแล้ว นี่ไม่ใช่ว่าหาเรื่องตายเหรอไง? จะกระโดดเข้ากองไฟด้วยตัวเองเลยหรือ? เกรงว่าในโลกนี้คนที่ทำเรื่องแบบนี้คงมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นแล้ว กระทั่งทำให้ชางหลางเกิดความสงสัยว่า เย่เทียนเฉินคนที่ถูกเรียกว่าเป็นตัวตลกของทั่วทั้งเมืองหลวงคนนั้น และคนงี่เง่าไม่เอาไหนของตระกูลเย่คนนั้น กลับมาอีกครั้งแล้วใช่หรือไม่?
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามหากไปก่อเรื่องที่ตระกูลฉิน หลังจากที่ทำความผิดคับฟ้านี้แล้ว หากว่ากันตามเหตุผล จะต้องหนีไปจากเมืองหลวง หลบซ่อน หรือไม่ก็หนีออกนอกประเทศ อย่างน้อยก็หายตัวไปสักพักไม่ใช่เหรอ?
มีเพียงเย่เทียนเฉินคนเดียว ไม่เพียงไม่อยู่เงียบๆ กลับยังก่อเรื่องต่อไปอีก ก่อเรื่องใหญ่ต่อไปอีก ชางหลางไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมบนโลกใบนี้ถึงมีคนอย่างเย่เทียนเฉินอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าจะบอกว่าเจ้าโง่นี่หาเรื่องตาย หรือบอกว่าใจกล้าเด็ดเดี่ยวดี
“นายพูดผิดแล้ว หากคนธรรมดา ฉันไม่สนใจหรอก ยังไงซะพวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ไม่ง่ายเลย แต่สามพ่อลูกนี้ หากคนแบบนี้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไป ไม่รู้ว่าจะทำลายคนธรรมดามากน้อยแค่ไหน นี่เป็นเหตุผลที่ฉันจะฆ่าพวกเขา แน่นอนว่า ฉันเองก็มีความคิดเล็กน้อยเป็นของตัวเอง สามพ่อลูกตระกูลลั่วก็เหมือนกับงูพิษ ตอนที่ตีมัน มันก็มุดรูหนี แต่ถ้าไม่ตี ก็ไม่แน่ว่าจะกัดนาย ยุ่งยากเหลือเกิน ดังนั้นถึงต้องฆ่าซะ!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้ามองไปชางหลางแล้วพูดขึ้น
“ไม่ได้ แล้วทำแบบนี้ไม่ได้ หากว่านายฆ่าสามพ่อลูกนี้อีกล่ะก็ จะเป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง!” ชางหลางกางแขนทั้งสองขวางเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“ช่วยไม่ได้ เรื่องที่ฉันตัดสินใจไปแล้วใครก็เปลี่ยนไม่ได้ หากนายไม่หลีกทางให้ พวกเราก็คงต้องสู้กันเท่านั้น หากหยุดฉัันไว้ได้ วันนี้ฉันก็จะไม่ฆ่าสามพ่อลูกนั่น…” เย่เทียนเฉินพูด มุมปากปรากฏรอยยิ้ม
สู้กับชางหลางเป็นสิ่งที่เขารอคอยมาตลอด เขาสามารถรู้สึกได้ว่าพลังต่อสู้ของตนเองในปัจจุบันนี้ หากต้องการชนะชางหลางนั้นไม่ง่ายเลย อย่างมากทั้งสองก็ทำได้เพียงสู้เสมอกันเท่านั้น คนคนนี้ไม่เสียทีที่เป็นหนึ่งในสามราชันนักรบแห่งประเทศจีน หากต้องการชนะเขาไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
“ได้ ฉันจะสู้กับนาย!”
ชางหลางมึงจะพูดจบ มือขวากำแน่น ซัดหมัดโจมตีไปยังเย่เทียนเฉินด้วยความเร็วอย่างหาที่เปรียบมิได้ มีพลังรุนแรงเป็นอย่างมาก สั่นสะเทือนไปถึงต้นหญ้าบริเวณขา
ตู้ม!
หมัดชางหลางต่อยถูกต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเย่เทียนเฉิน ทำให้ลำต้นของต้นไม้ใหญ่นั้นทะลุ แต่ที่เดิมที่เย่เทียนเฉินอยู่เหลือทิ้งไว้เพียงแค่เงา พุ่งเข้าไปยังบ้านตระกูลลั่วด้วยความเร็วสูง จากนั้นชางหลางได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน
“ไม่ต้องตามมา หากนายอยู่ที่บ้านตระกูลลั่ว แล้วฉันฆ่าสามพ่อลูกนั่น นายก็หนีความผิดไม่พ้น ฉันคิดว่านายคงไม่อยากทิ้งอนาคตของตัวเองเพราะฉันหรอกใช่ไหม?”
ชะงักไปครู่หนึ่ง ชางหลางคิดจะพุ่งเข้าไปหยุดเย่เทียนเฉิน หากว่าสามพ่อลูกตระกูลลั่วถูกฆ่าในตอนที่เรื่องของตระกูลฉินยังไม่สงบจริงๆ จะเป็นการโยนระเบิดลงไปอีกลูก จะต้องทำให้คนจำนวนมากรู้สึกหวาดผวาแน่นอน จะสะเทือนใจเกินไปแล้ว คงจะมีผลกระทบที่ไม่อาจจินตนาการได้
ในตอนที่ชางหลางเตรียมจะตามไปหยุดเย่เทียนเฉิน ทันใดนั้นเขาก็ต้องชะงักไปในทันที เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าบนต้นไม้ทางด้านขวามีคนอยู่คนหนึ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปพลางขมวดคิ้ว
“ทำไมเป็นนายไปได้?” ชางหลางถามอย่างสงสัย
“เย่เทียนเฉินพูดไว้ไม่ผิด หากนายตามไปล่ะก็ จะต้องถูกลากเข้าไปพัวพันแน่ ถึงตอนนั้นนายก็จะถูกไล่ออก ตำแหน่งหัวหน้ากององครักษ์ก็คงกลายเป็นของฉันแล้ว!” สายที่อยู่บนต้นไม้หัวเราะเสียงเย็น มองไปยังชางหลางเราพูดขึ้น
“กูตู๋อ๋าง งั้นนายปรากฏตัวออกมาที่นี่ทำไม?” ชางหลางถามเสียงเข้ม
“ก็ไม่ทำไม ฉันจะดูว่าเย่เทียนเฉินจะฆ่าสามพ่อลูกตระกูลลั่วยังไง อีกอย่างก็มาดูกระบวนท่าของไอ้หนูนี่ นายกลัวเขาแต่ว่าฉันไม่กลัว ครั้งที่แล้วเขากล้าปฏิเสธการจับกุม สร้างปัญหาให้กับฉัน ฉันจะต้องสั่งสอนไอ้หนูนี่!” กูตู๋อ๋างพูดยังไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“หึ งั้นเหรอ? ฉันขอเตือนนายว่าอย่าไปหาเรื่องเขาจะดีกว่า ความสามารถของเขาไม่เหมือนกับที่นายคิด เป็นไปได้ว่าจะถูกอัดจนจมูกหัก ถึงตอนนั้นนายขายหน้าก็คงดูไม่ดีเท่าไหร่!” ชางหลางแค่นเสียงเย็น พูดกับกูตู๋อ๋าง
กูตู๋อ๋างมองชางหลาง กำปั้นขวากำจนกดเสียงดัง พูดอย่างเย็นชาว่า
“สามปีแล้ว ระหว่างนายกับฉันควรจะหาผู้แพ้ผู้ชนะได้แล้วล่ะมั้ง?”
……