เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 167 ข้อมูลลับสุดยอดของผู้มีพลังพิเศษ
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ชางหลางก็เกือบจะถูกทำให้โกรธจนคลั่ง คนคนนี้โทรมาหาเขาตอนตีสองก็เพราะต้องการที่จะดูข้อมูลของผู้มีพลังพิเศษทั้งหมดที่อยู่ในการดูแลของประเทศจีน แต่ข้อมูลเหล่านี้ได้กลายเป็นความลับสุดยอดระดับประเทศไปตั้งนานแล้ว ต่อให้เป็นเขาชางหลางก็ไม่สามารถนำมาได้ง่ายๆ นอกจากจะเป็นคนใหญ่คนโตเช่นหยางอี้อนุมัติด้วยตัวเอง และยังต้องรายงานไปยังกรมความปลอดภัยสาธารณะแห่งประเทศอีกด้วย ต้องผ่านการเห็นชอบหลายขั้นตอนถึงจะสามารถดูได้
แต่คำพูดของเย่เทียนเฉิน พูดเหมือนกับว่านี่เป็นที่สามารถทำได้ง่ายๆ อย่างไรอย่างนั้น ทำให้ชางหลางโกรธจนอับจนคำพูดเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าหมอนี่ยังกล้าข่มขู่ตัวเอง พูดถึงเรื่องของหยางอี้ ทำให้เขาโกรธจนทนไม่ไหว
“ภารกิจของนายก็คือดูแลตงฟางเมิ่ง ไม่เกี่ยวกับว่าจะดูหรือไม่ดูข้อมูลของผู้มีพลังพิเศษเหล่านี้เลย ใช้ประโยชน์จากรัฐเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ฉันไม่ทำ!” ชางหลางตะโกนออกมาอย่างทนไม่ไหวจริงๆ
“อย่าโกรธไปสิครับ อย่าโกรธเลย พี่ชางหลาง ผมก็แค่อยากรู้อยากเห็น อยากจะทำความเข้าใจสักหน่อย ยิ่งกว่านั้นผมคิดว่าตงฟางเมิ่งอาจจะเป็นผู้มีพลังพิเศษ แล้วดูเหมือนว่าจะมีอาจารย์ด้วย ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงอยากจะหาข้อมูลดูสักหน่อย นี่ไม่ใช่ว่าเพื่อจะทำภารกิจที่ท่านหยางอี้มอบหมายให้หรอกเหรอ? ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของรัฐเพื่อประโยชน์ของตัวเองอะไรนั่นเลยสักนิดเดียว ผมเย่เทียนเฉินไม่ใช่คนแบบนั้นโดยเด็ดขาด!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหัวเราะฮี่ๆ
“นาย…”
คำพูดของชางหลางยังไม่ทันพูดออกมาจากปาก ก็ถูกเย่เทียนเฉินขัด เย่เทียนเฉินยังคงพูดโน้มน้าวต่อไป
“พูดอีกอย่างก็คือ คุณลองคิดดูสิ ผู้มีพลังพิเศษ ยอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณ คนเหล่านี้หากว่าสามารถใช้ประโยชน์ให้ดีๆ ล่ะก็ อาจจะกลายเป็นกำลังสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของประเทศก็เป็นได้ หากว่าใช้การได้ไม่ดี ก็จะกลายเป็นวิกฤต พวกเขาเหล่านี้ได้เกินขอบเขตของบุคคลธรรมดาไปนานแล้ว หากว่าทำเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นมา เกรงว่ารัฐก็ยากที่จะขวางทางพวกเขา เพราะว่าทางรัฐไม่สามารถเคลื่อนย้ายทั้งกองทัพเพื่อกำจัดคนคนเดียวได้หรอกใช่ไหม? ผมต้องการข้อมูลทางด้านนี้ก็เพื่อทำให้ประเทศชาติสงบสุข และเพื่อทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไม่ใช่หรอครับ? แต่ว่า หากต้องการควบคุมข้อมูลมากเกินไป คุณไม่ให้ผมดูข้อมูลเมื่อก่อน ผมก็วิเคราะห์ไม่ได้นะครับ!”
“นาย…ไอ้หนู…”
“ถ้าหากว่าพรุ่งนี้ผมไม่ได้ดูข้อมูลแล้วก็ ผมก็จะไม่ไปมหาวิทยาลัย ยังไงซะผมก็จะทำภารกิจไม่สำเร็จ ไปก็เสียเที่ยวเปล่าๆ!”
ใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อน เย่เทียนเฉินไม่ให้โอกาสชางหลางได้พูดเลยแม้แต่น้อย ใช้ทั้งกำลังและผลประโยชน์ ทำทุกวิถีทาง ทำให้ชางหลางจนใจเป็นอย่างมาก ชะงักเงียบไปครึ่งวันถึงจะกัดฟันพูดออกมา “ได้ ไอ้หนูนายรอก่อน ฉันจะรายงานขึ้นไปหาท่านหยางอี้สักหน่อย!”
“ฮี่ๆ งั้นก็ขอบคุณพี่ชางหลางมากนะครับ ฝันดี บายบาย!”
“ฝันดีบ้านแกสิ นี่มันจะตีสามแล้ว!”
เย่เทียนเฉินตัดสายไป ไม่ว่าชางหลางที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายจะบ้าขนาดไหน จะโกรธจนพูดจาหยาบคายแค่ไหน เขาก็ยังดีใจเป็นอย่างมาก ด้วยความเข้าใจของเขาที่มีต่อชางหลาง พรุ่งนี้ตอนเที่ยง เขาก็คงได้ดูข้อมูลลับสุดยอดของผู้มีพลังพิเศษที่ประเทศจีนควบคุมอยู่ในมือทั้งหมด นี่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ว่าใครก็สามารถดูได้
ที่เย่เทียนเฉินต้องการดูข้อมูลของผู้มีพลังพิเศษเหล่านี้ ก็เพื่อหาผู้มีพลังพิเศษสายรักษาคนหนึ่ง อาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยา เย่เทียนเฉินยังคงเก็บไว้ในใจ หลังจากที่ใคร่ครวญแล้ว ในโลกแห่งนี้ก็ทำได้เพียงวิธีเดียว ถึงจะสามารถรักษาอาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาได้ นั่นก็คือตามหาผู้มีพลังพิเศษในสายรักษา แต่ต้องเป็นคนที่มีเคล็ดวิชารักษาที่ค่อนข้างสูงส่ง ถึงจะมีวิธีที่จะรักษาอาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาได้ ต่อให้ยาหรือเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศดีขนาดไหน ด้วยระดับในปัจจุบันนี้ก็ไม่สามารถรักษาเธอได้
เพียงแต่ว่า เย่เทียนเฉินนั้นเข้าใจเป็นอย่างมาก ในช่วงยุคสิ้นโลก ผู้มีพลังพิเศษในสายรักษาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ต่างก็เป็นสิ่งล้ำค่าและหายาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในโลกแห่งนี้เลย จะหาผู้มีพลังพิเศษแบบนี้ได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ขอบเขตพลังพิเศษของเย่เทียนเฉินได้ไปถึงระดับจอมราชันแล้ว หากต้องการจะทะลวงไปถึงระดับจักรพรรดิก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเช่นนั้น พลังพิเศษแห่งการรับรู้มีข้อจำกัด ต้องการค้นหาด้วยตัวของเขาเอง เกรงว่าจะเสียเวลาไปหนึ่งปีก็ยังหาไม่เจอ
แต่ตามการวิเคราะห์ของผู้อำนวยการหลิน แม่ของเสี้ยวหยาจะสามารถยืนหยัดได้มากที่สุดแค่ไม่กี่เดือน ดังนั้นการตามหาผู้มีพลังพิเศษในสายรักษาจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน
เสี้ยวหยา เป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาต้องการจะปกป้องตั้งแต่ที่ได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเสี้ยวหยามีเงาของผู้หญิงที่เขารักที่สุดในช่วงยุคสิ้นโลก หรือจะเป็นเพราะเสี้ยวหยาทำให้เขารู้สึกถึงความน่ารักบริสุทธิ์จนอดไม่ได้ที่จะดูถนอมปกป้องก็ตาม สรุปแล้ว เย่เทียนเฉินจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องเสี้ยวหยา ไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บ และไม่ให้เธอต้องปวดใจ
หลังจากที่วางโทรศัพท์ไปแล้ว เย่เทียนเฉินก็นอนลงบนเตียง แล้วค่อยๆ หลับไป ในคืนนี้ เขาฝันหลายอย่างมาก ส่วนใหญ่จะฝันถึงเรื่องราวในช่วงยุคสิ้นโลกของตนเอง ฝันถึงผู้หญิงที่ร่วมต่อสู้และรักและซื่อสัตย์ต่อกันในช่วงหยุดสิ้นโลก แต่น่าเสียดายที่เธอตายไปแล้ว ถูกทับตายอยู่ภายใต้ซากปรักหักพัง เย่เทียนเฉินไล่ฆ่ามานับหมื่นลี้ คำรามลั่นฟ้า เขาที่ไม่ได้มีน้ำตาไหลแม้แต่หยดเดียวมาตลอดหลายปี ได้ร้องไห้ในวันนั้นเอง…
คนที่กล่าวว่าลูกผู้ชายร้องไห้ไม่ได้ก็แค่ไม่เคยเจอกับความเสียใจเท่านั้น ผู้ชายทุกคนต่างก็มีสิทธิ์ที่จะเหนื่อยล้า พวกเขาไม่ใช่เหล็กที่ถูกตีจนเป็นเหล็กกล้า
เช้าวันต่อมา เย่เทียนเฉินถูกเสียงโทรศัพท์มือถือปลุกให้ตื่น เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เป็นชางหลางที่โทรเข้ามา เย่เทียนเฉินลุกขึ้นจากเตียงในทันที มุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดูแล้วเขาคงจะเดาไม่ผิด ให้ชางหลางทำเรื่องนี้ จะต้องสามารถนำข้อมูลลับสุดยอดของผู้มีพลังพิเศษมาได้อย่างแน่นอน
“ฮัลโหล พี่ชางหลาง อรุณสวัสดิ์ครับ กินข้าวหรือยัง? มีเรื่องอะไรถึงโทรหาผม?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยเสียงหัวเราะ
“ไอ้หนูเล่นลิ้นกับฉันให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันอยู่หน้าประตูบ้านนายแล้ว ลงมาซะ!” ชางหลางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ครับๆ จะลงไปเดี๋ยวนี้ จะลงไปเดี๋ยวนี้!”
เย่เทียนเฉินวางโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม พริบตาเดียวก็ลุกขึ้นจากเตียง ใส่เสื้อผ้า และไม่ทันได้อาบน้ำก็เปิดประตูห้องนอนออกไป หลัวเยี่ยนกำลังทำอาหารเช้าอยู่ ส่วนเย่เชี่ยนเหวิน ด้วยความที่ว่าใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจึงไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า เป้าหมายของเด็กคนนี้ก็คือจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลงเถิงให้ได้ ต้องการที่จะเรียนที่เดียวกับพี่ชาย จึงตั้งใจเรียนเป็นอย่างมาก
“เทียนเฉิน เช้าขนาดนี้จะไปไหน? กินข้าวก่อนค่อยว่ากันเถอะ!” หลัวเยี่ยนเห็นว่าลูกชายเปิดประตูคฤหาสน์เดินออกไปข้างนอก จึงเอ่ยปากถาม
“ผมออกไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมา มีธุระด่วนครับ!”
เมื่อเดินออกไปนอกคฤหาสน์ เย่เทียนเฉินก็เห็นชางหลางขับรถจี๊ปทหารคันหนึ่งมาจอดไว้บนถนนหน้าคฤหาสน์ของตนเอง มองมาด้วยสายตาไม่พอใจ เย่เทียนเฉินกลับเดินเข้าไปพลางหัวเราะฮี่ๆ เขารู้ว่าชางหลางจะต้องนำข้อมูลลับสุดยอดของผู้มีพลังพิเศษมาด้วยอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นเขาคงจะไม่ขับรถมาหาตนเองตั้งแต่เช้าขนาดนี้แน่ๆ
“พี่ชางหลาง อรุณสวัสดิ์ กินข้าวเช้าหรือยังครับ? ให้น้องชายเลี้ยงดีไหม?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามพลางมองชางหลางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ชางหลางมองเย่เทียนเฉินอย่างเหยียดหยาม คอยแต่หาเรื่องมาให้ตนทั้งวัน กวนทั้งเช้าเย็นจนเขาต้องรายงานหยางอี้ในตอนดึก บอกว่าเย่เทียนเฉินต้องการดูข้อมูลลับสุดยอดของผู้มีพลังพิเศษ หลังจากที่ผ่านการเจรจาต่อรองมาแล้ว หยางอี้ก็เห็นด้วย และโทรไปที่กรมความปลอดภัยสาธารณะ ชางหลางถึงได้ไปนำแฟ้มข้อมูลมาตั้งแต่เช้า คิดว่าเย่เทียนเฉินคนนี้ช่างใหญ่โตจริงๆ ทำเรื่องเหล่านี้ออกมาได้ แล้วยังเรียกตัวเองมาอีก ทำให้เขาคิดอยากจะอัดเจ้าหมอนี่สักสองทีจริงๆ
“ขึ้นรถมาสิ อย่ายืดเยื้อเวลาอีก เดี๋ยวฉันมีภารกิจจะต้องรีบกลับไป!” ชางหลางกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ เวลาของผมแพงมาก ไม่ได้ว่างไปกว่าคุณหรอก!” เย่เทียนเฉินพูดพลางเดินขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ ชางหลางมองเย่เทียนเฉินอย่างเหยียดหยามครั้งหนึ่ง สตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่งออกไป
บนรถ ชางหลางส่งซองหนังซองหนึ่งให้เย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินเปิดออกดูพบว่าด้านในเป็นข้อมูลของผู้มีพลังพิเศษที่ประเทศจีนควบคุมเอาไว้ในมือในหลายปีมานี้ เมื่อดูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง มีมากถึงร้อยกว่าคน เกรงว่ายังมีอีกมากที่ไม่ได้อยู่ในการดูแลของรัฐ ในโลกแห่งนี้มีคนที่แข็งแกร่งอยู่มากมายจริงๆ เพียงแต่มีน้อยคนที่จะรู้จักพวกเขาก็เท่านั้น
“ใส่ซองมาแบบนี้ไม่ปลอดภัยเลยนะครับ ทำไมถึงไม่เก็บใส่คอม ข้อมูลลับแบบนี้มีมาตรการการป้องกันให้มากสักหน่อยน่าจะดี ดูแล้วคนของกรมความปลอดภัยสาธารณะจะไม่เป็นงานเลย ควรจะสั่งสอนซะหน่อย!” เย่เทียนเฉินรับซองหนังมา พูดด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน
“ไอ้หนูอย่างนายไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูด ตอนนี้มีแฮกเกอร์อยู่ทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะแฮกเกอร์ของประเทศ M ที่เก่งมาก มาตรการป้องกันอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ต่างก็ถูกเจาะทำลายไปทั้งหมด ดังนั้นพวกเราจึงใช้วิธีดังเดิมแบบนี้ป้องกันข้อมูลสำคัญต่างๆ ยิ่งสำคัญก็ยิ่งมีทหารคุ้มครองอยู่ถึงจะสามารถทำให้ไม่มีข้อผิดพลาดได้!” ทหารพูดขึ้นแล้วมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยท่าทางจนใจ
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้…”
เย่เทียนเฉินพูดแล้วเปิดซองหนังออก เมื่อเห็นหนังกระดาษนี้ก็รู้ว่าข้อมูลข้างในจะต้องสะสมมาหลายปีแล้ว ข้อมูลเหล่านี้ดูเหมือนจะเก็บสะสมมานานไม่ต่ำกว่าห้าสิบปี ดูแล้วประเทศจีนจะเริ่มมีการควบคุมข้อมูลเหล่านี้มานานแล้ว
“นายดูให้มันเร็วๆ หน่อย ดูเสร็จแล้วฉันจะรีบนำกลับไป มีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น!” ชางหลางพูดพลางมองเย่เทียนเฉิน
“ไม่จริงน่ะ ครึ่งชั่วโมง? ในนี้มีข้อมูลอยู่ร้อยกว่าคนเลยนะ ผมจะดูเสร็จเร็วขนาดนั้นได้ยังไง?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเสียงดัง
“ไอ้หนูนายรู้ไหมว่า นี่เป็นข้อมูลที่พวกเราเก็บรวบรวมมาอย่างยากลำบาก นายจะดูหรือไม่ดู ถ้าไม่ดูฉันก็จะเก็บกลับไป นายก็ลงรถไปเถอะ!” ชางหลางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ผมดู ผมดู…ขับช้าหน่อย!”
เย่เทียนเฉินนั่งอยู่บนรถจี๊บทหารของชางหลาง เปิดซองหนังที่ฝุ่นเกาะมาหลายปี ด้านในเป็นข้อมูลของผู้มีพลังพิเศษที่ประเทศจีนรวบรวมมาในช่วงห้าสิบมาปีนี้ เป็นความลับและมีค่าเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่คำสั่งของหยางอี้ เกรงว่าเย่เทียนเฉินก็ไม่มีทางดูได้
เปิดซองหนังออก เย่เทียนเฉินพบว่ามีหลายคนที่มีเพียงแค่ชื่อและการแนะนำอย่างคร่าวๆ ไม่มีแม้กระทั่งรูปภาพ เขารีบหาข้อมูลที่เกี่ยวกับการแนะนำพลังพิเศษ ต้องการจะหาแฟ้มที่มีคำว่า “ผู้มีพลังพิเศษสายรักษา” แบบนั้นแม่ของเสี้ยวหยาก็จะนับว่าช่วยได้แล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่พลิกไปหลายสิบหน้าก็ยังหาไม่เจอ นี่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจขึ้นมา