เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 150 อย่ามาทำเป็นเก่งต่อหน้าบิดา
“แก แกกล้ามาล่วงเกินคุณชายเซวียนเยวี๋ยนเถิง จะต้องตายอย่างอนาถแน่!” หลี่อี้ถูกเย่เทียนเฉินเตะจนโง่งม รู้สึกไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง ในมหาวิทยาลัยหลงเถิงแห่งนี้ถึงกับมีคนกล้าไม่เห็นเซวียนเยวี๋ยนเถิงอยู่ในสายตา ทั้งๆ ที่พูดชื่อของเซวียนเยวี๋ยนเถิงแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังกล้าลงมือ เย่เทียนเฉินคนนี้ช่างไม่กลัวฟ้ากลัวดินเลยจริงๆ
เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินเตะหลี่อี้จนกระเด็นออกไป นักศึกษาชายร่างกำยำข้างๆ ทั้งสองคนที่ฝึกฝนวิชาเทควันโดก็พุ่งเข้าไป หลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาต่างก็ตกใจจนอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป การทะเลาะตบตีกันของผู้ชาย เป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ผู้หญิงทำได้เพียงคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
พลั่ก!
ผู้ชายหนึ่งในนั้นที่เรียนวิชาเทควันโด คิดว่าหมัดของตนแข็งแกร่งมากจึงปล่อยหมัดออกไปยังศีรษะของเย่เทียนเฉิน เพียงแต่น่าเสียดาย สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือกำปั้นของอีกฝ่าย
เสียงกรอบดังขึ้น ตามติดมาด้วยเสียงร้องอย่างอนาถ นักศึกษาชายที่ปล่อยหมัดออกไปยังศีรษะของเย่เทียนเฉินถูดกำปั้นของอีกฝ่ายปะทะเข้ามา ทำให้แขนขวาทั้งแขนถูกกระแทกจนหัก เขาไหนเลยจะคิดว่าเย่เทียนเฉินที่ดูผอมแห้ง หมัดของเขาจะแข็งขนาดนี้ พริบตาเดียวก็ลงไปนอนกองกับพื้น ร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด
นักศึกษาชายอีกคนใช้เท้าเตะไปช่วงเอวของเย่เทียนเฉิน เพียงแต่ในตอนที่เท้าของเขาเพิ่งจะยกเตะลอยกลางอากาศก็ถูกเย่เทียนเฉินเตะจนปลิวเสียก่อน คนทั้งคนกระแทกเข้ากับต้นไม้ด้านข้างแล้วลงไปนอนโอดครวญอยู่ที่พื้น ยืนไม่ขึ้นอีก
ภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วมาก และกระทันหันมาก ผู้หญิงทั้งสองคนอย่างหลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยามองเย่เทียนเฉินราวกับมนุษย์ต่างดาวคนหนึ่ง พวกเธอต่างก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดนี้ ชายกำยำทั้งสองคนที่ฝึกวิชาเทควันโด ถึงกับไม่สามารถแตะต้องเขาได้แม้แต่ชายเสื้อ ต่อหน้าเย่เทียนเฉิน พวกเขาทําได้เพียงถูกอัดโดยสิ้นเชิง
หลี่อี้ยิ่งตกใจจนมีเหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมาบริเวณหน้าผาก เขาไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินที่อยู่ตรงหน้า สวมใส่ชุดธรรมดาแค่กางเกงชายหาดและรองเท้าแตะ ฝีมือจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ตัวเองเรียกคนทั้งสองซึ่งต่างก็เป็นยอดฝีมือในวิชาเทควันโดนี้มา ภายในมหาวิทยาลัยหลงเถิง พวกเขานับว่ามีฝีมือแข็งแกร่งมากแล้ว แต่ถึงกับถูกหมัดถูกเท้าของเย่เทียนเฉินอัดจนหมอบราวกับเด็กน้อย
“ไอ้คนเห่อของนอกอย่างพวกแกสองคน รู้ถึงความร้ายกาจของศิลปะป้องกันตัวของประเทศจีนแล้วหรือยัง? เทควันโดเอย คาราเต้เอย ต่างก็อ่อนแอทั้งนั้น กากมาก!”เย่เทียนเฉินชี้นิ้วไปทางนักศึกษาชายทั้งสองคนที่ฝึกวิชาเทควันโด แล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“แก แกเป็นใครกันแน่?” หลี่อี้คลานขึ้นมาจากพื้น มองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วเอ่ยถาม
“เรียกเซวียนเยวี๋ยนเถิงมาเถอะ แกก็เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งของเขา ไม่สมควรมารู้จักชื่อฉันหรอก!”
“หึ ไม่ได้เจอคนที่กล้าล่วงเกินคุณชายใหญ่เซวียนเยวี๋ยนเถิงนานแล้ว เพราะไอ้คนที่กล้าหาเรื่องเขาก่อนหน้านี้ต่างก็ตายกันไปหมดแล้ว แกจะเป็นรายต่อไป!” หลี่อี้แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
ผัวะ!
สิ่งที่ตอบกลับหลี่อี้ยังคงเป็นเท้าของเย่เทียนเฉินเท่านั้น สำหรับคนประเภทนี้ เย่เทียนเฉินไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ รู้สึกเพียงว่าสำหรับเขาแล้วการมาเรียนยังรับได้ยากยิ่งกว่านั่งอยู่ในคุกเสียอีก แต่ว่าหากไม่มาเรียน เกรงว่าพ่อแม่จะไม่เห็นด้วย รวมกับที่เขาได้ตอบรับผู้อาวุโสหยางอี้ไว้แล้ว บอกว่าจะมาอยู่ใกล้ๆ กับตงฟางเมิ่งอะไรนั่น คอยสังเกตการกระทำของเธอ ไม่ให้เธอก่อเรื่อง และไม่ให้เธอถูกคนอื่นทำร้าย ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องการทำอะไร
เมื่อพูดแล้วก็ต้องทำให้ได้ นี่เป็นหลักการของเย่เทียนเฉิน ในเมื่อตอบรับไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เย่เทียนเฉินที่ไม่ชอบเข้าเรียน รู้สึกอยากหาอะไรน่าสนุกทำที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงเพื่อฆ่าเวลา จึงคิดว่าน่าสนใจไม่เลวเลย
“อย่ามาทำเป็นเก่งต่อมาหน้าบิดา เก่งนักก็ให้เซียนเยวี๋ยนเถิงปรากฏตัวต่อหน้าฉันซะ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“แก…แกรอก่อน แกรอก่อนเถอะ…”
“หลี่อี้ นายไปบอกเซวียนเยวี๋ยนเถิงว่าให้เขาปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ!” หลิงอวี่สวิ๋นกังวลแทนเย่เทียนเฉิน จึงรีบออกมาพูด
“ฮ่าๆๆๆ หลิงอวี่สวิ๋น ถึงแม้ว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงจะชอบเธอมาก และตามจีบเธอมาตลอด แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้เธอทำอะไรไม่ได้หรอก ไอ้หมอนี่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!” หลี่อี้หัวเราะเสียงดังด้วยความโกรธแค้นแล้วพูดขึ้น
“นาย…” หลิงอวี่สวิ๋นโกรธจนพูดไม่ออก
“ไสหัวไป!”
เย่เทียนเฉินมองหลี่อี้อย่างเย็นยะเยือกแล้วตะโกนเสียงดัง หลี่อี้ตกใจจนตัวสั่น ปากก็พูดจาโหดเหี้ยมออกมาแล้ววิ่งไปกับนักศึกษาชายทั้งสองคนที่ฝึกวิชาเทควันโด
หลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยารู้สึกใจเต้นตึกตัก เพราะเมื่อครู่นี้เย่เทียนเฉินช่างหล่อจริงๆ เดิมทีรูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลามากอยู่แล้ว รวมกับที่ฝีมือที่แข็งแกร่งมาก คำพูดทรงอำนาจ สามารถใช้สองเท้าสามหมัดอัดพวกหลี่อี้ทั้งสามจนเผ่นแนบไปต่อหน้าสาวงามทั้งสองคน เท่สุดๆ ไปเลย ผู้หญิงคนไหนจะไม่ชอบบ้าง?
ผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งหล่อทั้งต่อยตีเก่ง ตอนที่แสดงอำนาจขึ้นมาก็ทำให้ผู้หญิงหลายคนหลงใหล หากว่าผู้ชายคนนี้มีความสามารถทางด้านเศรษฐกิจการเงินอีกสักนิดล่ะก็ คงจะทำให้คนนับหมื่นหลงเสน่ห์
เพียงแต่หลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเย่เทียนเฉินขึ้นมา ถึงอย่างไรคนที่เขาล่วงเกินก็คือเซวียนเยวี๋ยนเถิงหนึ่งในสามสุดยอดคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่หยิ่งยโสและบ้าอำนาจมากที่สุดในหมู่สามคุณชาย เป็นคนที่มีแค้นต้องชำระ เย่เทียนเฉินอัดน้องชายแท้ๆ ของเขา เรื่องนี้เซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่ยอมวางมือแน่
“นายบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว เซวียนเยวี๋ยนเถิงมีอำนาจในมหาวิทยาลัยหลงเถิงมาก แล้วชาติตระกูลก็ไม่ใช่เล็กๆ นายอัดน้องชายของเขา เขาไม่ยอมเลิกราแน่ นายหาเรื่องเขาต่อหน้าสาธารณะ เขาเป็นคนจิตใจคับแคบ จะต้องแก้แค้นแน่ ไม่งั้นให้ฉันไปหาเซวียนเยวี๋ยนเถิง จัดการให้เรื่องนี้เงียบเป็นไง?” หลิงอวี่สวิ๋นพูดอย่างกังวล
“ไม่ต้อง ก็แค่เซวียนเยวี๋ยนเถิงคนเดียวไม่ใช่หรอ? ถ้าเขากล้ามา ฉันก็จะเตะเขาไปสักสองที ให้เขาได้สติสักหน่อย!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหัวเราะฮี่ๆ
หลิงอวี่สวิ๋นเห็นท่าทางเอ้อระเหยของเย่เทียนเฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเล็กน้อย หยิกลงไปที่แขนของเขาอย่างแรง ในใจก็คิดว่าเจ้าหมอนี่ไม่รู้จักดีชั่วเลยจริงๆ คนอื่นเขาเป็นห่วงคุณ คุณก็ยังทำเป็นเท่ พูดจาใหญ่โต ทั่วทั้งเมืองหลวงเขารู้กันหมดว่าตระกูลเย่ตกต่ำลงแล้ว หากว่าจะเทียบชาติตระกูลกับเซวียนเยวี๋ยนเถิง คงห่างไกลกันมากจนไม่อาจพูดได้ ดังนั้นหลิงอวี่สวิ๋นจึงคิดจะใช้ความสัมพันธ์ของตระกูลหลิงของตนช่วยเหลือเย่เทียนเฉินทำให้เรื่องนี้สงบ ถึงอย่างไรในวัยเด็กทั้งสองตระกูลก็เคยมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความทรงจำในวัยเด็กยังประทับอยู่ในสมองของหลิงอวี่สวิ๋นอย่างลึกล้ำ
เคยมีผู้เชี่ยวชาญด้านความรักอันยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า เด็กชายเด็กหญิงที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เยาว์วัย ความทรงจำของทั้งสอง จะเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ที่สุดในส่วนลึกสองจิตใจเด็กผู้หญิง และไม่อาจสลัดออกไปได้ช่วยชีวิต เมื่อทั้งสองคนมีความรักต่อกันแม้เพียงนิด ไม่ว่าจะเกิดแก่เจ็บตาย ร่ำรวยยากจน เธอก็จะอยู่ข้างกายคุณ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ผู้หญิงทุกคนล้วนจินตนาการถึงความรักอันงดงามและบริสุทธิ์ นั่นเป็นความปรารถนาของพวกเธอ
“นายอย่าพูดจาใหญ่โตไปเลย ให้ฉันช่วยนายทำเรื่องนี้ให้สงบเถอะ!” หลิงอวี่สวิ๋นมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“ไม่ต้องจริงๆ ตอนเด็กฉันเป็นพี่ชายของเธอ คอยปกป้องเธอบ่อยๆ เธอยังไม่เชื่อความสามารถของฉันหรออีก? ไม่ต้องให้เธอช่วยฉันจริงๆ!” เย่เทียนเฉินพูดยิ้มๆ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปฏิเสธ หลิงอวี่สวิ๋นก็ทำอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกตกใจก็คือ ฝีมือของเย่เทียนเฉินถึงกับดีขนาดนี้เชียว กระทั่งสมาชิกของชมรมเทควันโดของมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่คู่มือของเขา ดูท่าหลายปีมานี้เจ้าหมอนี่จะฝึกฝนได้ไม่เลวเลย
“ขะ ขอโทษค่ะ เป็นฉันที่ไม่ดีเอง หะ ให้ฉันไปขอโทษเซียนเยวี๋ยนอวี่คนนั้นเถอะ เขาจะได้ไม่มาสร้างปัญหาอีก!” เสี้ยวหยามองเย่เทียนเฉินด้วยความรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
เย่เทียนเฉินมองเสี้ยวหยา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ ผู้หญิงคนนี้บริสุทธิ์และจิตใจดีขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของคนอื่น แต่เธอก็มักจะโทษตัวเอง ไม่ใช่ว่ากลัวอะไร แต่เป็นเพราะจิตใจอันดีงาม ไม่คิดจะให้เกี่ยวพันไปถึงคนอื่น
“คนแบบเซียนเยวี๋ยนอวี่สมควรจะต้องสั่งสอน เด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่งก็ยังกล้าหาญขนาดนี้ ภายภาคหน้าโตไปแล้วจะไม่ยิ่งกว่าเหรอ? หยาเอ๋อร์ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเธอ วางใจเถอะ ฉันจะแบกรับแทนเธอเอง!” เย่เทียนเฉินทำท่าทางที่สุภาพบุรุษออกมา พูดยิ้มๆ
หลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาถูกการกระทำนี้ของเขาทำให้หัวเราะ อารมณ์ก็ดีขึ้นไม่น้อย ทั้งสามคนเดินมุ่งหน้าไปยังนอกประตูมหาวิทยาลัยด้วยกัน เพียงแต่ดูเหมือนว่าเสี้ยวหยาจะรู้สึกผิด และมีท่าทางราวกับมีเรื่องในใจ จึงก้มหน้าพูดคุยน้อยมาก
“ฝีมือของนายแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หลายปีมานี้คงฝึกไปไม่น้อยเลยสินะ!” หลิงอวี่สวิ๋นมองรอยเย่เทียนเฉินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มหวาน
“ใช่แล้ว วันๆ พี่ชายก็ฝึกฝนกล้ามเนื้อ ก็เพื่อจะปกป้องเหล่าสาวงามอย่างพวกเธอ ฉันเป็นคนที่เกิดมาเพื่อปกป้องสาวงามงาน เป็นเทพพิทักษ์สาวงาม!” เย่เทียนเฉินทำท่าทางเกินจริง จงใจพูดจาขบขันออกมา เพื่อหยอกล้อเสี้ยวเหยาที่อยู่ข้างๆ ให้หัวเราะ
“นายนี่นะ ให้มันน้อยๆ หน่อย หลายปีมานี้ฉันไปเรียนที่ต่างประเทศ ตอนนี้กลับมาเรียนในประเทศแล้ว วันหลังคงไม่ไปแล้ว!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดยิ้มๆ
“หือ? เธอจะไม่ไปต่างประเทศแล้ว? ไม่ใช่ว่าวันหลังพี่ชายจะถูกเธอรังควานบ่อยๆ หรือไง? ชีวิตรันทด ชีวิตรันทด เศร้าจริง เศร้าจริง!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วทำท่าทางร้องไห้ไร้น้ำตาออกมา
หลิงอวี่สวิ๋นโกรธจนทนไม่ไหว ยู่ปากเล็กๆ อันเซ็กซี่ขึ้น หยิกไปที่แขนของอีกฝ่ายอย่างแรง มองเขายังไม่พอใจแล้วพูดว่า “มีสาวงามอย่างฉันคอยรังควาน คงจะแอบดีใจสินะ ยังจะกล้ามาทำเป็นเศร้าอีก วันหลังพวกเราก็อยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกันแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก ฮี่ๆ!”
เมื่อเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของหลิงอวี่สวิ๋น เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะทำเป็นกลัว แล้วพูดออกมาด้วยท่าทางหวาดกลัวว่า “ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนหมาป่า ส่วนชั้นเหมือนแกะล่ะ?”
“ก็ถูกแล้ว ฉันเป็นฮุยไท่หลาง นายก็เป็นสี่หยางหยาง ฮ่าๆ!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดพลางยิ้มหวาน
ตลอดทางเสี้ยวหยาไม่พูดอะไรเลย เย่เทียนเฉินมองเสี้ยวหยา ไม่รู้ว่าเธอมีเรื่องอะไรในใจ ผู้หญิงคนนี้บริสุทธิ์มาก โดยเฉพาะการแต่งตัวแบบนี้ ใบหน้าสุกใสที่ไร้ซึ่งฝุ่นแป้ง ดูแล้วงดงามอยู่หลายส่วน รวมกับชุดเดรสสีขาวและรองเท้าผ้าใบสีขาว ดูแล้วยิ่งทำให้เย่เทียนเฉินหัวใจเต้นรัว
“หยาเอ๋อร์ เจ้าหมอนี่แย่มาก เห็นได้ชัดว่าตัวเองเป็นฮุยไท่หลาง แต่แกล้งทำเป็นสี่หยางหยาง เลวจริง!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดพลางจูงมือเสี้ยวหยายิ้มๆ
เสี้ยวหยา มองเย่เทียนเฉินแล้วจึงยิ้มครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เย่เทียนเฉินมองออกว่าเธอมีเรื่องในใจ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถช่วยเหลือเธอได้หรือไม่!