เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 158 ตงฟางเมิ่งคนนี้
“ให้ตายสิ ก้นฉัน…ไอ้บ้า รนหาที่ตายซะแล้ว!” หลิงอวี่สวิ๋นลุกขึ้นจากบนพื้น เสี้ยวหยาพยุงเธอขึ้น มือขวาลูบอยู่บนแก้มก้นขวาของตนเอง ใบหน้าเล็กๆ แดงระเรือ ใช้สายตาที่ราวกับจะฆ่าคนจ้องมองไปยังเย่เทียนเฉิน
ส่วนเย่เทียนเฉิน หลังจากเสียงร้องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ ก็รีบหลบไปทันที เขารู้ว่าด้วยนิสัยของหลิงอวี่สวิ๋น พอตนเองทำเช่นนี้ เจ๊ใหญ่อย่างนั้นจะต้องระเบิดอารมณ์แน่ หากไม่ได้หยิกเขาสักหลายๆ ทีเธอก็จะไม่พอใจ จิตใจที่ต้องการแก้แค้นของผู้หญิง ปกติแล้วจะแข็งแกร่งมาก จะพูดไปแล้วก็คือความใจแคบ บนโลกนี้มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ใจแคบด้วยเหรอ?
“ไอ้บ้า นายอย่าหนีนะ…” หลิงอวี่สวิ๋นโกรธจนใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ มองเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยมพลางกล่าว
“ไม่ได้หรอก ผู้ชายดีๆ ไม่ทะเลาะกับผู้หญิง ถ้าฉันไม่วิ่งก็เจอกับหายนะสิ!” เย่เทียนเฉินยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้น
เดิมทีแล้วเย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่เอาจริงเอาจังอะไร จะเอาจริงเอาจังหรือไม่ก็ต้องดูเวลา ต้องแบ่งเวลา เคยกล่าวไปนานแล้วว่านิสัยของเขาเหมือนกับอันธพาลและก็เหมือนกับเทพแห่งความตาย สำหรับหลิงอวี่สวิ๋นที่เดิมทีเป็นเพื่อนเล่นวัยเด็กของเขา แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันนานหลายปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ไม่ได้ห่างเหินเลยแม้แต่นิดเดียว ได้เจอกับหลิงอวี่สวิ๋นเย่เทียนเฉิน ยินดีเป็นอย่างมาก
รวมกับเสี้ยวหยาอีกหนึ่งคน เสี้ยวหยาเหมือนกับผู้หญิงที่เขารักอย่างลึกซึ้งในช่วงยุคสิ้นโลกเป็นอย่างมาก ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะมีจิตใจอยากปกป้องเสี้ยวหยา นี่เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ เพราะเธอกังวลเรื่องอาการป่วยของแม่ของตน จึงทำให้ไม่มีความสุขมาโดยตลอด เย่เทียนเฉินเองก็อยากจะหยอกล้อเธอ ให้มีความสุข ดังนั้นเลยแกล้งหลิงอวี่สวิ๋น
หลิงอวี่สวิ๋นถูก้นอันเซ็กซี่ของตนเอง ช่วยไม่ได้ที่จะดึงดูดสายตาของผู้ชายข้างๆ มากมาย ถูกกระตุ้นกันจนน้ำลายไหลหมดแล้ว เดิมทีร่างกายของเธอก็สะบึมมาก ด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งและก้นที่ตกกระแทกพื้นจนต้องใช้มือลูบเบาๆ ความรู้สึกนั้น ทำให้คนแทบจะเลือดกำเดาไหล
ในหมู่ผู้ชายที่อยู่ในร้านทุกคน คนเดียวที่ไม่เลือดกำเดาไหลก็คือเย่เทียนเฉิน เขาค่อยๆ กลับไปนั่งที่เดิมของตน เตรียมตัวป้องกันการลอบโจมตีของหลิงอวี่สวิ๋น ช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ ขอเพียงตนเองหาเรื่องหลิงอวี่สวิ๋น เธอสามารถจะเว้นระยะไปครึ่งเดือน แล้วจึงแก้แค้นเขาในเรื่องนั้นได้ ทำให้เขาอับจนคำพูดมากจนแบจะทนไม่ไหว ดังนั้นหากบอกว่าหลิงอวี่สวิ๋นไม่ใช่ผู้หญิงชั้นเลิศคนหนึ่ง ก็จะดูไม่สอดคล้องเป็นอย่างมาก
แต่ว่าจนกระทั่งก๋วยเตี๋ยวทั้งสามชามถูกยกมาเสิร์ฟ หลิงอวี่สวิ๋นก็ทำเพียงใช้ดวงตาอันงดงามมองเย่เทียนเฉินเป็นระยะ แล้วไม่ได้ใช้วิธีการแก้แค้นจริงจังอะไรเลย หลิงอวี่สวิ๋นกำลังพูดคุยกับเสี้ยวหยาอย่างเบิกบานใจ เล่าเรื่องต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยให้เสี้ยวหยาฟัง และยังมีกฎเกณฑ์และสถานการณ์ต่างๆทอีกด้วย
เสี้ยวหยาฟังอย่างตั้งใจ สอบถามอยู่เป็นระยะ มีเพียงเย่เทียนเฉินที่ ยังคงป้องกันหลิงอวี่สวิ๋น เขาไม่เชื่อเลยจริงๆ ว่าเธอจะปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้
“อา…ไข่ต้มของฉัน อย่า…”
ในตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมจะกินไข่ต้มของตนเองนั้น ก็เกิดเรื่องแล้ว ไข่ต้มฟองใหญ่ภายในถ้วยของเขาถูกหลิงอวี่สวิ๋นแย่งชิงไปด้วยความเร็วและความกะทันหันจนตั้งตัวไม่ทัน ในตอนที่เย่เทียนเฉินมองไปก็ถูกหลิงอวี่สวิ๋นกัดไปคำใหญ่อย่างดุดัน ราวกับกำลังกัดลงบนร่างกายของเย่เทียนเฉิน ความรู้สึกเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“ฮี่ๆ ไอ้บ้า นายติดกับแล้ว!” หลิงอวี่สวิ๋นคีบไข่ต้มที่ตนเองกัดไปคำใหญ่ขึ้นมาแล้วพูดกับเย่เทียนเฉินอย่างลำพองใจ
“เธอ…โถ่…ทำให้ฉันร้องไห้จะตายอยู่แล้ว”
เย่เทียนเฉินใกล้จะบ้าอยู่แล้ว เดิมทีในช่วงยุคสิ้นโลก ปริมาณการกินของเขาก็เยอะมาก ได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ การกินก็เป็นความสุขที่ใหญ่ที่สุดของเขามาตลอด เดิมทีไข่ที่ถูกแบ่งเป็นสองซีกนี้ก็ไม่พออยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกหลิงอวี่สวิ๋นขโมยไปอีก เย่เทียนเฉินไม่รู้สึกอะไรสิแปลก
ส่วนหลิงอวี่สวิ๋นนั้นหัวเราะอย่างเบิกบานใจ หัวเราะจนตัวงอ สามารถแกล้งเย่เทียนเฉินได้ก็เป็นความสุขที่สุดของเธอแล้ว โดยเฉพาะท่าทางหดหู่ของอีกฝ่าย ยิ่งทำให้หลิงอวี่สวิ๋นรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
“เทียนเฉิน! กินของฉันเถอะ ของฉันยังไม่ได้กินเลย” เสี้ยวหยาคีบไข่ต้มในชามของตนเองไปใส่ใน ชามของเย่เทียนเฉินอย่างอ่อนโยน
ในตอนนี้เองทำเอาเย่เทียนเฉินรู้สึกไม่ดีอยู่บ้างจริงๆ ปรายตามองไปยังหลิงอวี่สวิ๋นแล้วพูดขึ้นว่า “ เธอดูสิว่าหยาเอ๋อร์ดีขนาดไหน ผู้หญิงถ้าไม่ทำแบบนี้ วันหน้าก็ระวังจะแต่งไม่ออก!”
“แต่งไม่ออกก็ไม่แต่งให้นายหรอก จะอยู่เป็นโสดอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่านายอีก!” หลิงอวี่สวิ๋น พูดด้วยรอยยิ้มลำพองใจ
เย่เทียนเฉินถูกหลิงอวี่สวิ๋นทำให้โมโหจนอับจนคำพูดจึงก้มหน้าลงมือกินก๋วยเตี๋ยว ส่วนไข่ต้มถ้าคีบไปคีบมาคงไม่ดี ที่สำคัญก็คือหลิงอวี่สวิ๋นนำไข่ต้มในจานของตนเอง คีบให้เสี้ยวหยา เธอแค่จะทำให้เย่เทียนเฉินโกรธสักหน่อย ไม่ได้อยากกินไข่ต้มเพิ่ม
ฉากนี้ทำให้เสี้ยวหยาหัวเราะ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างทุกคน ทั้งสามคนพบกันโดยบังเอิญก็เท่านั้น แต่กลับเข้ากันได้ดี ไม่มีความรู้สึกแบ่งแยกเลยแม้แต่น้อย หรือว่าชาติที่แล้วจะทำอะไรร่วมกันมา? ทำให้รู้สึกถึงโชคชะตาจริงๆ เป็นสิ่งที่พูดได้ไม่ชัดเจน
“หยาเอ๋อร์ ในมหาวิทยาลัยหลงเถิงของพวกเรามี สุดยอดสามคุณชาย แล้วยังมีดอกไม้ทั้งสี่ด้วย แต่ละคนสวยมากเลยทีเดียว” หลิงอวี่สวิ๋นพูดยิ้มๆ
“ในหมู่ดอกไม้ทั้งสี่จะต้องมีพี่อวี่สวิ๋นอยู่ด้วยแน่นอน พี่สวยขนาดนี้จะต้องได้รับเลือกให้เป็นดาวแน่เลยค่ะ!” เสี้ยวหยาพูดด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“ฮี่ๆ นี่หรือ ปีนี้ มีความหวังว่าจะะได้รับเลือก จริงๆ การโหวตในตอนนี้ก็ยังดีอยู่!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้มอย่างน่ารัก
พูดไม่ได้ว่าหลิงอวี่สวิ๋นต้องการได้รับฉายาดาวมหาวิทยาลัยเพราะมีจิตใจที่หลงไหลไปกับเกียรติอันจอมปลอม แต่เป็นเพราะหัวใจที่รักสวยรักงามล้วนมีอยู่ในตัวทุกคน โดยเฉพาะกับผู้หญิง คนไหนบ้างที่ไม่อยากให้คนอื่นชมว่าตัวเองสวย? ในทุกมหาวิทยาลัย ขอแค่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอยู่บ้าง ทุกๆ ปีก็จะมีการคัดเลือกดาวมหาวิทยาลัยอะไรนี่ โดยเฉพาะหลายปีมานี้ หลังจากที่มีคำว่าเน็ตไอดอลปรากฏออกมา ก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้น วิธีการในการคัดเลือกดาวและเดือนมหาวิทยาลัยแต่ละที่ไม่เหมือนกัน อาจไม่ใช่ความเห็นของทุกคน แต่อย่างน้อยก็มีคนแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ร่วมกัน โหวตคัดเลือก เช่นมหาวิทยาลัยหลงเถิง ในแต่ละปีจะทำการคัดเลือก ดอกไม้ทั้งสี่เป็นดาวมหาวิทยาลัย ดอกไม้ทั้งสี่นี้ไม่เพียงแต่ต้องหน้าตาสวยงาม แต่จะต้องมีครบทั้งด้านความงาม ความสามารถและคุณธรรมที่โดดเด่น วิธีการโหวตก็เรียบง่ายเป็นอย่างมาก คือสามารถโหวตได้ในในฟอรั่มของมหาวิทยาลัย จำกัดว่าหนึ่งไอพีสามารถโหวตเลือกได้หนึ่งครั้ง มีเวลาการโหวตหนึ่งเดือน คนที่ได้รับการโหวตสูงสุดทั้งหมดสี่คน ก็จะได้รับเลือกให้เป็นดอกไม้ทั้งสี่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง
เมื่อปีที่แล้วหลิงอวี่สวิ๋นเพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัย ยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้คน ปีนี้ได้ถูกเลือกจนติดสี่อันดับแรกของมหาวิทยาลัยแล้ว เพียงแต่การการโหวต ยังไม่จบก็เท่านั้น เพิ่งจะเริ่มไปครึ่งเดือนเท่านั้น นี่สามารถพิสูจน์ประโยคนึงได้ว่า ทองก็มักจะเป็นประกาย ผู้หญิงสวยหลบซ่อนไม่ได้
“จะต้องได้รับเลือกแน่นอน พี่สาวอวี่สวิ๋นสวยขนาดนี้ แถมยังนิสัยดี จิตใจก็งดงาม จะต้องไม่มีปัญหาแน่ค่ะ” เสี้ยวหยาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว แค่อารมณ์ร้ายไปหน่อย ทำให้ผู้ชายรับไม่ไหว!” เย่เทียนเฉินพูดประโยคนี้แทรกเข้ามา อย่างกะทันหัน!
“ไปตายซะ!” หลิงอวี่สวิ๋นมองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วกล่าวขึ้น
หลังจากตะโกนใส่เย่เทียนเฉินแล้วหลิงอวี่สวิ๋นก็หันไปยิ้มให้เสี้ยวหยาแล้วพูดว่า “ด้วยความสามารถของน้องหยาเอ๋อร์ ปีหน้าจะต้องได้เป็นดาวมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงอันดับหนึ่งแต่อย่างน้อยสามอันดับแรกก็ไม่มีปัญหา!”
“ที่ไหนกันคะ หนูไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยค่ะ!” เสี้ยวหยาพูดแล้วส่ายหน้า
“หากหยาเอ๋อร์ต้องการก็สามารถเอาที่หนึ่งมาได้ สามอันดับแรกจะมีความหมายอะไร ไม่มีประโยชน์ เย่เทียนเฉินพูดแล้วเบะปาก
หลิงอวี่สวิ๋นกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูด ขึ้นเล่นๆ ว่า “ไม่ใช่ว่าพี่อวี่สวิ๋นไม่เชื่อใจเธอ แต่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิง มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความสามารถมาก ได้เป็นเบอร์หนึ่งของดาวมหาวิทยาลัยติดต่อกันมาสามปีแล้ว ปีนี้ก็เป็นไปได้มากว่าจะเป็นเธอน่ะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอวี่สวิ๋น ไม่เพียงแต่เสี้ยวหยาที่ตกใจ กระทั่งเย่เทียนเฉินก็รู้สึกสั่นสะท้าน ได้รับเลือกเป็นดาวมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งติดต่อกันมาสามปี ช่างร้ายกาจมากจริงๆ มหาวิทยาลัยหลงเถิงเป็นมหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งในประเทศ มีสาวสวยหนุ่มหล่อจำนวนนับไม่ถ้วน
ถ้าจะพูดถึงสาวงาม ผู้หญิงที่อาศัยหน้าตาอย่างเดียวมาดึงดูดเย่เทียนเฉิน นับว่าหาไม่ได้แล้ว ในช่วงยุคสิ้นโลก ข้ากายเย่เทียนเฉินมีสาวงามมากมาย หลังจากที่ได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ ผู้หญิงที่พบคนไหนบ้างที่ไม่ใช่สาวงาม? หานเจี๋ย ฉีหรูเสวี่ย หลิ่วอวิ๋นเหมย ซูเฟยเฟย…แต่ละคนล้วนมีใบหน้าที่งดงามเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงไม่สามารถกระตุ้นความสนใจลึกๆภายในใจของเย่เทียนเฉินได้
แต่ไม่ว่าใครก็อยากจะเปิดหูเปิดตาดูสักหน่อยว่าผู้หญิงที่สามารถคลองตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งในประเทศมาสามปีซ้อน ตกลงจะสวยแค่ไหนกันแน่? จะสวยจนทำให้หยุดหายใจหรือเปล่า?
“สุดยอดขนาดนี้เลยเหรอคะ พี่สาวคนนั้นจะต้องสวยมากแน่ๆ!” เสี้ยวหยาพูดขึ้นยิ้มๆ
“สวยมากจริงๆ แต่ก็เย็นชามากด้วย ก็เลยได้รับฉายาว่าสาวงามภูเขาน้ำแข็ง หลายปีมานี้ ต่อให้สามสุดยอดคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงลงมือด้วยกัน ก็ยังไม่สามารถตามจีบเธอได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกผู้ชายที่ต่อแถวตามอยู่ข้างหลังหล่านั้นเลย ไม่มีใครสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นได้!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดถึงดาวมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งคนนี้ อดไม่ได้ที่จะถอนใจออกมาอย่างชื่นชม
“สาวงามภูเขาน้ำแข็ง? นั่นเป็นเพราะว่าพวกเธอไม่รู้จักเสน่ห์ของพี่ชาย ถ้าพี่ชายลงมือ สาวงามภูเขาน้ำแข็งอะไรนั่น หรือจะเป็นสาวงามใจเหล็ก ก็จะต้องละลาย แนบชิดอยู่ในอ้อมกอด!” เย่เทียนเฉินพูดพลางหัวเราะฮี่ๆ
เมื่อคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินพูดออกมา ก็ทำให้หลิงอวี่สวิ๋นกรอกตาใส่ครั้งใหญ่ มีเพียงเสี้ยวหยาที่ยิ้มน้อยๆ เธอรู้ว่าเย่เทียนเฉินล้อเล่นเท่านั้น
“พี่สาวคนนั้นชื่อว่าอะไรหรอคะ?” เสี้ยวหยาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ตงฟางเมิ่ง!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดอย่างจริงจัง
เอ๋? ตงฟางเมิ่ง? เย่เทียนเฉินได้ยินชื่อสามคำนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ทำไมชื่อนี้ถึงได้คุ้นหูขนาดนี้ ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาได้ นี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ท่านหยางอี้ให้เขาไปอยู่ใกล้หรือ?